จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,200



6 ปีในชีวิตจริง


ไฮแรงเกอร์ส่วนใหญ่ล้วนอุทิศให้กับซาทิสฟายอย่างไม่หยุดพักตลอดหกปีดังกล่าว


นับเป็นระยะเวลานานไม่นาน


มากพอจะเผชิญเหตุการณ์ใหญ่ของซาทิสฟายหลายหน บ้างก็เป็นอีเวนต์มีความสุข บ้างก็ฝันร้ายจนยากจะลืมเลือน


“นี่มันอะไรกัน…”


บึ้มมมมม!


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!


เหล่าไฮแรงเกอร์ต่างหมดคำพูดเมื่อได้ประจักษ์ฉากฝนอุกกาบาตหลายสิบลูกพุ่งถล่มเมืองเฉาจื่อจากท้องฟ้า


ไม่ว่าพวกมันจะเคยเห็นภัยพิบัติรุนแรงมากเพียงใดมาก่อน แต่ก็ไม่มีครั้งใดสามารถทำลายหนึ่งเมืองในคราวเดียวเช่นนี้


—!


จอมอสูรบีเลียลรุกรานโลกมนุษย์อีกแล้ว?


ท่ามกลางเสียงร้องโอดครวญของชาวเมืองและทหาร เหล่าไฮแรงเกอร์หวนนึกถึงเหตุการณ์จอมอสูรถูกอัญเชิญขึ้นมาบนโลกมนุษย์หนแรก


การเสกฝนอุกกาบาตนับร้อยลูกของบีเลียลทำให้ท้องฟ้าถูกย้อมเป็นสีแดงฉาน คลิปดังกล่าวถูกฉายไปทั่วโลกและมีการเล่นซ้ำตลอดหลายปี จึงไม่มีใครไม่เคยเห็นตัวตนแท้จริงของเวทมนตร์เกรดเลเจนดารีซึ่งเคยเป็นปริศนามาช้านาน


ฝนอุกกาบาต


พวกมันเคยคิดว่า ภัยพิบัติระดับนั้นคงไม่มีทางเกิดขึ้นบนโลกอีก


แต่ปัจจุบันกลับ…


“…ไม่ใช่ นี่มันเลวร้ายยิ่งกว่าบีเลียล”


แรงเกอร์จอมเวทอุทานด้วยสีหน้าขาวซีด


พวกมันเพ่งมองจนเริ่มมั่นใจ ฝนอุกกาบาตบนท้องฟ้าล้วนเป็นของจริงทั้งหมด


แตกต่างจากฝนอุกกาบาตนับร้อยของบีเลียลซึ่งเกิดจากการรวมตัวของละอองเวทมนตร์จนมีลักษณะคล้ายอุกกาบาต


แต่แรงคุกคามเชิงกายภาพตรงหน้าทุกคนในวินาทีนี้ ไม่สามารถถูกเลียนแบบได้ด้วยเวทมนตร์อย่างแน่นอน


“ใครบางตนดึงดวงดาวลงมาจากท้องฟ้า… ฝนอุกกาบาตของจริง!”


ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!


หัวใจจอมเวทพลันเต้นโครมคราม


พวกมันรีบแผ่ขยายเวทมนตร์ตรวจจับหาออกไปทุกทิศทางเพื่อตามหาผู้ลงมือ


จนกระทั่งได้พบกับ มหาจอมเวทอันดับหนึ่งตลอดกาลของโลกมนุษย์


บราฮัม จอมเวทเหนือจอมเวท จอมเวทผู้เป็นอาจารย์ของจอมเวททุกคน กำลังปรากฏตัวและสร้างความโกลาหลในเมืองเฉาจื่อ


“…!”


ทันใดนั้น กลุ่มจอมเวทร้องตะโกนพร้อมกัน


“มีใครบางคนกำลังเข้ามาใกล้!”


