จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,211



‘ทั้งหมดนี่คือร่างอีโก้จริงหรือ?’


ในทางทฤษฎีซาทิสฟาย ยิ่งมีการแบ่งร่างกายมากเพียงใด คุณภาพของร่างแยกก็ยิ่งถดถอยลง


การคงสภาพร่างแยกไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรและสมาธิอย่างมาก ยิ่งเมื่อมีจำนวนนับร้อยด้วยแล้ว


ดังนั้น จึงไม่มีใครนิยมฝึกฝนกลยุทธ์การต่อสู้ด้วยร่างแบ่งภาคของตัวเอง


อย่างไรก็ตาม เพียงกริดคาดคะเนอย่างหยาบ ก็พอจะนับร่างแบ่งภาคของฮวางกิลดงได้เกือบสองร้อยตน


ทุกร่างล้วนมีรูปลักษณ์เหมือนกันหมด แต่พฤติกรรมและบุคลิกกลับแตกต่างชัดเจน มันจึงดูไม่เหมือนร่างแยก แต่เป็นฮวางกิลดงหมายเลขสองหรือสามมากกว่า


“คึ่ก!”


กริดส่งเสียงครางหลังจากเปิด ‘เขตแดนพายุเพลิงเทพ’ ไม่สำเร็จ


เป็นเพราะถูกล้อมจู่โจมด้วยร่างแบ่งภาคจำนวนมากพร้อมกัน การรับมือจึงเป็นไปได้ยากลำบาก บางส่วนคว้าเสื้อคลุม บางส่วนรั้งแขนขาแน่นขนัด จนกริดไม่สามารถชักดาบออกมาใช้ทักษะได้เลย


จนกระทั่ง เมื่อฝ่ามือของฮวางกิลดงร่างแยกเริ่มล้วงลอดช่องว่างชุดเกราะเข้ามา ชายหนุ่มรีบส่งเสียงตะโกนอย่างหัวเสีย


“คิดจะจับตรงไหนกัน!”


“ฮะฮ่า! อยู่นิ่ง ๆ ไว้”


“คึคึก! ถ้านายไม่ชอบ ก็รีบส่งเต่าดำมรณะในอ้อมแขนมาให้ฉันเร็วเข้า!”


“หมอนี่กล้ามอกใหญ่ชะมัด! แถมยังแข็ง!”


ราวกับทุกร่างมีสตินึกคิดเป็นของตัวเอง


นอกเหนือจากความรู้สึกทึ่งและชื่นชมในความสุดยอดของพลังแยกร่าง กริดยังรู้สึกสะอิดสะเอียนกับพฤติกรรมล่วงเกินของพวกมันในเวลาเดียวกัน แต่ก็พยายามข่มเอาไว้โดยไม่แสดงออก


จนกระทั่ง ชายหนุ่มเริ่มทนไม่ไหว ตัดสินใจแผดเสียงตะโกนอย่างหงุดหงิด


“บัดซบ! ถ้ายังทำกันถึงขนาดนี้ ฉันจะไม่อยู่เฉยอีกต่อไปแล้ว!”


“คึฮ่าฮ่า! ด้วยร่างกายถูกตรึงอยู่เช่นนั้น นายยังจะทำอะไรได้อีก—”


ขณะฮวางกิลดงกว่าสองร้อยตัวตะโกนพลางหัวเราะเยาะ สีหน้าพวกมันพลันแข็งทื่อ


เพราะดวงตาของกริดเริ่มส่องแสงประหลาด


“หือ…?”


ร่างแบ่งภาคซึ่งกำลังล็อกแขนขากริดไว้ด้วยมือหนึ่งข้าง และเตรียมฟาดด้วยไม้กระบองอีกข้างในมือ พลันหยุดนิ่งพร้อมกันโดยไม่มีร่างใดขยับเขยื้อน


“ข้าพเจ้าไม่ต้องการเห็นท่านได้ดิบได้ดี!”


