จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,204



สัตว์ประหลาดขนาดมหึมาตัวหนึ่งโผล่จากอาคารทรงสี่เหลี่ยมปริศนา


มันเป็นพวกเดียวกับยังบันจริงหรือ…?


ท่าทีของสัตว์ประหลาดตนดังกล่าว แปลกประหลาดเกินกว่าจะอยู่ฝ่ายเดียวกับยังบัน


ไม่เพียงไม่คิดแยแสกริด แต่ยังปล่อยให้ยังบันตายไปต่อหน้าต่อตาหนึ่งตน


“พวกเราควรมองว่ามันอยู่ฝ่ายกลาง และในเมื่อเป็นแบบนั้น…”


“อย่าเหลวไหล! ไม่เคยอ่านตำนานของทวีปตะวันออกบ้างรึไง! เทพสี่ทิศเป็นบริวารรับใช้ยังบัน พวกมันอยู่ฝ่ายเดียวกับยังบันแน่นอน!”


“นายคิดว่าเจ้านี่เป็นเทพเต่าดำจริงหรือ”


“ชื่อบนหัวเด่นสะดุดตาขนาดนั้น ต้องมองยังไงถึงจะไม่ใช่เต่าดำ?”


“ผิดแล้ว ในภาพวาดเทพสี่ทิศของทวีปตะวันออก เต่าดำมีหางเป็นงูสีขาวและดวงตาสีฟ้าอ่อนงดงาม มอบกลิ่นอายของความลึกลับและน่าเกรงขาม มิใช่สัตว์ประหลาดชั่วร้ายเช่นนี้”


“นายกำลังจะบอกว่านี่เป็นตัวปลอม?”


“แน่นอน เทพผู้พิทักษ์จะเกิดมาเพื่อทำลายล้างโลกได้อย่างไร ใจเย็นลงก่อน นายกำลังขาดสติเพราะหวาดกลัวต่อยังบัน”


“…”


“ถ้าพวกเราเลือกสู้กับยังบัน สัตว์ประหลาดตัวนี้คงไม่โจมตีใส่เรา… ต้องรีบตัดสินใจแล้ว”


ในวินาทีสัตว์ประหลาดร่างยักษ์โผล่ออกมาจากอาคารทรงสี่เหลี่ยม บรรดาไฮแรงเกอร์ก็หมดศรัทธาในตัวยังบันทันที


ทุกคนเริ่มตระหนักว่า พวกตนตกเป็นเหยื่อการหลอกใช้ของยังบันเข้าแล้ว


ในฐานะไฮแรงเกอร์ผู้เปี่ยมไปด้วยศักดิ์ศรี เรื่องเช่นนี้นับว่าทำใจยอมรับได้ยาก


จนกระทั่ง กริดปรากฏตัวออกมาและเริ่มต่อสู้กับยังบันอย่างเอาเป็นเอาตาย ความสับสนภายในใจไฮแรงเกอร์จึงยิ่งเพิ่มเป็นเท่าตัว


“พวกเราต้องช่วยกริด… เหมือนกับบูบัต”


“แลกมากับ 4 เลเวลเนี่ยนะ? คุ้มแล้วหรือ”


ความเห็นของเหล่าไฮแรงเกอร์ถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน


ฝ่ายหนึ่งต้องการให้รอดูท่าทีไปอีกสักพัก จนกระทั่งมั่นใจว่าการทรยศยังบันและเข้าร่วมกับกริดเป็นหนทางถูกต้อง


ในสถานการณ์ปรกติ แนวคิดนี้นับว่าปลอดภัยและไม่มีข้อกังขา


การเข้าไปช่วยกริดอย่างหน้ามืดตามัวโดยแลกมากับการลดลง 4 เลเวล มิได้เกิดประโยชน์อันใดกับพวกมันเลย


แต่สถานการณ์ปัจจุบันค่อนข้างพิเศษ


“กริดได้รับบัฟจากภารกิจ… หมายความว่าระบบต้องการให้กริดชนะในศึกนี้”


“…จริงด้วย”


ไฮแรงเกอร์ทุกคนยังคงไม่ลืม ย้อนกลับไปในอดีต สมัย ‘กริดผมขาว’ ปรากฏสู่สายตาสาธารณชนเป็นหนแรก


