จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,208



ในประวัติศาสตร์ของซาทิสฟาย เฒ่าดาบมารถือเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่ง


แต่เรื่องน่าแปลกใจก็คือ มันกลับไม่เคยมีประวัติลอบสังหาร


ตามธรรมชาติของคลาสนักลอบสังหาร การทำภารกิจลอบสังหารเพื่อสะสม <ความสำเร็จนักฆ่า> ไปพร้อมกับเพิ่มชื่อเสียงและค่าสถานะนั้นถือเป็นเรื่องปรกติ ยิ่งทำมากก็จะยิ่งเกิดประโยชน์กับตัวเองมาก


แต่ไม่มีใครเคยเห็นประวัติการลอบสังหารของเฒ่าดาบมาร และเจ้าตัวก็ไม่เคยออกมาพูดถึงเรื่องนี้แม้แต่ครั้งเดียว


ใครบางคนกล่าวไว้ว่า เพื่อให้ได้เป็นสุดยอดนักฆ่าเต็มตัว เฒ่าดาบมารจึงปิดประวัติการลอบสังหาร และถอนตัวออกจากอันดับแรงเกอร์


เฒ่าดาบมารมีรูปแบบการต่อสู้เป็นเอกลักษณ์ ด้วยท่วงท่าโจมตีชดช้อยงดงาม ผนวกกับอาวุธหลักเป็นดาบดาบยาว


จึงมีคนกล่าวติดตลกไว้ว่า


“เฒ่าดาบมารอาจไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคลาสนักลอบสังหารก็ได้”


เป็นเพราะชื่อตัวละครมีคำว่า ‘ดาบมาร’


จริงอยู่ ทักษะความชำนาญอาวุธของนักลอบสังหารมิได้จำกัดแค่มีดสั้น ยังรวมไปถึงดาบสั้นและดาบยาวด้วย แต่ทักษะส่วนใหญ่จะถูกบังคับให้ใช้งานผ่านอาวุธประเภทมีดสั้น จึงเลี่ยงการถูกนำมาเป็นประเด็นล้อเลียนไม่ได้


พฤติกรรมของเฒ่าดาบมารผิดไปจากธรรมชาติของนักลอบสังหารทั่วไป ซึ่งมักฉวยโอกาสโจมตี มากกว่าการปะทะกันอย่างสง่างาม


อาจด้วยเพราะเหตุนี้


ผู้เล่นรุ่นหลังจึงมักเข้าใจว่า เฒ่าดาบมารเป็นนักดาบ มากกว่านักลอบสังหาร


“เฒ่าดาบมาร…”


กริดจ้องมองอีกฝ่ายด้วยดวงตากระจ่างชัด


ในปัจจุบัน กริดถูกผู้คนทั่วโลกชื่นชมยกย่องฉันใด เฒ่าดาบมารก็เคยถูกกริดชื่นชมเมื่อในอดีตฉันนั้น


ย้อนกลับไปสมัยกริดยังนิรนาม


ขณะยังเต็มไปด้วยความคิดริษยาและเป็นคนมีปมด้อย ชายหนุ่มชื่นชอบชื่อตัวละครสุดเจ๋งอย่าง ‘เฒ่าดาบมาร’ เป็นอย่างมาก


‘ตอนนั้นเด็กชะมัด…’


ไม่น่าเชื่อว่าจะโตมาเป็นผู้เป็นคนได้


กริดรำพันพลางเพ่งสมาธิไปยังเฒ่าดาบมาร


ในอดีต ชายหนุ่มมิอาจตระหนักถึงฝีมือของเฒ่าดาบมารได้มากมายนัก ทราบเพียงว่าอีกฝ่ายเป็นคนเก่งคนหนึ่ง


แต่ไม่ใช่กับตอนนี้


กริดแข็งแกร่งขึ้น พัฒนาตัวเองจากความล้มเหลวหนแล้วหนเล่า จนได้กลายเป็นอันดับหนึ่งของโลกอย่างสมศักดิ์ศรี


ฉึบ.


