จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,213



『และแล้ว การแข่งซาทิสฟายนานาชาติปีล่าสุดก็ดำเนินมาถึงจุดจบจนได้นะครับ! ไล่จากพิธีเปิดไปจนถึงพิธีปิด ทางเราสถานี BBD ของเรา ขอขอบคุณผู้ชมทุกท่านอย่างสุดซึ้ง สำหรับการอยู่มาด้วยกันตลอดหนึ่งสัปดาห์เต็ม!』


ภารกิจ ‘เสียงเพรียกจากสวรรค์’ มิได้สร้างความวุ่นวายอะไรกับงานแข่งนัก


จากบรรดานักแข่งทั้งหมด มีเพียง 11 แอบหนีกลับไปทำภารกิจดังกล่าว และไม่มีใครเป็นเจ้าของเหรียญรางวัล


ยิ่งเมื่อมีการแสดงแสนยานุภาพอันยอดเยี่ยมของราชาอสูรดาเมี่ยนให้ตกตะลึง ผู้คนทั่วโลกจึงแทบไม่พบความผิดปรกติเพียงเล็กน้อยในจุดดังกล่าว


และเหนือสิ่งอื่นใด


อันดับ 1 เกาหลีใต้


แม้จะไม่มีกริด แต่เหล่าขุนพลของเกาหลีใต้ได้เฉือนชนะตัวเต็งอย่างจีนและสหรัฐอเมริกาไปในวันสุดท้าย


สาธารณชนกำลังถกเถียงในหัวข้อดังกล่าวอย่างออกอรรถรส


“ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าบ้าครอเกลคนเดียว!”


ชาวจีนส่งเสียงสาปแช่งครอเกลไม่ขาดปาก เพราะมันแย่งชิงเหรียญทองในรายการความหวังของจีนไปทั้งหมด


“สหรัฐต้องเผชิญวิกฤติเมื่อไม่มีลอเอล…”


ชายอเมริกันหลายคนเริ่มตาสว่าง และเห็นคุณค่าของ ‘คัมภีร์’ นามว่าลอเอล


บางคนพยายามเรียกร้องให้รัฐบาลคัดค้านมิให้ลอเอลโอนสัญชาติเป็นชาวเกาหลีใต้


ขณะเดียวกันก็ยังหมายความว่า จิสึกะแสดงฝีมือได้ยอดเยี่ยมเหนือความคาดหมาย


สนามบินนานาชาติอินชอนแทบพังถล่มเมื่อเครื่องบินลำเลียงนักกีฬาบินกลับถึงประเทศ


การคว้าหนึ่งเหรียญเงินและสามเหรียญทองในรายการเดี่ยวและทีมของจิสึกะ ได้ทำให้อันดับของเกาหลีใต้ทะยานขึ้นในวันสุดท้ายของการแข่ง


“จิสิกะ! จิสิกะ! จิสิกะ! จิสิกะ!!!”


“นักกีฬาจิสึกะครับ แม้คุณเพิ่งได้รับสัญชาติแค่ปีเดียว แต่ดูเหมือนจะกลายเป็นวีรสตรีในใจชาวเกาหลีทุกคนแล้วนะครับ ช่วยอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ให้ฟังหน่อย”


“ระหว่างวันแข่ง ขณะคุณใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกา กล้องสามารถจับภาพคุณรับประทานอาหารเกาหลีได้บ่อยครั้ง หรือคุณกำลังจะบอกเป็นนัยว่า การปรับตัวอย่างรวดเร็วเกิดขึ้นได้เพราะอาหารของพวกเรามีรสชาติดีครับ?”


