จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 840



[ ภูติลมระดับต่ำกระซิบว่า  เขาจะทำให้ศรของท่านพุ่งได้เร็วขึ้น ]

[ ภูติลมระดับต่ำกระซิบว่า  เขาจะโอบกอดหอกของท่านให้มีน้ำหนักเบาลง ]

[ ภูติลมระดับต่ำกระซิบว่า  เขาจะทำให้ปากของท่านเบาลง ]

    “ทำไมต้องปาก?”

    “…???”

    จิสึกะ  ป็อน  และฮิวรอยได้ทำพันธสัญญากับภูติลม
    
[ ภูติดินระดับต่ำสัญญากับท่านว่า  เขาจะช่วยเสริมให้ร่างกายของท่านแข็งแกร่งขึ้น ]

    เรกัสทำพันธสัญญากับภูติดิน

    ภายในส่วนลึกของจิตใจ  หลังจากเห็นกริดได้ทำสัญญากับภูติแสงระดับสูง  พวกเขาค่อนข้างผิดหวังกับผลลัพธ์ที่ตัวเองได้  
    แต่ก็ไม่มีใครแสดงทางสีหน้า  เพราะเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด  หากไม่มีกริด  พวกเขาคงไม่ได้ทำพันธสัญญาแม้แต่ภูติระดับต่ำตั้งแต่ต้น

    การได้รับประโยชน์มากมายขนาดนี้ถือเป็นกำไรมหาศาล

    ‘สุดยอด’

    จิสึกะและป็อนได้รับบัฟเพิ่มความเร็วโจมตีและอัตราแม่นยำจากภูติลม  ส่วนฮิวรอยได้รับบัฟช่วยเพิ่มความเร็วในการด่าพ่อล่อแม่

    ด้านเรกัสได้รับพลังป้องกันและค่าต้านทานเพิ่มเล็กน้อยจากภูติดิน  ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่เขาพึงพอใจอย่างมาก
    แต่ไหนแต่ไรมา  ค่าพลังป้องกันที่ต่ำของคลาสอาชูร่าเป็นสิ่งที่คอยเหนี่ยวรั้งขีดจำกัดเรกัสไว้เสมอ
    
    ขณะเดียวกัน  คริสและเฟคเกอร์ได้รับผลตอบแทนเหนือจินตนาการ

[ ภูติลมระดับต่ำตระหนักว่าท่านว่องไวกว่า  เขารีบหนีด้วยความหวาดกลัว  ]
[ ภูติลมระดับกลางกระซิบกับท่านว่า  ท่านจะมีช่วงเวลาที่ดีกับเขา ]

[ ภูติระดับต่ำทุกธาตุหวาดกลัวพลังทรราชย์ในร่างท่าน  พวกเขารีบหนีอย่างไม่คิดชีวิต ]
[ ภูติดินระดับกลางสัญญากับท่านว่า  เขาจะโอบกอดธรรมชาติอันแข็งแกร่งดุดันของท่านไว้ ]

    เมื่อได้เห็นตัวเองและเฟคเกอร์ทำพันธสัญญากับภูติระดับกลาง  คริสจึงเกิดสมมติฐานหนึ่งขึ้น—ระดับของภูติธาตุจะขึ้นอยู่กับเกรดของคลาส 

    เฟคเกอร์คือผู้ครอบครองคลาสรอง ‘ศิษย์ราชาเงา’ หลังจากข่านเสียชีวิต  ส่วนคริสมีคลาสรอง ‘ทรราชย์’ ติดตัวอยู่ก่อนแล้ว

    “น่าจะใช้  และคงเป็นสาเหตุที่กริดได้ทำพันธสัญญากับภูติระดับสูง”

    “หืม…พวกเราจะมั่นใจได้ต่อเมื่อเห็นภูติของยูร่า”

    นักล่าอสูรยูร่าจะได้ทำพันธสัญญากับภูติระดับสูงเหมือนกริดหรือไม่?  ทุกคนต่างเฝ้ารอผลลัพธ์ด้วยใจจดจ่อ

    *** 

    แม่น้ำสายใหญ่ถูกปกคลุมด้วยหมอกพิษหนาทึบ  มันคือหมอกซึ่งก่อให้เกิดอาการ ‘ติดพิษ’ หากสูดดมเข้าไป 
    ภูเขาไฟในบริเวณนี้ยังคงคุกรุ่นพร้อมปะทุตลอดเวลา  การสั่นไหวของพื้นดินคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปรกติ  