ดาบของเฒ่าดาบมารถูกตวัดเฉียงทำมุมสมบูรณ์แบบ


ฉากอันน่าทึ่งได้ปรากฏสู่สายตาทุกคน


หอกควงส่วนของมารุถูกความยืดหยุ่นของอาวุธในมือเฒ่าดาบมารปัดกลับหลัง


คมหอกพุ่งตรงกลับไปทางมารุแม่นยำ


การโจมตีของมารุ กำลังย้อนทำร้ายตัวมารุ


‘เทคนิคการใช้ข้อมือยอดเยี่ยมมาก’


ทำเอากริดนึกถึงครอเกล


อย่างไรก็ตาม เฒ่าดาบมารยังด้อยกว่าครอเกลอยู่ราวครึ่งจังหวะในด้านพละกำลัง


หากเป็นครอเกล หอกของมารุจะพุ่งย้อนกลับด้วยความเร็วสูงกว่านี้ราว 1.2 เท่า


และหากเป็นกริด หอกของมารุจะย้อนกลับไปด้วยความเร็วมากกว่านี้ถึง 2 เท่า แต่ติดปัญหาใหญ่ก็คือ กริดอาจทำไม่สำเร็จ


“ฮึ!”


มารุหายตัวกะทันหัน และโผล่อีกครั้งตรงหน้าเฒ่าดาบมารด้วยพลังชุนโป


ในสภาพโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย มารุใช้หัวไหล่กระแทกใส่ช่องท้อง พร้อมกับบิดข้อเท้าและหมุนตัวเตะเสย


มีสามเงื่อนไข หากเฒ่าดาบมารต้องการรอดไปจากการโจมตีนี้


หนึ่ง ต้องรู้ถึงความลับของชุนโป


สอง ต้องคาดเดาการโจมตีล่วงหน้าได้


สาม ต้องมีค่าความว่องไวสูงกว่า 2,500


เฒ่าดาบมารผ่านทั้งสามเงื่อนไข


ในวินาทีถูกไหล่กระแทกใส่ท้อง เฒ่าดาบมารบิดร่างกายส่วนบนเพื่อหลบการเตะจากอีกฝ่ายได้ฉิวเฉียด


แถมยังโจมตีสวนกลับ


ฉึบ.


ดาบของเฒ่าดาบมารฟันเฉียดข้างแก้มมารุพร้อมกับสร้างลมปะทะแผ่วเบา


หมับ!


อาศัยแรงหมุนตัว มารุควงสว่านดีดตัวเหยียดตรง พร้อมกับเอนหลังพิงเฒ่าดาบมารและใช้แขนทั้งสองข้างบีบคอไว้


ใครได้เห็นเป็นต้องคิดตรงกันว่า กระดูกคอของเฒ่าดาบมารคงได้แหลกละเอียดแน่


มันกำลังเสียท่าเข้าอย่างจัง


เทคนิคการถีบตัวและการใช้แขนของมารุมีความคล้ายคลึงบูบัต แสดงให้เห็นว่าชำนาญการสู้ระยะประชิดมาก ผู้ใช้ดาบจึงตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ เนื่องจากความยาวของดาบไม่เกิดประโยชน์อันใดในระยะเช่นนี้


ไม่ผิดนักถ้าจะกล่าวว่า การผนึกกำลังระหว่างมารุกับชุนโปถือเป็นคอมโบอันลงตัวและสมบูรณ์แบบ


‘แย่ล่ะสิ!’


กริดรีบใช้ชุนโปอีกครั้ง


[ชุนโปล้มเหลว]


‘บัดซบ!’


คล้ายกับชายหนุ่มได้ยินเสียกระดูกคอของเฒ่าดาบมารถูกบีบจนแหลก ดังแว่วข้างหู


ขณะกริดกำลังจะยิงศรเวทเข้าไปช่วยอย่างสิ้นหวัง


ฟู่ว!


เกิดเสียงเอฟเฟคดังแผ่วเบา ร่างกายของเฒ่าดาบมารถูกปกคลุมด้วยควันหนาทึบก่อนจะเลือนหายไป


มารุรีบปล่อยมือและตั้งท่าป้องกันด้วยความไม่ประมาท


“…!?”


“…!?”