นั่นคือสัญญาณ


ท่ามกลางการถล่มจากฝนอุกกาบาต แรงเกอร์ซึ่งใช้มุมของอาคารทรงสี่เหลี่ยมเป็นกำบัง ต่างพากันตั้งท่าเตรียมทำศึกอย่างกระฉับกระเฉง


จะดีจะร้ายอย่างไร พวกมันคือมืออาชีพ


ความตายของชาวเมืองและทหารมิได้ทำให้สมาธิของใครสั่นคลอน จิตยังคงแน่วแน่ พฤติกรรมตอบสนองจึงเกิดขึ้นอย่างฉับไว


“หยุดมันไว้ให้ได้!”


คลาสนักธนูผู้มี <นัยน์ตาเหยี่ยว> เริ่มจับสัญญาณผู้บุกรุกได้ต่อจากกลุ่มจอมเวท


หลังจากประเมินความเร็วศัตรู พลธนูแต่ละคนรีบง้างสายพลางกะระยะยิงดักหน้า


วิ้ง—


กลยุทธ์ทุกชนิดถูกงัดออกมาใช้โดยไม่ออมมือ


พาลาดินทำการบัฟพลังโจมตีและค่าสถานะ


พรืด—


ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!


ศรนับร้อยดอกจากนักธนูหลายสิบคนถูกปล่อยพุ่งเข้าหาเป้าหมาย แต่เนื่องด้วยแรงระเบิดจากฝนอุกกาบาตยังคงอยู่ ศรบางนัดจึงกระเด็นจนเปลี่ยนวิถี บางนัดพุ่งลงปักพื้นทันที


พรึบ!


ทันใดนั้น ศรกลุ่มหลักซึ่งยังคงมุ่งหน้าเข้าผู้บุกรุก พลันส่องสว่างไปด้วยแสงไฟหลากสีสัน


นี่คือเวทมนตร์ ‘เสริมธาตุ’ จากเหล่าจอมเวท เพื่อช่วยดึงประสิทธิภาพของลูกธนูจนถึงขีดสุด


“ตรงนั้น!”


คลาสโจมตีระยะใกล้และตัวแทงค์เริ่มจับสัญญาณของผู้บุกรุกได้แล้วเช่นกัน


หมายความว่า อีกฝ่ายเข้ามาใกล้พอสมควร


เพียงพริบตา ศรนับร้อยดอกพุ่งปะทะร่างกายผู้บุกรุกเข้าอย่างจัง


เคร้ง!


เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!


สมบูรณ์แบบ


ไม่มีนัดใดเลยพลาดเป้า


แต่พลธนูยังไม่นิ่งนอนใจ ทุกคนรีบโก่งง้างคันศรไปด้านหลัง ฝ่ายนักเวทก็เตรียมเสริมธาตุให้ลูกธนูอีกระลอก


“ทำดีมา—… หือ?”


ขณะตัวแทงค์เตรียมเข้าชาร์จ พวกมันกลับชะงักฝีเท้ากลางคัน


สาเหตุเพราะว่า ผู้บุกรุกซึ่งถูกศรนับร้อยนัดปักใส่จนร่างกายพรุนประหนึ่งตัวเม่น กลับมิได้สูญเสียความเร็วแม้แต่น้อย


“ไอ้พวกธนูของเล่นเอ้ย!”


เมื่อรู้สึกผิดหวังจากการโจมตีเปล่าประโยชน์ของพลธนูฝ่ายเดียวกัน กลุ่มตัวแทงค์รีบยกโล่ขึ้นมาตั้งป้อมเพื่อหยั่งเชิง


“เชนสไตร์ค!” (Chain Strike)


กลุ่มผู้เล่นคลาส ‘ซอร์ดซิงเกอร์’ (Sword Singer) ซึ่งยืนหลบด้านหลังตัวแทงค์มาตลอด เริ่มประเคนทักษะพันธนาการเข้าใส่


หมับ! หมับ! พรืด!