ขณะร่างแยกฮวางกิลดงกำลังยึกยักลังเล ชายหนุ่มเปิดใช้งานเนตรมารเพื่อยับยั้งสถานการณ์


แต่ไหนแต่ไร ข้อเสียเพียงเรื่องเดียวของสุดยอดเนตรมาร—พลังซึ่งสามารถลบล้างผลประโยชน์ด้านบวกทั้งหมดของเป้าหมาย—คือการ ‘อยู่นอกเหนือการควบคุม’ ของผู้ใช้งาน จำเป็นต้องปิดตาไว้ตลอด มิฉะนั้นพลังจะแสดงผลโดยอัตโนมัติ แต่หลังจากกริดยกระดับตัวตนหนแล้วหนเล่า ปัญหาดังกล่าวจึงได้รับการแก้ไข


ซู่ว—!


ในเมื่อร่างแบ่งภาคจำนวนมากถือเป็น ‘ผลประโยชน์ด้านบวก’ ของผู้ร่าย พวกมันจึงเข้าข่ายถูกลบด้วยเอฟเฟคจาก ‘เนตรทำหมัน’ เว้นเสียแต่ว่า ทุกร่างแยกจะมีบัฟดีเยอะจนพลังของเนตรลบไม่หมด


เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ เพราะหลักการของร่างแยกทุกรูปแบบ จะถูกเนตรทำหมันลบเอฟเฟคทิ้งเป็นปรกติอยู่แล้ว


ปุ. ปุ. ปุ. ปุ. ปุ.


ร่างแบ่งภาคในการมองเห็นของกริดเริ่มสลายไปทีละตัวสองตัว ฮวางกิลดงสองร้อยคนเหลือเพียงหนึ่งเดียวภายในเวลาไม่นาน


“โฮ่…”


ฮวางกิลดงมิอาจเก็บซ่อนสีหน้าประหลาดใจไว้ได้ มันระเบิดเสียงอุทานอย่างชอบใจทันที


“เนตรมารในตำนานซึ่งสามารถสยบศัตรูได้อยู่หมัด… แถมยังเป็นเนตรมารระดับสูงสุด!”


“ออกไปจากตัวฉันสักที!”


ผลปรากฏว่า ฮวางกิลดงร่างหลักได้ห้อยเกาะเป้ากางเกงกริดมาสักพักแล้ว


กริดผู้เหนื่อยหน่ายกับพฤติกรรมไร้ยางอายของอีกฝ่าย พยายามสลัดสิ่งมีชีวิตน่ารังเกียจออกไปให้พ้นตัว


ฮวางกิลดงอมยิ้มอย่างชอบใจ


“ฉันเคยได้ยินมาว่า เผ่าเนตรมารเป็นพวกประหลาดและไม่สามารถอยู่ร่วมกับใครได้… ในเมื่อเป็นเช่นนั้น นายเกลี้ยกล่อมราชาเนตรมารด้วยวิธีใด? ราชาโอเวอร์เกียร์”


“ลองเดาด้วยปัญญาอันยอดเยี่ยมนั่นดูสิ”


“อย่างนั้นหรือ…”


ไม่ว่ากริดจะเย็นชาใส่สักเพียงใด แต่ฮวางกิลดงก็มิได้สูญเสียรอยยิ้มบนใบหน้าแม้แต่วินาทีเดียว ยังคงทำตัวเป็นผู้ชักนำการสนทนาด้วยมาดสุขุม


“แต่ต้องยอมรับตามตรงว่า นายมีพรสวรรค์สูงจนน่าตกใจ ไม่เพียงจะคืนชีพเทพฟินิกซ์แดงสำเร็จ แต่ยังเอาตัวรอดจากกลุ่มยังบันของเมืองเฉาจื่อได้ด้วย นับเป็นการแสดงแสนยานุภาพให้ทุกคนได้ประจักษ์อย่างทั่วถึงว่า นายมีฝีมือยอดเยี่ยมเพียงใด”


“ฉันไม่ได้ต่อสู้เพื่อต้องการอวดเก่งหรือได้รับคำชมเชยจากใคร”


“มิได้ทำไปเพื่อโอ้อวด? แล้วเพื่อสิ่งใด?”


