จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,417



นรกในซาทิสฟายแตกต่างจากนรกแปดขุมที่คนทั่วไปรู้จัก


ที่นี่มีท้องฟ้า พื้นดิน กลางวัน และกลางคืน


ด้วยธรรมชาติข้างต้น อสูรบางตนจึงก่อร่างสร้างอารยธรรม


ในซาทิสฟาย ให้คิดเสียว่านรกคือโลกที่ปกครองโดยอสูร มิใช่มนุษย์


นรกเต็มไปด้วยอันตรายเพราะปราศจากศีลธรรมกับกฎหมาย เหตุการณ์ไร้อารยธรรมเกิดขึ้นเป็นเรื่องปรกติยกเว้นเขตปลอดภัยเพียงไม่กี่แห่ง


การเข่นฆ่าอย่างโหดเหี้ยมคือกิจวัตรทั่วไปของนรกสมชื่อ


“กระหม่อมรู้สึกประหม่า”


ปิอาโร่สารภาพตามตรง


“นรก… สถานที่รองรับดวงวิญญาณของผู้ที่ก่อบาปมาทั้งชีวิต กล่าวกันว่าวิญญาณภายในนั้นต้องชดใช้กรรมอย่างทุกข์ทรมาน ต้องคอยตระหนักถึงบาปที่ตัวเองเคยก่อ ต้องชำระล้างจิตใจให้สะอาดปราศจากมลทิน… มีวิญญาณบางดวงกลายเป็นวิญญาณร้ายแสนอันตราย… ฝ่าบาทอาจไม่เป็นอะไรก็จริง แต่เท่าที่กระหม่อมทราบ วิญญาณร้ายสามารถสิงสู่มนุษย์ที่ปราศจากพรคุ้มครองจากเทพธิดาแห่งแสง… พวกเราที่ไม่มีพรจากเทพธิดา จะปลอดภัยในนรกแน่หรือ?”


เป็นเรื่องยากที่มนุษย์ปรกติจะดำรงชีวิตอยู่ได้ในนรกโดยปราศจากอันตราย


เรียกว่าแทบไม่เคยเกิดขึ้นคงจะถูกกว่า


ดังนั้น ปิอาโร่ที่ไม่เคยลงไปเยือนนรกเลยสักครั้ง จึงไม่มีทางเลือกนอกจากเชื่อในข่าวลือ


เมอร์เซเดสไตร่ตรองสักพักก่อนจะแนะนำ


“ปิอาโร่ คุณได้ยินได้ประจักษ์กับตัวเองแล้วไม่ใช่หรือ เทพที่พวกเราเคยศรัทธาล้วนมีมลทิน”


เพื่อให้ปลอดภัยในนรก มนุษย์จำเป็นต้องได้รับพรคุ้มครองจากเทพธิดาแห่งแสง


ข่าวลือดังกล่าวจะทำให้ทุกคนมองว่าเทพธิดารีเบคก้าสามารถแผ่อิทธิพลไปทั่วโลก


ใช่แล้ว ข่าวลือเหลวไหลดังกล่าวเป็นเพียงสิ่งที่โบสถ์รีเบคก้ากุขึ้นเอง


“นรกที่คุณรู้จัก คือนรกที่โบสถ์รีเบคก้าอธิบายให้ฟัง… แต่ถ้าโบสถ์รีเบคก้ากลายเป็นพวกไม่น่าเชื่อถือ? ข้อมูลเกี่ยวกับนรกของพวกเขาก็เชื่อไม่ได้เช่นกัน นรกที่แท้จริงคงแตกต่างออกไป”


เมอร์เซเดสเคยเป็นสาวกโบสถ์รีเบคก้ามาก่อน นั่นเพราะทั้งจักรวรรดิซาฮารันและอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ล้วนเคยมีโบสถ์รีเบคก้าเป็นศาสนาประจำชาติ


แต่ปัจจุบันไม่ใช่อีกแล้ว ที่นี่มีซิกเฟรคเตอร์ อดีตนักบุญผู้ก่อกบฏต่อสวรรค์เพื่อหวังปกป้องมนุษย์ มีซาลิเอล อัครเทวทูตที่ถูกขับไล่ลงนรกเพราะเคยตำหนิบาปของเทพ เมอร์เซเดสมีโอกาสได้ยินเรื่องราวในมุมมองใหม่ๆ จากทั้งสอง ส่งผลให้ความศรัทธาที่มีต่อโบสถ์รีเบคก้าเสื่อมลงทุกวัน


“อา…”


