จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,419



เลเวลของเผ่าอสูรที่คอยตรวจจับเกตและซุ่มโจมตีนั้นไม่ต่ำกว่า 460


ในสายตาผู้เล่น เลเวลเท่านี้อาจเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง แต่ในความเป็นจริง เผ่าอสูรดังกล่าวมิได้ถูกจัดให้เป็น ‘มอนสเตอร์พิเศษ’ แต่อย่างใด


กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในถิ่นอาศัยของพวกมัน เลเวล 460 ไม่ใช่ระดับที่สูง อาจเรียกได้ว่าค่อนข้างต่ำ


อสูรผิวแดง แกลนท์ คาดเดาว่าเผ่าอสูรเหล่านี้อาศัยอยู่ในดินแดนที่อาบไปด้วยแสงจันทร์ขุมนรก


นรกขุมสิบสี่ อสูรและเผ่าอสูรที่นั่นจะมีสติปัญญาสูงและเชี่ยวชาญเวทมนตร์


“…?”


ดวงตาของยูร่าพลันเบิกกว้างหลังจากเดินผ่านเกต


สิ่งที่ต้อนรับเธอมิใช่การซุ่มโจมตีจากเผ่าอสูรหรือเพลิงโลกันตร์ หากแต่เป็นกริดและผู้ส่งสาร


“นายมารอถูกที่ได้ยังไง?”


ปัจจุบัน ทักษะมิติขุมนรกของยูร่าอยู่ที่เลเวลสอง การกำหนดพิกัดยังทำได้ไม่เสถียร แม้แต่เธอเองก็ไม่ทราบว่าจะมาโผล่ในจุดใด


เนเฟลิน่ากล่าวกับยูร่าที่กำลังทึ่ง


“ข้าคือมหามังกร สิ่งที่เผ่าอสูรทำได้ สำหรับข้านั้นง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ”


บราฮัมพ่นลมหายใจเหยียดหยัน


“ต้องขอบคุณข้าต่างหาก”


“จริงอยู่ที่เวทมนตร์ของเจ้าช่วยให้พวกเรามาถึงที่นี่ได้เร็ว แต่ถ้าปราศจากการตรวจจับคลื่นมานาของข้า เวทมนตร์เคลื่อนย้ายมิติของเจ้าก็คงไร้ประโยชน์”


“ข้าเองก็ตรวจจับได้เหมือนกัน! ช้ากว่าเจ้าแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น… เป็นเพราะข้าไม่ได้อยู่ในร่างที่สมบูรณ์”


“ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดเจ้าถึงพยายามทำตัวเป็นคู่แข่ง? ในสายตาของมหามังกร เจ้าเป็นแค่สิ่งมีชีวิตอ่อนแอ”


“เจ้าไม่มีสิทธิ์เรียกตัวเองว่ามังกรทั้งที่ยังอยู่ในร่างแฮชลิ่ง… ด้วยร่างที่สมบูรณ์ที่สุด ข้าสามารถต่อสู้กับมังกรเพลิงและเอาชีวิตรอดมาได้ เจ้ายังกล้าเรียกข้าว่าสิ่งมีชีวิตอ่อนแออีกหรือ?”


“อะไรนะ? นั่นเป็นไปไม่ได้แน่ กล้าโป้ปดต่อหน้าข้าผู้นี้ เจ้าอยากตายรึไง?”


“เอาน่า พวกนายทำได้ดีมากทั้งคู่”


กริดยิ้มกระอักกระอ่วนเพื่อสงบสถานการณ์


ความทระนงตนของผู้ส่งสารนั้นมีสูงลิบ คงไม่มีใครยอมใครหากกริดไม่เข้ามาเป็นคนกลาง


สองชั่วโมงที่ผ่านมา กริดต้องเจอกับอะไรบ้าง?