“แน่นอนอยู่แล้ว เพื่อคืนชีพเทพเต่าดำ”


“ทำไมไปทำไม? เป็นแค่คนนอกไม่ใช่หรือ”


“คนนอกแล้วเกี่ยวกันตรงไหน? ในเมื่อชาวเมืองจำนวนมากกำลังเดือดร้อน!”


“…ช่างมันเถิด ไม่ว่ายังไงก็ต้องขอขอบคุณ ทั้งการคืนชีพให้เทพฟินิกซ์แดงและเทพเต่าดำ ขอขอบคุณอย่างเป็นทางการอีกครั้ง”


“เทพเต่าดำแค่ครึ่งเดียว”


“ปัญหานี้แก้ไขได้ไม่ยาก เพียงนายฆ่าเต่าดำมรณะตัวนั้นเสีย ความศรัทธาทั้งหมดก็จะถูกถ่ายโอนไปยังเต่าดำวารี และเทพเต่าดำก็จะคืนชีพกลับมาอย่างเต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง”


“ถ้าเป็นแบบนั้น สมดุลของเทพสี่ทิศก็จะพังทลาย! เทพเต่าดำผู้สูญเสียพลังกัดกร่อนจะไม่ใช่เทพเต่าดำอีกต่อไป!”


“แล้วนายเคยรู้บ้างไหม ว่ามีคนต้องเดือดร้อนเพราะพลังกัดกร่อนของเทพเต่าดำไปมากแค่ไหน!”


ฮวางกิลดงจ้องไปยังกึ่งกลางหน้าอกกริด จุดดังกล่าวมีเต่าดำแห่งความตายตัวเล็ก กำลังถูกโอบอุ้มอย่างทะนุถนอม


“สัญชาตญาณการปกป้องมนุษย์ของเทพเต่าดำนั้นสุดโต่งเกินไป โดยเฉพาะหลักการ ‘สลายสิ่งเทียม’ เพื่อให้มนุษย์ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ เรื่องนี้ไม่มีทางเหมาะกับอารยธรรมมนุษย์ในระยะยาวอยู่แล้ว!”


“…”


“ย้อนกลับไปในอดีต อารยธรรมของมนุษย์ต้องถูกทำลายลงด้วยพลังมรณะหลายต่อหลายหน และสิ่งนี้ไม่เคยพัฒนาไปในทิศทางดีขึ้น! อาณาจักรชิงบางส่วนเคยถูกทำลายจนต้องสร้างใหม่หนแล้วหนเล่า แต่ชาวเมืองก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพึ่งพาเทพ! จะบอกอะไรให้ หากไม่ใช่เพราะเทพดำเต่าสร้างความพินาศจนมนุษย์บางส่วนเริ่มเสื่อมศรัทธาและหันไปนับถือเทพตนอื่น พวกยังบันจะไม่มีวันหาเป้าหมายในการสั่งสมบารมีเทพได้เลย!”


“แล้วนายคิดว่าเต่าดำมีเจตนาทำลายอารยธรรมมนุษย์หรือไง”


“แน่นอนว่าไม่ใช่ แต่เหตุการณ์เล็ก ๆ อันเกิดจากพลังของเทพเต่าดำ ได้สร้างหายนะให้กับมนุษย์ส่วนใหญ่ทางอ้อม!”


