จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,418



การซุ่มโจมตีของเผ่าอสูรรับมือได้ไม่ง่าย


กริดสูญเสียพลังชีวิตกว่าสามหมื่นหน่วยทั้งที่เตรียมตัวรับมือล่วงหน้า


เปลวไฟอันร้อนแรงของเพลิงโลกันตร์ที่แสบร้อน รวมถึงปราณอสูรที่ค่อยๆ สะกดแก่นแท้ของชีวิต ช่วยทำให้กริดตระหนักอย่างชัดเจนว่าเหตุใดที่นี่จึงถูกเรียกว่านรก


‘ถ้าหัตถ์เทวะและชุดเกราะของเราไม่ได้ถูกสร้างจะละโมบ พวกมันคงถูกเผาจนเกรียม… แล้วนี่หมายความว่ายังไง?’


มันมิได้ตาฝาด


เนเฟลิน่า ‘สูด’ มหาเวทโลกันตร์ที่ร้อนแรงเข้าไปในปอด ประหนึ่งนักปีนเขาสูดอากาศบนยอดดอยจนชุ่มปอด


ชายหนุ่มนึกเสียดายที่ตนไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าต่างค่าสถานะของเนเฟลิน่า


“เผ่าอสูรบ้านนอกอ่อนแอกว่าที่ข้าคิดไว้มาก”


เนเฟลิน่าเขี่ยศพเผ่าอสูรด้วยกิ่งไม้ที่หยิบมาจากไหนก็ไม่ทราบ


ศพของบรรดาเผ่าอสูรที่ถูกเนเฟลิน่าพ่นด้วยเพลิงโลกันตร์ที่สูดเข้าไป ล้วนมีสภาพน่าสมเพชจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม บ้างไหม้เกรียมกระจัดกระจาย บ้างสลายกลายเป็นเถ้าถ่านโดยสมบูรณ์


ท่ามกลางเสาลำแสงสีเทาหม่น กริดตัดสินใจเอ่ยปากถาม


“เธอทำได้ยังไง?”


“ทำอะไร?”


“นั่นไม่ใช่ลมหายใจ… เป็นเวทมนตร์อะไรกันแน่?”


เนเฟลิน่าอยู่ในรูปลักษณ์ของเด็กหญิงวัยสิบสองขวบ แต่อายุจริงของเธอน้อยกว่านั้น


ทั้งสองรู้จักกันมานาน บทสนทนาจึงไม่ต้องเป็นทางการอะไรนัก


ทว่า ฉากเมื่อครู่ทำให้กริดตัดสินใจพูดสุภาพขึ้นเล็กน้อย


“นั่นไม่ใช่เวทมนตร์ ข้าแค่พ่นสิ่งที่สูดเข้าไปออกมาใหม่”


คำตอบง่ายๆ ของอีกฝ่ายทำให้กริดเผยสีหน้าตึงเครียด


พลังในการสูดบางสิ่งเข้าไปและพ่นออกมาได้รุนแรงกว่าเดิม หากนี่ไม่ใช่พรสวรรค์เฉพาะตัวของเนเฟลิน่า แต่เป็นพลังโดยกำเนิดของมังกรทุกตัว หมายความว่ามังกรจะทรงพลังกว่าที่กริดเคยจินตนาการไว้หลายเท่า


แน่นอนว่า มังกรคือสายพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในซาทิสฟาย ทาง SA กรุปเคยเน้นย้ำเรื่องนี้หลายหน


มังกรไม่ใช่มอนสเตอร์ที่มีไว้ให้มนุษย์ล่า การได้พบกับมังกรจอมเขมือบ ไรเดอร์ส ช่วยให้กริดยืนยันข้อเท็จจริงนี้


กริดไม่มีแผนล่ามังกรก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยคิดหาวิธีรับมือ


จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีมังกรระดับไรเดอร์สอาละวาดในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์?


กริดต้องหยุดมังกรตนนั้นให้ได้


มันไม่มีทางเลือกอื่น ไม่มีตัวเลือกให้หลีกเลี่ยง ไม่มีตัวเลือกให้หลบหนี


หน้าที่ของราชาโอเวอร์เกียร์คือการปกป้องอาณาจักรโอเวอร์เกียร์


“สูดเวทมนตร์เข้าไปและพ่นออกมา… มังกรทุกตัวทำแบบนี้ได้ไหม?”