ไม่เพียงมารุ แต่กริดและบองเดรผู้เฝ้ามองการต่อสู้ ทุกคนล้วนประหลาดใจเช่นเดียวกัน


มารุมองไปรอบตัวอย่างหวาดระแวง


ทันใดนั้น เฒ่าดาบมารได้ปรากฏตัวอีกครั้ง ณ ตรงจุดเดิม


ลำคอมีปานแดงรูปฝ่ามือเด่นชัด


ใช่แล้ว เฒ่าดาบมารมิได้หนีรอดจากการบีบคอของมารุ


เพียงแต่มันปกปิดจิตสังหารและลบ ‘การรับรู้ตัวตน’ ของคนรอบข้างไปชั่วขณะ


ในความเป็นจริง คอของเฒ่าดาบมารยังคงถูกมารุบีบแน่นเช่นเดิม หากมารุไม่ปล่อยมือ ป่านนี้ก็คงไปเกิดใหม่เรียบร้อยแล้ว


เคร้ง!


เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง!


กำปั้นของมารุและดาบของเฒ่าดาบมารเริ่มปะทะกันจนเกิดเสียงก้องกังวาน การต่อสู้แลกหมัดอันดุเดือดเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ


“ถุด”


“…!”


“ถุด”


ระหว่างนั้น เฒ่าดาบมารผู้ฝืนใช้ดาบรับกำปั้นจากมารุ ได้ถ่มน้ำลายใส่ใบหน้าอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง


สิ่งนี้ไม่ใช่ทักษะแน่นอน เพราะมันพ่นน้ำลายใส่อีกฝ่ายโดยไม่หยุดพัก คล้ายกับไม่มีระยะหน่วงหลังใช้งาน


โดยทุกครั้งจะเล็งไปยังกึ่งกลางรูม่านตามารุ อีกฝ่ายจึงไม่มีทางเลือก นอกจากต้องเสียจังหวะขยับใบหน้าหลบหลีก


ต้องขอบคุณสิ่งนี้ เฒ่าดาบมารจึงสามารถประคองสถานการณ์ให้อยู่ในระดับสูสีได้สักพัก


“…”


“…”


กริดและบองเดรยืนมองการดวลระหว่างเฒ่าดาบมารกับมารุด้วยสีหน้าอึมครึม


พวกมันกำลังตกตะลึงในรูปแบบการต่อสู้แสนสกปรกและต่ำช้าของเฒ่าดาบมาร


โชคยังดี ไฮแรงเกอร์คนอื่น ๆ ยังมองไม่เห็นการต่อสู้ เนื่องจากทุกคนกำลังเพ่งสมาธิคอยรับมือกับยังบันสภาพร่อแร่


มารุใช้หลังมือเช็ดคราบน้ำลายบนแก้มพลางกล่าวกับเฒ่าดาบมารอย่างดูแคลน


“ไม่มีศักดิ์ศรีเลยรึไง…”


“ยังบันอย่างพวกแกเอาแต่เรียกมนุษย์ว่าหนอนแมลงชั้นต่ำทุกครั้ง แล้วแบบนี้ยังจะถามหาศักดิ์ศรีไปเพื่ออะไร? หรือแกเคยถามหาศักดิ์ศรีจากหนอนแมลง?”


“เจ้ามนุษย์…”


“เฒ่าดาบมาร”


“…?”


“ชื่อของฉัน”


“…”


กริดเริ่มมั่นใจ


เฒ่าดาบมารเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวกับฮิวรอยแน่นอน เพียงแต่ใช้ใบหน้าเคร่งขรึมปกปิดไว้ภายนอกอย่างแนบเนียน


‘ไม่สิ… อาจไม่ใช่’


ขณะกริดนึกทบทวนการทักทายอย่างสุภาพของเฒ่าดาบมารในครั้งแรก มันพลันตระหนักถึงความคาใจในประเด็นอื่น


‘ยังบันอ่อนแอลงมาก…’


ชายหนุ่มสัมผัสได้ตั้งแต่เริ่มต่อสู้กับโดดัมและอีกสองคน


ไม่ว่าจะพลังโจมตี พลังป้องกัน ความอดทน หรือความว่องไว


ยังบันของเฉาจื่อล้วนด้อยกว่ายังบันซึ่งกริดเคยพบเจอก่อนหน้านี้พอสมควร


ไม่เว้นแม้แต่มารุ ยังบันผู้มีออร่าอยู่ในระดับเดียวกับการัม


‘หรือยังบันจากอาณาจักรโชจะแข็งแกร่งเป็นพิเศษ?’