ยูร่ารู้สึกเห็นใจกริดที่กำลังเผยสีหน้าอ่อนเพลีย


“ก่อนเกตจะเปิด คลื่นมานาในบริเวณดังกล่าวจะเกิดความผันผวน ถึงแม้จะเพียงเล็กน้อย แต่เนเฟลิน่าก็ตรวจพบความผิดปรกติได้ก่อนใคร ส่วนบราฮัมก็ใช้เวทเทเลพอร์ตส่งทุกคนมาที่นี่ก่อนศัตรู”


“แบบนี้นี่เอง”


เธอเคยวิตกเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด นั่นก็คือ ผู้ส่งสารที่แยกกันเข้ามาล้วนถูกโจมตีจนตกที่นั่งลำบาก


อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นตรงกันข้าม ทุกคนปลอดภัยดี


ยูร่าถอนหายใจโล่งอกพลางมองกลับไปทางซาลิเอลที่กำลังข้ามเกตออกมา


สายตาของกริดและผู้ส่งสารที่เหลือต่างก็มองไปยังทิศทางเดียวกัน


ปราณอสูรในนรกกำลังกัดกร่อนซาลิเอล ปลายปีกสีขาวเริ่มกลายเป็นสีดำ


เห็นภาพดังกล่าว ยูร่ากลืนน้ำลายพร้อมกับเตรียมใช้ ‘สยบขุมนรก’


ในการเดินทางครั้งนี้ ยูร่ามีบทบาทสำคัญมากที่จะช่วยมิให้ซาลิเอลอาละวาดในนรก


เนื่องจากถูกเนรเทศออกจากสวรรค์ แถมยังไม่เป็นที่ต้อนรับจากนรก หนึ่งในน้อยวิธีที่จะช่วยซาลิเอลได้คือสยบขุมนรกของยูร่า


“ข้าไม่เป็นอะไร”


ซาลิเอลยิ้ม มือจับหน้าอกพลางหายใจหอบ


“บททดสอบจากเทพ… ข้าจะเอาชนะมันให้ได้”


บททดสอบ คำคำนี้อธิบายได้ชัดเจนที่สุด


กริดมิได้ลงมาเพื่อเล่นสนุก


นรกคือสถานที่เดียวที่สามารถพัฒนาเหล่าผู้ส่งสารซึ่งมีเลเวลเฉลี่ย 550 ได้อย่างก้าวกระโดด


นอกจากนั้น นรกยังเต็มไปด้วยจอมอสูรที่ครอบครองสมบัติล้ำค่า การล่าพวกมันจะมอบกำไรมหาศาล


เฉกเช่นเมอร์เซเดสที่แข็งแกร่งขึ้นด้วยการเขียนปณิธานอัศวิน ยูร่าเองก็แข็งแกร่งขึ้นจากการชำระล้างขุมนรก


แผนการบุกกวาดล้างขุมนรกในคราวนี้มีเพื่อยกระดับฝีมือของขุมกำลังหลักแห่งอาณาจักร


กริดไม่ต้องการทิ้งซาลิเอลไว้ตามลำพัง ไม่ต้องการปล่อยให้อีกฝ่ายทำให้เพียงยืนมองพวกพ้องแข็งแกร่งขึ้น


ซาลิเอลคือหนึ่งในตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักร กริดต้องยกระดับเทวทูตตนนี้จนถึงขีดสุดเฉกเช่นผู้ส่งสารคนอื่น


ชายหนุ่มหวังว่าซาลิเอลจะเอาชนะขีดจำกัดของตัวเองและพัฒนาไปพร้อมกับทุกคน


กริดไม่อยากให้พรสวรรค์อันมีค่าต้องถูกปล่อยทิ้งอย่างสูญเปล่า


“ทำไมนายถึงทำหน้าแบบนั้น?”


“เปล่า… แค่นึกถึงอดีตนิดหน่อย”


กริดรู้สึกเจ็บแปลบลึกๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่บราฮัมคืนชีพในสภาพอ่อนแอลง


“ขอย้ำอีกครั้ง ถ้าไม่ไหวให้บอกทันที ยูร่าพร้อมช่วยเหลือนายเสมอ”


