จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,212



แสงสว่างส่องอย่างเจิดจ้าคล้ายกับกำลังบอกทุกคนเป็นนัยว่า อนาคตวันข้างหน้าจะต้องสดใส


ระหว่างนั้น


เต่าสองตัว หนึ่งกระดองดำ และอีกหนึ่งกระดองฟ้าอ่อน กำลังเดินเข้าหากันโดยเหยียดคอพลางจ้องมองเข้าไปในดวงตา


『ขอบใจมาก…』


เดิมที เทพเต่าดำนั้นมีเพียงหนึ่ง


จึงเป็นเรื่องปรกติเมื่อสายน้ำกลับมาหลอมรวมกับความตายอย่างกลมเกลียวอีกครั้ง


อย่างไรก็ตาม สีหน้ากริดค่อนข้างอึมครึม


ท่ามกลางเสียงขอบคุณจากเต่าดำมรณะ ชายหนุ่มตะโกนกลับไปอย่างห่วงใย


“อย่าได้ลืมเด็ดขาด… อย่าลืมว่าคุณเคยได้รับความรักและความศรัทธาจากคนทั้งโลกมากมายเพียงใด!”


『ขอบใจมาก…』


เสียงขอบคุณสุดท้ายของเต่าดำมรณะเริ่มเลือนราง ความอบอุ่นอันเจือจางได้แผ่ขยายไปยังท้องฟ้า ผืนดิน แม่น้ำ และท้องทะเลในบริเวณโดยรอบทั้งหมด เกิดเป็นพรอันยิ่งใหญ่จากพลังแห่งเทพอย่างแท้จริง


[เทพสี่ทิศ เต่าดำ คืนชีพสำเร็จ!]


[★ภารกิจลับ★ <ปกป้องเทพเต่าดำ> สำเร็จ!]


[ท่านได้รับไอเท็ม <กระดองเต่าดำ> เป็นรางวัลภารกิจ ความสัมพันธ์กับเทพเต่าดำกลายเป็นค่าสูงสุด]


เต่าดำเปลี่ยนกลับไปเป็นตัวตนอันสง่างามและศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง ร่างกายมายาขยายขนาดขึ้นจนปกคลุมทั่วบริเวณ


วิวทิวทัศน์ของดินแดนภาคเหนือในขอบเขตการมองเห็นของเทพเต่าดำ กำลังเปี่ยมล้นไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ กระดองหลังขนาดมหึมาแผ่ปกคลุมภูเขาแบ็กมีจนเกิดเป็นภาพคล้ายกับ ‘ร่มยักษ์’ ปกป้องดินแดนภาคเหนือจากสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง


“ฉันจะไม่มีวันลืมนาย… เต่าดำมรณะ”


กริดแหงนมองท้องฟ้าอันห่างไกลพลางดื่มด่ำไปกับบรรยากาศอันสงบสุข


จนกระทั่ง


『ข้าไม่ได้จากไปไหนสักหน่อย』


กริดอมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงพูดขัดจากเทพเต่าดำบนฟ้า


ชายหนุ่มก้มหน้าลง กวาดมองผืนแผ่นดินกว้างไกลสุดลูกหูลูกตารอบตัว


พืชพรรณและดอกไม้หลายสีเจริญเติบโตภายใต้บรรยากาศชุ่มฉ่ำ ทุ่งราบเขียวขจีทอดยาวรายล้อมภูเขาแบ็กมีทุกทิศ ความอิ่มเอมใจกำลังแผ่ซาบซ่าน ชายหนุ่มสัมผัสถึงความสำเร็จอย่างแท้จริงของตน หลังจากต้องฝ่าฟันอุปสรรคยากลำบากนานัปการ


แถมยังมีรางวัลตอบแทนเป็นรูปธรรม


กริดเปิดช่องสัมภาระพร้อมกับหยิบกระดองเต่าดำออกมาถือ


ชายหนุ่มเคยคิดว่า ไอเท็มชิ้นนี้คงเป็นอุปกรณ์สวมใส่ประเภทโล่ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่


กระดองเต่าคือไอเท็มประเภทฝังติดกับร่างกาย คล้าย <ตราประทับแห่งการพัฒนา> ซึ่งถูกสร้างโดยเหนือมนุษย์ ‘ซาบัก’