ชายหนุ่มเริ่มไตร่ตรองเหตุการณ์เทพฟินิกซ์แดงคืนชีพ


ถ้าจำไม่ผิด ลมหายใจฟินิกซ์แดงจะมอบพลังโจมตีและการฟื้นฟูพลังชีวิตให้แก่ผู้ใช้งาน…


แต่เมื่อฟินิกซ์แดงคืนชีพ ยังบันก็เริ่มใช้งานพลังของลมหายใจได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ


‘ฟินิกซ์แดงได้สิทธิ์การควบคุมลมหายใจทั้งหมดในมือยังบันกลับคืนมา?’


หากยังจำกันได้ ยิ่งยังบันเปิดใช้งานลมหายใจเทพสี่ทิศได้พร้อมกันมากเท่าไร ความแข็งแกร่งก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ แต่ในทางกลับกัน ถ้าพลังนั้นหายไปสักหนึ่งชนิด ความแข็งแกร่งก็จะยิ่งถดถอย


มีโอกาสเป็นไปได้มากทีเดียว…


‘เรายังมีหวัง ถ้าร่วมมือกับเฒ่าดาบมาร’


เมื่อระยะหน่วงวนมาบรรจบ กริดรีบดื่มโพชั่นเพื่อฟื้นฟูร่างกายขณะเฒ่าดาบมารช่วยยื้อเวลาจากมารุไว้ให้


หลังจากมองไปยังกลุ่มไฮแรงเกอร์รอบตัว กริดหันมาถามบองเดร


“ยังสู้ไหวไหม”


“ไหว โพชั่นของนายเจ๋งยังกับยาวิเศษ”


“ดีล่ะ พวกเรามาช่วยกันเก็บกวาดยังบันคนอื่นระหว่างเฒ่าดาบมารช่วยถ่วงเวลามารุ”


“แต่ภารกิจของฉันเสร็จแล้ว”


“…?”


“ภารกิจเสร็จสิ้นเมื่อ ชายชื่อฮวางกิลดงขโมยอัญมณีเต่าดำกลับไปได้”


“…??”


“ฉันเองก็ตกใจเหมือนกัน แต่ตอนนี้ไม่มีเหตุผลให้ต้องต่อสู้อีกแล้ว”


“…”


ไฮแรงเกอร์คนอื่นก็เหมือนกันหรือ?


กริดรีบมองไปรอบตัวด้วยสายตาเป็นกังวลว่า ตนอาจต้องถูกทิ้งให้สู้กับยังบันจำนวนมากตามลำพัง


เห็นเช่นนั้น บองเดรหัวเราะ


“แต่นายรู้อะไรไหม ถ้ามีคนมาขอร้อง บางทีฉันอาจพอช่วยเหลือเขาได้”


เฉกเช่นชาวฝรั่งเศสผู้หยิ่งทระนง พฤติกรรมของบองเดรเป็นไปอย่างโอหัง


มันเผยรอยยิ้มชั่วร้าย


“กริด ขอร้องฉันสิ”


ปฏิเสธไม่ได้ว่า บองเดรอยากเห็นท่าทีอ่อนน้อมของกริดมานานแล้ว รวมถึงสีหน้าขณะลังเลอย่างไม่เต็มใจ


แต่ผิดคาด กริดก้มหัวให้ทันทีโดยไม่ปรากฏอากัปกิริยาต่อต้าน


“ช่วยฉันด้วย”


“…?”


ก้มหัวง่ายดายเช่นนี้เชียว?