นั่นคือ ‘บัฟจากภารกิจ’ ซึ่งอำนวยความสะดวกให้กริดสามารถบุกถล่มวิหารของข้ารับใช้ยาธานลำดับหนึ่ง ทัลลอส ได้อย่างง่ายดาย


ในตอนนี้ก็เช่นกัน เป็นเพราะระบบกำลังชี้นำว่ายังบันสมควรพ่ายแพ้ กริดจึงได้รับบัฟพลังพลังการต่อสู้จากภารกิจ


แต่ไหนแต่ไร บัฟจากภารกิจถือเป็นตัวช่วยให้เรื่องราวของซาทิสฟาย ดำเนินไปในทิศทางถูกต้องได้ง่ายขึ้น


อาจเรียกได้ว่าเป็น ‘พรจากสวรรค์’


ไฮแรงเกอร์ทุกคนย่อมเคยได้รับบัฟพิเศษจากภารกิจมาแล้วไม่ต่ำกว่าคนละหนึ่งครั้ง


พวกมันจึงปักใจเชื่อโดยไม่เคลือบแคลงว่า กริดกำลังอยู่ในสภาพ ‘ได้รับพรวิเศษ’


“…ถ้าฉันจำไม่ผิด เคยมีข้อความระบบเมื่อหลายวันก่อน แจ้งว่ากริดสังหารครึ่งเทพไปแล้วหนึ่งตน ฉันคิดว่านั่นก็คงเป็นผลมาจากพรวิเศษชั่วคราวเช่นกัน ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีพลังมากพอจะเอาชนะครึ่งเทพได้ ต่อให้เป็นกริดก็ตาม”


ไม่มีใครทราบสาเหตุแน่ชัด


แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ระบบกำลังบอกใบ้ให้ทุกคนทราบว่า กริดมีชะตาต้องสู้กับเทพและควรเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ


ถึงขั้นได้รับพรวิเศษ


“การเป็นศัตรูกับกริดนับว่าอันตรายมาก หากพวกเราช่วยเหลือยังบันและทำให้ภารกิจของกริดล้มเหลว โลกจะดำเนินไปในทิศทางตรงข้ามกับความถูกต้องทันที ผลลัพธ์อาจเลวร้ายชนิดว่าการสูญเสีย 4 เลเวลเทียบไม่ติด”


ท้องฟ้า กริด


ความสำเร็จภายในไม่กี่ปีของชายคนนี้ มากมายและยิ่งใหญ่จนถึงขั้น ต่อให้ไฮแรงเกอร์อุทิศเวลาทั้งชีวิตมิอาจไล่ตามทัน


ภารกิจของกริดย่อมไม่ธรรมดา


ในเมื่อภารกิจเจาะจงกำหนดให้กริดเป็นศัตรูกับเทพ หมายความว่าความตายของเทพจะทำให้โลกดำเนินไปในทิศทางเชิงบวก


พวกมันเริ่มได้ข้อสรุปให้ตัวเอง


แต่ยังไม่มีใครกล้าตัดสินใจ


การย้ายไปอยู่ฝั่งกริดจะทำให้เกิดผลข้างเคียงเลวร้ายตามมาทันที


นั่นคือเลเวลลดลง 4 ระดับ…


สำหรับไฮแรงเกอร์ สิ่งนี้นับเป็นความเจ็บปวดเหนือพรรณนา และยากจะกู้คืนกลับมาภายในระยะเวลาสั้น ๆ


ขณะทุกคนกำลังชั่งน้ำหนักอนาคตตัวเอง


บึ้มมมมมมมม!!


เกิดระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว บรรดาไฮแรงเกอร์ต่างใช้ทักษะป้องกันตัวเพื่อรักษาชีวิต


และเมื่อพวกมันหันกลับไปมองการต่อสู้ ร่างของกริดกลับหายไปอย่างเป็นปริศนา


พร้อมกันนั้น โดดัมหันมาทางกลุ่มไฮแรงเกอร์พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว


“พวกเจ้าจะต้องถูกลงโทษในอีกไม่ช้า!”


“…!”