<กระดองเต่าดำ>

เกรด : เทวตำนาน

ได้รับค่าสถานะ 300 แต้มเมื่อติดกับร่างกาย

ช่วยให้เจ้าของร่างกายต้านทานพิษทุกชนิดอย่างสมบูรณ์ และยังช่วยให้หายใจใต้น้ำได้อย่างไร้ขีดจำกัด

เวทมนตร์ธาตุวารีจะรุนแรงขึ้น 50%

เวทมนตร์ธาตุพิษจะรุนแรงขึ้น 50%


นี่คงเป็นเหตุผลว่า ทำไมยังบันถึงพยายามพัฒนา ‘ตราประทับ’ โดยอาศัยความช่วยเหลือจากมนุษย์


‘พวกมันต้องการเลียนแบบสิ่งนี้’


ประสิทธิภาพของตราประทับจากเทพนั้นอยู่คนละระดับโดยสิ้นเชิง


แม้วัลฮัลล่าของข่านจะทำให้กริดต้านทานพิษทุกชนิด แต่ชายหนุ่มก็มิได้นึกเสียดาย


ค่าสถานะ 300 แต้มนั้นเปรียบได้กับการอัปเลเวล 30 ระดับ แถมยังเพิ่มความเสียหายเวทมนตร์ขึ้นอีกสองธาตุ


‘การหายใจใต้น้ำก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน’


กริดกล้าพูดได้เต็มปากกว่า หากใครสามารถหายใจใต้น้ำได้อย่างอิสระ ความได้เปรียบในเกมซาทิสฟายก็จะเพิ่มขึ้นมาก ยกตัวอย่างเช่น การต่อสู้ในสมรภูมิใต้น้ำเต็มรูปแบบอย่างไซเรน


และเหนือสิ่งอื่นใด ตราประทับไม่สิ้นเปลืองช่องสวมใส่ เป็นการประทับลงไปบนผิวหนังในลักษณะเดียวกับรอยสัก


มาถึงจุดนี้ หากนับเฉพาะสิ่งของจับต้องได้ กริดมองว่า <กระดองเต่าดำ> คือรางวัลตอบแทนอันดับหนึ่งหลังจากเริ่มผจญภัยบนทวีปตะวันออกมานานหลายวัน


ชายหนุ่มจ้องมองกระดองเต่าดำอย่างมีความสุขอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะทำสีหน้าอึมครึมกะทันหัน


สืบเนื่องมาจาก มันเริ่มตระหนักถึงความผิดปรกติของระบบเลเวลในซาทิสฟาย


‘ไม่ว่าจะมองมุมใด ระบบเลเวลของเกมนี้ก็ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด’


ขณะตะลุมบอนในสงครามเฉาจื่อ กริดจัดการยังบันไปทั้งสิ้น 13 ตน


3 จาก 13 ศพแทบจะเป็นการ ‘โซโล่คิล*’ ส่วนอีก 10 ศพเป็นการฆ่าโดยผนึกกำลังกับไฮแรงเกอร์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า กริดคือผู้สร้างความเสียหายส่วนใหญ่จนยังบันเหล่านั้นถึงแก่ความตาย


(Solo Kill — ลงมือคนเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ)


ชายหนุ่มประเมินว่า เมื่อจบศึก เลเวลของตนน่าจะเพิ่มขึ้นสักสองระดับ เป็นการพิจารณาโดยมองข้ามมารุซึ่งชิงระเบิดตัวเองตายไป


แต่ในความเป็นจริง เลเวลกลับเพิ่มมาเพียงหนึ่งระดับเท่านั้น


กริดในปัจจุบันมีเลเวล 408 กับอีกแค่ 30%


‘คล้ายกับว่า ทุกการเลเวลอัปของเรา จะต้องใช้ค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในระดับถัดไปเสมอ…’


นี่มิใช่การกล่าวเกินจริง กริดรู้สึกเช่นนี้จากใจ


ก็จริงอยู่ ยิ่งเลเวลสูงขึ้น ค่าประสบการณ์ในแต่เลเวลก็ต้องเพิ่มตาม แต่ชายหนุ่มสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า การพัฒนาของตนเริ่มช้าลงอย่างผิดวิสัยหลังจากเลเวล 403 เป็นต้นมา


‘หรือเลเวลของเราใกล้ตันแล้ว? ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด’


สำหรับกริด เป็นเพราะมันรวบรวมชิ้นส่วนสำคัญของคลาสได้เป็นจำนวนมาก และยังมีตราประทับเต่าดำมาช่วยยกระดับ ตัวละครในปัจจุบันจึงสามารถเอาชนะยังบันทั่วไปได้ไม่ยาก


