จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,199



“พวกเราต้องปกป้องสมบัติในนี้หรือ”


“เป็นสมบัติของเทพเต่าดำใช่ไหม? แล้วต้องระวังอะไรเป็นพิเศษบ้าง อย่างเช่น ห้ามใช้เวทไฟในบริเวณใกล้เคียงอะไรทำนองนี้”


“ศัตรูเคยปรากฏตัวหรือยัง”


“หน้าตาเป็นแบบไหน?”


“และถ้าศัตรูปรากฏตัว ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะมาถึงจุดนี้ มีกับดักชนิดใดคอยขัดขวางระหว่างทางบ้าง”


ณ อาคารทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส


ขณะกลุ่มแรงเกอร์ถูกนำทางมายังอาคารประหลาดซึ่งไม่มีทางเข้าออก พวกมันประเคนคำถามใส่ไม่หยุดหย่อน


ความสับสนและโกรธเคืองจากในตอนแรกเริ่มบรรเทาลงหลายส่วน


ถึงแม้บทลงโทษจะเป็นการลดเลเวลมาถึง 4 ระดับ แต่เมื่อไตร่ตรองอย่างรอบคอบ พวกมันเริ่มตระหนักว่าภารกิจคราวนี้มิได้ล้มเหลวง่ายดายขนาดนั้น


“ช่วยตอบคำถามพวกเราด้วยครับ”


รู้เขารู้เรา รบร้อยชนะร้อย นี่คือแก่นสำคัญของทุกปฏิบัติการเสมอ


อย่างไรก็ตาม ‘ผู้ว่าจ้าง’ กลับเอาแต่เงียบงัน


เป็นปัญหาใหญ่แน่นอนหากผู้ว่าจ้างไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดของเนื้องาน สิ่งนี้จะยิ่งทำให้บรรดาแรงเกอร์หมดความอดทนต่อภารกิจ


‘พวกเราควรทำยังไงดี…’


ผู้ว่าจ้าง


หลังจากสตรีเลอโฉม ‘อารึม’ เดินนำทางกลุ่มแรงเกอร์มายังอาคารทรงสี่เหลี่ยม เธอก็เอาแต่เงียบงันมาตลอด ส่งผลให้บรรยากาศก็ยิ่งแย่ลงอย่างชัดเจน


แรงเกอร์ผู้ชอบใช้ความรุนแรงบางคนอยากจะนำฝ่ามือขนาดมหึมาของตนคว้าคออันขาวเนียนของอารึมขึ้นมาเค้นคำตอบเสียให้ได้


แต่ในความเป็นจริง พวกมันไม่กล้าทำเช่นนั้นแน่นอน เพราะชื่อตัวละครเหนือศีรษะของเธอมีสีทองอร่าม แถมยังระยิบระยับผิดไปจาก NPC พิเศษตัวอื่น


ทุกคนทราบดีว่าเธอเป็นใคร


ยังบัน เทพแห่งทวีปตะวันออก


ตัวตนทรงอำนาจเกินเอื้อมสำหรับผู้เล่น


แรงเกอร์ทุกคนเชื่อโดยไม่เคลือบแคลงว่า ยังบันต้องไม่ใช่คนเดียวกับ ‘ครึ่งเทพนิรนาม’ ซึ่งกริดเคยสังหารไปเมื่อหลายวันก่อน


“เฮ่อ…”


มือข้างหนึ่งเลือนลงไปแหวกชายฮันบกสีฟ้าบริเวณต้นขา จากนั้น ‘อารึม’ ล้วงหยิบกล้องยาสูบพลางถอนหายใจด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย


แววตายังคงเผยความเหยียดหยันเสมอต้นเสมอปลาย คล้ายกับไม่เข้าใจว่าทำไมตนต้องถูกส่งมาทำอะไรน่าเบื่อเช่นนี้


“มนุษย์ช่างไร้ยางอายนัก เอาแต่ตั้งคำถามโดยไม่รู้จักกาลเทศะ… ปวดหัวจังเลยน้า”


‘หล่อนเพี้ยนไปแล้วรึไง!’