“ได้สิ… มังกรเกิดมาพร้อมกับความชำนาญธาตุ แต่มังกรหนึ่งตัวมิได้ชำนาญทุกธาตุ… มนุษย์เรียกสิ่งนี้ว่าพรสวรรค์ มังกรก็เช่นกัน ดูได้จากสีของเกล็ดในตอนที่เกิด ยกตัวอย่างเช่น มังกรที่มีเกล็ดสีแดงอย่างทราวก้า มันชำนาญธาตุไฟ ไม่ใช่น้ำ… แน่นอน ถึงทราวก้าจะไม่ชำนาญธาตุน้ำ แต่ก็มิได้แปลว่ามันแพ้ธาตุน้ำ”


“พิจารณาจากสิ่งที่เธอพูด เวทมนตร์ที่ทราวก้ากลืนเข้าไปได้จะถูกจำกัดไว้เพียงธาตุไฟ? แต่ถึงจะไม่สามารถกลืนเวทน้ำ ก็ไม่ได้หมายความว่าทราวก้าแพ้น้ำ?”


“ถูกต้อง แต่ถึงอย่างนั้นก็คาดเดาส่งเดชจากสีของเกล็ดไม่ได้ มังกรมีพลังในการเปลี่ยนสีเกล็ดตัวเอง”


“เข้าใจแล้ว”


โชคยังดี อย่างน้อยกริดก็พบว่า เวทมนตร์ของบราฮัมมิได้ไร้ประโยชน์ในทุกสถานการณ์


หากเลือกใช้ธาตุอย่างเหมาะสม มังกรก็มิอาจดูดกลืนเวทได้ส่งเดช


‘มีโอกาสที่บราฮัมจะไม่กลายเป็นอุปกรณ์ประกอบฉากในยามที่เราเผชิญหน้ากับมังกร’


ลำพังเรื่องที่บราฮัมเป็นหมันต่อหน้าเทวทูตก็ทำให้มันทุกข์ใจมากพอแล้ว


กริดที่เริ่มโล่งอก ผุดคำถามใหม่


“เนเฟลิน่า สรุปแล้วเธอคือมังกรแดง?”


“เปล่า… หากข้าเป็นมังกรแดง คงไม่สามารถกลืนไฟสีดำนั่นได้”


“…?”


ทันใดนั้น ผมสีฟ้าครามของเนเฟลิน่ากลายเป็นสีดำ


“ข้าคือมังกรดำ มังกรดำและทองสามารถเชี่ยวชาญทุกธาตุ”


“…?!”


“ข้าคือตัวตนแสนพิเศษ ดูจากพรสวรรค์ก็คงเดาได้ไม่ยาก… นั่นคือเหตุผลที่ข้ามีสิทธิ์สาบานว่าจะแก้แค้นบันเฮเลียร์”


“ข…เข้าใจแล้ว เธอยอดเยี่ยมมาก”


กริดปิดปากเงียบด้วยท่าทีนอบน้อม


มันค่อนข้างดีใจที่มังกรของตนเป็นอัจฉริยะ


เนเฟลิน่าเปลี่ยนสีผมกลับเป็นฟ้าครามพร้อมกับกางปีกออกและมองไปรอบตัว


“อย่างไรก็ดี ที่นี่เงียบสงบจนน่าประหลาด ข้ามองไม่เห็นสัตว์อสูรป่าแม้แต่ตนเดียว”


ปราณอสูรจะถูกสร้างใหม่เรื่อยๆ ภายในนรก จึงเป็นเรื่องปรกติที่สัตว์อสูรและเผ่าอสูรจะเข้ามาตั้งรกราก


แต่ที่นี่กลับเงียบสงบ


กริดขมวดคิ้วพลางถามเนเฟลิน่า


“เหตุผลที่เธออย่างลงนรก เกี่ยวข้องกับสัตว์อสูร?”


“สัตว์อสูรและเผ่าอสูรคืออาหารที่ยอดเยี่ยมของข้า ยิ่งมังกรดำดูดซับปราณอสูรเข้าไปมากเพียงใด เกล็ดก็ยิ่งแข็งมากขึ้นเท่านั้น เฉกเช่นมังกรทองที่กินแร่ธาตุเป็นอาหาร”


“หมายความว่า ถิ่นฐานของมังกรดำคือนรก?”