‘ไม่ห่วงศักดิ์ศรีสักหน่อยหรือ’


เห็นที ความสัมพันธ์เชิงอริของเรา ทางนี้คงคิดไปเองฝ่ายเดียวมาตลอดสินะ…


บองเดรกระจ่างพลังยืนตัดพ้อข้างกริด


หลังจากภารกิจถูกเคลียร์อย่างไม่คาดฝัน นอกจากบองเดรจะกู้คืนเลเวลซึ่งเคยลดไป 4 ระดับกลับมา มันยังได้รับโบนัสเพิ่มอีก 2 ขั้นส่งผลให้เวทน้ำแข็งทรงพลังขึ้นทันตาเห็น


“ถ้าฉันไม่ชดใช้คืนให้นายเสียบ้าง คงได้รู้สึกติดหนี้บุญคุณไปตลอดชีวิตแน่”


“ขอบใจมาก… นับตั้งแต่ไปอยู่กับอาเรส นายนิสัยดีขึ้นมาหน่อยรึเปล่า?”


“หุบปาก! ฉันคือบองเดร นิสัยของฉันไม่ได้เปลี่ยนไปเพราะอยู่กับใคร! และฉันเพิ่งเข้าร่วมกับวัลฮัลล่าได้ไม่นาน”


“แต่ถ้านายเปลี่ยนใจ สามารถติดต่อหาฉันได้ทุกเมื่อ อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ยินดีต้อนรับคนมีความสามารถเสมอ”


“เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว!”


เปรี้ยะ! แกร่ก! แกร่ก!


บองเดรทำการกระจายใยแมงมุมน้ำแข็งไปยังทุกสารทิศรอบตัว


กริดกล่าวคำชื่นชมในใจ


ใยแมงมุมทั้งหมดของบองเดร ได้กีดขวางการเคลื่อนไหวของยังบันอย่างประณีตแม่นยำ


ยังบันซึ่งต้องรับมือกับไฮแรงเกอร์โดยไม่ได้หยุดพักหลังจากถูกกริดทำให้ปางตาย พวกมันล้วนเกิดความหงุดหงิด จนตัดสินใจฟันใยแมงมุมน้ำแข็งทิ้งอย่างฉุนเฉียว


ซึ่งนั่นไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย เพราะการโจมตีถัดไปของกริดได้พุงปะทะร่างพวกมันโดยไร้สิ่งกีดขวางและหมดสิ้นทางหนี


“มายาร่ายรำสะพรั่ง”


“…!”


ใยแมงมุมเผยช่องว่างขนาดพอดีร่างกายมนุษย์ โดยยังคงปิดกั้นทางหนีอื่น ๆ ไว้ทุกทิศ


ไม่ต่างอะไรกับสร้างหลุมศพให้ตัวเอง


แต่หลังจากถูกปราณดาบสีน้ำเงินกระแทกร่างไปหนึ่งชุดใหญ่ พวกมันยังเหลือเรี่ยวแรงพอจะหลบหนี และกริดไม่มีทางซัดการโจมตีถัดไปได้ทันเวลาแน่


กลุ่มยังบันมองเห็นแสงสว่าง


ทันใดนั้นเอง บูบัตได้โผล่ดักหน้าพวกมันพร้อมกับคว้าคอเสื้อทุ่มลงพื้น


เสื้อคลุมฮันบก


อาภรณ์สวมใส่ไร้ประโยชน์ได้กลายเป็นจุดอ่อนใหญ่หลวงเมื่อต้องเผชิญหน้ากับบูบัต


โครม!!


“ม…ไม่! ปล่อยข้า!!”


“มายาร่ายรำสะพรั่งทำลายล้าง”


“อ๊ากกกกก!!”


กริดเริ่มควบคุมสนามรบด้วยความช่วยเหลือจากบองเดรและบูบัต


หากย่างกรายไปยังจุดใด ยังบันในบริเวณดังกล่าวมีอันต้องพบเจอความฉิบหายเสมอ


“เฮ—!!”


ขณะขวัญกำลังใจของไฮแรงเกอร์กำลังสูงเสียดท้องฟ้า


โครม!!


ร่างของชายคนหนึ่งลอยตกลงมายังใจกลางระหว่างกริดและไฮแรงเกอร์


สภาพย่ำแย่ปางตาย


“ท…เฒ่าดาบมาร!”