บูบัตช่วยเหลือกริด หากจะถูกลงโทษก็ถือเป็นเรื่องสมควรแล้ว แต่ทำไมยังบันถึงคิดจะลงโทษคนอื่นซึ่งยังไม่ทำทันได้กระทำสิ่งใดเลย?


ไฮแรงเกอร์เริ่มตาสว่าง


การอยู่ฝ่ายยังบันไม่มีในหัวอีกต่อไป


‘นั่นสินะ พวกมันคิดทอดทิ้งเราอย่างไม่แยแสมาตั้งแต่แรกแล้ว’


‘พวกเราถูกโชคชะตากำหนดให้ต้องเป็นศัตรูกับยังบัน’


ทันใดนั้น เหล่าไฮแรงเกอร์ซึ่งกำอาวุธในมือแน่นถนัดเพื่อเตรียมต่อสู้เต็มรูปแบบ พลันเผยสีหน้าตกตะลึงจนดวงตาเบิกโพลง


ทุกคนมองเห็นประกายสายฟ้าท่ามกลางฝุ่นควันฟุ้งกระจายจากแรงระเบิด


หากใครเคยเห็นการต่อสู้ระหว่างกริดและออร์คลอร์ดเทรูชานมาก่อน คนผู้นั้นไม่มีทางลืมตัวตนและเอกลักษณ์ของสายฟ้าชนิดนี้


เปรี้ยะ!


ไฮแรงเกอร์รีบก้มหน้าลงต่ำ เกรงว่าอากัปกิริยาของตนอาจทำให้โดดัมพบพิรุธ


โดยไม่ปล่อยให้รอนาน สายฟ้าเส้นหนึ่งพุ่งเข้าหาโดดัมจากด้านหลังด้วยความเร็วสูง


ฉึบ!


ลำคอโดดัมถูกดาบปาดเข้าไปครึ่งด้าม


น้ำพุเลือดสดพวยพุ่งออกจากปากแผล สร้างความตื่นตระหนักให้โดดัมเหนือพรรณนา


“เทพ… สายฟ้า!”


[บุคคลนิรนามทำการเขียนบทกวีลำดับ 5]


[บทกวีเริ่มต้นด้วยเทวตำนานบทหนึ่งซึ่งเคยถูกมนุษย์ลืมเลือนไปนานนับพันปี]


เปรี้ยง—!


[เขาคืนชีพให้กับเทพผู้ถูกลืม]


[ข้อเท็จจริงกำลังจะถูกสลักทับลงบนเทวตำนานปลอม ซึ่งหลอกลวงผู้คนมาอย่างยาวนาน]


“…!!”


ไฮแรงเกอร์ต่างพากันขนลุก


ข้อความโลกอธิบายถึงบทกวี กำลังถูกเขียนขณะกริดในร่างเทพสายฟ้ากระหน่ำฟาดฟันเอาชีวิตโดดัมโดยปราศจากความเมตตา


เลือดลมทุกคนเริ่มสูบฉีดพุ่งพล่าน


พวกมันได้ประจักษ์บทกวีของกริดด้วยตาตัวเองครั้งสุดท้ายเมื่อไร…?


ครั้งแรกคือมหาสงคราม ณ หุบเขาไทเลอร์


พวกมันกำลังประทับใจจนอธิบายไม่ถูก


ทุกคนอิจฉาในความยิ่งใหญ่ของกริด


แต่ในทางกลับกัน…


กริดกลับมิได้ยินดีปรีดาอะไรนัก


ชายหนุ่มมองว่าบทกวีคราวนี้กะทันหันและปราศจากเหตุผลรองรับมากเกินไป


‘ทำไมถึงมีบทกวี…?’