ปราณดาบรูปร่างโซ่หลายสิบเส้นพุ่งขึ้นไปในอากาศและรัดพันแขนขา รวมถึงลำคอของผู้บุกรุกปริศนา


ส่งผลให้ร่างกายผู้บุกรุกเริ่มเสียหลักและเซถลามาด้านหน้า พลางถูกกระชากอย่างรุนแรงจนพุ่งลงมายังกลุ่มของตัวแทงค์ด้านล่าง


“เหยื่อติดเบ็ดแล้ว!”


ตัวทำดาเมจเริ่มแสยะยิ้มอย่างมีชัย


ทักษะสร้างอาการมึนงงจำนวนมากกำลังเตรียมประเคนใส่ใบหน้าผู้บุกรุก หลายคนรอใช้ท่าไม้ตายเพื่อปิดฉากในคราวเดียว


“ไม่สนว่าจะเป็นเหนือมนุษย์หรืออะไร แต่อย่าทำเป็นเก่งเมื่ออยู่ต่อหน้าท่านดากูลผู้นี้!”


“อย่าเพิ่งได้ใจไป! ยังมีบราฮัมอยู่เบื้องหลังดันเต้อีกคน!”


ตามธรรมชาติของเกม คลาสสายโจมตีส่วนใหญ่มักบ้าพลัง ไม่เว้นแม้กระทั่งไฮแรงเกอร์


บางคนไม่รอให้เหยื่อถูกหยุดเสียก่อน รีบสาดท่าโจมตีออกไปพร้อมกับอาวุธในมือ


ทันใดนั้น


‘อะไรกัน…’


‘ใครดึงแรงเกินไป…? ห…หรือว่า…’


สีหน้าเหล่าซอร์ดซิงเกอร์เริ่มขาวซีด


แม้โซ่ปราณดาบจะยังล่ามเป้าหมายแน่นถนัด แต่พวกมันกลับเป็นฝ่ายหวาดผวาเสียเอง


แต่ละคนเริ่มตระหนัก ผู้บุกรุกมิได้ถูกดึงลงมา แต่เป็นการพุ่งเข้าหาด้วยความสมัครใจ


เคร้ง!


เมื่อผู้บุกรุกหมุนตัว สลัดโซ่ปราณดาบตามแขนขาและลำคอได้ถูกสลัดออกจนหมด


วืด! วืด! วืด!


อาวุธของคลาสสายโจมตีล้วนพลาดเป้าและสัมผัสโดนเพียงอากาศ


กลุ่มแรงเกอร์หลายร้อยจ้องมองผู้บุกรุกด้วยสีหน้าสับสน เพราะทุกคนเคยเข้าใจว่าชายคนนี้คือดันเต้มาตลอด


พวกมันกำลังคาดหวังชายชราผมขาว


“แกเป็นใคร?”


ผู้บุกรุกมิใช่ชายชรา


เส้นผมสีทองกึ่งเลม่อน ส่องแสงระยิบระยับเมื่อกระทบแสงแดด มองผิวเผินคล้ายคลึงกับเส้นผมสีทองเงางามของอารึม


“คึ่ก…!”


ตัวแทงค์ขมกรามแน่น รีบยกโล่ขึ้นมากำบัง


พกวมันเตรียมรับมือการโจมตีอันไม่คาดฝันจากผู้บุกรุกผมสีทอง ซึ่งมองจากภายนอกจะเห็นว่าแทบไม่ได้รับอาการบาดเจ็บใดเลย


ทว่า การกระทำดังกล่าวล้วนเป็นหมัน


เปรี้ยง!


“…!?”