“เปล่า… มังกรดำจะไม่ทำรังในนรก หากดูดซับปราณอสูรมากเกินไป จิตใจของข้าจะชั่วร้ายเหมือนกับมังกรมารบันเฮเลียร์… นอกจากนั้น ข้ามิอาจเดินทางไปมาระหว่างโลกกึ่งกลางและนรกอย่างอิสระ จึงทำได้เพียงแวะลงมาหาอาหารเป็นครั้งคราว… แต่ลำพังการมาเยือนนานๆ ครั้งก็มากพอจะทำให้พวกมันตื่นตัวและปฏิบัติต่อข้าเหมือนกับที่เคยทำกับพ่อข้า”


‘ทั้งบันเฮเลียร์และเนอวาร์ธานคือมังกรดำ?’


วันนี้กริดได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มากมาย


ต้องขอบคุณความช่วงพูดที่ไม่ปรกติของเนเฟลิน่า ชายหนุ่มเกิดความภูมิใจที่ได้รับความเชื่อใจจากอีกฝ่าย


“เนเฟลิน่า… เพื่อเธอแล้ว ฉันจะยึดครองนรกให้สำเร็จ”


“อย่าดีแต่พูดล่ะ”


“…”


กริดยิ้มอย่างมีความสุขหลังจากลูบหัวเนเฟลิน่าและเดินนำไป


สีหน้าของมังกรน้อยด้านหลังมิได้เผยความรังเกียจอะไรนัก


***


ณ ปราสาทของจอมอสูรลำดับสิบ เลอราเฆ่


สถานที่แห่งนี้คือปราการด่านสุดท้ายในการเข้าสู่ใจกลางนรก เป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์ที่แสนสำคัญ


มาร์บาสที่มักเข้ามาตรวจตราความเรียบร้อยบ่อยครั้ง กล่าวกับเลอราเฆ่


“เมื่อไม่นานมานี้ ข้าได้ยินว่าเจ้าเชิญนักล่าอสูรเข้ามาในปราสาท”


“ข้าเชิญหล่อนเพราะคิดว่าหล่อนจะมีฝีมือ แต่สุดท้ายก็น่าผิดหวัง”


“เจ้าก็เลยไว้ชีวิตและปล่อยกลับไป?”


“ตัวข้า ราชาเลอราเฆ่ผู้นี้ จำเป็นต้องให้มือตัวเองเปื้อนเลือดผู้อ่อนแอด้วยหรือ?”


“ฮะฮะ! นั่นก็จริง เจ้าไม่จำเป็นต้องทำ… เว้นเสียแต่มดปลวกจะส่งต่อพลังให้มดปลวกจนมดปลวกรุ่นใหม่อาจกลายเป็นภัยคุกคามต่อพวกเรา…”


“มดปลวกก็คือมดปลวก”


มาร์บาสยิ้มพลางดื่ม ตามด้วยคำถามใหม่


“ข้าได้ยินมาว่า ในงานเลี้ยงที่นักล่าอสูรเข้าร่วม มีใครบางคนมากับเธอด้วย?”


มาร์บาสยังคงยิ้ม แต่ดวงตาด้านหลังแก้วไวน์เต็มไปด้วยความเย็นชา


เลอราเฆ่ยักไหล่ขณะเหลือบเห็นสายตามาร์บาสที่สะท้อนกับภาชนะอาหาร


“ข้ามิได้ใส่ใจ ทำไมคนอย่างข้าต้องสนใจมนุษย์ด้วย?”


“เข้าใจแล้ว...”


บทสนทนาที่น่าเบื่อยังคงดำเนินต่อไป


มาร์บาสยังคงรักษารอยยิ้มอ่อนโยน ส่วนเลอราเฆ่ค่อยๆ ขมวดคิ้วทีละนิด


เธอรู้สึกราวกับตัวเองถูกสอบปากคำ แต่ก็มิอาจขับไล่มาร์บาสออกนอกปราสาทเพียงเพราะตัวเองไม่พอใจ


มาร์บาสแตกต่างจากอสูรทั่วไป


มันเกิดมาในยุคเดียวกับบรรดาอสูรต้นกำเนิดที่มีชีวิตยาวนานหลายพันปี


มาร์บาสระงับสัญชาตญาณของอสูรและเอาแต่รับใช้ยาธานอย่างซื่อสัตย์


มันไม่เคยท้าประลองจอมอสูรตนอื่นเพื่อแย่งชิงตำแหน่ง ราวกับหน้าที่เดียวของมันคือการบริหารนรกและป้องกันมิให้นรกถูกทำลายจนกว่ายาธานจะลืมตาตื่น