บทกวีไม่เกิดขึ้นหลังจากกริดฆ่ายังบันไปมากมาย หนึ่งในนั้นคือการัมซึ่งเป็นถึงเทพเทียมผู้มีพลังศรัทธาของมนุษย์


บทกวีไม่เกิดขึ้นหลังจากกริดคืนชีพเทพฟินิกซ์แดงสำเร็จ ไม่เกิดขึ้นหลังจากผสานเป็นหนึ่งเดียวกับหัวใจฟินิกซ์แดงลำดับ 9


ไม่เกิดขึ้นหลังจากอาณาจักรโชและดินแดนทางตอนใต้เต็มไปด้วยความสงบสุข


กริดจึงเข้าใจมาตลอดว่า บทกวีได้ปรับระดับความยากของเงื่อนไขในการเกิด


หากจะมีบทกวีครั้งถัดไป ชายหนุ่มเชื่อว่าจะต้องเป็นเหตุการณ์ใหญ่ระดับสามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตของทวีป


…แต่กลับถูกเขียนขณะต่อสู้กับยังบันฝีมือดาษดื่นเท่าฮันกยอลแค่สามตนเนี่ยนะ?


มาตรฐานอยู่ตรงไหน?


[ท่านจัดการยังบัน ‘โดดัม’]


[ท่านจัดการยังบัน ‘นาจึล’]


[ท่านได้รับไอเท็ม <ลมหายใจเต่าดำ> จำนวน 2 ก้อน]


[ท่านได้รับไอเท็ม <ลมหายใจมังกรคราม>]


[ท่านได้รับไอเท็ม <เสื้อคลุมมังกรคราม> จำนวน 2 ขุด]


[ท่านได้รับไอเท็ม <กระบี่อ่อนไม่มีวันแตกหัก> จำนวน 2 เล่ม]


“…?!”


ท่ามกลางละอองแสงสีเทาของยังบันโดดัมและนาจึล กริดชักดาบกลับพร้อมกับเงยหน้าขึ้น


ทันใดนั้น ดวงตาชายหนุ่มพลันเบิกโพลง


มันกำลังมองเห็นพระอาทิตย์สีแดงก่ำสองดวงในระยะประชิดด้านหน้า เพียงพริบตา ความรู้สึกเย็นวาบได้แผ่ไปยังทุกซอกมุมของร่างกายอย่างท่วมท้น


สิ่งนี้คือดวงตาทั้งสองข้างของเทพเต่าดำ


‘ตั้งแต่เมื่อไรกัน?’


เต่าดำเอาแต่คำรามใส่ท้องฟ้าไม่ใช่หรือ?


ทำตัวเหมือนกับสัตว์ประหลาดขาดสติทั่วไป


แต่ทำไมถึงกำลังเพ่งมองเราด้วยดวงตาแฝงอารมณ์ไว้มากมาย…


“คึ่ก…”


กริดผงะถอยหลังสามก้าวทันที


นี่คือพฤติกรรมตามสัญชาตญาณ เกิดจากความหวาดกลัวจากก้นบึ้งจิตใจ


แม้จะแฝงไว้ด้วยอารมณ์หลากหลาย แต่อารมณ์ส่วนใหญ่คือโทสะและความเคียดแค้นปริมาณเข้มข้น จิตใจของกริดไม่เข้มแข็งพอจะเผชิญหน้าโดยตรง


โทสะแห่งเทพ


หากสบตานานกว่านี้อีกสักนิด กริดมั่นใจว่าคำสาปบางชนิดจะแล่นเข้ามาในร่างกายของตน


บางที อาจเป็นคำสาปทำให้การตีบวกหลังจากนี้ไม่สำเร็จอีกเลยชั่วชีวิต


‘น่าอึดอัดเกินไปแล้ว…’


ฟีนิกซ์แดงอบอุ่น แต่ทำไมเต่าดำกลับเย็นชา


เพียงการมีตัวตนอยู่ ก็มากพอจะทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์อันตรธานหายไปจากโลก กลิ่นอายเช่นนี้ไม่สอดคล้องกับลักษณะของเทพสี่ทิศเลยสักนิด


ขณะกริดพยายามหลบตาและกำลังครุ่นคิด


『ผู้สังหารเทพเอ๋ย…』


เนื้อเสียงอันดำทะมึนและเย็นยะเยือก พลันก้องกังวานภายในสมองกริด


ไม่ใช่เสียงใครนอกจากเทพเต่าดำ


『เจ้ากินฟินิกซ์แดงเข้าไปสินะ』


‘กินฟินิกซ์แดง…?’