เนื่องจากต้องเพ่งสมาธิอยู่กับการต่อสู้ของตัวเองเป็นเวลานาน บรรดาไฮแรงเกอร์ต่างหลงลืมการมีอยู่ของเฒ่าดาบมารและมารุไปชั่วขณะ


พวกมันรีบพยุงร่างอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างระมัดระวัง


เฒ่าดาบมารคายก้อนเลือดคำใหญ่พร้อมกับหันไปตำหนิไฮแรงเกอร์


“แค่ก… แค่่ก! พวกนายกล้าละเลยผู้มีพระคุณช่วยชีวิตได้ยังไง”


“เราขอโทษ!”


“เฮ่อ… พวกชั่ว…”


“…”


ความสง่างามของเฒ่าดาบมารขณะปรากฏตัวในครั้งแรก ได้เลือนหายไปจากความทรงจำทุกคนอย่างสมบูรณ์


อย่างไรก็ตาม กริดและไฮแรงเกอร์มิได้ถือสา พวกมันเข้าใจความขุ่นเคืองของอีกฝ่ายอย่างเต็มเปี่ยม


ต้องถูกทิ้งให้ต่อสู้ตามลำพังกับสัตว์ประหลาดมารุนานถึงสิบนาทีเต็ม ไม่ว่าใครก็คงโมโห


กึก. กึก. กึก.


มารุย่างกรายเข้าใกล้


ตรงข้ามกับเฒ่าดาบมาร สภาพของมารุยังคงแข็งแรงสมบูรณ์


แต่สีหน้าไม่สู้ดีนัก


ศักดิ์ศรีของมันพังพินาศยับเยินเมื่อต้องถูกตรึงไว้โดยมนุษย์หนึ่งคนนานถึงสิบนาทีเต็ม โดยระหว่างนั้นได้เสียเหล่าพี่น้องไปเป็นจำนวนมาก


“ถ้าไม่มีซือโหยว… พวกเราก็ไม่ต้องมีชะตากรรมน่าสมเพชเช่นนี้… ฉันไม่เคยรู้สึกโมโหใครมากเท่านี้มาก่อนในชีวิต”


มารุสัมผัสได้ ยิ่งเวลาผ่านไป การควบคุมลมหายใจฟินิกซ์แดงก็ยิ่งทำได้ยากขึ้น จนมันเริ่มตระหนักว่าพลังบางส่วนหายไปอย่างถาวร


แต่มารุยังมีความเชื่อ


เชื่อว่าภารกิจคราวนี้จะลุล่วงได้ไม่ยาก เพราะมันมีเหล่าพี่น้องกว่ายี่สิบตนคอยช่วยเหลือ


ทุกตนล้วนเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งลำดับเจ็ดแทนการัมทั้งสิ้น


ก้าวขึ้นมาอยู่ในจุดนี้ได้ ฝีมือแต่ละคนย่อมไม่ธรรมดา มารุไม่เคลือบแคลงเลยว่า ต่อให้พวกมันต้องเผชิญหน้ากับอัครเทวทูตสักสองสามตน ก็คงเอาชนะได้อย่างไม่ยากเย็น


แต่สุดท้าย แผนการกลับต้องพังครืนไม่เป็นท่าด้วยฝีมือมนุษย์หนึ่งหยิบมือ


‘อสูรผมเงินตนนั้นคือตัวปัญหาสำคัญ…’


ลำพังมันตนเดียวก็สังหารพี่น้องของเราไปมากมาย…


กรอด! มารุขบกรามแน่นพร้อมกับถอดเสื้อคลุมฮันบกสีฟ้าหลวม ๆ ออก


เพื่อมิให้ถูกบูบัตจับทุ่ม


มันยอมลดพลังป้องกันลงเล็กน้อย ดีกว่าต้องอับอายอย่างน่าสมเพชเฉกเช่นเหล่าพี่น้องคนอื่น


อีกหนึ่งเหตุผลคือ ด้วยกายาซึ่งถูกฝึกฝนอย่างหนักและตัวตนระดับใกล้เคียงเทพ มนุษย์ย่อมไม่มีวันทะลวงผ่านปราการมาได้


“ข้าจะเชือดพวกแกทิ้งทีละคน จากนั้นก็ตามไปสะบั้นคอฮวางกิลดง!”


“โฮ่!”


เฒ่าดาบมารอุทานด้วยสีหน้ายินดี


“เยี่ยมเลย! ฉันขอเอาใจช่วย! สัญญานะ! นายต้องเชือดคอฮวางกิลดงให้ได้!”