มาร์บาสทำทุกสิ่งในนามบาเอล อสูรที่ได้รับความไว้วางใจจากยาธานมากที่สุด อสูรผู้ถูกขนานนามให้เป็นปราการด่านสุดท้ายของนรก


หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ ดินแดนที่มิอาจก้าวล่วง


“ขออภัยด้วย ชายชราคนนี้รบกวนเวลาของเจ้าไปไม่น้อย”


เมื่อบทสนทนาที่เปล่าประโยชน์จบลง มาร์บาสลุกขึ้น สร้อยคอสีเงินขยับกระทบกันจนเกิดเสียง


มันหยิบหมวกประดับขนนกขึ้นมาสวมพร้อมกับกล่าวคำอำลาด้วยรอยยิ้ม


“ขอตัวก่อน แล้วพบกันใหม่”


“ไม่ต้องกลับมาอีก”


“ฮะฮะ! อย่าใจดำนักเลย”


“เฮ่อะ!”


เลอราเฆ่พ่นลมหายใจเหยียดหยันพลางโบกมือเพื่อให้ประตูห้องรับแขกเปิดออก


เป็นสัญญาณบ่งบอกให้แขกกลับ


หลังจากมาร์บาสถูกตะเพิดออกจากปราสาท มันพึมพำกับตัวเองพลางจับสร้อยสีเงิน


‘เด็กคนนั้น… เราสัมผัสถึงพลังเทพหรือสถานะเทพไม่ได้เลย…’


เลอราเฆ่ถูกกล่าวหาว่าแอบติดต่อกับเทพนิรนามบางตนที่เพิ่งมาเยือนนรกได้ไม่นาน


จอมอสูรอาวุโสหลายตนเริ่มระแคะระคายและกำชับให้มาร์บาสลงมือสอบสวน


จากจุดยืนของมาร์บาส หากเลอราเฆ่ทำผิดจริง มันไม่มีทางเลือกนอกจากต้องฆ่าทิ้ง


แต่เลอราเฆ่รอบคอบอย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากจะไม่มีร่องรอยของเบริอาเช่ในปราสาท สร้อยคอและขนนกที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมิอาจตรวจพบความผิดปรกติ


“ถึงเลอราเฆ่จะแอบติดต่อกับเทพจริง แต่ดูเหมือนเธอจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเทพ… ให้ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ไปก่อน”


มาร์บาสยิ้มพลางลดหมวกลง ก่อนจะเดินทางไปหาบรรดาจอมอสูรอาวุโสและรายงานผล


***


งานของนายกเทศมนตรีแรบบิทจำเป็นต้องใช้ความเข้มงวดสูง และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้มันกังวล


แรบบิทกังวลว่ากริดจะรำคาญความจุกจิกของตนเข้าสักวัน จนกระทั่งพัฒนาเป็นความเกลียดชัง


เมื่อเห็นกริดเดินเข้าไปในเกต สีหน้าแรบบิทจึงผ่อนคลายทันที


ในสายตามัน กริดและบรรดาผู้ส่งสารล้วนเป็นบุคคลอันตราย การกระทบกระทั่งเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เมืองถึงคราวพินาศ


‘เห็นทีว่า เราต้องเพิ่มระดับความสำคัญของวอลนัทสีทองให้เป็นอันดับหนึ่ง’


ท่าทางอ่อนเพลียของแรบบิททำให้ลอเอลเกิดความกังวล


‘นอกจากนั้น… ต้องมองหาคนมาสืบทอดงานของเขาเผื่อเอาไว้’


อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ เต็มไปด้วยบุคคลพรสวรรค์ มีจำนวนไม่น้อยที่เข้าขั้นอัจฉริยะ


เป็นเพราะอัจฉริยะเหล่านี้ อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ในปัจจุบันจึงยังมั่นคงและเป็นปึกแผ่น


แต่ลอเอลก็เริ่มพบจุดบอดของระบบดังกล่าว นั่นก็คือ การหาตัวแทนทำได้ยากยิ่ง


เฉกเช่นลอเอลที่ยังหาใครมาทำงานแทนตนไม่ได้ ตำแหน่งของแรบบิทก็เช่นกัน


คนเหล่านี้แบกรับภาระหน้าที่อันหนักอึ้งมาตลอดสิบปี หากขาดหายไปคงทำให้อาณาจักรสั่นคลอนไม่น้อย


อย่างไรก็ตาม การชุบเลี้ยงคนมาสานต่องานไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะการทำให้เจ้าของตำแหน่งเดิมยอมรับในฝีมือ


ลอเอลจึงมองว่า วิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นคือการปลูกวอลนัทสีทองเพื่อใช้แทนยาอายุวัฒนะ


“นายโอเคไหม?”