ผู้สื่อข่าวส่วนใหญ่ยิงคำถามเป็นภาษาปอร์ตุกีสโดยไม่ใช้ล่าม นั่นก็เพื่อเรียกความสนใจจากจิสึกะผู้มีเชื้อสายบราซิล


หญิงสาวฉีกยิ้มกว้าง พลางตอบกลับด้วยภาษาเกาหลีอย่างฉะฉาน


“การได้ช่วยบ้านเกิดของกริดคือความสุขของดิฉันเสมอ และตอนนี้ก็เป็นบ้านของดิฉันไปแล้วเช่นกัน แล้วก็… ฉันรักอาหารเกาหลีมากค่ะ ต้องขอบคุณฝีมือการทำอาหารอันยอดเยี่ยมของคุณแม่สามี ดินฉันจึงสามารถเพลิดเพลินไปกับอาหารเกาหลีได้อย่างสนุกสนาน”


“แม่สามี?”


“ด…ดิฉันหมายถึงแม่ของดิฉันค่ะ ฮะฮะ! ขอโทษนะคะ พอดีว่าภาษาเกาหลียังไม่แข็งแรงสักเท่าไร”


ผู้สื่อข่าวต่างพากันหน้าแดงเมื่อเห็นพฤติกรรมเขินอายของจิสึกะ แม้แต่ผู้ชมทางบ้านก็ยังชื่นชอบ


แต่ไหนแต่ไร จิสึกะคือตัวแทนของหญิงแกร่ง เมื่อได้เห็นเสน่ห์มุมน่ารักในคราวนี้ ทุกคนต่างกลับมาตกหลุมรักเธออีกครั้ง


ท่ามกลางบรรยากาศชื่นมื่น ใครบางคนเดินตามหลังจิสึกะมาจากเกตเที่ยวบินขาเข้า


เป็นยูร่า หญิงสาวผู้มีผิวพรรณขาวเนียนราวเกล็ดหิมะใต้แสงแดด


นักข่าวต่างพากันทักทายยูร่า ผู้เข้าเกตมาช้ากว่าจิสึกะเนื่องจากต้องถือของพะรุงพะรัง


“นักกีฬายูร่าครับ! สำหรับปีนี้ คุณเองก็ทำได้ดีไม่แพ้กันเลยนะครับ!”


“ในฐานะผู้กวาดเหรียญรางวัลเป็นกอบเป็นกำเทียบเท่าจิสึกะและช่วยให้เกาหลีใต้ได้เป็นแชมป์โลก กรุณาเล่าความรู้สึกด้วยครับ!!”


“ดิฉันแค่อยากเห็นพ่อแม่สามีมีความสุข”


“ค…ครับ…?”


“อ๊ะ ฉันหมายถึงพ่อแม่ของฉันเองค่ะ”


ยูร่าแก้คำผิดพร้อมกับเผยรอยยิ้มสดใส


แต่แววตาของเธอนั้นไม่ใช่เลย


คล้ายกำลังมองไปยังแผ่นหลังของจิสึกะอย่างอาฆาตปานจะกินเลือดเนื้อ


จิสึกะขมวดคิ้วและหันหน้ากลับมา


“นึกว่าเสียงหมาเห่า หูแว่วไปเองหรือนี่”


“…!”


เหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นบนหน้าผากของบรรดานักข่าวสนามบิน แม้กระทั่งกลุ่มช่างภาพนับร้อยผู้กำลังแบกกล้อง ก็ยังต้องเย็นสันหลังวาบ


พวกมันตระหนักได้อีกครั้งว่า หญิงสาวสองคนนี้ต่างห่วงใยแค่กริด โดยไม่สนใจว่าคนทั่วโลกจะมองพวกเธอเช่นไร


‘กริดคงไม่ได้กำลังถูกจับมัดไว้ในบ้านใครสักคนหรอกใช่ไหม? ก็เลยมาลงแข่งไม่ได้…’


‘หรือว่าพวกเธอหั่นกริดออกเป็นสองส่วนแล้วแบ่งกัน?’


‘สมน้ำหน้าเจ้าบ้านั่นแล้ว!’


‘ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ กริดต้องรีบแสดงความชัดเจน เพื่อความสุขของพวกเธอเอง’


‘ไอ้ลูกหมากริด!’