“…?”


ยิ่งได้รู้จักชายคนนี้ คล้ายกับพวกตนยิ่งไม่เข้าใจอะไรเลย


เมื่อสัมผัสถึงสายตาเย็นชาจากกริด เฒ่าดาบมารรีบอธิบายด้วยสีหน้าขึงขัง


“ได้โปรดเข้าใจฉันด้วย ฮวางกิลดงมีนิสัยต่ำทรามและสมควรตาย ยิ่งไปกว่านั้น…”


เฒ่าดาบมารกวาดสายตามองไฮแรงเกอร์


จำนวนคนพร้อมต่อสู้ลดลงจากตอนแรก ส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บสาหัส


โดยเฉพาะ ขาทั้งสองข้างของบูบัตผู้เป็นหัวใจในเกมรุก กำลังสั่นเทา ใบหน้าบองเดรก็เริ่มกลายเป็นสีขาวซีด


เรี่ยวแรงบูบัตใกล้หมด ท่าทุ่มนั้นสิ้นเปลืองแรงกว่าท่าการโจมตีทั่วไปอยู่แล้ว เนื่องจากไม่มีการพึ่งพาอาวุธเพื่อทุ่นกำลัง ส่วนมานาของบองเดรก็ใกล้หมดลงจากการใช้เวทมนตร์เป็นวงกว้างอย่างต่อเนื่อง


เมื่อเหลือเพียงกริดคนเดียว ฝ่ายนี้จึงหมดโอกาสชนะมารุไปโดยปริยาย


และเหนือสิ่งอื่นใด ตลอดระยะเวลา 10 นาทีเมื่อครู่ เฒ่าดาบมารตระหนักได้อย่างแจ่มชัดว่า ค่าพลังป้องกันของมารุอยู่ในระดับน่าสะพรึงกลัวราวกับกำแพงป้อมปราการ


จริงอยู่ ราชาโอเวอร์เกียร์·กริด อาจมีพลังโจมตีสูงเป็นอันดับหนึ่งของโลกคนปัจจุบัน แต่การจะทะลวงผ่านผิวหนังแข็งยิ่งกว่าเหล็กกล้านั้นแทบไม่มีทางเกิดขึ้น


“ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราทุกคนตรงนี้ก็กำลังจะต้องตาย… ฉันจึงหวังให้มันช่วยลากฮวางกิลดงลงไปยังยมโลกพร้อมกับเรา ได้โปรดเข้าใจความรู้สึกกันด้วย”


“แล้วทำไมนายถึงช่วยพวกเราไว้”


“ฉันหลงทางเพราะถูกฮวางกิลดงทิ้งและหนีไปคนเดียว เมื่อได้พบพวกนาย จึงรู้สึกอุ่นใจกว่าการอยู่ตามลำพัง... แต่แม่งกลับลงเอยด้วยความฉิบฉาย! ส้นตีน!”


“…”


กริดและไฮแรงเกอร์พลันกระอักกระอ่วนและพยายามไม่สนใจคำพูดของเฒ่าดาบมาร ทุกคนหันไปจ้องมารุอย่างไม่กะพริบตา


ทันใดนั้น บรรยากาศรอบตัวมารุเริ่มแปรเปลี่ยน มวลจิตสังหารเข้มข้นแผ่ขยายไปทั่วสนามรบอย่างท่วมท้น


เป็นเพราะมารุเริ่มเปิดใช้งานลมหายใจมังกรคราม เสือขาว และเต่าดำพร้อมกัน


สายฝนโปรยปรายจากด้านบน สายฟ้าฟาดกระหน่ำจากทุกทิศ และผืนธรณีใต้ฝ่าเท้าเริ่มสั่นสะเทือนจนยากทรงตัว


“นายเอาชนะมันได้ไหม?”


บองเดรหันมาถาม


แม้จะทราบว่ามารุแตกต่างจากยังบันตนอื่นอย่างชัดเจน แต่มันก็ยังไม่ละทิ้งความหวัง


เพราะฝ่ายตนยังมีกริด


เฒ่าดาบมารพ่นความจริงอันแสนหดหู่ใส่หน้าบองเดรผู้กำลังคาดหวัง


“อย่าได้โยนความกดดันใส่ท้องฟ้ามากเกินไป คู่ต่อสู้ในคราวนี้ค่อนข้างพิเศษ พวกเราควรมองหาทางหนีมากกว่า”


ทันใดนั้น


ฟุ่บ!