    แค่ทรงตัวให้ตั้งตรงยังทำได้ลำบาก

    ลำพังอุณภูมิจากลาวาเดือดก็มากพอจะแผดเผ่าทุกสิ่งมีชีวิตแปลกปลอมที่ย่างกรายเข้ามาในบริเวณ

    ที่นี่คือขุมนรกลำดับ 32
    มันตกอยู่ในความโกลาหลมาพักใหญ่แล้ว  นับตั้งแต่สูญเสียผู้ปกครองอย่างบีเลียล

    สัตว์อสูรภายในขุมนรกออกอาละวาดอย่างบ้าคลั่ง  เผ่าอสูรที่ถูกระราน  บางส่วนถึงกับต้องจากถิ่นที่อยู่และกลายเป็นพวกเร่ร่อน  เหลือทิ้งไว้เพียงสัตว์อสูรแสนหิวโหยที่เดินขวักไขว่อย่างไร้จุดหมาย

    ภายในสถานที่แห่งนี้  ทุกครั้งที่เสียงปืนดังขึ้น  นั่นหมายถึงหนึ่งศพของสัตว์อสูร    

    ปัง!  ปังปัง!

    สัตว์อสูรจำนวนมากกลายเป็นแสงสีเทาทันทีเมื่อกระสุนทะลวงผ่านร่าง
    
    ท่ามกลางหมอกพิษหนาทึบ  เสาแสงเทาส่องสว่างขึ้นฟ้าเป็นระยะ
    ฝูงสัตว์อสูรที่เห็นพวกพ้องตายไปต่อหน้า  ความฮึกเหิมย่อมลดลงหลายระดับ
    
    หางของพวกมันเริ่มตก  ราวกับลูกสุนัขที่กำลังหวาดกลัวในบางสิ่ง
    ทว่า  สตรีเลอโฉมผู้นี้ไม่คิดปราณีหรือเห็นใจ  เธอเคลื่อนที่ผ่านห้วงมิติไปปรากฏตัวด้านหลังพวกมัน  จากนั้นกระซวกดาบใส่ปากเหล่าสัตว์อสูรที่พยายามวิ่งหนีเอาชีวิตรอด
    
    ผิวพรรณอันขาวนวลชุ่มชะโลมด้วยโลหิตสีแดงฉาน    

    “แฮ่ก…แฮ่ก”

    ถูกตัดขาดจากโลกมนุษย์โดยสิ้นเชิง
    
    คงเป็นการยาก  ที่บุคคลสติสมประกอบจะอาศัยในดินแดนรกร้างว่างเปล่าตามลำพังโดยไม่รู้สึกตึงเครียด
    ยูร่าคือสตรีที่มีจิตใจหนักแน่นดั่งภูผา  หากไม่นับการเผชิญหน้ากับกริดหนแรก  เธอไม่เคยสูญเสียความเยือกเย็นแม้แต่ครั้งเดียว

    ทว่า  สถานการณ์ความโหดร้ายในขุมนรกคือของจริง  ร่างกายและจิตใจเธอกำลังอ่อนล้าสุดขีด  ยูร่าเริ่มบอกไม่ได้ว่า  เสียงกรีดร้องที่ดังก้องในหัวตลอดเวลา  คือเสียงจริงที่ได้ยิน  หรือเพียงเป็นเพียงเสียงแว่วที่จิตของเธอสร้างขึ้น  

    ความนึกคิดกำลังปั่นป่วนและบิดเบี้ยว
    แต่ถึงกระนั้น  ยูร่ายังไม่คิดถอดใจ

    เธอขยับร่างกายโดยไม่หยุดพัก  
    ฉากเบื้องหน้าคือสิ่งซ้ำซากจำเจตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา  แขนทั้งสองข้างยกขึ้นพร้อมกับเล็งปืนใส่สัตว์อสูรตามสัญชาตญาณโดยไม่ผ่านสมองนึกคิด

    ปัง!