พวกมันพูดไม่ผิด กริดต้องตัดสินใจเลือกใครสักคนโดยเร็ว


เพราะหากนานวันเข้า บาดแผลของผู้ไม่ถูกเลือกก็จะยิ่งฝังรากลึก จนมิอาจเยียวยาให้หายขาดไปตลอดชีวิต


แต่ปัญหาอยู่ตรงทัศนคติของกริด เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่า จะไม่ตัดสินใจในเรื่องนี้ภายในอนาคตอันใกล้ และนั่นคงได้กลายเป็นปัญหาเรื้อรังในระยะยาว


สองสุดยอดสาวงามของโลก ผู้เพียบพร้อมทั้งเชื่อเสียงและเงินทอง กลับตกหลุมรักชายซื่อบื้อคนเดียวกัน จนทุกคนต่างเห็นอกเห็นใจ


***


‘ต้องมีใครนินทาเราอยู่แน่…’


ขณะกริดกำลังเดินไปบนถนนกว้างใจกลางกรุงไรน์ฮาร์ท


ระหว่างมุ่งหน้าไปยังอาคารกองบัญชาการทหารสูงสุด ชายหนุ่มนำทัศนียภาพของกรุงไรน์ฮาร์ทไปเปรียบเทียบกับสองอาณาจักรใหญ่แห่งทวีปตะวันออก


‘เราไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย แล้วทำไมถึงยังถูกผู้คนตามสาปแช่งอยู่อีก…’


กริดหยุดเดินกลางฝูงชนเพื่อแคะหู


ชาวเมืองหลายร้อยหลายพันคนรอบตัว สัญจรผ่านไปมาโดยไม่มีใครเหลียวมองบุคคลผู้เป็นเจ้าของอาณาจักร


นี่คือพลังของ ‘เสื้อคลุมหัวแบบมีซิป’


เมื่อคนธรรมดามองไม่เห็น ชายหนุ่มจึงเดินไปรอบเมืองได้อย่างสบายใจ


“หืม…”


ปฏิเสธไม่ได้ว่า อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ได้พัฒนากลายเป็นประเทศชั้นนำเต็มตัวแล้ว


ภายในไม่ถึงสิบปี อารยธรรมได้ไล่ตามจักรวรรดิซาฮารันอันมีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายร้อยปีทัน


ความมั่งคงถือเกิดกำเนิดจากธุรกิจค้าอาวุธต้นทุนต่ำ อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ไม่ต้องเสียเวลาและเงินทุนในการผลิตเหล็กเหมือนกับประเทศอื่นบนทวีป แถมยังอุดมไปด้วยช่างฝีมือระดับแนวหน้าคอยรังสรรค์ผลงาน


อย่างไรก็ตาม นั่นยังไม่เพียงพอ


อารยธรรมของ ‘โช’ และ ‘ชิง’ พัฒนาไปไกลกว่าจักรวรรดิซาฮารันมาก


ไม่เพียงเท่านั้น ทั้งสองประเทศยังสามารถก้าวหน้าได้ภายใต้เงื่อนไขถูกกดขี่จากยังบันตลอดเวลา เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าผู้นำของพวกมันมีประสิทธิภาพมากเพียงใด


‘คราวหน้า เราจะขอร้องให้กษัตริย์โชช่วยสอนวิธีการวางผังเมืองและเทคนิคก่อสร้าง อา… หวังว่าจะได้สานความสัมพันธ์อันดีกับพวกเขา’


ขณะกำลังเดินอย่างผ่อนคลาย ภาพของอาคารหลังใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้า


กองบัญชาการทหารสูงสุด


ทหารนับพันกำลังเดินเข้าไปทางประตูหลัก


ร่างกายเต็มไปด้วยดินโคลน คล้ายกับเพิ่งกลับมาจากการทำไร่ไถนา


‘ไม่สิ เราสามารถพิสูจน์ได้แล้วว่า การฝึกด้วยเกษตรกรรมของปิอาโร่ได้ผลยอดเยี่ยม’