สยบขุมนรกคือหนึ่งในท่าไม้ตายของนักล่าอสูร สามารถสลายอิทธิพลของนรกโดยสมบูรณ์


กล่าวอีกนัยหนึ่ง ทักษะนี้สามารถยับยั้งมิให้ซาลิเอลอาละวาด


“ข้ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีนักล่าอสูรผู้ทำให้เหล่าอสูรในนรกต่างหวาดกลัวคอยดูแลเคียงข้าง… ความห่วงใยจากพระองค์ช่างอบอุ่นและอ่อนโยน”


แม้จะกำลังเจ็บปวด แต่ซาลิเอลก็ยิ้มออก


กริดรู้สึกภูมิใจกับคำชมเชยจากซาลิเอล


ส่วนยูร่ากำลังหน้าแดงด้วยความละอายใจ


นักล่าอสูรที่เหล่าอสูรต่างหวาดกลัว นั่นคือสมญานามของอเล็กซ์ มิใช่เธอ


ยูร่าทราบดีว่าตนยังบกพร่องในหลายเรื่อง ยังไม่มีคุณสมบัติพอจะได้รับคำชมจากซาลิเอล


“…ซาลิเอล”


“พระองค์เชิญรับสั่ง”


“เปลี่ยนเป็นผู้หญิง”


กริดเข้าใจผิดคิดว่ายูร่ากำลังหน้าแดงเพราะรูปลักษณ์ของซาลิเอล


ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น แม้จะอยู่ในร่างชาย แต่ซาลิเอลกลับมีใบหน้างดงามไม่ต่างจากสตรี ใครก็ตามที่สบตาเป็นต้องหลงใหลโดยไม่สนใจเพศสภาพ


“น้อมรับบัญชา”


ซาลิเอลแปลงโฉมโดยไม่ไถ่ถามถึงเหตุผล


สำหรับเทวทูต ร่างกายเป็นเพียงเครื่องประดับ การสลับไปมาไม่ใช่เรื่องยาก


“เยี่ยมเลย”


กริดเผยสีหน้าโล่งใจเมื่อเห็นเค้าโครงร่างกายของซาลิเอลเล็กลง รวมถึงส่วนโค้งเว้าที่เพิ่มขึ้น


แน่นอน มันไม่เห็นใบหน้าไม่สบอารมณ์ของเมอร์เซเดสกับยูร่า


“สุดยอด…!”


เป็นเสียงของปิอาโร่


ชาวนาในตำนานกำลังชื่นชมบางสิ่ง และนั่นดึงดูดความสนใจของกริด


“เป็นยังไงบ้าง? เหมือนที่ฉันบอกไหม?”


“ขอรับฝ่าบาท… เท่าที่เห็น มนุษย์ยังพอมีหนทางอาศัยในนรก และดูเหมือนว่าที่นี่จะถูกดูแลรักษาเป็นอย่างดี”


“เผ่าอสูรไม่จำเป็นต้องทำแค่ล่าสัตว์กับเก็บเกี่ยวของป่า”


ภายในนรกเองก็มีเมือง


เผ่าอสูรที่มีสติปัญญาสูงได้สร้างสังคมและชุมชนขึ้นในเขตเป็นกลาง กริดเคยไปเยือนที่นั่นมาแล้ว


ถึงจะค่อนข้างหายาก แต่ก็พอจะมีอาหารที่ทำจากธัญพืชให้เห็น


ปิอาโร่เสนอแนะ


“กระหม่อมคิดว่าที่นี่เหมาะแก่การปลูกพืชมีพิษ ยิ่งมีพิษมากเท่าไรก็ยิ่งดี เพราะนั่นจะเหมาะแก่การทำยา”


กริดเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย


“พวกสมุนไพรที่ใช้ปรุงเป็นยาก็ด้วย?”


“ถูกต้องฝ่าบาท มีสมุนไพรพิษหลายชนิดสามารถนำไปปรุงเป็นยา… หากเรานำมาปลูกที่นี่ ประสิทธิภาพจะมากกว่าการปลูกบนโลกมนุษย์ราวยี่สิบเท่า”


“ยี่สิบเท่า…!”