    เธอเฝ้าฝันจะพัฒนาตัวเองให้อยู่ในระดับเดียวกับกริด  ชายผู้โค่นท้องฟ้าที่ทุกคนบนโลกคิดว่าเกินเอื้อม
    ยูร่าต้องการทวงศักดิ์ศรีในอดีตของเธอคืนมา  

    เธอต้องการเป็นระดับท็อปของโลกอีกครั้ง
    
    ยูร่าต้องการพิสูจน์ให้ทุกคนและตัวเองเห็นว่า  นักล่าอสูรมิใช่ตัวเลือกที่ผิด  เธอเองก็เป็นบุคคลระดับเดียวกับครอเกลและกริด
    
    ยูร่าต้องการยืดอกอย่างภูมิใจในตอนที่กลับไปพบกริดอีกครั้ง
    เธอไม่ต้องการเป็นภาระกริด  หลังจากเลือกทอดทิ้งวิหารยาธานและเข้าร่วมกับฝ่ายโอเวอร์เกียร์

    “…?”

    ขณะกำลังก้าวขาต่อไปอย่างไร้จุดหมาย  ร่างกายของเธอพลันชะงัก  ดวงตาเริ่มสั่นระริก

    น่าแปลก…
    ภูมิประเทศที่เคยซ้ำซากจำเจตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา  ยามนี้กลับเปลี่ยนไปราวกับเป็นโลกคนละใบ 
    
    หากไกลออกไป  ปราสาทสีดำหลังใหญ่ถูกปกคลุมด้วยหมอกสีเทาหนาทึบ

    ‘ปราสาทบีเลียล?’

    ยูร่ากลืนน้ำลายอึกใหญ่  ภาพปราสาทเก่าหลังใหญ่กำลังสะท้อนบนกระจกตาที่สั่นเครือ

    เธอเริ่มเกิดความหวัง  บางที  ปราสาทร้างแห่งนี้อาจมีสมบัติล้ำค่าของบีเลียลหลงเหลืออยู่
    ถึงสัตว์อสูรร้ายที่เฝ้ายามจะทรงพลัง  แต่ผลตอบแทนต้องคุ้มค่าแน่  สมบัติด้านในจะทำให้เธอพัฒนาอย่างก้าวกระโดด

    นี่มิใช่การคาดเดาเลื่อนลอย
    เมื่อประเมินสถานภาพจอมอสูรภายในขุมนรก  ปราสาทของมันต้องเต็มไปด้วยสิ่งล้ำค่า  ทฤษฏีของยูร่ามีเหตุและผลรองรับ

    ประตูชั้นนอกสุดที่เก่าโทรมและเปื้อนฝุ่น  ยูร่าออกแรงผลักเปิดมันด้วยมือเปล่า

    “…”

    เธอหรี่ตาลงพร้อมกับกวาดสายตามองโดยรอบ
    
    สัตว์อสูรหิวโหยและคลุ้มคลั่งจนกัดกินกันเองงั้นหรือ?  เหตุใดสถานที่แห่งนี้ถึงเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่าคะคลุ้งจากซากศพสัตว์อสูร
    
    เธอย่างกรายไปทีละนิดด้วยฝีเท้าที่เงียบเชียบ

    ขณะเดินเข้าใกล้ประตูท้องพระโรงหลัก  ยูร่าสัมผัสได้ถึง ‘บางสิ่ง’ ที่อยู่ด้านหลังของประตู

    เธอไม่ได้คิดไปเอง
    
[ ท่านสัมผัสถึงพลังอสูรปริมาณมหาศาล ]
[ ท่านเข้าสู้โหมด ‘พร้อมรบจนตัวตาย’  ]
[ การควบแน่นของมานารวดเร็วขึ้น 10% ]
[ พลังโจมตีและป้องกันเพิ่มขึ้น 15% ]
[ ค่าต้านทานเวทมนตร์เพิ่มขึ้น 20% ]

    ทักษะติดตัวที่ไม่เคยแสดงผลเลยนับตั้งแต่เผชิญหน้าจอมอสูรบีเลียลเมื่อปีก่อน  สิ่งนี้บอกกับเธอเป็นนัยว่า  สมบัติด้านในปราสาทต้องยิ่งใหญ่เหนือกว่าที่จินตนาการเอาไว้แน่
    
    ยูร่ากลืนน้ำลายพลางเพ่งสมาธิ

    ‘เลเวลของเราสูงกว่าสามร้อยแล้ว’