เมื่อประโยคสุดเหลวไหลจบลง กริดใช้เวลานึกทบทวนสักพักกว่าจะเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย


‘เขากำลังเข้าใจผิด… เป็นเพราะเรามีหัวใจลำดับ 9 ของฟินิกซ์แดงในตัว’


สัตว์เทพจักรราศีเคยกล่าวไว้ว่า :


หัวใจหลักเดียวล้วนถือแหล่งพลังงานสำคัญของเทพฟินิกซ์แดง แม้แต่ห้าอาวุโสก็ยังนำออกไปไม่ได้ หากฟินิกซ์แดงไม่ยินยอม


ดังนั้น เมื่อเต่าดำได้พบมนุษย์ผู้มีหัวใจแสนสำคัญฝังอยู่ในร่าง ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะเกิดความเข้าใจผิด


“เข้าใจผิดแล้ว—”


ขณะกริดพยายามอธิบาย


『ข้าได้รับความทรงจำกลับคืนมาเล็กน้อยเมื่อเห็นสายน้ำปะทะกับเปลวเพลิงของเจ้า』


ประโยคใหม่ของบทกวีถูกเขียนเพิ่มเติม


『ข้าเป็นใคร…』


[ความพยายามในการสลักความจริงทับลงไปในตำนานปลอมของเขา ทำให้ความทรงจำของอดีตเทพฟื้นคืนกลับมาบางส่วน]


『ข้าเคยเป็นเทพจิตใจงดงาม…』


『 ‘ข้า’ ยังจำได้แม่นยำว่า เทวรูปของ ‘เรา’ ซึ่งสร้างโดยฝีมือผู้ศรัทธาของ ‘เรา’ ถูกลมหายใจของ ‘ข้า’ ทำลายจนแหลกเป็นผุยผง 』


『ทุกครั้งเมื่อ ‘ข้า’ มอบพรลงไปบนโลก บ้านเมืองของมนุษย์จะถูกทำลายจนพังพินาศเสมอ ส่งผลให้พวกเขาเริ่มหวาดกลัว ‘เรา’ 』


『ข้าไม่สมควรเป็นเทพ』


『ข้าต้องการให้ตัวเองหายไป… ตลอดกาล』


[อดีตเทพผู้เปี่ยมไปด้วยบาดแผลทางใจ ตัดสินใจบอกความปรารถนาของตนกับเขา]


『ข้าเคยอยากหลับใหลไปตลอดกาล จึงปล่อยให้ไข่มุกเม็ดนั้นกักขังดวงวิญญาณเอาไว้』


『แต่ไข่มุกกลับปริแตก ทำให้ข้าต้องทนเห็นความน่ารังเกียจของตัวเองต่อไป』


『มนุษย์ผู้สั่งสมพลังสังหารเทพ ข้าปรารถนาชะตากรรมแบบเดียวกับฟินิกซ์แดง ได้โปรดกินข้าเข้าไปในร่างกายเจ้าด้วย 』


[ภารกิจใหม่ถูกสร้างขึ้น]


<สังหารเทพทำลายล้าง>

ระดับความยาก :???

ตัวตนครึ่งหนึ่งของเทพสี่ทิศ เต่าดำ ปรารถนาจะหายไปตลอดกาล

จงมอบความตายให้กับเขา

เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ :

- สังหารตัวตนครึ่งหนึ่งของเทพเต่าดำ หรือผนึกเขากลับไปอีกครั้ง

รางวัลสำเร็จภารกิจ :

- ได้รับสมญานาม <นักสังหารเทพ>


<นักสังหารเทพ>

‘ตัวตนสมบูรณ์แบบ’ ผู้เกิดมาเพื่อสังหารเทพ

ท่านจะกลายเป็นเหนือมนุษย์ระดับสูงสุด

พลังโจมตีทุกชนิดเพิ่มขึ้นสองเท่า


[ท่านจะรับทำภารกิจหรือไม่ กรุณายืนยัน]


“คุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่?”


[ท่านปฏิเสธ]


『…? 』


“ผมไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร แต่จากคำบอกเล่าของสัตว์เทพจักรราศี คุณคือเทพผู้ห่วงในมนุษย์มากกว่าใครทั้งหมด”


『ผิดแล้ว สัตว์เทพจักรราศีมิได้หมายถึง ‘ข้า’ แต่เป็น ‘เรา’ ต่างหาก』


ยิ่งได้สนทนากับเต่าดำ กริดก็ยิ่งเข้าใจในบางสิ่งเพิ่มขึ้น


เหตุใดบทกวีจึงถูกเขียนในเวลานี้?