หัวใจกริดเริ่มเต้นแรง


แต่ไหนแต่ไร ข้อเสียอันดับหนึ่งของโพชั่นที่ผลิตจากเรย์ดันคือการมีต้นทุนสูง


แม้จะมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม แต่การต้องแบกรับต้นทุนทำให้โพชั่นถูกแจกจ่ายเฉพาะบุคคลสำคัญ


กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าสิ่งที่ปิอาโร่พูดเป็นความจริง กำลังการผลิตโพชั่นอาจเพิ่มขึ้นในอนาคต


ปิอาโร่ตื่นเต้นอย่างมากกับสภาพแวดล้อมแปลกใหม่


ยิ่งเมื่อเห็นกริดเผยความยินดีไม่ต่างจากตน ปิอาโร่รีบนำคราดเล็กออกมาถือพลางกล่าว


“ถ้าอย่างนั้น กระหม่อมขอลงมือไถนาที่นี่ทันที!”


“โอ้ส!”


“…พวกเจ้าเพี้ยนไปแล้วหรือ?”


***


บทสรุปก็คือ ปิอาโร่มิได้ลงมือไถหน้าดิน


เหตุผลที่มาเยือนนรกในคราวนี้ก็เพื่อกวาดล้าง มิใช่ทำนา


กริดที่ถูกบรรยากาศพาไป ได้เนเฟลิน่าช่วยปลุกให้ตื่นจากภวังค์ความโลภและหน้าเงิน


“ปิอาโร่ ภารกิจหลักต้องมาก่อน”


“ขอรับ ตัวข้า ปิอาโร่ผู้เปรียบดังดาบ โล่ และชาวนาของฝ่าบาท ชีวิตนี้ขออุทิศให้แก่ฝ่าบาทเพียงผู้เดียว”


ปิอาโร่เองก็เริ่มสงบสติ


คนทั้งสองเดินนำขบวนไปด้วยความเคอะเขิน จนกระทั่งมาถึงนรกขุมที่ยี่สิบแปด


มอนสเตอร์ที่นี่มีเลเวลช่วงสามร้อยตอนปลายถึงสี่ร้อยตอนต้น แม้จะมีจำนวนหลายพัน แต่ก็มิอาจต่อกรจากสองบุคคลทรงพลังแห่งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์


เผ่าอสูรและอสูรพิเศษปรากฏตัวระหว่างทางเป็นครั้งคราว พวกมันค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่มากไปกว่ากริดและปิอาโร่


ยูร่าและผู้ส่งสารคนอื่นที่เดินตามหลังแทบไม่ต้องออกแรง เพียงไม่นานก็มาถึงปราสาทของจอมอสูรลำดับยี่สิบแปด


“นักล่าอสูร เจ้าเสียสติถึงขนาดกล้ามาเหยียบถึงถิ่นข้าเชียวรึ? ยอดเยี่ยมมาก! ความบ้าบิ่นของเจ้าจะทำให้ข้าสามารถแสดงฝีมือให้โลกได้ประจักษ์! ข้าจะตัดเศียรของเจ้าเสียบประจานที่รั้วปราสาท คึฮ่าฮ่าฮ่า!”


นรกขุมที่สามสิบและยี่สิบเก้าได้ถูกกริดและยูร่าชำระล้างไปแล้ว


“เอาล่ะ! มาดวลกันนักล่าอสูร… แอ๊พ! เจ้าเป็นใคร? คู่ต่อสู้ของข้าคือนักล่าอสูร! นี่พวกเจ้า! แอ่ก! แอ๊พ! อ๊าก!”


จอมอสูรลำดับยี่สิบแปด แข็งแกร่งกว่าจอมอสูรลำดับยี่สิบสอง เฟย์ริส ที่ปรากฏกายบนโลกมนุษย์เล็กน้อย


ความแตกต่างมาจากสภาพแวดล้อมระหว่างโลกและนรก


จอมอสูรลำดับยี่สิบแปดอาจมีพลังทางกายภาพและเวทมนตร์สูงกว่าเฟย์ริสบนโลก แต่ระดับของทักษะยังด้อยกว่ามาก


กริดและเหล่าผู้สงสารจัดการมันได้ไม่ยากเย็น แต่เนื่องจากเลเวลของผู้ส่งสารค่อนข้างสูง ค่าประสบการณ์ที่ได้รับจึงต่ำมาก