    แถมสถานที่แห่งนี้ยังเป็นขุมนรก  ขีดจำกัดและค่าสถานะของเธอถูกรีดเร้นจนถึงจุดสูงสุด 
    
    ยูร่าในปัจจุบันคือตัวตนที่ทรงพลังยิ่งกว่าเมื่อครั้งล่าบีเลียลหลายสิบเท่า
    เธอตระหนักถึงความแข็งแกร่งของตัวเอง  ยูร่าสงบจิตใจและอารมณ์ฟุ้งซ่าน  จากนั้นก็ผลักประตูออกไปด้วยฝ่ามือเรียวงาม
    
    ประตูเหล็กเก่าของท้องพระโรงหลักปราสาท  มันถูกดันแง้มเข้าไปด้วยเสียงแหลมลึกบาดหู  ทว่า  สิ่งที่รออยู่ด้านในมิใช่สมบัติล้ำค่า  หากแต่เป็น ‘มนุษย์เพศชาย’ ซึ่งกำลังนั่งบนบัลลังก์ใหญ่ภายในท้องพระโรงอันมืดมิด 

    ตัวตนของชายคนนั้นทำให้หัวใจเธอแทบหยุดเต้น

    “นายมาทำอะไรที่นี่?”

    ยูร่าเอ่ยปากถามชายบนบัลลังก์ด้วยน้ำเสียงสั่นระริก  
    บุคคลเดียวในโลกที่ทำให้เธอสูญเสียตัวตนและความเยือกเย็น—กริด


    ทำไมน่ะหรือ?    
    เพราะกริดคือคนเดียวในโลกที่ทำสิ่งเหนือความคาดหมายของเธอเสมอ

    ใช่แล้ว  เหมือนกับในตอนนี้

    “วิชาดาบแพ็กม่า”

    ชายบนบัลลังก์ลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมกระโจนมาด้านหน้า  จากนั้นก็เริ่มรำดาบ
    ดวงตาเรียวแหลมดุจดั่งพญาเหยี่ยวกำลังจดจ้องเธอโดยไม่กระพริบ 
        
    “มายาร่ายรำสังหารคลื่นทำลายล้าง”

    รัศมีดาบที่สามารถบดขยี้ทุกสิ่งให้หายไปจากโลก  พวกมันพุ่งโถมใส่ยูร่าจากทุกทิศทางโดยไม่เหลือช่องว่างให้หลบหนี

    “…!!”

    ปราสาทเก่าขนาดมหึมาที่เคยเป็นสัญลักษณ์แสดงอำนาจของจอมอสูรบีเบียล  ยามนี้พังครืนลงในพริบตาราวกับเป็นเพียงปราสาททรายเด็กเล่น

    ***

    ในช่วงระยะหลัง  สมาชิกโอเวอร์เกียร์มีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก  แปรผันตามความโด่งดังของกริด
    ลอเอลจะเชื้อเชิญผู้เล่นที่มีพรสวรรค์สูงเข้าร่วมกิลด์โดยอาศัยชื่อกริดเป็นสิ่งดึงดูด

    ปัจจุบัน  ประชากรกิลด์โอเวอร์เกียร์มีจำนวนทั้งสิ้น 620 คน
    หากประเมินจากสัดส่วนคลาส  กิลด์โอเวอร์เกียร์ค่อนข้างขาดความสมดุล  เพราะสมาชิกเกินกว่าครึ่งคือคลาสสายผลิต
    
    แต่ในมุมมองลอเอล  สิ่งนี้คือก้าวเดินที่ถูกต้อง  เพราะหากคำนึงถึงขุมพลังกองทัพระดับอาณาจักรในภาพรวม  การมีคลาสสายผลิตที่เก่งจำนวนมากย่อมดีกว่าสายต่อสู้

    “ช่างตีเหล็กทุกคนได้ทำพันธสัญญากับภูติไฟสินะ”

    “ถูกต้อง  แพนเมียร์ก็ด้วย”

    “ชิ…แล้วทำไมฉันถึงเป็นคนเดียวที่ได้ภูติแสง?  ผู้สืบทอดแพ็กม่าไม่ใช่ช่างตีเหล็กรึไง?”