ถ้อยคำเหยียดหยันของอารึมส่งผลให้ใบหน้าของเหล่าแรงเกอร์เริ่มยับยู่ยี่ยิ่งกว่าแผ่นกระดาษถูกขยำ


พวกมันย่อมทราบว่า ทวีปตะวันออกมีขนบธรรมเนียมอย่างหนึ่งคือ หากมนุษย์ปรกติพบเห็นยังบัน ไม่ว่าจะเป็นหนแห่งใด ก็จะต้องหยุดทุกการกระทำของตนและโค้งศีรษะอย่างนอบน้อมให้ยังบันเสมอ แต่ในสายตาแรงเกอร์ นั่นเป็นธรรมเนียมของชาวตะวันออก ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกตนเลยสักนิด


เหนือสิ่งอื่นใด ยังบันก็ไม่มีค่าให้เคารพนับถือแต่แรกอยู่แล้ว


ทุกคนทราบดี ยังบันมองมนุษย์ไม่ต่างอะไรกับหมูหมากาไก่ เป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ต่ำชั้นกว่าและไม่ควรลดตัวลงไปสนทนา


ลงเอยด้วย ถึงพวกมันจะพยายามซักถามด้วยถ้อยคำสุภาพนอบน้อมแล้ว แต่อารึมกลับยังเรียกร้องสัมมาคารวะมากกว่านั้น


ขณะกลุ่มแรงเกอร์เริ่มทำหน้าเหมือนกับถูกบังคับให้อมอึหมา


“ต้องขออภัยด้วยครับ พวกเราขลาดเขลาจนลืมตระหนักถึงธรรมเนียมปฏิบัติอันงดงามของชาวตะวันออก จึงเผลอล่วงเกินท่านไป”


ชายผู้หนึ่ง ร่างกายของมันรายล้อมด้วยสายลมเย็นยะเยือกตลอดเวลา เดินเข้าหาอารึมพร้อมกับโค้งศีรษะคำนับอย่างยำเกรง


จากนั้น มันถอดผ้าคลุมหัวเพื่อเผยใบหน้าแท้จริงด้านในซึ่งผู้เล่นทุกคนเดาได้แต่แรกแล้ว


“กระผมทราบว่าท่านมิได้แยแสมนุษย์อันต่ำต้อย แต่ทางนี้ก็ต้องการพิสูจน์ให้เห็นถึงพลังเวทมนตร์น้ำแข็งอันไม่มีใครเทียบเคียงเช่นกัน”


“…”


“ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ กระผมมีนามว่าบองเดร จอมอาคมน้ำแข็ง”


“จอมอาคมน้ำแข็ง…”


ถ้อยคำของบองเดรทำให้บรรยากาศการสนทนาทุเลาความตึงเครียดลง


หลังจากอารึมเอาแต่ถอนหายใจโดยอาศัยการพ่นควันยาสูบบังหน้ามานาน เธอเริ่มหันมาจ้องบองเดรหัวจรดเท้า


“ข้ามีงานพิเศษให้เจ้าทำ ตามมา”


“แล้วพวกเราล่ะครับ…?”


“อารักขาตรงนี้ไว้ให้ดีก็พอ จัดการกับผู้บุกรุกทุกคนให้สิ้นซาก”


ขณะกลุ่มแรงเกอร์ทำหน้างุนงง อารึมโยนวาดภาพของบุคคลผู้หนึ่งให้พวกมัน


ชายชราผมสีเทา


ริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้ามอบความรู้สึกคล้ายกับซากต้นไม้เก่า แต่ดวงตากลับสดใสและเปี่ยมด้วยพลังงานอย่างขัดแย้ง


“ใครกัน?”


ใบหน้าคลับคล้ายชาวตะวันออก


แต่ถึงอย่างนั้น แรงเกอร์ส่วนใหญ่กลับบอกไม่ได้ว่าชายในภาพเป็นใคร


อารึมอธิบายเสริมเสียงเย็นชา


“เป็นนักดาบ ท่านพุงซากล่าวไว้ว่า ดาบของมันสามารถเรียกสายฟ้าและพายุ”


“…!?”


ชายชราใบหน้าผอมแห้ง ลักษณะคล้ายกับคนใกล้ตายในภาพ สามารถปลดปล่อยเพลงดาบดุดันและทรงพลังถึงเพียงนั้นเชียว?


ขณะแรงเกอร์ส่วนใหญ่กำลังทำสีหน้าเคลือบแคลง ชายคนหนึ่งอุทานเสียงหลง


“ท่านดันเต้…!”