อย่างไรก็ตาม ไอเท็มดรอปถือว่าไม่เลว สองสิ่งที่โดดเด่นคือดาบคู่และเสื้อคลุมเกรดเลเจนดารี


‘ระดับต่ำเกินกว่าจะให้ใครในนี้ใช้งาน’


ประสิทธิภาพต่ำต้อยยิ่งกว่าไม้เท้าบีเลียลเสียอีก


อย่างไรก็ตาม บีเลียลน่าจะเป็นจอมอสูรที่พิเศษกว่าจอมอสูรปลายแถวทั่วไป


ต้องไม่ลืมว่า อีกฝ่ายคือตัวตนที่ระบบอนุญาตให้รุกรานโลกมนุษย์ได้ก่อนใคร


‘สมญานามของบีเลียลก็ไม่เลว… ถึงจะมีอันดับต่ำและเลเวลน้อย แต่บีเลียลคือจอมอสูรที่พิเศษอย่างไร้ข้อกังขา ไอเท็มจึงมีประสิทธิภาพสูงกว่าจอมอสูรทั่วไป… อย่างไรก็ดี คงต้องนำไอเท็มเหล่านี้แจกจ่ายให้สมาชิกในกิลด์’


หากเป็นสมัยอดีต กริดจะเปิดประมูลเพื่อให้ได้ราคาที่สมน้ำสมเนื้อ


แต่ปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว ชายหนุ่มมองว่าการเสริมเขี้ยวเล็บให้สมาชิกกิลด์ เทียบเท่าการเสริมเขี้ยวเล็บให้ตัวเอง จึงยินดียกไอเท็มให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย


ผลลัพธ์ออกมาดีเกินคาด สมาชิกโอเวอร์เกียร์ต่างมองกริดเป็นพ่อพระแสนประเสริฐ และยิ่งกระตือรือร้นจะตอบแทนกริดอย่างลับๆ ให้มากกว่าสิ่งที่ตนได้รับ


‘เงินจะหาตอนไหนก็ได้’


แน่นอน นั่นคือในกรณีที่โรงแปรธาตุสูบเงินน้อยลง


เรื่องที่น่าเสียดายก็คือ อักขระแห่งความตะกละของกริดมิได้ดูดซับพลังใดเพิ่มเติม


อักขระของกริดจะมีโอกาสดูดซับพลังหลังจากสังหารเผ่าอสูรพิเศษ สัตว์อสูรพิเศษ อสูรพิเศษ เทวทูต ครึ่งเทพ และเทพ


หากปราศจากพลังของอักขระ กริดคงพัฒนาตัวเองมาถึงจุดนี้ไม่ได้


ไม่ใช่เพียงกริด แต่ผู้เล่นแนวหน้าทุกคนล้วนมีอักขระในครอบครอง


‘ในอดีต อักขระของเราจะดูดซับพลังหลังจากสังหารจอมอสูรทุกครั้ง…’


แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแบบนั้นอีกแล้ว


ดูเหมือนว่า ยิ่งดูดซับพลังมากเข้า โอกาสสุ่มดูดซับก็จะยิ่งลดลง


และในปัจจุบัน โอกาสเข้าขั้นเลวร้าย


‘เราแข็งแกร่งเกินไปจน SA กรุปต้องปรับโอกาสสุ่ม?’


ไม่น่าจะใช่… พวก SA กรุปคงไม่โง่พอจะกลั่นแกล้งในเรื่องที่โจ่งแจ้งขนาดนี้…


‘พวกมันคงพยายามกลั่นแกล้งให้แนบเนียนที่สุด ยกตัวอย่างเช่น เพราะโอกาสดรอปของดีเมื่อฆ่ามอนสเตอร์อ่อนแอ และลดโอกาสดรอปของดีเมื่อฆ่าบอสพิเศษ’


แต่ความเป็นจริงนั้นตรงกันข้าม กริดได้รับของดีจากการฆ่าบอสมากกว่าฆ่ามอนสเตอร์อ่อนแอเสียอีก