ห้วงมิติด้านหน้ากริดพลันบิดเบี้ยว พร้อมกับการปรากฏตัวของมารุจากความว่างเปล่า มันประเคนหมัดเข้าใส่ชายหนุ่มโดยไร้ความปรานี


พร้อมกันกับกำปั้นแหวกอากาศ พายุเกรี้ยวกราดก่อตัวขึ้นจากความว่างเปล่ารอบตัวมารุ บดบังทัศนวิสัยกริดไปหลายส่วน พื้นดินสั่นสะเทือนหนักหน่วง กลุ่มก้อนสายฟ้าพุ่งออกจากกำปั้นมารุและปะทะร่างกายชายหนุ่ม


เพียงหมัดเดียว ภัยพิบัติทางธรรมชาติได้เกิดขึ้นพร้อมกันราวกับโลกจะแตกสลาย ทุกคนต่างจินตนาการชะตากรรมของกริดออกมาแบบเดียวกัน


‘จบสิ้นแล้ว’


ไม่ว่าจะไฮแรงเกอร์ บูบัต หรือบองเดร ไม่มีใครกล้าวาดฝันในสถานการณ์เช่นนี้


‘ฮวางกิลดง แกมันเศษเดนมนุษย์’


ขณะเฒ่าดาบมารส่ายหน้าอย่างหมดวัง


แกร่ก! แกร่กแกร่กแกร่กแกร่ก!


ทว่า กำปั้นของมารุซึ่งกำลังพุ่งเข้าหากริด เริ่มแข็งเป็นหินทีละนิดจนกระทั่งไม่ขยับเขยื้อน ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างเป็นปริศนา


“…!”


มารุถูกทำให้แข็งเป็นหินในพริบตา


และไม่ใช่แค่มารุ


แม้แต่ไฮแรงเกอร์ด้านข้างกริดก็ยังถูกเปลี่ยนให้เป็นรูปปั้นศิลา มิอาจกระดิกได้แม้แต่ปลายนิ้ว


ท่ามกลางโลกหยุดนิ่ง


เปรี้ยง! ครืนนน!


สายฟ้าจากมารุยังคงกระหน่ำฟาด


“ผสานไอเท็ม”


ไม่ว่ากริดจะมีค่าต้านทานธาตุสายฟ้าสูงส่งสักเพียงใด แต่การถูกโจมตีใส่อย่างต่อเนื่องย่อมไม่ใช่เรื่องดี


ทันใดนั้น ดาบสองเล่มถูกผสานรวมเป็นหนึ่ง


หัตถ์เทวะสี่ข้าง ทุกข้างถือมโยลเนียร์ ได้ลอยไปห้อมล้อมมารุในท่าพร้อมรุมทุบทุกเมื่อ


“ถ้อยคำนักคุณธรรม”


ฉึบ.


กริดยกปลายดาบชี้ฟ้า


ความปรารถนาของมันไม่ซับซ้อน


บดขยี้ศัตรูด้านหน้าให้สิ้นซาก!


ฟ้าว—!


มวลพลังปริศนาตกลงมาจากฟากฟ้ากะทันหัน ส่งผลให้พิบัติทางทำธรรมชาติบนเส้นทางเริ่มกระจายตัวออกไปรอบนอก


“บดข้าวเปลือก!”


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,602
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ท่าปิอาโร่นี้!!!!! กริดได้สกิลมาจากตอนที่ผสานสกิลหรออ

    ReplyDelete
    Replies
    1. สกิลถ้อยคำ​นักคุณธรรม
      ส่วนรายละเอียด​ผมลืมแล้ว

      Delete
    2. เหมือนมันจะยืมความสามารถของผู้ที่อยู่ในสายสัมพันธ์ได้ป่ะ 555+รอหน้าแตก

      Delete
  2. สุดยอดดดด
    ขอบพระคุณ​เป็น​อย่างยิ่ง​🙏

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00