สายตาทุกคู่พลันหันไปจ้องคนพูด


นักดาบอันดับ 12 ของโลก และแรงเกอร์อันดับรวมทุกอาชีพ 403 ของโลก เร็คเฟล็ก


“เร็คเฟล็ก นายรู้จักหรือ”


“ยิ่งกว่ารู้เสียอีก! ฉันมีโอกาสได้รพบโดยบังเอิญขณะทำภารกิจใหญ่ภายในอาณาจักรกลาเชี่ยน ชายคนนี้คืออดีตอัศวินสีชาดหลักเดียวแห่งยุคทองของจักรวรรดิ ในตอนนั้น เขากำลังหลบหนีการตามล่า…”


“ยุคทองจักรวรรดิ…!”


“เขาช่วยฉันไว้หลายเรื่อง แต่น่าแปลก ท่านดันเต้น่าจะแก่ชรามากแล้วนี่นา…”


ดันเต้มักบ่นเสมอว่า ด้วยร่างกายไม้ใกล้ฝั่งของตน การจับดาบจะไม่สามารถเค้นประสิทธิภาพสูงสุดของอาวุธออกมาได้ จึงต้องเปลี่ยนไปใช้ค้อนศึก เพราะใช้แรงน้อยกว่าแต่ได้พลังทำลายสูงกว่า


แล้วทำไมในหลายปีให้หลัง ดันเต้ถึงได้โด่งดังด้วยเพลงดาบเรียกพายุและสายฟ้า?


แถมยังเป็นวิชาดาบทรงพลังถึงขั้นดึงดูดความสนใจจากเทพของทวีปตะวันออกได้


“เขาอาจจะกลายเป็นเหนือมนุษย์…”


“…!”


ขณะตัวจริงของดันเต้กำลังถูกถกเถียงในหมู่แรงเกอร์ท็อป 1,000 และยังบันอารึม


ณ อาณาจักรโอเวอร์เกียร์


ดันเต้ในวัย 73 ปีกำลังมีสุขภาพแข็งแรงสุดขีด ประหนึ่งสามารถย้อนเวลากลับไปในช่วงวัยหนุ่มอีกครั้ง


“ท่านดันเต้ พักนี้ดูหนุ่มลงอีกแล้วรึเปล่า”


ปิอาโร่กลับมายังลานฝึกทหารจากเสร็จการทำไร่ทำสวน มันฉีกยิ้มอย่างอบอุ่นเมื่อเห็นดันเต้กำลังฝึกฝนด้วยสีหน้าตั้งใจ


“นั่นสินะ… ด้วยเหตุผลบางประการ อาณาจักรแห่งนี้มีพลังงานสดชื่นอัดแน่นอยู่อย่างเต็มเปี่ยม กำลังวังชาและความหนุ่มจึงหวนคืนมาอย่างน่าประหลาด”


“อ้อ… นั่นคงเป็นพลังแห่งชาวนา”


“พลังแห่งชาวนา?”


“ชาวนาทุกคนปลูกผลผลิตด้วยความใส่ใจเสมอ พวกเขาหวังให้ผู้กินมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ โดยเฉพาะชาวนาจากเรย์ดัน ทุกคนมีความตั้งใจมากเป็นพิเศษ ส่งผลให้สุขภาพของท่านดันเต้ดีวันดีคืน”


“แบบนี้นี่เอง… สมเหตุสมผล”


“ใช่แล้วล่ะ! ฮะฮะ!”


เมื่อกริดไม่อยู่ หลังเสร็จสิ้นภารกิจยึดครองอาณาจักรเก๊าส์ ผู้บัญชาการสูงสุดอย่างปิอาโร่ต้องรีบกลับมาประจำการเมืองหลวงทันที


ปิอาโร่รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเมื่อมีโอกาสกลับมาทำไร่ไถนาซึ่งตนห่างหายไปนาน และยิ่งมีความสุขกว่าเดิมเมื่อได้เห็นดันเต้มีชีวิตชีวา


‘ไม่คิดไม่ฝันมาก่อน ว่าจะได้หัวเราะอย่างสนุกสนานไปกับพวกพ้องและอาจารย์อีกครั้ง’