‘ระบบน่าจะถูกออกแบบในแนวทางนี้อยู่แล้ว… ยิ่งดูดซับพลังเข้าไปมาก ครั้งถัดๆ ไปก็ยิ่งสุ่มติดได้ยากขึ้น… นอกจากนั้น พลังของจอมอสูรยังมีหลายประเภท มีโอกาสที่ของใหม่จะขัดแย้งกับของเก่า ระบบจึงมองข้ามการดูดซับ’


ขณะชายหนุ่มตรวจสอบหน้าต่างระบบอักขระ เสียงของยูร่าดังจากด้านข้าง


“น่าเสียดายที่เราพาเซฮีมาด้วยไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคงให้เธอทำลายดวงวิญญาณของจอมอสูร เพื่อข่มขู่อสูรทั่วไปให้หวาดกลัวและไม่กล้าลงมืออุกอาจ”


การชำระล้างขุมนรกของนักล่าอสูรมิได้ครอบจักรวาล


จริงอยู่ นรกที่เธอชำระล้างจะกลายเป็น ‘เขตเป็นกลาง’ และไม่สามารถมีจอมอสูรตนใหม่ได้สักพัก แต่นั่นก็ไม่ถาวร


เพราะถ้าถาวรจริง ป่านนี้นรกกว่าครึ่งคงปราศจากจอมอสูรด้วยฝีมือของอเล็กซ์


การชำระล้างขุมนรกจะมอบเพียงโอกาส – โอกาสสำหรับอสูรที่ต้องการความสงบสุข


เพียงสร้างเทวรูปยาธานขึ้นในเขตที่ถูกชำระล้าง สถานที่ดังกล่าวจะกลายเป็นเขตเป็นกลาง สิ่งนี้ต้องรีบทำให้เสร็จภายในระยะเวลาที่นรกยังอยู่ในสถานะถูกชำระล้าง ไม่อย่างนั้นเหล่าอสูรจะกลับมารุกรานอีกครั้ง


การสร้างเขตเป็นกลางไม่ใช่เรื่องง่าย


เมื่อเผ่าอสูรตนใดพยายามสร้างเทวรูปยาธาน พวกมันจะถูกอสูรดุร้ายไล่ล่า


หากต้องการสร้างเขตเป็นกลาง ยูร่าต้องคอยเฝ้าปกป้องบริเวณดังกล่าวเป็นระยะเวลาหนึ่ง


นั่นคือเหตุผลที่ต้องปรารถนาพลังของนักบุญหญิง


หากนักบุญหญิงรูบี้ทำลายดวงวิญญาณของจอมอสูรจนสิ้นซากและยับยั้งการคืนชีพ บรรดาอสูรดุร้ายที่เห็นภาพดังกล่าวจะพากันหวาดกลัวและเอาแต่ซ่อนตัว ไม่กล้าออกมาอาละวาดในเขตที่ถูกชำระล้าง


อย่างไรก็ตาม กริดไม่อนุญาตให้รูบี้เข้าร่วมการเดินทางครั้งนี้


นรกคือสถานที่ซึ่งอันตรายเสียจนแม้แต่กริดยังไม่กล้าให้เหล่า ‘สิบวีรชนฯ’ ร่วมทางมาด้วย


กล่าวอีกนัยหนึ่ง รูบี้ที่มีเลเวลต่ำคงไม่ได้แสดงฝีมือมากนัก รังแต่จะเป็นตัวถ่วงของเหล่าผู้ส่งสาร และนั่นจะทำให้ชีวิตของผู้ส่งสารตกอยู่ในอันตราย


นับเฉพาะในซาทิสฟาย ชีวิตของผู้ส่งสารมีค่ามากกว่ารูบี้นับร้อยเท่า


“พวกเราจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบหากมัวคอยปกป้องเซฮี ถ้าจะให้เธอเข้าร่วม ต้องมีเลเวลมากกว่านี้อีกสักหกสิบระดับ”


การขับรถบัสนั้นมีขีดจำกัด ถ้าแม้แต่คนขับยังตึงมือ เกรงว่านั่นไม่ใช่สถานที่ที่จะให้ใครขึ้นมานั่งด้วย