กริดปิดไดอารีของเลอราเฆ่ที่กำลังอ่าน ตามด้วยหันไปมองปิอาโร่และเมอร์เซเดส


“เมอร์เซเดสพูดถูก… มนุษย์สามารถอาศัยอยู่ในนรกได้ ขอเพียงสั่งสมปราณอสูรหรือได้รับความช่วยเหลือจากนักล่าอสูร… นอกจากนั้น ตัวฉันเคยลงไปเยือนนรกหลายครั้ง แต่กลับไม่เคยเห็นวิญญาณร้ายแม้แต่ครั้งเดียว”


เหลืออีกสามสิบนาทีกว่าจะถึงเวลาที่นัดกับยูร่าไว้


มีเวลาเหลือเฟือในการพูดคุยเพื่อเตรียมตัว แต่กริดไม่คิดจะคุยหรืออ่านไดอารีเพียงอย่างเดียว ชายหนุ่มยังแบ่งสมาธิส่วนหนึ่งเพื่อควบคุมหัตถ์เทวะด้วยตัวเอง ช่วยเร่งประสิทธิภาพการฆ่ามอนสเตอร์ให้มากขึ้นพลางสนทนากับปิอาโร่และเมอร์เซเดส


มอนสเตอร์เริ่มถูกฆ่าด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกัน บทสนทนาก็มิได้ติดขัด การแบ่งสมาธิเก็บเลเวลกลายเป็นกิจวัตรของกริดมาสักพักใหญ่แล้ว


ด้วยพลังมากมายที่ครอบครอง พรสวรรค์ก็จำเป็นน้อยลง


“อย่างไรก็ตาม ยังฟันธงไม่ได้ว่าคำกล่าวอ้างของโบสถ์รีเบคก้าเป็นแค่เรื่องยกเมฆ ขุมนรกกว้างใหญ่ไพศาลพอๆ กับทวีปตะวันตก สายพันธุ์ของอสูรก็มีมากยิ่งกว่าสายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตบนโลกกึ่งกลางเสียอีก อาจมีสักแห่งในนรกที่ดวงวิญญาณถูกครอบงำ และที่นั่นมีวิญญาณร้ายอาศัยอยู่”


และอันที่จริง มีอสูรบางตนรวบรวมวิญญาณคนตายเป็นของสะสม


แน่นอน วิญญาณเหล่านี้เกิดจากการทำพันธสัญญากับจอมอสูร และหนึ่งในนั้นคือแพ็กม่าที่เคยส่งเสียงโหยหวนข้างๆ บาเอล กริดเคยเห็นสิ่งนี้ด้วยตาตัวเอง


“ถ้าเราเผชิญหน้ากับวิญญาณร้าย… การไม่มีพรคุ้มกันจากเทพธิดาแห่งแสงจะปลอดภัยแน่หรือ?”


เมอร์เซเดสเริ่มออกอาการประหม่าเมื่อได้ยินคำพูดกริด


เฉกเช่นปิอาโร่ เธอเองก็เป็นกังวลในจุดนี้


สำหรับกริด ท่าทีตอบสนองของคนทั้งสองคือสิ่งที่ดี


แม้มันจะเคยลงไปเยือนนรกหลายหน แต่ก็ไม่กล้าพูดเต็มปากว่ารู้จักอย่างทะลุปรุโปร่ง


นรกแต่ละเขตมีสภาพแวดล้อมต่างกัน ไม่มีทางเตรียมรับมือหรือคาดเดาได้ล่วงหน้า


การมีความตึงเครียดขณะลงไปสำรวจนรกก็นับว่าเหมาะสมแล้ว


กริดหันไปมองผู้ส่งสารคนอื่น


เนเฟลิน่ากำลังทะเลาะกับแรบบิทเพื่อเรียกร้องอาหารเพิ่ม แลกเปลี่ยนกับการที่ตนยอมลงไปช่วยในนรก


ซิกเฟรคเตอร์กำลังนอนกลางทางเดินโดยมีผ้าห่มรองตัว


บราฮัมกำลังคุกคามซาลิเอลด้วยการอ้างว่า มันต้องการสำรวจกลไกที่เทวทูตใช้ต่อต้านเวทมนตร์


เหมือนกลุ่มคนที่เตรียมบุกถล่มนรกตรงไหน?