ทั้งหมดต้องยกชอบให้ฝ่าบาท


ปิอาโร่เริ่มสรรเสริญกริดจากก้นบึ้ง


‘…ท่านผู้มิอาจหาสรรหาคำใดมาเปรียบ’


***


[มีข่าวลือว่า รูปปั้นของท่านไม่เคยขาดการสักการบูชาแม้แต่วันเดียว]


[‘รูปปั้นราชาวีรบุรุษกริด’ ถูกสักการะจนมีระดับสูงสุดแล้ว นับแต่นี้ไปเป็นเวลาหนึ่งเดือน ค่าความชำนาญจะเพิ่มขึ้น 30% เพิ่มโอกาสสร้างไอเท็มเกรดสูงขึ้นเล็กน้อย และลดระยะเวลาการใช้ท่ารำดาบทุกชนิดลง 20%]


สิ่งนี้กลายเป็นกิจวัตรไปแล้ว


กริดได้อ่านข้อความระบบเดิม ๆ ในทุกวัน


คล้ายกับว่า บัฟค่าความชำนาญมือและลดระยะเวลาร่ายทักษะดาบกลายเป็นของถาวร


อย่างไรก็ตาม กริดมิได้นิ่งนอนใจ


มันยังทราบดี หากวันใดตนทำให้ผู้คนผิดหวังอย่างรุนแรงเข้า เมื่อนั้นก็จะไม่เหลือใครคอยสักการะรูปปั้นอีกเลย


“…”


หลังจากกริดผงกศีรษะกับตัวเองหนึ่งครั้งเป็นเชิงขอบคุณทุกคน มันเงยหน้าขึ้นและลืมตามองไปยังทิศทางหนึ่งอย่างเงียบงัน


ห่างไกลออกไป ชายหนุ่มมองเห็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสโดดเด่นสะดุดตา


ไม่กลมกลืนกับสิ่งก่อสร้างในบริเวณใกล้เคียงกันเลยสักนิด


เฉาจื่อ เมืองซึ่งกริดเชื่อว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากอาณาจักรจีนโบราณ กลับมีแท่งสี่เหลี่ยมเด่นตระหง่านขึ้นมาอย่างพิสดาร


แถมยังมีระดับการคุ้มกันสูงมาก


ไม่ว่าจะถนนเส้นใด หากมุ่งตรงไปยังอาคารดังกล่าว ก็จะถูกอารักขาด้วยทหารอาวุธครบมืออย่างเข้มงวด แถมยังมีการฝังเวทมนตร์ลึกลับตามจุดอาคารโดยรอบ


“นายคิดว่าพวกมันจะแอบซ่อนนักพรตเพื่อดักซุ่มโจมตีเราหรือไม่”


“ไม่… พวกมันคงใช้ของวิเศษแทนมนุษย์”


เมื่อเห็นบราฮัมชี้ไปยังโคมไฟสีแดงซึ่งถูกแขวนเรียงรายรอบอาคารหลายหลังในบริเวณใกล้เคียง กริดหน้ากระจ่างทันที


ภายในโคมไฟแต่ละดวงจะมีกระดาษต่างสี


‘ยันต์สินะ…’


ในศึกการดวลกับฮันกยอล กริดได้ลิ้มรสความยอดเยี่ยมของยันต์มาแล้ว


ยันต์ถือเป็นหนึ่งในของวิเศษ แทบไม่มีจุดอ่อนหรือผลข้างเคียงใด ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือการใช้แล้วทิ้ง


ยันแต่ละสีจะมีอักขระเขียนไว้แตกต่างกัน ส่งผลให้การใช้งานหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นยันต์สำหรับป้องกัน ขัดขวาง โจมตี หรือคำสาป


‘ไม่อยากจะเชื่อว่าพวกมันยอมลงทุนใช้ยันต์หลายพันแผ่น…’


โคมไฟแดงกระจัดกระจายอยู่ทุกหัวระแหง


โดยเฉพาะอาคารทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งถูกคาดหมายว่าจะใช้เก็บรักษาอัญมณีเต่าดำ


ทันใดนั้น กริดพลันฉุกคิดบางสิ่ง


‘นี่มัน… กับดักไม่ใช่รึไง…?’