หนึ่งชั่วโมงครึ่งหลังจากกริดเข้าไปในเกต กลุ่มผู้ส่งสารคนสุดท้ายข้ามประตูนรกสำเร็จ


ลอเอลที่ครุ่นคิดหลายสิ่งเป็นเวลานานถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ด้วยเสียงของใครบางคน


เมื่อหันไปมอง มันพบซีบาลที่ใช้ดาบหยุดกรงเล็บมอนสเตอร์ซึ่งกำลังจะข่วนหน้าตน


ลอเอลหัวเราะแห้งพลางยืนมองมอนสเตอร์กลายเป็นเถ้าถ่าน


“ฉันเหม่อไปหน่อย ขอบคุณมาก”


“…นายเลเวลเท่าไร?”


ความสัมพันธ์ระหว่างซีบาลกับลอเอลนั้นไม่ธรรมดา


ในฐานะที่ทั้งคู่เป็นตัวแทนทีมชาติในงานแข่งนานาชาติ ลอเอลกับซีบาลเคยร่วมศึกด้วยกันหลายครั้ง


และก่อนที่ลอเอลจะเข้าฝ่ายโอเวอร์เกียร์ มันเคยอยู่กับเจ็ดกิลด์ใหญ่


กล่าวอีกนัยหนึ่ง ซีบาลย่อมไม่ลืมว่าลอเอลคือหนึ่งในรุคกี้สุดอัจฉริยะของโลกในช่วงเวลานั้น เป็นผู้เล่นมากพรสวรรค์ที่หาตัวจับได้ยากคนหนึ่ง


ในสายตาซีบาล มันค่อนข้างตกใจที่ลอเอลไม่ตระหนักถึงการโจมตีจากมอนสเตอร์เมื่อครู่ ต่อให้กำลังเหม่ออยู่ก็ตาม


ลอเอลมอบคำตอบ


“เลเวลของฉัน? 350… ฮะฮะ! น่าอายเหมือนกันนะเนี่ย”


“…”


หมอนี่เป็นทาสยุคใหม่หรือไง?


ซีบาลจ้องหน้าลอเอลพลางจินตนาการสิ่งต่างๆ มากมายที่ชายคนนี้ต้องแบกรับตามลำพัง


ขณะเดียวกัน ลอเอลมองกลับไปด้วยสายตาแฝงความหมาย


มันยังจำได้ว่าซีบาลเคยเป็นผู้นำของเจ็ดกิลด์ใหญ่


ถึงจะถูกความโลภบังตาจนวางแผนก่อสงครามและทำให้พันธมิตรแตกแยก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าซีบาลคือผู้นำโดยกำเนิด บรรยากาศรอบตัวมีความน่าเกรงขามตามธรรมชาติ


หลังจากพันธมิตรเจ็ดกิลด์ใหญ่ล่มสลาย ซีบาลยังคงแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่องในงานแข่งนานาชาติ


แม้กระทั่งทุกวันนี้ นักกีฬาทีมชาติสหรัฐก็ยังยกย่องให้ซีบาลเป็นผู้นำ


เหนือสิ่งอื่นใด ชายคนนี้ยอดเยี่ยมจนได้รับความไว้ใจจากแกรนมาสเตอร์


‘จะลองจับตามองดูสักสองสามปีก็แล้วกัน’


ดูเหมือนว่า ตำแหน่งผู้ปกครองภาคใต้ของอาณาจักรที่ว่างมานานกว่าสิบปี ใกล้จะมีคนมาสานต่อแล้ว


ซีบาลขนลุกอย่างบอกไม่ถูกเมื่อต้องยืนเผชิญหน้ากับรอยยิ้มสุดพิสดารของลอเอล


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,915
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

  1. พอเนฟิลิน่าพูดถึงเกล็ดมังกรเลยนึกขึ้นได้ เกล็ดที่กริดได้มาจากหอแห่งปัญญาไปไหนแล้วหรือคนแต่งลืมไปอีกว่าเคยมี

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00