หากถามว่า อุปกรณ์ป้องกันชนิดใดมีความสำคัญมากเป็นอันดับหนึ่ง คงส่วนใหญ่คงตอบ ‘ชุดเกราะ’ โดยไม่ลังเล


ชุดเกราะมีขนาดใหญ่ และปกป้องอวัยวะสำคัญของร่างกายไว้มากมาย


แต่คำตอบแท้จริงนั้นไม่ใช่


สุดยอดเครื่องป้องกันอันดับหนึ่งคือ ‘โล่’


โล่สามารถป้องกันส่วนใดของร่างกายก็ได้ และยังกระทำก่อนการโจมตีสัมผัสถึงตัว


ไม่ว่าอีกฝ่ายจะโหมบุกได้ทรงพลังสักเพียงใด แต่ถ้าอาศัยเทคนิคชั้นสูง รวมถึงการตอบสนองได้รวดเร็ว ตัวแทงค์สามารถสลายความเสียหายได้หมดจดก่อนอาวุธจะสัมผัสร่าง


เป็นเหตุผลว่าทำไม ตัวแทงค์จึงยอมถือโล่แล้วแก้ผ้า มากกว่าใส่เกราะเต็มสูบแต่ไม่มีโล่


ความศรัทธาต่อโล่ของตัวแทงค์นั้นเกินกว่าจะบรรยายให้เห็นภาพชัด ใกล้เคียงกับความศรัทธาระดับศาสนาเลยทีเดียว


พวกมันเคยคิดแบบนั้น


จนกระทั่งเมื่อครู่


“อ๊ากกกก!”


ทะลวงผ่านประหนึ่งแทงใส่เต้าหู้


ตัวแทงค์ซึ่งใช้โล่เล็กป้องกันปลายดาบไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ กลับถูกเสียบทะลวงร่างจนกระเด็นไปไกลพร้อมกับโล่ในมือ


โล่เล็กมีไว้สำหรับความคล่องตัว จึงมิอาจรับมือกับดาบปริศนาของผู้บุกรุกไหว


“ชิ! ก็บอกแล้วไงว่าให้ใช้โล่ใหญ่!”


คนเหล่านี้ไม่มีหัวใจของตัวแทงค์เลยสักนิด!


คาทัน อัศวินผู้พิทักษ์อันดับ 4 ของโลก ตัดสินใจออกไปรับหน้าด้วยตัวเอง


สายตาของมันเพ่งมองหัวไหล่ผู้บุกรุก


‘จังหวะนี้แหละ!’


เคร้ง!


สมบูรณ์แบบ


คาทันกะจังหวะโจมตีของศัตรู จึงค่อยถ่ายเทน้ำหนักพร้อมกับเปิดทักษะ ‘บล็อก’ ในขณะดาบอีกฝ่ายพุ่งแทงเข้าใส่


ไม่เหมือนกับโล่เล็กของตัวแทงค์คนอื่นซึ่งเน้นความคล่องตัวสำหรับโจมตีสวนกลับ โล่สี่เหลี่ยมขนาดมหึมาของคาทัน ปะทะกับดาบผู้บุกรุกด้วยบรรยากาศแตกต่างชัดเจน


อย่างไรก็ตาม มันกลับรู้สึกว่ามี ‘น้ำหนัก’ ของบางสิ่งกระแทกเสริมเข้ามาภายหลัง


ตึง!


“…?”


มีใครยิงปืนใหญ่หรือไง?


เมื่อเสาหินต้นใหญ่พุ่งออกจากปลายดาบอันแหลมคมผู้บุกรุก คาทันถูกกระแทกปลิวไปไกลหลายสิบเมตรพร้อมกับโล่ยักษ์


‘ท่าชาร์จ… แถมยังมองข้ามพลังป้องกันและค่าต้านทานของเป้าหมาย?’


แผ่นหลังของมันปะทะเข้ากับกำแพงอาคารทรงสี่เหลี่ยมอย่างจัง ดวงตาคาทันเริ่มเกิดอาการสั่นเทาจนมิอาจยับยั้ง


แต่มันยังไม่ถอดใจ


“ยังหรอกน่า!!”


แน่นอน ไฮแรงเกอร์กว่า 300 คนซึ่งกำลังรวมตัวในละแวกใกล้เคียง ไม่มีใครเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน


แต่พวกมันสามารถเชื่อใจกันได้


คนกลุ่มนี้คือหัวกะทิจากบรรดาประชากรกว่าสองพันล้าน จะดีจะร้ายอย่างไร ทุกคนย่อมมีประโยชน์ในแบบฉบับตัวเอง


“ยื้อเวลาได้ดีมาก!”