แต่ไม่ใช่กับผู้เล่นส่วนใหญ่ของเกม สถานการณ์ทางแตกต่างกันเกินไป คนเหล่านั้นไม่มีชิ้นส่วนลับของคลาส ไม่ได้เป็นเหนือมนุษย์ และไม่มีความโอเวอร์เกียร์


ถึงจะพัฒนาตัวเองจนมีเลเวลเท่ากัน แต่โอกาสชนะยังบันปลายแถวก็ยังแทบเป็นศูนย์


‘หมายความว่า หากผู้เล่นหวังเอาชนะ NPC ในเนื้อหาช่วงหลังของเกม พวกเขาจำเป็นต้องมีเลเวลสูงกว่าศัตรูค่อนข้างมาก’


แล้วกำลังจะบอกว่า ขีดกำจัดของเลเวลคือช่วง 400 ต้น ๆ ?


มันใช่หรือ?


‘ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว! มีบางสิ่งไม่ปรกติ’


ผู้เล่นธรรมดายังห่างไกลจากยังบันมากเกินไป ไม่นับรวมศัตรูระดับเหนือกว่านั้นอย่างจอมอสูร อัครเทวทูต หรือเผ่าพันธุ์อมนุษย์นิรนามอีกมาก


แล้วทำไมระบบถึงสร้างขีดกำจัดเลเวลขึ้น?


รังแต่จะทำให้ผู้เล่นท้อแท้เสียเปล่า ๆ


เมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเกมยากเกินไป หลายคนคงตัดสินใจเลิกเล่นซาทิสฟายถาวร


ฉะนั้น ขีดจำกัดของเลเวล ย่อมไม่ใช่จุดประสงค์หลักของ SA กรุปแน่


‘เรามองข้ามอะไรไป…’


ในทางทฤษฎี การอัปเลเวลทำได้สองวิธี


ฟาร์มมอนสเตอร์ และทำภารกิจ


จริงอยู่ การผลิตไอเท็มซ้ำ ๆ ก็ช่วยเพิ่มค่าประสบการณ์ได้บ้าง แต่นั่นต้องใจรักและมีเวลาว่างมาก เพราะยิ่งเลเวลสูงขึ้น การผลิตไอเท็มก็ยิ่งได้รับค่าประสบการณ์ไม่คุ้มกับเวลา


ดังนั้น แนวทางปรกติในการอัปเลเวลของทุกคนรวมถึงกริดก็คือ ฟาร์มมอนสเตอร์ หรือไม่ก็ทำภารกิจ


คำอธิบายจึงมีเพียงเรื่องเดียว


บนทวีปตะวันออก ยังมีวิธีอัปเลเวลหนทางอื่นแอบซ่อนอยู่ นอกเหนือจากการฟาร์มมอนสเตอร์และทำภารกิจอย่างบ้าคลั่ง


ไม่สิ ยังมีอีกหนึ่งความเป็นไปได้ นั่นคือ ช่วงเลเวลระหว่าง 400 ถึง 410 จะอัปยากเป็นกรณีพิเศษ หลอดค่าประสบการณ์จะสูงกว่าปรกติหลายเท่าตัว แต่หลังจากเลเวล 410 เป็นต้นไป กราฟ EXP จะดิ่งลงกลับคู่ค่าปรกติ


อย่างไรก็ตาม กริดไม่ต้องการเก็บเลเวลให้ถึง 410 ก่อนจึงค่อยพิสูจน์ทฤษฎี ในเมื่อปัจจุบันมีโอกาสให้ทดลองมากมาย ก็ควรรีบลงมือเพื่อให้หายคาใจ


‘…ถ้าเป็นครอเกล ก็คงทำแบบเดียวกัน’


กริดตระหนักถึงภาระอันยิ่งใหญ่ของท้องฟ้าอีกครั้ง


ขณะผู้เล่นคนอื่นสามารถลอกเลียนแบบแนวทางของท้องฟ้าได้อย่างอิสระ ท้องฟ้าต้องคอยเค้นสมองเพื่อเปิดเส้นทางใหม่ของตัวเองโดยไม่มีแบบอย่างจากใคร


‘เดี๋ยวสิ’


ในนั้นอาจมีความลับการอัปเลเวลบอกไว้…


กริดหวนนึกถึง ‘หอแห่งปัญญา’


อนุญาตให้เข้าได้เฉพาะ ‘หัวแถว’ เพียงคนเดียว และตามชื่อของมัน หอแห่งปัญญาควรอุดมไปด้วยความรู้และข้อมูลมหาศาล


‘เราต้องแวะเข้าไป!’