ฮวางกิลดงไม่พูดต่อ เพียงจ้องเข้าไปในดวงตาของเต่าดำ คล้ายกับต้องการบอกว่า ‘นายอธิบายได้ดีกว่าฉันหลายเท่า’


『…เคยมีเรื่องราวเช่นนั้นเกิดขึ้น』


เต่าดำฉายภาพเหตุการณ์ในอดีตเข้าไปในสมองกริดโดยตรง


สมัยยังไม่มีอาณาจักรฮวาน


กษัตริย์หนุ่มแห่งชิงโบราณปืนขึ้นไปบนยอดเขาแบ็กมีเพื่อรับพรแห่งวารี


อย่างไรก็ตาม ลมหายใจของเต่าดำนั้นไม่เพียงแฝงธาตุวารี แต่ยังทำให้ชุดเกราะของกษัตริย์หนุ่มถูกทำลาย และพร้อมกันนั้น นักลอบสังหารได้ยิงธนูพิษเพื่อคร่าชีวิตกษัตริย์หนุ่ม


ความตายของกษัตริย์ชิงได้ทำให้ราชวงศ์เกิดการนองเลือดครั้งใหญ่ พี่น้องเข่นฆ่ากันเองเพื่อแย่งชิงบัลลังก์อันว่างเปล่า เป็นเหตุให้อารยธรรมของชิงต้องเสื่อมถอยนานนับร้อยปี


『 ยังมีอีกมาก เช่น นายพรานหนุ่มผู้แบกมารดาป่วยไข้ไว้บนหลังและปืนขึ้นยอดเขามาขอพรวารี แต่เนื่องจากคันธนูถูกทำลายด้วยผลจากพลังกัดกร่อน ขากลับจึงถูกเสือป่าลอบทำร้ายจนเสียชีวิตทั้งคู่ นายพลวัยกลางคนผู้ปกป้องอาณาจักรชิงอย่างกล้าหาญมาหลายสิบปี กลับถูกโจรป่าดักฆ่าระหว่างทางลงเขาเนื่องจากดาบยาวและชุดเกราะถูกทำลายด้วยฝีมือของข้า 』


เนื่องจากเต่าดำรักมนุษย์ทุกคนอย่างเท่าเทียม จึงไม่ตระหนักว่ามนุษย์มีอุปนิสัยชื่อชอบการเข่นฆ่ากันเอง โดยความต้องการให้มนุษย์ใกล้ชิดธรรมชาติของตน ได้นำพาหายนะมาสู่ตัวมนุษย์ทางอ้อมอย่างไม่ตั้งใจ


『 กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เคยมีผู้คนร้องขอฝนชุ่มฉ่ำ ‘เรา’ จึงย่างกรายลงไปบนผืนดินซึ่งเคยแห้งแล้งมานานหลายปี 』


ในเวลานั้น ลมหายใจเต่าดำได้ฟื้นฟูดินแดนอันแห้งแล้งให้กลับมามีชีวิตชีวา ธรรมชาติได้โอบกอดผืนดินอย่างอบอุ่น ส่งผลให้ผู้คนมีอาหารกินเป็นเวลานานโดยประสบภาวะหิวโหย


ทว่า อารยธรรมของมนุษย์ในบริเวณใกล้เคียงกลับประสบความพินาศย่อยยับ ชาวเมืองชิงต้องเริ่มต้นสร้างตึกรามบ้านช่องใหม่ทั้งหมดจากความว่างเปล่า


『ข้า…』


เทพเต่าดำ ผู้เอาแต่ส่งจิตสื่อสารเข้าไปในหัวกริดโดยตรงมาตลอด ยามนี้เปล่งเสียงดังฟังชัดเป็นหนแรก


『ข้ามันไร้ประโยชน์และไม่ควรมีตัวตน… ชายคนนั้นกล่าวได้ถูกต้องแล้ว』


เสียงของเต่าดำแฝงความโดดเดี่ยว


คล้ายกับบุคคลจิตใจแตกสลาย ผู้สูญเสียกำลังใจในการดำรงชีวิตโดยสมบูรณ์


“…”


ใบหน้าของฮวางกิลดงพลันดำมืดเห็นหนแรก หลังจากเอาแต่ยิ้มแย้มแจ่มใสมาตลอด


แต่ก็เป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ


“นายเห็นหรือยัง แม้แต่เจ้าตัวก็ยังไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ—”


ทันใดนั้น


“…ผิดแล้ว”


กริดเริ่มเปิดปาก หลังจากเงียบงันมานาน


“ไม่มีใครสมควรต้องตายเพียงเพราะไม่มีใครต้องการ”