พลังจากคาทันตะโกน เสียงระเบิดของเวทมนตร์ดังขึ้นจากทุกสารทิศ


เวทมนตร์หลากสีสัน ย่อมหมายถึงธาตุอันหลากหลาย ไม่มีใครทราบว่าเป้าหมายมีค่าต้านทานธาตุเป็นอย่างไรบ้าง ทุกคนจึงต้องใช้ธาตุถนัดของตัวเองให้สุดฝีมือ


กลุ่มเวทมนตร์พุ่งกระแทกร่างผู้บุกรุกจากทุกทิศทางโดยไม่มีการขัดขืน ราวกับอีกฝ่ายมิได้คาดการสิ่งนี้ไว้ล่วงหน้า


การโจมตีอย่างบุ่มบ่ามของตัวทำดาเมจในจังหวะแรกเป็นเพียงเหยื่อล่อ


“ไม่ว่าแกจะเป็นใคร…”


“แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ผ่านตรงนี้!”


แรงเกอร์แต่ละอันดับนั้นมีมูลค่ามหาศาล


หากมีการเปลี่ยนแปลงแค่หนึ่งหรือสองอันดับ รายรับของผู้เล่นจะลดลงจนน่าใจหาย


ทุกจนจึงมุ่งมั่นมากเป็นพิเศษ


ถึงจะไม่รู้ว่าผู้บุกรุกผมทอง กลิ่นอายค่อนข้างคุ้นเคย เป็นใครมาจากไหน แต่พวกมันก็ไม่ยอมให้ภารกิจของตนล้มเหลวโดยง่าย


จนกระทั่ง


“…อัสโมเฟล! อัสโมเฟลไม่ผิดแน่!!”


แรงเกอร์คนหนึ่งเริ่มนึกออก ว่าความคุ้นเคยภายในใจตนมีบ่อเกิดมาจากสิ่งใด


หนึ่งในสี่ราชันสวรรค์ของราชาอสูร กริด ชื่อเสียงอาจด้อยกว่าอัศวินคนอื่น แต่เนื่องจากผู้เฝ้าประตูมีเพียงสี่ทิศ ย่อมต้องมีไฮแรงเกอร์สักคนเคยเผชิญหน้ากับอัสโมเฟลโดยตรง


“ม…ไม่จริงน่า! เรื่องนี้เกี่ยวกับกริด…?”


จิตวิญญาณการต่อสู้ของไฮแรงเกอร์เริ่มห่อเหี่ยวเป็นหนแรกนับตั้งแต่รับภารกิจ


เทียบกับการลดลง 4 เลเวล พวกมันหวาดกลัวการแก้แค้นของกริดมากกว่า


อิทธิพลของกริดมีมากถึงเพียงนั้น


“หึ…”


ผู้บุกรุกผมทอง อัสโมเฟล


หรือในความเป็นจริง มันคือกริดผู้หยิบยืมรูปลักษณ์ของอัสโมเฟลมาใช้


ชายหนุ่มเริ่มเปิดปากสนทนา


“ฉันไม่มีธุระกับพวกนาย หลีกทางไป”


สาเหตุให้กริดตัดสินใจถอดหน้ากากเพชฌฆาตออก เพราะมันพบใบหน้าคุ้นเคยจากกลุ่มแรงเกอร์ด้านล่าง และเชื่อว่าต้องมีสักคนในกลุ่มนี้ สามารถจดจำอัสโมเฟลได้


ในเมื่อไม่มีใครจำหน้ากากเพชฌฆาต ก็ต้องถอดออกให้เห็นหน้าอัสโมเฟล


“จุดประสงค์เดียวของฉันก็คือ ต้องการทราบว่าภายในอาคารหลังนี้มีสิ่งใดซ่อนอยู่ แค่เข้าไปตรวจสอบแล้วกลับออกมาทันที”


มันหมายความตรงตามคำพูด


กริดไม่มีเจตนาทำร้ายผู้เล่นอย่างไร้เหตุผล


แน่นอน หากมีใครแข็งข้อหรือล้ำเส้น มันผู้นั้นก็จะถูกเชือดทิ้งโดยไม่ลังเล แต่ถ้ายังมีโอกาสเลี่ยงการปะทะอย่างสูญเปล่าได้ กริดก็อยากจะทำ


จิตใต้สำนึกของชายหนุ่ม ไม่หลงเหลือความคิดกลั่นแกล้งคนอ่อนแอกว่ามานานแล้ว


“อ…เอ๋…?”