แต่แน่นอน หลังจากพักเหนื่อยเสร็จแล้ว


กริดยังไม่มีโอกาสหยุดพักแม้แต่วันเดียว นับตั้งแต่สองเท้าเหยียบลงบนผืนทวีปตะวันออก ปัจจุบัน จิตใจจึงเริ่มเผยอาการอ่อนเพลีย


ไม่เพียงเท่านั้น ชายหนุ่มต้องการเห็นด้วยตาตัวเองว่าบราฮัมยังสบายดี รวมถึงต้องการถ่ายทอด ‘พลังจิตไร้เทียมทาน’ ให้ปิอาโร่


เหนือสิ่งอื่นใด กริดหวังจะได้พบหน้าไอรีน ลอร์ด และเมอร์เซเดสโดยเร็ว


อีกทั้ง ต้องไม่ลืมแบ่งปันความสุขร่วมกับพวกพ้องหลังจากการแข่งซาทิสฟายนานาชาติจบลง


“ว่าแต่… เฒ่าดาบมาร”


“หือ?”


ขณะกำลังยืนชื่นชมร่างมายาอันสง่างามของเทพเต่าดำบนฟ้า เฒ่าดาบมารหันมาจ้องกริดตามเสียงเรียก


ชายหนุ่มพูดเข้าประเด็นโดยไม่รีรอ


“เข้ากิลด์โอเวอร์เกียร์ไหม”


แต่น่าเสียดาย คำตอบไม่ผิดคาดสักเท่าไร


“การถูกเชื้อเชิญจากท้องฟ้านับว่าเป็นเกียรติอย่างมาก แต่ต้องขออภัยจากใจจริง ฉันมีสังกัดของตัวเองอยู่แล้ว”


“อาณาจักรคายาแห่งทรายใช่ไหม?”


“…ฮวางกิลดงพูดมากชะมัด”


“แล้วอะไรคือตราผู้ตรวจราชการลับ*”


“ต้องขอโทษด้วย แต่ฉันยังบอกไม่ได้ ไม่ใช่เพราะไม่เชื่อใจท้องฟ้า แต่นั่นเป็นกฎเหล็ก”


“ไม่มีปัญหา”


กริดพยักหน้าแผ่วเบาพลางดึงม้วนคาถากลับทวีปตะวันตกออกมาถือ


“ไว้พบกันใหม่”


“ไว้พบกันใหม่ คราวหน้า ฉันจะอธิบายให้ฟังแน่นอน ว่าตราผู้ตรวจราชการลับคืออะไร”


นึกแล้วเชียว เฒ่าดาบมารนับว่าเป็นมิตรและมีนิสัยค่อนข้างดี บุคลิกแย่ ๆ อาจเกิดขึ้นหลังจากอยู่กับฮวางกิลดงมากไป


เมื่อกล่าวอำลาเฒ่าดาบมารเสร็จ กริดเงยหน้าและโบกมือให้เทพเต่าดำ


“ดูแลตัวเองด้วย ไว้พบกันใหม่”


『ก…กริด』


“หือ?”


『…มาเยี่ยมกันบ้างนะ』


“แน่นอนอยู่แล้ว”


ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้าง พร้อมกับการเลือนหายไปจากสายตาเฒ่าดาบมารและเทพเต่าดำ


เมื่อกริดจากไป บรรยากาศบนยอดเขาแบ็กมีเริ่มกลับมาอึมครึมเล็กน้อย


โดยเฉพาะเฒ่าดาบมาร สีหน้าของมันคล้ายกับกำลังกลืนลวดหนามลงคอ


อาณาจักรทราย


หัวใจของมันเริ่มเจ็บแปลบ คล้ายกับกำลังจมอยู่กับความอัปยศอดสู


‘มีร์… คอยก่อนเถอะ’


เฒ่าดาบมารกล่าวคำอำลากับเทพเต่าดำและเดินลงจากภูเขา เนื่องจากมันยังกลับอาณาจักรคายาไม่ได้ จึงตัดสินใจเดินทางไปยังเมืองหลวงของชิงก่อน


ผ่านไปครึ่งวัน


เมื่อเฒ่าดาบมารรู้สึกตัวอีกที ก็พบว่าตนกำลังอยู่บนถนนไปยังอาณาจักรคายา จึงรีบหันหัวกลับอย่างร้อนรน


เลเวลของ ‘เฒ่าดาบมาร’ ผู้มักหลงทางอยู่เสมอ ยังไม่ถึงระดับ 380 ด้วยซ้ำ


***


ณ กรุงไรน์ฮาร์ท เมืองหลวงแห่งโอเวอร์เกียร์


“หือ?”