หมับ…


กริดใช้ท่อนแขนกอดเต่าดำแนบแน่น


เต่าดำมรณะเงยหน้าขึ้น


มันเห็นกริดกำลังน้ำตาคลอเบ้า และเห็นฝ่ามือกริดลูบไล้บาดแผลฉกรรจ์บนแผ่นหลังของตนอย่างทะนุถนอม


“คุณคิดว่าตัวเองไม่มีประโยชน์จริงหรือ”


กริดยังไม่ลืม


เมื่อนานมาแล้ว มันเคยตัดพ้อในการมีอยู่ของตัวเองบ่อยครั้ง


มนุษย์เราสามารถติดอยู่กับความหดหู่ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นเวลานาน จนหมดกำลังใจจะทำอะไรไปตลอดทั้งวัน หรือหลายวัน


หรือหลายสัปดาห์


แต่สุดท้าย คนเราก็ต้องกัดฟันผ่านพ้นช่วงเวลาดังกล่าวให้ได้


ฉะนั้น ใครจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเห็นของผู้อื่นเลยแม้แต่นิดเดียว


“ใครเป็นคนตัดสิน?”


“…”


“แล้วอีกอย่าง ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมถึงยังมีคนตายเพราะเทพเต่าดำ… ทำไมถึงไม่เตรียมความพร้อมก่อนเข้าไปขอพร? และหลังจากกษัตริย์ถูกปลดชุดเกราะ เหล่าองครักษ์มัวทำอะไรกันอยู่?”


ปัญหาอยู่กับตัวมนุษย์ต่างหาก


ทำไมถึงไม่ถอดชุดเกราะและอาวุธเก็บให้เรียบร้อยก่อนขึ้นไปขอพรกับเทพเต่าดำ?


“แล้วจะแก้ไขเรื่องความพังพินาศของบ้านเมืองได้อย่างไร?”


“แต่นั่นก็ช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งไม่ใช่รึไง! โดยทั่วไปแล้ว ปัญหาปากท้องมิอาจแก้ไขได้ด้วยวิธีการปรกติ แต่ตึกรามบ้านช่องสามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ทุกเมื่อ! หากได้รับบางอย่างก็ต้องสูญเสียบางอย่าง ในเมื่อมนุษย์ทราบเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว ทำไมถึงยังกล้าขอฝนจากเต่าดำอีก!”


“แต่เทพเต่าดำมิได้ทำลายแค่เมืองเดียว!”


“จะกี่สิบกี่ร้อยเมืองแล้วมันต่างกันยังไง! ทำไมถึงไม่เตรียมตัวให้เรียบร้อยก่อนขอฝน!”


“…”


“ให้ตายสิ! รู้ทั้งรู้ว่าจะมีความเสียหายเกิดขึ้น แต่ก็ยังอัญเชิญท่านลงมาช่วยเรียกฝน มนุษย์คาดหวังอะไรอยู่กันแน่!”


กริดถลึงตาใส่ฮวางกิลดง


และเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ยืนเงียบงัน


เมื่อได้รับความรู้สึกคล้ายกับตะโกนใส่กำแพง ชายหนุ่มจึงเริ่มหัวเสีย


“เมื่อครั้งห้าอาวุโสบุกรุกดินแดนแห่งนี้ เทพเต่าดำได้ยืนหยัดต่อสู้เพื่อปกป้องจนตัวตาย ท่านสู้เพื่อปกป้องพวกนายทุกคน โดยแลกมากับบาดแผลฉกรรจ์ซึ่งไม่มีวันรักษาหายตลอดชีวิต! ถ้าไม่มีพลังกัดกร่อน สี่สัตว์เทพจะเอาอะไรไปสู้กับห้าอาวุโสอย่างทัดเทียม!”


“…”


“แต่ตอนนี้ เมื่อไม่ต้องการท่านแล้ว ก็คิดกำจัดทิ้งอย่างไม่ไยดี หัวใจของนายทำจากอะไรกันแน่? ยังเป็นคนอยู่รึเปล่า!”