คณะเดินทางที่ประกอบด้วยกริด ผู้ส่งสาร และยูร่า จึงถือว่าคล่องตัวและมีประสิทธิภาพสูงที่สุดแล้ว


“นอกจากนั้น การไม่ทำลายดวงวิญญาณของมันก็ยังมีข้อดี พวกเราจะได้ฆ่ามันอีกเรื่อยๆ และรับรางวัลอย่างต่อเนื่อง”


สถานการณ์แตกต่างจากสมัยที่มีเพียงกริดและยูร่า


ปัจจุบัน พวกมันมาพร้อมผู้ส่งสารที่แข็งแกร่ง


“นั่นก็จริง…”


กริดถามกลับด้วยความสงสัย


“ว่าแต่… นักล่าอสูรจะได้รับรางวัลชำระล้างขุมนรกแค่ครั้งแรกครั้งเดียว?”


“ถูกต้อง”


“น่าเสียดายแฮะ”


นักล่าอสูรจะได้รับทักษะใหม่หรือค่าสถานะเพิ่มเติมทุกครั้งที่ชำระล้างขุมนรก


แม้จะเป็นรางวัลที่จำกัดเพียงหนึ่งครั้งต่อหนึ่งขุม แต่ก็ฟังดูไร้ยางอายเกินไปสักนิดถ้าจะบ่นว่าเสียดาย


ต้องไม่ลืมว่า นรกมีทั้งสิ้นสามสิบสามขุม หมายถึงการได้รับรางวัลที่มากถึงสามสิบสามครั้ง


อย่างไรก็ตาม ยิ่งเป็นขุมลึกลงไป ระดับความยากในการชำระล้างก็ยิ่งเพิ่ม หมายความว่า พัฒนาการของนักล่าอสูรจะค่อยๆ ลดลงยิ่งเข้าใกล้ขีดจำกัดของตัวเอง


แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า นักล่าอสูรคือคลาสชั้นหนึ่ง


‘หลังจากชำระล้างนรกขุมที่ยี่สิบห้าถึงยี่สิบสาม ยูร่าคงแข็งแกร่งยิ่งกว่าเรา’


แน่นอน ความแข็งแกร่งในที่นี้จำกัดแค่ในนรก แต่ถึงอย่างนั้นกริดก็คาดหวัง


มันเองก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ย่อมต้องอยากนั่งรถบัสมากกว่าเป็นคนขับ แน่นอนว่ามันยังคง จำกัด อยู่แค่ในนรก แต่มันก็เป็นสิ่งที่รอคอย กริดก็เป็นคนเช่นกัน เขาอยากเป็นผู้โดยสารมากกว่าคนขับรถบัส


ดังเช่นในตอนนี้


“คราวนี้ข้าจัดการเอง”


“ไม่มีที่ให้เจ้าแสดงฝีมือหรอกนะ”


เมื่อถึงนรกขุมที่ยี่สิบเจ็ด ถึงคราวบราฮัมและเนเฟลิน่าออกโรง


แม้ค่าสถานะจะลดลงจากสภาพแวดล้อมนรก แต่ชาที่ยูร่าบังคับให้ดื่มช่วยลดทอนผลข้างเคียงลงหลายส่วน


การผนึกกำลังระหว่างคนทั้งสองแข็งแกร่งยิ่งกว่ากริดและปิอาโร่เสียอีก เพียงไม่นานก็พาทุกคนมาถึงประสาทของนรกขุมยี่สิบเจ็ด


‘สบายฉิบ… ชีวิตดีอะไรแบบนี้’


ขณะกริดนั่งอ่านข้อความแจ้งค่าประสบการณ์เพิ่มอย่างสบายใจ ขณะผู้ส่งสารคนอื่นต่อกรกับจอมอสูร ซาลิเอลคอยกำจัดอสูรและสัตว์อสูรรอบๆ ที่เข้ามาป้วนเปี้ยน


เนื่องด้วยคำสาป ค่าสถานะของซาลิเอลจึงเพิ่มขึ้นมากในนรก และนั่นเพียงพอที่จะทำให้บรรดาอสูรเกิดความหวาดกลัว


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,916
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00