กริดบินบนท้องฟ้าผ่านกำแพงเมืองด้วยสีหน้าประหลาดใจ


นั่นเพราะค่าเฉลี่ยเลเวลของทหารยามหน้าเมืองหลวง สูงกว่าเดิมมากถึงราว 20 ระดับ


‘ทำไมถึงเพิ่มเลเวลได้เร็วขนาดนี้? เราหายไปยังไม่ถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ…’


กริดมองเห็นข้อมูลของทหารโอเวอร์เกียร์ทุกนายอย่างละเอียด ไม่ว่าจะชื่อ เลเวล หรือสังกัด


นี่คืออำนาจพื้นฐานของราชา


ไม่เพียงทหารเวรยามหน้าประตู แต่ยังรวมไปถึงทหารลาดตระเวนตามท้องถนน ทหารเวรยามในจุดสำคัญอื่น และทหารของกองทัพ ซึ่งกำลังฝึกหนักอยู่ในลานกว้าง เลเวลของทุกนายเพิ่มขึ้นอย่างมาก


ได้เห็นดังนั้น กริดรีบเดินทางกลับเข้าวังหลวง


“ยินดีต้อนรับ”


“ทำงานแทนฉันได้ดีมาก… ว่าแต่ลอเอล นายใช้เวทมนตร์ใดเสกเลเวลของทหารขึ้นมา?”


มันถามลอเอลทันทีเมื่อเกิดความสงสัย


สีหน้าลอเอลดูแปลกไปทันที


“คิดจะถามเรื่องนี้กับฝ่าบาทอยู่พอดี กระหม่อมยังจำได้ว่า ฝ่าบาทเคยพูดใช่ไหมว่าอายุขัยของ ‘ดันเต้’ เหลืออีกไม่มากแล้ว?”


“เคยพูด”


“แต่ยิ่งเวลาผ่านไป กำลังวังชาของชายคนนั้นกลับเพิ่มพูนขึ้นทุกวัน”


“…?”


“ความผิดปรกติเริ่มขึ้นตั้งแต่ฝ่าบาทเดินทางเดินทางไปยังทวีปตะวันออก ริ้วรอยบนใบหน้าของเขาจางหายอย่างรวดเร็ว ราวกับถูกลบด้วยน้ำยาล้างเครื่องสำอาง”


“…??”


“หลังจากนั้น ดันเต้นเริ่มฝึกสอนทหาร และทำให้เลเวลของทหารทุกนายเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดอย่างน่าอัศจรรย์…”


ลอเอลหยุดอธิบาย


นั่นเพราะมันเห็นว่า สายตาของกริดมิได้กำลังจ้องตน แต่มองไปทางด้านหลังด้วยสีหน้าตื่นเต้น


หันกลับไป ลอเอลเห็นบราฮัมในสภาพแขนใส่เผือกหนึ่งข้าง กำลังเดินลงจากบันได


‘รูบี้ทำได้ไม่เลว’


ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ มันประหลาดใจสุดขีดเมื่อเห็นบราฮัมกลับถึงวังหลวงในสภาพแขนขาดหนึ่งข้าง


ลอเอลมิได้ห่วงบราฮัม แต่ห่วงว่ากริดอาจต้องเสียชีวิตหลายหนจนเลเวลลดหลายระดับ เพราะศัตรูต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก จึงจะทำให้บราฮัมซึ่งกำลังหนี ตกอยู่ในสภาพยับเยินเช่นนี้ได้


“บราฮัม!”


กริดเดินผ่านลอเอลพลางตะโกนเรียก


“เสียสติไปแล้วรึไง! หลังจากลงเวทฝนอุกกาบาตเสร็จ ทำไมนายถึงไม่รีบหนี? กลับเอาแต่ต่อสู้จนแขนหักเนี่ยนะ?”