ไม่มีความเอาจริงเอาจังเสียเลย…


“โอกาสเกิดอันตรายมีสูงมาก พวกเราไม่มีวิธีรับมือกับวิญญาณร้ายโดยปราศจากพลังศักดิ์สิทธิ์ และแน่นอน พวกเราไม่มีพลังศักดิ์สิทธิ์”


เหนือสิ่งอื่นใด แนวคิดเกี่ยวกับพลังศักดิ์สิทธิ์ยังค่อนข้างคลุมเครือ เพราะแทบไม่มีใครใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ได้นอกจากโบสถ์รีเบคก้า ยูดาห์ และโดมิเนี่ยน


เดิมที ผู้คนคิดว่าพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นหมายถึง ‘อำนาจแห่งเทพ’ แต่สำหรับซาทิสฟาย พลังศักดิ์สิทธิ์ฟังดูไม่ต่างอะไรกับสิทธิพิเศษของรีเบคก้าเพียงคนเดียว ยิ่งเมื่อพิจารณาจากตำนาน กระทั่งยูดาห์และโดมิเนี่ยนก็ได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์มาจากรีเบคก้าอีกทอดหนึ่ง จึงน่าสงสัยว่าต้นกำเนิดที่แท้จริงของพลังศักดิ์สิทธิ์อาจมาจากตัวรีเบคก้าเอง


‘เหตุผลที่พระองค์กังวลเกี่ยวกับนักบุญหญิง คงเพราะกลัวว่าสิ่งต่างๆ จะถูกนักบุญหญิงพรากไป’


“พวกเราต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับวิญญาณร้าย”


“ไม่จำเป็น พวกเรามียูร่า นักล่าอสูรแข็งแกร่งในนรกมากกว่าที่ทุกคนคิด จึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกินเหตุ”


จากมุมมองของเลอราเฆ่ที่ต้องการปฏิวัตินรก ตัวตนของนักล่าอสูรคือสิ่งสำคัญ


กริดจึงเดาได้ไม่ยากว่ายูร่าจะพัฒนาไปมากเพียงใดเมื่อมีข้อมูลจากเลอราเฆ่คอยสนับสนุน


ครั้งล่าสุดที่พบกัน กริดแข็งแกร่งกว่ายูร่าหลายเท่า แต่ปัจจุบัน ช่องว่างดังกล่าวคงลดลงมาก อย่างน้อยก็ในนรก


‘เธอเรียนทักษะดูดซับพลังอสูรมาแล้วด้วย…’


“ขอโทษที่ทำให้รอนาน”


เวลาผ่านไปสักพัก


ขณะเนเฟลิน่าที่ต่อรองไม่สำเร็จกำลังงับคอแรบบิท และบราฮัมที่ตื่นเต้นหลังจากได้รับความรู้ใหม่ กำลังทดลองดึงขนนกออกจากปีกซาลิเอล


ยูร่าเดินมาถึงจุดนัดพบและทักทายทุกคน


“เสียเวลาเปิดเกตนานเนื่องจากมีเผ่าอสูรคอยตรวจจับ”


“เธอไม่จำเป็นต้องขอโทษ ทางนี้ต่างหากที่ต้องขอโทษ เพราะเรียกนัดหมายกะทันหันโดยไม่แจ้งล่วงหน้า”


ยูร่าค่อนข้างฉงนกับภาพที่เห็น


เธอคิดว่าบรรยากาศการรวมตัวกันของเจ็ดผู้ส่งสารจะเคร่งขรึมมากกว่านี้ โดยเฉพาะภาพการนอนบนทางเดินของซิกเฟรคเตอร์ที่มีผ้าห่มรองตัว


กริดตั้งคำถาม


“เผ่าอสูรคอยตรวจจับ? หมายความว่ายังไง? พวกมันทำแบบนั้นได้ด้วยหรือ?”


ประตูนรก ทางเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์และนรก


เป็นหนึ่งในทักษะเฉพาะตัวของนักล่าอสูร มนุษย์ธรรมดาต้องพึ่งพาประตูชนิดนี้ในการเข้าไปในนรก


“อสูรและเผ่าอสูรสามารถตรวจจับประตูนรกที่ถูกสร้างใหม่ได้ ทันทีที่ฉันพยายามเปิดประตู พวกมันจะทราบตำแหน่งและกรูเข้ามารุมล้อม ถ้าไม่มีความช่วยเหลือจากแกลนท์ เกรงว่าแม้แต่ฉันก็หนีออกจากนรกมาไม่ได้”


“อะไรกัน…”


แบบนี้แย่แน่


ทางออกเดียวของมนุษยชาติคือการพึ่งพาประตูนรกของยูร่า


จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามันถูกสอดส่องและคอยตรวจจับ?