หลังจากระบบประเมินอุปนิสัยและพฤติกรรมในอดีตของกริด มันเชื่อว่า กริดเป็นเพียงไม่กี่คนบนโลก ผู้สามารถชักนำให้เทพเต่าดำกลับไปยังเส้นทางถูกต้องตามเดิมได้


“อย่าได้พูดถึงเรื่องนี้อีก คงเป็นการเสียเวลาเปล่า เพราะถึงผมจะไม่เข้าใจปัญหาของคุณเลย แต่ก็ไม่คิดทำร้ายคุณแน่นอน”


『การสังหารข้าจะทำให้เจ้าได้รับพลังมหาศาล…』


“โลกใบนี้กำลังรอให้คุณกลับมา”


『…!』


[เขาไม่แยแสความปรารถนาของอดีตเทพ]


[พลังอันได้มาจากการทำร้ายใครสักคน เขาไม่ต้องการมัน ไม่แม้แต่จะออกอาการลังเล]


“ถ้าไม่เชื่อก็รอดูได้ ผมจะทำให้คุณกลับไปเป็นหนึ่งเดียวกับมนุษย์อีกครั้ง ฉะนั้น… ได้โปรดใจเย็นลงก่อน”


[ชายหนุ่มยื่นแขนออกไป]


[ต้นไม้ซึ่งเติบโตจากความช่วยเหลือมากมายของคนรอบข้าง กำลังขยายกิ่งก้านใหม่เพิ่มขึ้น]


[เป็นกิ่งไม้เล็ก ๆ]


『…』


เต่าดำก้มมองฝ่ามือกระจิดริดของกริดด้วยความสับสน โดยยังไม่เข้าใจว่า ฝ่ามืออันเรียวเล็กของมนุษย์ตรงหน้า สามารถทำอะไรได้มากมายนักหรือ?


กับแค่มือเล็ก ๆ แสนเปราะบาง และพร้อมจะสลายไปทันทีเมื่อตนสัมผัสโดยตรง


กริดฉีกยิ้มขณะอ่านความคิดอีกฝ่าย


“ไม่ถูกทำลายหรอกน่า ลองจับดู”


『…』


ครืนนนน —!


หลังจากลังเลสักพัก เต่าดำตัดสินใจย่อตัวลง


จากนั้น มันบรรจงเลื่อนใบหน้าลงไปหากริดซึ่งมีร่างกายเล็กเพียงจุดดำในสายตา


ตามด้วยการนำแก้มไปสัมผัสกับฝ่ามืออย่างอ่อนโยน


『ได้โปรด… ตัวข้าอีกครึ่งหนึ่งกำลังถูกหลอกใช้ในฐานะหุ่นเชิดของยังบัน เขาถูกผนึกไว้ในจุดลึกลับอันยากเข้าถึงและเต็มไปด้วยอันตราย』


[อดีตเทพผู้เต็มไปด้วยบาดแผล โน้มตัวลงไปสัมผัสกับกิ่งไม้เล็ก ๆ แสนเปราะบาง]


“เชื่อมือได้เลย!”


[แต่กิ่งไม้กลับไม่หักโค่น]


[ความปรารถนาในการคืนชีพโลกซึ่งกำลังดำเนินมาถึงจุดจบ ยังคงคุกรุ่นและหนักแน่นเช่นเดิมไม่เคยแปรเปลี่ยน]



[บุคคลนิรนามเสร็จสิ้นบทกวีลำดับ 5!]


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,593
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. อ่านตอนนี่แล้วน้ำตาซึมเลย ซึ้งมาก

    ReplyDelete
  2. ขนลุก
    น้ำตาซึม
    สนุก
    ขอบพระคุณ​เป็น​อย่างยิ่ง​ครับ🙏

    ReplyDelete
    Replies
    1. มอร์เฟียส คือเจ้าแห่งบทกวีตัวจริง จึ้ง!ตลอด!

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00