    กริดยึดติดกับ ‘ดยุคแห่งไฟ’ มากกว่าที่ตัวเองคิด  ย่อมช่วยไม่ได้  เขาจำเป็นต้องไล่ตามเงาแพ็กม่า  เพื่อรวมรวบเศษเสี้ยวพลังของชายคนนั้นให้ได้มากที่สุด

    ลอเอลพยายามปลอบประโลม

    “ภูติแสงมีระดับสูงกว่าภูติธาตุทั่วไปมิใช่หรือ?  กระหม่อมได้ยินมาว่า  ภูติแสงและมืดจะเลือกรับใช้ราชวงศ์เอลฟ์เท่านั้น  ประสิทธิภาพโดยรวมจึงควรสูงกว่าภูติไฟที่ฝ่าบาทต้องการ  ได้โปรดพึงพอใจในสิ่งที่มีด้วย”

    “ฉันรู้  แต่ภูติแสงจะมีประโยชน์ไม่มากหากศัตรูไม่ใช่ธาตุมืด”    

    “แต่ภูติไฟก็แพ้ทางศัตรูธาตุน้ำเช่นกัน  มีผลลัพธ์ใดที่มอบความพึงพอใจให้ฝ่าบาท 100% ด้วยหรือ?”

    “ฉันมองปัจจัยด้านอื่น  ภูติไฟจะมีประโยชน์ที่หลากหลาย  ทั้งด้านตีเหล็ก  รวมถึงด้านประกอบอาหารระหว่างเดินทางไกล”

    “…ฝ่าบาทกินแต่เนื้อแดดเดียวอยู่แล้วไม่ใช่รึไง”

    กริดเริ่มหาเหตุผลเพื่อแถให้ชนะลอเอล  
    ทว่า  ลอเอลมิได้ใส่ใจ  เขาพยายามทำทุกวิธีเพื่อให้กริดใจเย็นลง
    
    ลอเอลมองออกไปนอกหน้าต่าง  
    สมาชิกกิลด์โอเวอร์เกียร์หลายร้อยคนกำลังยืนรวมตัวไม่ห่างจากต้นไม้โลกมากนัก

    ทุกคนมีสีหน้าเปี่ยมสุข  พวกเขาทำพันธสัญญากับภูติธาตุสำเร็จ  โดยหลายคนกำลังกล่าวคำสรรเสริญกริดไม่ขาดปาก

    “ฝ่าบาททำได้เยี่ยมมากในครั้งนี้”

    “แล้วนายทำพันธสัญญากับภูติธาตุรึยัง?”

    “แน่นอน  ทันทีที่ย่างกรายเข้ามาในเขตหมู่บ้าน  กระหม่อมรีบทำตามเสียงกระซิบจากอีกตัวตนในดวงวิญญาณโดยไม่รีรอ”

    ชายหนุ่มหันไปมองลอเอลที่กำลังใช้ฝ่ามือปิดครึ่งใบหน้าพลางเชิดคางหัวเราะไหล่สั่น
    เขาถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

    “นายได้ภูติมืดรึไง?”

    “ถูกต้อง  กระหม่อมลังเลระหว่างภูติไฟและภูติมืด  แต่ด้วยอำนาจของเพลิงมังกรทมิฬที่ผนึกอยู่ในแขนขวานี้  กระหม่อมจึงตัดสินใจเลือกภูติมืด”

    “บ้าน่า…”

    ระบบของซาทิสฟายน่าขนลุกฉิบ… 
    ราวกับมันอ่านจิตใจส่วนลึกของผู้เล่นและเลือกตอบสนองอย่างเหมาะสม
    
    ลอเอลหันมาถามเพื่อให้กริดยืนยันเป็นครั้งสุดท้าย

    “หากสมาชิกทั่วไปของโอเวอร์เกียร์จับทีมกับสมาชิกระดับขุนพล  แบ่งออกเป็นทีมละแปดคน  ทุกทีมสามารถแยกกันล่าหมีหมาป่าได้ทีมละหนึ่งตัว  มีสิ่งใดผิดพลาดในคำสั่งนี้หรือไม่?”

    “ไม่มี”
    
    “ฝ่าบาททราบถึงความแข็งแกร่งของพวกเขาเป็นอย่างดีแล้วใช่ไหม?  คนเหล่านั้นพัฒนาตัวเองขึ้นมากหลังจากเหตุการณ์ปราบจอมอสูรบีเลียล”

    “แน่นอน”

    “หมีหมาป่าแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียว?”