“เดี๋ยวก่อน… การเปิดประตูนรกใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาทีเองไม่ใช่หรือ? แต่พวกมันกลับกรูเข้ามาไล่ล่าได้ทันที… มีการใช้เวทเคลื่อนย้ายมิติจำพวกเทเลพอร์ต?”


“ถูกต้อง ทันทีที่พิกัดถูกระบุ พวกมันสามารถเคลื่อนย้ายมาดักได้เหมือนกับบราฮัมและสติกส์”


“ใช้เวทของมหาจอมเวทได้ด้วย…”


อสูรและเผ่าอสูรมีหลากหลายสายพันธุ์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าจะมีพวกชำนาญเวทมนตร์ตั้งแต่เกิด


สีหน้าของกริดดำมืดลงทันที


แต่เดิม ถึงชายหนุ่มจะไม่พอใจกับท่าทีสบายๆ ของเหล่าผู้ส่งสาร แต่ก็ไม่เคยกังวลผลลัพธ์การบุกถล่มขุมนรก เพราะทราบดีว่าแต่ละคนมีฝีมือแข็งแกร่งเพียงใด


ทว่า หลังจากฟังคำยูร่าจบ บรรยากาศตึงเครียดเริ่มครอบงำ


“พิกัดจะถูกตรวจพบทันทีที่ฉันเปิดเกตจากฝั่งโลกมนุษย์ มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกดักรอหลังจากเข้าไป”


ต้องไม่ลืมว่า ประตูนรกสามารถเข้าไปได้แค่สองคนพร้อมกัน ระยะหน่วงคือสามสิบนาที


กล่าวอีกนัยหนึ่ง มีโอกาสสูงที่คนสองคนจะถูกรุมทำร้ายทันทีที่ผ่านประตูเข้าไป


กริดครุ่นคิดด้วยสีหน้ากังวลสักพัก


“ฉันจะเข้าไปก่อน… จะพยายามลดจำนวนศัตรูให้มากเท่าที่จะทำได้”


ผู้ส่งสารมิได้อ่อนแอ หลายคนแข็งแกร่งกว่ากริดด้วยซ้ำ


แต่ชีวิตของพวกมันมีจำกัด นั่นคือเหตุผลที่กริดอาสาตัวไปก่อน


“ตกลง… แล้วจะพาใครไปด้วย?”


“เอ่อ…”


กริดกวาดตามองผู้ส่งสารทุกคน


เมอร์เซเดสแสดงสีหน้ากระตือรือร้น ทางด้านปิอาโร่เองก็ทำหน้าคาดหวัง


บราฮัมพ่นลมหายใจเหยียดหยันประหนึ่งไม่แยแส ซาลิเอลกำลังฉีกยิ้มกว้าง


ส่วนซิกเฟรคเตอร์ มันกำลังพยุงตัวนั่งพร้อมกับพับผ้าห่ม


“ฉัน…”


กริดชี้นิ้วไปทางเนเฟลิน่า อีกฝ่ายกำลังงับแขนแรบบิท


“ฉันจะไปกับเนเฟลิน่า”


“ข้าไม่ขัดข้อง”


เนเฟลิน่าพูดพลางพ่นแขนชุ่มน้ำลายของแรบบิทออกมา


เธอยังคงรักษามาดสง่างามของมังกร แม้จะชอบทำตัวเป็นเด็กในยามที่อยู่กับกริดตามลำพัง


“ข้าจะคอยจับดูแลเจ้าเอง… อยากให้ใช้พลังอันยิ่งใหญ่ของมหามังกรตอนไหนก็บอก”


“อา…”


แม้จะเป็นแฮชลิ่ง แต่มังกรก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ยอดเยี่ยมเกินกว่าจะถูกตำหนิ


กริดเก็บโนเอะ แรนดี้ และโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์กลับมา แต่หัตถ์เทวะถูกสั่งให้ลอยอยู่รอบๆ ตนและเนเฟลิน่า


เนื่องจากมีโอกาสถูกซุ่มโจมตีที่ปลายทาง การมีหัตถ์เทวะไว้จึงอุ่นใจมากกว่า


“พวกเราจะเข้าไปก่อนและสร้างเขตปลอดภัย ดังนั้น จงเปิดประตูนรกครั้งถัดไปในตำแหน่งเดิม”


“น่าเสียดาย… การเปิดประตูนรกมิอาจทำในจุดเดิมได้แม่นยำ เนื่องจากพิกัดของนรกมักมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง”


“หมายความว่า ประตูนรกครั้งถัดไปจะพาไปยังสถานที่ใหม่โดยสิ้นเชิง?”