แต่เมื่อเหล่าไฮแรงเกอร์หันไปมองอาคารทรงสี่เหลี่ยมตามปลายนิ้วกริด สีหน้าพวกมันพลันดำมืดโดยพร้อมเพรียง


เพราะในตอนแรก อาคารทรงสี่เหลี่ยมนั้นมีสีขาวราวกับหิมะ แต่ยามนี้เริ่มกลายเป็นสีเทาเข้ม


คล้ายกับกำลังบอกใบ้ถึงลางร้าย


โฮกกกก—!


ใครบางคนได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ป่า


แถมยังอัดแน่นไปด้วยจิตสังหารเต็มเปี่ยม


มาโซ พาลาดินแรงค์ 3 ของโลก กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


“อ…อาคารหลังนั้น กำลังดูดกลืนพลังงานความตายจากบริเวณโดยรอบ!”


“…!?”


สายตาของบรรดาแรงเกอร์ รวมถึงกริด ต่างมองไปยังคนละทิศทางรอบตัว


เสียงครวญครางของทหารผู้ตกเป็นเหยื่อของฝนอุกกาบาต กำลังดังระงมปะปนอยู่ในอากาศอย่างเข้มข้น และเมื่อหนึ่งเสียงดับลง สีของอาคารสี่เหลี่ยมก็จะยิ่งเข้มข้นจนเข้าใกล้ความมืดมิดโดยสมบูรณ์


หน้าจอกริดพลันกะพริบด้วยแสงสีแดง


[ความตายกำลังคืบคลานเข้าใกล้!]


ครืนนนนนน!!


อาคารทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งถูกย้อมจนกลายเป็นสีดำสนิท เริ่มเปิดออกและพ่นหมอกพิษจนฟุ้งกระจายเต็มบรรยากาศ


ตามด้วยปรากฏตัวของเต่าตัวใหญ่หางเป็นงู


ไม่ใช่สิ่งใดนอกจากเทพเต่าดำ


“พิษโรคระบาด!”


“เชี่ย!”


กริดและบรรดาไฮแรงเกอร์ต่างสบถเสียงหลงอย่างพร้อมเพรียง


***


ณ จุดลึกสุดใต้ปราสาทเฉาจือ


หลังจากบองเดรถูกนำทางมายังห้องปริศนาซึ่งเต็มไปด้วยน้ำใสสะอาด มันทำสีหน้าสับสน


ใจกลางสายน้ำมีอัญมณีเต่าดำวางอยู่


“อาคารด้านนอกเป็นแค่เหยื่อล่อสินะ…”


“ผิดแล้ว ทางนั้นก็เป็นอัญมณีเต่าดำ”


“…?”


“คุณลักษณะพิเศษของเทพเต่าดำมิอาจถูกเก็บรักษาในภาชนะเดียวกันได้ เพราะพลังวารีซึ่งเป็นตัวแทนของการให้กำเนิด ขัดแย้งกับพลังแห่งความตายอย่างรุนแรง”


อารึมย่างกรายเข้าใกล้บองเดรอย่างเชื่องช้า


“จงใช้พลังแช่ให้สายน้ำแข็งตัว นั่นจะทำให้เทพผู้พิทักษ์ถือกำเนิดอย่างสมบูรณ์”


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,589
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ฉันไม่มีธุระ​กับพวกนาย หลีกไปซะ
    😮
    ขอบคุณ​มาก​ครับ​😊

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00