ปิอาโร่สำคัญต่อกริดมาก ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทหารของอาณาจักรใหม่อย่างโอเวอร์เกียร์ สามารถก้าวขึ้นมาทัดเทียมอาณาจักรอื่นได้โดยหลักสูตรการฝึกพิเศษของแม่ทัพใหญ่ปิอาโร่


‘แต่เมื่อเลเวลของทหารเพิ่มขึ้น ประสิทธิภาพการฝึกก็เริ่มเสื่อมลง…’


NPC ทั่วไปย่อมมีระดับการเติบโตจำกัด ระบบเกมถูกออกแบบไว้เช่นนั้น


แต้มสถานะเพิ่มได้ไม่เกินค่าสูงสุด และเมื่อถึงจุดดังกล่าว เลเวลก็แทบไม่กระเตื้อง


เป็นเหตุผลว่าทำไม ทั้งปิอาโร่และอัสโมเฟลถึงไม่สามารถยกระดับทหารให้แซงหน้าอาณาจักรอื่นได้ไกล แม้จะพยายามอย่างหนักร่วมกันมานานหลายปี


ทหารโอเวอร์เกียร์ในปัจจุบันพัฒนาใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มทีแล้ว


อย่างไรก็ตาม การฝึกของดันเต้กลับทำให้ทุกคนก้าวกระโดดได้อีกครั้ง?


กริดยากจะหาเหตุผลมารองรับ


ขณะกำลังครุ่นคิด มันเห็นดันเต้


“…!”


ดวงตาชายหนุ่มพลันเบิกโพลง


กริดเคยคิดว่าลอเอลคงเล่าแต่งเติมเกินจริง แต่กลับมิได้เป็นแบบนั้นเลยสักนิด


ดันเต้หนุ่มลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับหนึ่งเดือนก่อน


รอยย่นเล็ก ๆ ตรงขอบตาและมุมปากยังปรากฏให้เห็นบ้าง แต่จุดกระด่างดำของวัยชราได้ถูกลบเลือนโดยสมบูรณ์ ดวงตาซึ่งเคยขาวขุ่นราวกับเอาเทปใสแปะไว้ ยามนี้กระจ่างชัดและแวววาวเหมือนกับคนหนุ่ม


‘ได้ยังไง…’


กริดรีบตรวจสอบหน้าต่างสถานะอีกฝ่าย


อายุ : 73 ปี เพศ : ชาย

เผ่าพันธุ์ : มนุษย์

สมญานาม : ทหารผ่านศึก

* ทุกการโจมตีจะเป็นคริติคอล และมีโอกาสสูงในการโจมตีใส่จุดอ่อนศัตรู

* การโจมตีจะมองข้ามพลังป้องกันของเป้าหมาย 30% และมีโอกาสต่ำในการปลดอาวุธ

สมญานาม : ตาแก่แข็งแรง

* ไม่มีวันถูกโจมตีแบบคริติคอล สามารถรับการโจมตีแทนพวกเดียวกัน และความเสียหายของการโจมตีดังกล่าวจะเหลือเพียง 80% จากปรกติ

เลเวล : 482

พละกำลัง : 3,490

ความอดทน : 1,760

ความว่องไว : 2,515

สติปัญญา : 1,503

บารมีเทพ : 1

— รายการทักษะ —

- วิชาดาบจักรวรรดิ (S)

- ดาบผู้พิทักษ์ (S)

- คุ้มกัน (S)

- พลังแฝง (SS)

ลำดับเก้าแห่งกองอัศวินสีชาด

ในยุคสมัยของตัวเอง เขาคืออาจารย์ของอัศวินสีชาดเกือบทุกนาย บรรลุวิชาดาบจักรวรรดิจนถึงระดับถ่องแท้


“…!”