“ใช่… แต่ยังอยู่ในนรกขุมที่สามสิบสอง”


“นั่นไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร”


ยูร่าหันไปพูดกับเนเฟลิน่า


“ก่อนอื่น ท่านเนเฟลิน่า ได้โปรดดื่มชาถ้วยนี้ สรรพคุณของมันจะช่วยชำระล้างพลังอสูรในนรกได้เล็กน้อย”


“อึก… อี๋~ เป็นชาที่ขมชะมัด”


“เธอยังเด็ก ไม่เคยดื่มชาด้วยซ้ำ รู้ได้ยังไงว่ามันขม?”


“กริด เจ้าควรสุภาพกับข้า”


ห้วงมิติเริ่มบิดเบี้ยวตรงหน้ากริดและเนเฟลิน่าที่กำลังมีปากเสียง


พลังงานอันชั่วร้ายแผ่ออกมาอย่างท่วมท้นจนคนทั้งสองสัมผัสถึง


เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากประตูนรก


กริดก้าวเท้าเข้าไปใกล้ประตู ก่อนจะหันกลับมาพูดกับทุกคน


“ระวังตัวด้วย หลังจากเข้าไป เราจะรวมกลุ่มกันอีกครั้งอย่างปลอดภัย”


“ขอให้โชคดี”


แรบบิทและบรรดาอัศวินต่างทำความเคารพเพื่อส่งกริดเข้าประตู


เพียงไม่นาน เทพโอเวอร์เกียร์และเนเฟลิน่าก็หายไปจากการมองเห็นของทุกคน


***


เปลวไฟอันท่วมท้นที่มาพร้อมกับผืนดินสั่นสะเทือน


เป็นไปตามที่ยูร่าพูดทุกประการ พวกตนถูกซุ่มโจมตีจากเหล่าอสูรที่ตรวจจับพิกัดของเกต


ดวงตากริดและเนเฟลิน่าสั่นไหวพร้อมกัน


“คึฮ่าฮ่าฮ่า! ในที่สุดข้าก็จับตัวนังนักล่าอสูรที่เอาแต่หนีเหมือนหนูท่อได้สักที…?”


อสูรที่กำลังตื่นเต้นรีบปิดปากเงียบ


มนุษย์ที่ปรากฏตัวออกจากเกตไม่ตรงตามเป้าหมายของมัน


“ไม่ใช่นักล่าอสูร… เหยื่อล่อ?”


“ส่งเหยื่อหล่อเพื่ออะไร? คิดว่าพวกเราจะหมดแรงไปเองถ้าส่งเหยื่อออกมาเรื่อยๆ?”


“มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอและสติปัญญาน้อย… นักล่าอสูรเองก็เป็นมนุษย์ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะโง่”


“มีไฟแล้ว… แต่ยังขาดเนื้อ”


“…?”


ขณะกลุ่มเผ่าอสูรที่ชำนาญเวทมนตร์ระดับสูงกำลังสนทนากัน พวกมันได้ยินบางสิ่งที่เหลวไหลสอดแทรกเข้ามา


“ซู้ด~”


เป็นเสียงอากาศถูกดูด


เปลวเพลิงอันร้อนแรงถูกบางสิ่งดูดเข้าไปในความว่างเปล่า


“…?!”


ในวินาทีที่เปลวไฟหายไปจนหมด บรรดาเผ่าอสูรต่างเผยสีหน้าตกตะลึงสุดขีด


ไม่เพียงมนุษย์ที่ควรถูกเผาจนเกรียมยังสบายดี แต่ยังมีเด็กผู้หญิงแก้มป่องคนหนึ่งกำลังจ้องมานานพวกมัน


“กร๊าาาาาา!”


เด็กแก้มป่องส่งเสียงประหลาดพร้อมกับอ้าปาก


เสาเพลิงขนาดมหึมาถูกพ่นออกมาเป็นเส้นตรง


เผ่าอสูรหลายสิบตัวที่กำลังยืนเกาะกลุ่ม ถูกแผดเผาด้วยเปลวเพลิงที่รุนแรงยิ่งกว่าของตัวเองจนมอดไหม้ หลายรายหายไปในพริบตาชนิดไม่เหลือแม้แต่ซาก


“เนื้อ… เนื้อของข้าหายไปแล้ว”


ด้วยสีหน้าตกตะลึง กริดหันไปจ้องเนเฟลิน่าที่กำลังพึมพำอย่างผิดหวัง


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,912
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

  1. นี่น้องจะกินอสูรจริงๆหรอ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00