กริดโมโหอย่างมาก


มันเห็นอกเห็นใจเทพเต่าดำ ผู้เคยต่อสู้เพื่อปกป้องมนุษย์ด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์


มันอ่านออก เต่าดำกำลังเสียใจเมื่อทราบว่ามนุษย์ซึ่งตนเคยต่อสู้เพื่อปกป้องมาตลอด กลับเลือกจะทอดทิ้งอย่างไม่แยแส


หลังจากเงียบงันสักพัก ฮวางกิลดงถามกลับ


“นายเป็นสหายเก่าของเทพเต่าดำหรือ”


“เพิ่งเคยพบกันวันนี้”


“ฉันพอจะรู้แล้ว ว่านายซื้อใจราชาเนตรมารด้วยวิธีใด”


“…?”


ฮวางกิลดงถอดหมวกไม้ไผ่


กึ่งกลางหน้าผากของมันมีรอยแผลเป็นสีดำเข้ม ลึกหลายเซนติเมตร ลักษณะน่าหวาดเสียว ลากเป็นทางยาวลงมาจนถึงหัวคิ้ว ค่อนข้างเชื่อยากว่ามนุษย์จะมียังชีวิตรอด หลังจากได้รับบาดแผลดังกล่าว


“ราชาโอเวอร์เกียร์·กริด ตอนนี้ฉันรู้จักนายมากเกินพอแล้ว พวกเราควรหยุดความบาดหมางไร้สาระ”


“…??”


“ณ ภัตตาคารอันดับหนึ่งในเมืองใหญ่ รวมถึงโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งในหมู่บ้านเล็ก หากนายสั่งเมนูนกดุเหว่าสำรับใหญ่ คนของฮวัลบินดังจะปรากฏตัวออกมาช่วยเหลือทันที”


“อะไรกัน…”


ทั้งหมดเป็นแค่การแสดง?


เพียงเพื่อทดสอบเรา? น่าสนุกนักหรือไง?


เมื่อเห็นกริดไม่สบอารมณ์ ฮวางกิลดงส่ายหน้าเล็กน้อย


“ฉันเคยนึกอยากฆ่าเต่าดำมรณะจริง แต่สุดท้ายก็ถูกผู้มีจิตใจงดงาม ช่วยให้กลับมาเดินบนเส้นทางถูกต้องได้ทันเวลา จากนั้นจึงเริ่มตระหนักได้ว่า มนุษย์ไม่ควรทอดทิ้งเทพต้นกำเนิดด้วยประการทั้งปวง”


กึก. ฮวางกิลดงคุกเข่าลงหนึ่งข้าง ตามด้วยการก้มศีรษะให้กับเต่าดำในอ้อมแขนกริด


“ท่านเทพเต่าดำ หากห้าอาวุโสถูกกำจัด และโลกนี้กลับคืนสู่ความสงบสุขเมื่อใด กระผมยินดีรับโทษอย่างสาสม อันเนื่องมาจากพฤติกรรมล่วงเกินท่านมากมายในวันนี้”


“…”


『…』


ฮวางกิลดงลุกยืน สวมหมวกไม้ไผ่และหันหลังกลับมายังแท่นบูชา พร้อมกับดึงยันต์ซึ่งซ่อนไว้อย่างลับ ๆ ออก


ทันใดนั้นเอง กริดมองเห็นเต่ากระดองสีฟ้าปรากฏตัวกึ่งกลางแท่นบูชา


สายตาของอีกฝ่ายเปี่ยมด้วยอารมณ์หลากหลายขณะจ้องมองสลับไปมาระหว่างกริดและเต่าดำมรณะในอ้อมแขน


สิ่งนี้บอกเป็นนัยว่า ฮวางกิลดงได้เตรียมพิธีกรรมคืนชีพครั้งใหม่ให้กับเต่าดำมรณะและเต่าดำวารีไว้นานแล้ว