ใครเห็นเป็นต้องทราบทันทีว่า อาคารดังกล่าวจะต้องถูกใช้เก็บรักษาอัญมณีเต่าดำ สมบัติแห่งชาติของอาณาจักรชิง อย่างแน่นอน


ยิ่งประกอบกับการอารักขาระดับสูงสุด จึงไม่ต่างอะไรกับการนำป้ายมาติดว่า ‘อัญมณีเต่าดำถูกซ่อนอยู่ตรงนี้’


ผิดวิสัยมาก… จงใจเกินไป…


“…เป็นกับดักใช่ไหม?”


กริดหันไปขอคำปรึกษาจากบราฮัม


หากมีคำถามใดคิดไม่ตก มิอาจหาคำตอบได้ด้วยตัวเอง การซักถามดยุคแห่งปัญญาจึงเป็นทางออกสุดท้าย


“ในสถานการณ์ปรกติ มีแนวโน้มสูงว่านี่จะเป็นกับดัก แต่ในเมื่อศัตรูคือยังบัน ฉันไม่เชื่อว่าตัวตนอวดดีและจองหองเช่นนั้นจะยอมละทิ้งศักดิ์ศรีด้วยการใช้กับดัก พวกมันไม่น่าจะขี้ขลาดถึงขั้นนำอัญมณีเต่าดำไปซ่อนไว้ในจุดอื่น”


บราฮัมคือตำนานเหนือตำนาน เป็นสุดยอดตำนานข้ามผ่านหลายยุคสมัย


มันมั่นใจว่าคนโอหังอย่างตน มีกระบวนการความคิดใกล้เคียงกับสิ่งมีชีวิตทระนงตนและกล้าเรียกตัวเองว่าเทพอย่างไม่ละอายปาก


“นั่นคงเป็นคำยั่วยุมากกว่ากับดัก”


“…”


เมื่อเริ่มมองในมุมใหม่ กริดรู้สึกราวกับตนได้ยินเสียงเหยียดหยันของยังบันดังแว่วข้างใบหู


คงไม่ผิดไปจากคำกล่าวของบราฮัม อาคารหลังนั้นคือจุดเก็บรักษาอัญมณีเต่าดำแสนล้ำค่า


คล้ายกับกำลังติดป้ายไว้ว่า :


ถ้าคิดว่าเจ๋งจริงก็เข้ามา…


“…ให้ตายสิ ชักอยากลองดูสักตั้ง”


ไฟการต่อสู้ในดวงตากริดกำลังลุกโชน


มันอยากบินเข้าไปเสียประเดี๋ยวนี้ จากนั้นก็สาดเพลงดาบถล่มอาคารหลังดังกล่าวให้กลายเป็นซากปรักหักพังในพริบตา


แต่อีกใจหนึ่งก็ยังสุขุม


เป้าหมายของตนมิใช่เอาชนะ แต่เป็นรวบรวมข้อมูลให้มากในครั้งแรก


ต้องประเมินกำลังรบของฝ่ายศัตรู และกลับไปวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อให้ปฏิบัติการชิงสมบัติปราศจากช่องโหว่


ดังนั้น ภารกิจในปัจจุบันจึงเป็นการค้นหาความลับของอาคารสี่เหลี่ยมจัตุรัสให้พบ


“บราฮัม”


กริดยื่นมือไปหาอีกฝ่าย


บราฮัมถอดหน้ากากหนังเฟย์ริสและส่งกลับคืนให้ชายหนุ่ม ตามด้วยการกล่าวเสียงขรึม :


“ฉันจะเปิดทางให้”


“อือ…”


“จากนั้นก็จะรีบกลับทวีปตะวันตกทันที”


กริดพยักหน้ารับพร้อมกับสวมหน้ากากหนัง


ใบหน้าดันเต้กับเคนดริกถูกอาณาจักรฮวานเห็นแล้ว กริดจึงครุ่นคิดสักพัก จึงค่อยเปลี่ยนเป็นใบหน้าของอัสโมเฟล


มันเชื่อว่าชาวตะวันออกคงไม่มีใครรู้จักอัสโมเฟลเป็นการส่วนตัว และถึงจะมีผู้เล่นแฝงตัวอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง แต่การจำแนกอัสโมเฟลในทันทีก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแต่ไหนแต่ไร อัสโมเฟลมักสวมชุดทหารเลว สวมหมวกปิดบังใบหน้ามิดชิด เผยออกมาเพียงเส้นผมสีทองเด่นสง่า