ขณะได้พบกับดันเต้วันแรก กริดรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก


เหตุเพราะว่า


★ อายุขัยของตัวละครนี้ใกล้หมดลง


ปัจจุบัน ร่างกายดันเต้แก่ชราลงตามวัย และไม่กระฉับกระเฉงเหมือนสมัยหนุ่ม แต่เจ้าตัวกลับเชื่อว่าตนยังสามารถกระทำสิ่งยิ่งใหญ่ได้


นี่คือข้อความในหน้าต่างสถานะเดิมของดันเต้ บอกเป็นนัยว่าชีวิตของอีกฝ่ายใกล้ถึงจุดจบ


แต่ข้อความดังกล่าวหายไปแล้ว


และมีสิ่งใหม่เพิ่มเข้ามาแทน


บารมีเทพ : 1


‘หรือว่า…!’


กริดเริ่มตระหนักถึงสาเหตุ


[ท่านได้รับความสำเร็จ <สังหารครึ่งเทพ>]


[ค่าสถานะ ‘บารมีเทพ’ เพิ่มขึ้น 1 แต้มเป็นรางวัลจากความสำเร็จ <สังหารครึ่งเทพ>]


นี่คือข้อความระบบหลังจากกริดฆ่ายังบันศพแรกของตน—ฮันกยอล—ด้วยมือตัวเอง


[‘พุงซา’ มองเห็นท่านข้างศพฮันกยอล]


[★ สำคัญ ★ อัศวินของท่าน ‘ดันเต้’ กลายเป็นศัตรูกับอาณาจักรฮวาน]


สิ่งนี้หมายความว่า ดันเต้ได้รับค่าบารมีเทพจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย


‘เป็นไปได้… เพราะขนาดพุงซายังเข้าใจผิดคิดว่าเราเป็นดันเต้’


ค่าบารมีเทพ


ตรงตามชื่อของมัน เป็นแต้มสถานะสุดล้ำค่า ผู้ครอบครองจะมีกลิ่นอายคล้ายเทพ ยากจะหาแต้มสถานะชนิดใดมาเทียบเคียง


แม้จะมีแค่หนึ่ง แต่ก็นับว่าประเมินค่าไม่ได้


อย่างไรก็ตาม กว่ากริดจะได้เห็นผลค่าบารมีเทพอย่างเป็นรูปธรรม ก็ต้องรอให้เพิ่มถึง 10 แต้มเสียก่อน โดยเป็นการได้รับสมญานามดยุคแห่งไฟเพิ่มเติมเข้ามา


แต่ดันเต้เป็น NPC ระบบความสำคัญย่อมแตกต่างจากผู้เล่นซึ่งมีอายุขัยอนันต์


เมื่อมีออร่าแห่งเทพ อายุขัยของ NPC จึงถูกยืนออกไปอีกหลายปี


‘…นี่มัน!’


กริดยืนมองดันเต้ด้วยสายตาปลาบปลื้ม


ชายหนุ่มกำลังจินตนาการถึงวิธีการร้อยแปดชนิด ในการนำหน้ากากหนังเฟย์ริสไปใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตัวเองและอาณาจักร


ขณะเดียวกัน ดันเต้ไม่ปล่อยให้กองทัพซึ่งเพิ่งกลับมาจากไร่นาได้พักเหนื่อย มันรีบแจกจ่ายดาบให้ทุกคน และเริ่มสาธิตท่าการฟันดาบเป็นตัวอย่าง


‘วิชาดาบจักรวรรดิ…?’


กริดฆ่าทหารจักรวรรดิไปแล้วหลายพัน จึงไม่มีทางลืมเอกลักษณ์อันโดดเด่นของวิชาดาบจักรวรรดิ


อย่างไรก็ตาม ท่าสาธิตของดันเต้ทำให้กริดต้องประหลาดใจ


‘อาจซับซ้อนไม่เท่าวิชาดาบจักรวรรดิ แต่แฝงไว้ด้วยบรรยากาศคุกคาม… น่าสนใจมาก…’


หรือก็คือ วิชาดาบจักรวรรดิถูกย่อยให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ทหารทุกนายสามารถขยับตัวตามดันเต้ได้โดยไม่สับสน


ท่าฟันคือฟัน แฝงไว้ด้วยจิต ‘สะบั้น’