ขณะอยู่ในปราสาทเฉาจื่อ เมื่อกริดได้ยินมารุพูดว่า ‘การเสียสละตัวเองของอสูรผมขาว’ สติชายหนุ่มพลันขาดผึ่ง


เนื่องจากน้ำเสียงมารุคล้ายกับบอกเป็นนัยว่าบราฮัมตายไปแล้ว หัวใจกริดจึงถูกความเดือดดาลครอบงำชั่วขณะ


แต่มันฟื้นตัวกลับมาได้เร็ว


ด้วยเหตุผลไม่ซับซ้อน


<สายสัมพันธ์>

รายชื่อบุคคลผู้มีสายสัมพันธ์แนบแน่นร่วมกับท่าน :

★ปิอาโร่★

★บราฮัม★

สายสัมพันธ์ เลเวล 1

เพิ่มค่าสถานะ 3% ขณะอยู่ใกล้กัน

ท่านสามารถรับรู้หากอีกฝ่ายเหลือพลังชีวิตในระดับอันตราย


นี่คือข้อดีของมิตรสหายทางวิญญาณ


หากบราฮัมตกอยู่ในอันตราย กริดย่อมต้องทราบก่อนใคร


เป็นเหตุให้กริดมั่นใจว่าบราฮัมยังมีชีวิตอยู่


แต่ว่า เมื่อได้เห็นอีกฝ่ายสวมเฝือก


ภาพมหาจอมเวทในตำนานกำลังสวมเฝือก ช่างขัดหูขัดตากริดยิ่งนัก


“ถ้าแผลรักษาไม่ได้จะทำยังไง! ไม่รู้หรือว่ากระดูกมีโอกาสถูกทำลายจนไม่สามารถฟื้นฟู! ทำไมถึงต้องเสี่ยงชีวิต? ไม่เชื่อใจในฝีมือของฉันขนาดนั้นเลย?”


แน่นอน กริดไม่ทราบ


เรื่องการขาดสะบั้นของแขนขวาบราฮัม


มันยังไม่ทราบว่า แขนของบราฮัมพังยับเยินจนไม่สามารถรักษาได้ด้วยเวทมนตร์ ต้องกลับมาฟื้นฟูด้วยพลังนักบุญหญิงเท่านั้น


และกริดจะไม่ได้ทราบเรื่องนี้ไปตลอดกาล


บราฮัมกำชับมิให้ใครแพร่งพรายโดยเด็ดขาด


“แล้วนายคิดว่าตัวเองพึ่งพาได้นักหรือ?”


“อึ่ก…”


“เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว ฉันกำลังยุ่ง”


บราฮัมพ่นลมหายใจเหยียดหยัน พลางเดินผ่านกริดลงไปยังชั้นล่าง


แม้จะอยู่ในสภาพใส่เฝือก แต่บราฮัมซึ่งสวมเครื่องแต่งกายเพียงครึ่งท่อนล่าง กำลังเอ่อล้นไปด้วยความสง่างามจนแม้แค่เพศเดียวกันก็ยังคล้อยตาม


ขณะกริดกำลังยืนมึนงง


“คึคึคึก! ต้องอย่างนั้น มีเสน่ห์มาก!”


ลอเอล ผู้ยืนรออยู่ชั้นล่าง กล่าวต้อนรับบราฮัมด้วยสีหน้ายินดีปรีดา


“ขอเพียงคุณเดินไปรอบ ๆ เมืองหลวง อัตราการสืบพันธุ์ของชาวเมืองจะต้องเพิ่มขึ้นหลายเท่าแน่นอน!”


“ให้ตายสิ…”


ได้ยินเช่นนั้น กริดส่ายหน้า


ถัดมา มันเตรียมไปยืนยันสภาพปัจจุบันของดันเต้เพื่อให้แน่ใจ จากนั้นค่อยแวะไปหาปิอาโร่ในค่ายทหารเพื่อสอนพลังจิตไร้เทียมทาน


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,606
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. เฒ่าดาบมารเก่งจังละ ขนาดยังไม่400👍
    ขอบคุณ​มาก​ครับ​😊🙏

    ReplyDelete
  2. บทพูดกริดพูดใส่บราฮัมอย่างกับผัวเมีย อ่านแล้วโคตเลี่ยน ขนลุกซู่ซซซ555+ หัดพูดเยอะๆแบบนี้กับยูร่าบ้าง *รักแท้แพ้กาลเวลานะคะ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00