ไม่เพียงเท่านั้น ในมุมมองคนทั่วไป ปิอาโร่และเมอร์เซเดสจะโดดเด่นและถูกจดจำมากกว่าอัสโมเฟลเสมอ


แต่เพื่อความไม่ประมาท กริดใส่หน้ากากจอมเชือดทับเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง


หลังจากจัดการตัวเองเสร็จ ชายหนุ่มกระโจนไปในอากาศพร้อมกับเพ่งมองอาคารเป้าหมายโดยไม่เบือนหน้าไปไหน


ทหารหลายพันและยันต์จำนวนเฉียดหมื่นใบโดยรอบมิได้อยู่ในสายตาเลยสักนิด


สาเหตุเพราะ มันมีมหาจอมเวทในตำนานคอยสนับสนุนจากด้านหลัง


“ฝนอุกกาบาต”


“อ…อะไรนะ?”


ครืนนนนนนน!


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!


แบบนี้ไม่ทำเกินไปหน่อยหรือ…?


คิดจะทำลายทั้งเมืองทิ้งโดยไม่สนใจเป้าหมายของภารกิจแล้วหรือไง?


ขณะเกิดความประหลาดใจเมื่อเห็นสายฝนอุกกาบาตกำลังพุ่งถล่มเฉาจื่อ กริดชะงักพลางหันกลับมามอง


บราฮัมตะโกนไล่


“รีบไปได้แล้ว!”


“นายก็ต้องเอาตัวรอดให้ได้ เข้าใจใช่ไหม…”


ทางฝั่งกริดก็ไม่มีเวลาให้ร่ำไรเช่นกัน


แม้จะยังต้องการพูดอีกหลายคำ แต่สุดท้ายก็เลือกกลืนลงคอและมีสมาธิกับภารกิจหยั่งเชิงศัตรูตรงหน้า ขณะได้ฝนอุกกาบาตช่วยดึงความสนใจแทน ชายหนุ่มเร่งความเร็วเพื่อบินเข้าไปประชิดกับอาคารทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส


ในเวลาเดียวกัน


“…ไม่ใช่ซาบักแฮะ”


ยังบันสองตนเดินมายังจุดเดิมก่อนลงมือของกริดและบราฮัม


จากนั้น พวกมันตัดสินใจไล่ตามจอมเวทผู้สร้างความโกลาหล เนื่องจากอยู่ใกล้กว่ากริดซึ่งทะยานหายไปด้วยความเร็วสุดน่าทึ่ง


สองยังบันต่างมั่นใจโดยไม่เคลือบแคลง หากพวกตนลงมือพร้อมกัน บราฮัมคงไม่รอดแน่แล้ว


“พวกเจ้าเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า…”


“…?”


“คิดว่าข้าคนนี้เป็นใครกัน? นอกจากเหล่าทวยเทพ ก็ไม่มีใครสามารถเคลื่อนย้ายดวงดาวได้ดังใจเหมือนกับข้าอีกแล้ว!”


ฉัวะ! ฉัวะ!


สายลมอันแหลมคมก่อตัวขึ้นจากอากาศว่างเปล่าและพุ่งเฉือนร่างยังบันทั้งสองในจุดอับ


***


“หือ? อัญมณีเต่าดำถูกซ่อนอยู่แถวนี้หรือ”


ขณะเฒ่าดาบมารกำลัง วิ่งตามฮวางกิลดงภายในทางระบายน้ำใต้ดินอันมืดมิด มันซักถามด้วยน้ำเสียงเคลือบแคลงเสียเต็มประดา


ฮวางกิลดงมอบคำตอบโดยไม่หยุดเดิน


“แถวนี้มีไอความเย็นคอยระงับความเชี่ยวกรากของกระแสน้ำจนผิดธรรมชาติ หากเราพบตัวผู้ใช้เวทมนตร์น้ำแข็งเมื่อไร ก็คงได้พบอัญมณีเต่าดำไปพร้อมกัน… ยังบันเจ้าเล่ห์กว่าภายนอกมาก ไว้ถึงแล้วนายก็จะได้เห็นเอง”


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,588
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ขอบคุณ​มาก​ครับ​😊🙏

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00