ท่าแทงคือแทง แฝงไว้ด้วยจิต ‘ทะลวง’


วิชาดาบเถรตรงมากขึ้น ไม่ซับซ้อน ไม่เคลื่อนไหวร่างกายอย่างสูญเปล่า ได้ผลลัพธ์ตามความต้องการ เป็นการออกแรงเพื่อให้ได้จุดประสงค์สูงสุด


ขณะกริดกำลังตั้งใจวิเคราะห์


“ท่านดันเต้ถือเป็นตำนานของอัศวินสีชาด ไม่เคยมีใครไม่พัฒนาภายใต้คำสอนของท่าน”


“…!?”


สุ้มเสียงสุขุมและอ่อนหวานดังแว่ว


กริดพลันสะดุ้ง พร้อมกับรีบหันกลับไปมองต้นเสียง และได้พบอัศวินใบหน้างดงาม เส้นผมสีขาวสว่าง กำลังยืนจ้องตนอย่างอ่อนโยน


เมอร์เซเดส


ต่อหน้าเนตรมองทะลุ กระทั่งเสื้อคลุมหัวแบบมีซิปก็ไร้ผล


“ฉ…ไม่ได้คิดจะแอบดูนะ! แค่ทำแบบนี้แล้วเดินไปบนถนนสะดวกดี…”


กริดรีบถอดเสื้อคลุมออกอย่างลนลาน พลางแก้ตัวด้วยถ้อยคำไร้ประโยชน์


โดยหวังว่าเมอร์เซเดสจะไม่มองตนผิดไป


อย่างไรก็ตาม เธอไม่เคยเคลือบแคลงคำพูดกริดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะทำสิ่งใด กับใคร ตรงไหน หญิงสาวพร้อมเชื่อมั่นและปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด


“ดิฉันมิได้เคลือบแคลงพฤติกรรมของฝ่าบาท หรือต่อให้ฝ่าบาทแอบเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าสตรี ดิฉันก็จะไม่ห้าม”


“แล้วทำไมฉันถึงต้องแอบเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าผู้หญิง…”


…เดี๋ยวสิ ทำแบบนั้นได้ด้วยหรือ?


ทำไมเราไม่เคยนึกถึงมาก่อน!


ลองทำวันหลังดีไหม?


ขณะกริดยืนครุ่นคิดเคร่งขรึม เมอร์เซเดสเดินเข้ามาและใช้หน้าผากซุกแผ่นอกกริด


“ขอบคุณสวรรค์ ฝ่าบาทกลับมาอย่างปลอดภัย…”


“เธอรู้อะไรไหม ไม่มีความคิดใดไร้ประโยชน์เท่ากับเสียเวลาเป็นห่วงฉันอีกแล้ว”


กริดไม่หลบการโผเข้ากอดอย่างเคอะเขินของเมอร์เซเดส เมื่อกลิ่นกายหอมคล้ายดอกไม้ลอยโชยสัมผัสจมูก มันบรรจงวางคางของตนลงบนศีรษะอีกฝ่าย พลางใช้ฝ่ามือลูบไล้แผ่นหลังอย่างแผ่วเบา


จนกระทั่ง ปิอาโร่เดินเข้ามาใกล้


เห็นดังนั้น กริดทำการชักดาบ


“ปิอาโร่ เมอร์เซเดส มาดวลกับฉัน”


ชายหนุ่มต้องการทดสอบ


ทดสอบว่าขุมพลังของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์พัฒนาไปถึงไหนแล้ว


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,607

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. ขอบคุณสำหรับงานแปลนะครับ ยังคงติดตามเสมอๆครับ

    ReplyDelete
  2. 2-1 มาดูกันว่าจะมีพัฒนาการไปถึงไหน

    ReplyDelete
  3. แล้วคนในอณาจักร​ต้องอึ้งความเทพแน่ๆ😁
    แต่... ต้องผ่านอะไรมา ถึงได้ปิดกั้นเรื่อง ญ จนดูทึบขนาดนี้

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00