    “แข็งแกร่งมาก  และนั่นคือเหตุผลที่ฉันทิ้งเมอร์เซเดสกับจู๊ดไว้ที่นี่  คอยช่วยเหลือกลุ่มที่พลาดพลั้ง”

    “ฝ่าบาทจะไปคนเดียวจริงหรือ?”

    กริดประกาศชัดเจนว่าเขาจะแทรกซึมเข้าไปทำลายเมืองของราชาพ่อค้าตามลำพัง  
    สิ่งนี้ทำให้ลอเอลเป็นกังวล
    
    แม้กริดจะเก่งกาจขนาดจัดการอัศวินของเคียร์ได้ราบคาบ  แต่ภายในเมืองย่อมมีทหารประจำการหลายพัน  รวมถึงผู้เล่นอีกหลายร้อย  แถมทุกคนยังเป็นแรงเกอร์ที่ได้รับของสวมใส่เกรดสูงจากเคียร์  

    การที่ทั้งหมดจะถูกบดขยี้ด้วยฝีมือผู้เล่นเพียงหนึ่งคน  สิ่งนี้ออกจะเหนือสามัญสำนึกลอเอลไปสักหน่อย  แม้เขาจะใกล้ชิดกริดยิ่งกว่าใครทั้งหมด
    
    แรงเกอร์ยุคใหม่พัฒนาขึ้นจากแต่ก่อนมาก  แม้จะเป็นแรงเกอร์ปลายแถว  แต่พวกมันล้วนไม่ใช่ไอ้งั่ง

    กริดยักไหล่

    “ไม่ห้องห่วง…ฉันแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น”

    เคียร์หมดสิทธิ์หนีรอดจากกริดในวินาทีที่แอ็กนัสกลายเป็นตำนาน
    
    เมื่อศัตรูคู่อาฆาตพัฒนาขึ้นจนทำให้กริดต้องตื่นตัว  หมายความว่า  เขาไม่มีทางปล่อยให้เคียร์กลายเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญในอนาคต  กริดเปลี่ยนใจคิดทำลายเคียร์ให้สิ้นซากด้วยระยะเวลาสั้นที่สุด

    “ฉันต้องเร่งมือ  ไม่อย่างนั้นเคียร์อาจติดต่อแอ็กนัส”

    จักรวรรดิซาฮารัน
    อิมมอทัล
    วิหารยาธาน
    จอมอสูร 

    กริดไม่คิดมองข้ามทุกฝ่ายที่เป็นปรปักษ์

    ชายหนุ่มเดินทางออกจากป่าต้นไม้โลกโดยมีจุดหมายปลายทางคือเมืองราชาพ่อค้า

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,254
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. เคียร์เอย นายล้มละลายแน่คราวนี้ 😱😱 ยูร่าจะเป็นยังไงบ้างตอนนี้ ?🤔🙏

    ReplyDelete
  2. ขอบคุณ​มาก​ครับ​🙏

    ReplyDelete
  3. ร่างโคลนกริดที่หมู่เกราะเบเฮ็นตอนนี้เก่งขนาดจอมอสูรเลยหรอ!?แถมมีทักษะผมสาน5ทักษะด้วย!กริดตัวจริงมีสูงสุดตอนนี้แค่4เอง

    ReplyDelete
    Replies
    1. และมี4ผสานแค่ท่าเดียว กริดยังไม่มี4ผสานท่าอื่นเพิ่มเลย ถ้าเจอกับร่างโคลนจะได้ท่าเพิ่มเหมือนแต่ก่อนรึป่าว

      Delete
  4. กริดที่มีเลือดเท่าบอสและยังเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่ควบคุมด้วยซุปเปอร์คอมพิวเตอร์งั้นรึ แถมยังมีพลังมากกว่าตัวจริงด้วยนะ

    ReplyDelete
  5. ฮิวรอย ได้แรปเร็วขึ้น😆

    ReplyDelete
    Replies
    1. โฟกัสผิดจุดป่าวพี่ 555+ ได้รับสมญา อีเมเนม จะพัฒนาไปเป็น ก็อตแร็พ 555+ ตึงจัด

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00