จากนั้น มันตักเตือน


“แตกต่างจากมารุซึ่งใช้งานอัญมณีเต่าดำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ยังบันในอาณาจักรปาสามารถใช้งานหอกเสือขาวได้ช่ำชอง และยังบันในอาณาจักรคายา ผู้เฝ้ารักษาดาบโค้งมังกรฟ้า คือสัตว์ประหลาดซึ่งสามารถใช้งานพลังของเทพสี่ทิศได้โดยไม่ต้องมีสมบัติเทพเป็นสื่อกลาง… พวกเราในตอนนี้ไม่มีโอกาสเอาชนะได้เลย ฉะนั้น ฉันขอแนะนำให้หยุดพักชั่วคราว กลับไปพัฒนาตัวเอง อย่าได้รีบร้อนลงมือ เพราะหลังจากนายคืนชีพเทพฟินิกซ์แดงและเต่าดำ ห้าอาวุโสคงเพิ่มระดับการป้องกันขึ้นอีกหลายเท่า”


[ค่าความสัมพันธ์กับ ‘ฮวางกิลดง’ หัวหน้ากลุ่ม ‘ฮวัลบินดัง’ เพิ่มขึ้น 20 หน่วย]


[ในอนาคต กลุ่มฮวัลบินดังจะต้อนรับท่านเป็นอย่างดี]


เนื้อเรื่องกำลังมีพัฒนาการ


ขณะกริดยืนมึนงงอย่างหมดคำจะกล่าว ฮวางกิลดงเดินผ่านและกระซิบ


“ขอแนะนำให้เก็บเฒ่าดาบมารไว้ข้างกายตลอดเวลา เขาเคยเป็นขุนนางของอาณาจักรคายามาก่อน จะต้องมีประโยชน์แน่ แต่เนื่องจากเจ้านี่เป็นคนประเภทพร้อมหลงทิศตลอดเวลา หากคลาดสายตาเพียงนิดเดียว รับรองได้ว่า ต้องเสียเวลาตามหาตัวกันยกใหญ่”


“…”


“ส่วนฉันเป็นพวกต้องฝึกฝนถึงจะเก่งขึ้น คงต้องขอเวลาพัฒนาตัวเองอีกสักระยะ ก่อนจะพร้อมสำหรับศึกใหญ่ในอนาคต”


ฉึบ.


ฮวางกิลดงเดินหนึ่งก้าวและหายไปกับความว่างเปล่าโดยสมบูรณ์


นี่มิใช่ชุนโป เพราะฮวางกิลดงมิได้ไปโผล่ตรงตรงจุดใดของเส้นขอบฟ้า


“นั่นคือวิชาลัดแผ่นดิน” เฒ่าดาบมารเดินเข้ามาอธิบายกริด ผู้กำลังยืนสับสนด้วยสีหน้าประหลาด


จากนั้น มันมองไปยังเต่าดำมรณะซึ่งกำลังใช้แก้มถูหน้าอกของกริดอย่างน่าเอ็นดู


“รีบคืนชีพเทพเต่าดำก่อนไหม?”


“จ…จริงด้วย เข้าใจแล้ว”


ได้ยินเช่นนั้น กริดรีบเดินเข้าไปใกล้แท่นบูชา และวางเต่าดำมรณะไว้เคียงข้างเต่าดำวารี


เพียงพริบตา แสงสว่างอันเจิดจ้าได้ปะทุออกพร้อมกับบดบังการมองเห็นไปชั่วขณะ


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,605

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. ทุกคนล้วนแต่มีคุณค่าในแบบของตัวเอง

    ReplyDelete
  2. มีคนไม่สนความผิดชอบชั่วดีมากขึ้น เพราะโลภ
    ผลประโยชน์​ส่วนตน เอาแต่ได้ เอาตัวเองเป็นใหญ่​
    .........
    แล้วชนรุ่นหลังต้องแบกรับ.....

    อินไปหน่อย

    ขอบคุณ​ผู้แต่งและผู้แปลเป็นอย่างยิ่ง
    ขอบคุณ​มาก​ครับ​

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00