จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 827



    ซูเปอร์คาร์รุ่นผลิตจำนวนจำกัดที่มีเพียงสามคันบนโลก
    รถคันนี้ดึงดูดสายตาของผู้ใช้ท้องถนนรวมถึงคนเดินเท้าสองข้างทางได้เป็นอย่างดี
    
    ไม่มีใครอยากเชื่อว่ารถรุ่นหาจากจะอยู่ในประเทศเล็กแถบซีกโลกเอเชียตะวันออก
    รถทุกคันต่างหลีกทางให้อย่างเกรงอกเกรงใจ  ส่งผลให้ลิมชอลโฮเคลื่อนที่ไปหาเป้าหมายได้เร็วกว่ากำหนดการมาก

    “อา…”

    ปัจจุบันกำลังอยู่ในฤดูใบไม้ร่วง  จึงไม่แปลกที่สองข้างทางจะมีใบไม้ปลิวกระจัดกระจายอยู่ทั่ว
    ลิมชอลโฮเฝ้ามองวิวธรรมชาติอันงดงามพลางสงบจิตใจขณะมุ่งหน้าสู่เขตปริมณฑลของกรุงโซล

    ‘กริดเลี้ยงดูครอบครัวด้วยสินะ…’

    กริดคือชายหนุ่มที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย 
    เขาครอบครองตึกสูงเจ็ดชั้นมูลค่าหมื่นล้านวอนที่ราคาเพิ่มขึ้นในทุกปี
    
    หากประเมินจากธรรมชาติของคนอายุเพียงเท่านี้  ส่วนใหญ่จะออกไปใช้ชีวิตอิสระตามลำพังด้วยเงินที่ตนหามาได้    
    แต่กริดยังคงอยู่กับครอบครัวและคอยค้ำจุนพวกเขา  
    ชายคนนี้ไม่เปลี่ยนแปลงเจตนาดังเดิมก่อนจะประสมความสำเร็จ

    ‘เราคงไปเยี่ยมมือเปล่าไม่ได้’

    ลิมชอลโฮลงทุนเดินทางไปหากริดด้วยตัวเองเพื่อขอร้องเรื่องสำคัญ
    สถานที่จุดหมายยังมีครอบครัวแสนสำคัญของกริดอาศัยร่วมอยู่ด้วย
    
    มารยาทพื้นฐานคือของขวัญติดไม้ติดมือ

    แต่ควรมอบอะไรให้ดีล่ะ?  
    เขาไม่เคยต้องปวดหัวขบคิดในเรื่องนี้มาก่อน
    ลิมชอลโฮตัดสินใจปรึกษาเพื่อนที่ไว้ใจได้มากที่สุดในโลก

    “มอร์เฟียส”

[ ครับ ]

    ซูเปอร์คอมพิวเตอร์อันดับหนึ่ง
    ตัวตนที่คอยประคับประคองซาทิสฟายมานานหลายปีได้ตอบรับคำเรียกขานทันที

    ประธานใหญ่แห่ง SA กรุ๊ปเริ่มตั้งคำถาม

    “ของขวัญใดเหมาะสมที่สุดสำหรับเด็กผู้หญิงที่กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย  รวมถึงคู่รักในวัยห้าสิบ”
    
[ ของขวัญอันดับหนึ่งของนักศึกษามหาวิทยาลัยคือคอร์สศัลยกรรมพลาสติกทั้งร่างกาย ]
[ ส่วนของขวัญอันดับหนึ่งของคู่รักในวัยห้าสิบคือใบหย่า  ]

    มอร์เฟียสตอบกลับภายในระยะเวลาไม่หนึ่งหนึ่งวินาทีด้วยข้อมูลที่มี
    เป็นการประมวลผลจากคลาวด์และส่งตรงลงมายังอุปกรณ์เคลื่อนที่ของลิมชอลโฮ

    “งั้นหรอกหรือ…มันออกจะ”

    ลิมชอลโฮแสดงสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย    

    ในฐานะสุดยอดนักวิทยาศาสตร์  เขาเชื่อถือในข้อมูลและเทคโนโลยีเหนือสิ่งอื่นใดก็จริง  แต่ก็ไม่ถึงกับละเลยสามัญสำนึกพื้นฐานโดยสิ้นเชิง
    ลิมชอลโฮเข้าใจคอร์สศัลยกรรมพลาสติก  แต่เขาไม่เข้าใจของขวัญที่เป็นใบหย่า

    “อันดับสองและสามของคู่รักวัยห้าสิบคืออะไร?”

[ คอร์สบำรุงผิวและแพคเกจเที่ยวต่างประเทศ ]

    “ตกลง  เอาสองอันนี้แหละ”
    
    ลิมชอลโฮพึ่งพอใจกับคำตอบ
    มอร์เฟียสถามทวนย้ำอีกครั้ง

[ ถ้าอย่างนั้น  ผมจะสั่งซื้อคอร์สศัลยกรรมพลาสติกที่ชำนาญลูกค้านักเรียนมหาวิทยาลัยและมีผลตอบรับที่ดี  ผ่านเวปไซต์ที่มีราคาถูกที่สุด  กรุณายืนยัน ]

    “อา…อย่าลืมสั่งคอร์สบำรุงผิวกับแพคเกจเที่ยวบินต่างประเทศที่ราคาถูกที่สุดให้ด้วย”

[ ครับ ]

    การเตรียมของขวัญเสร็จสิ้น
    ลิมชอลโฮวางใจเมื่อได้เห็นสิ่งที่ตนสั่งถูกส่งข้อความยืนยันทางโทรศัพท์มือถือ
    
    ขณะเดียวกัน  ซูเปอร์คาร์สุดหรูได้เร่งความเร็วขึ้นหลังจากเข้าสู่เขตชานเมือง
    เพียงไม่นานก็ถึงหน้าอาคารสูงเจ็ดชั้นอันโด่งดังของกริด

    “ถึงจะไกลจากใจกลางโซลไปสักหน่อย  แต่อากาศที่นี่ไม่เลวเลย”

[ ปริมาณฝุ่นละอองในอากาศอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม ]

    “เป็นเขตที่ดี”
    
    ลิมชอลโฮกล่าวพลางก้าวลงจากรถหรู

    บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพรรณ  รวมถึงไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาอีกมาก
    บรรยากาศร่มรื่น  คู่รักหนุ่มวัยสาวนั่งจิบกาแฟท่ามกลางธรรมชาติอย่างมีความสุข
    
    เขาชำเลืองมองไปยังตึกที่อยู่อีกฝากฝั่งของถนน  ไม่ไกลจากตึกกริดมากนัก
    
    “อาคารเหล่านี้เป็นของขุนพลโอเวอร์เกียร์สินะ”

[ ครับ  ตึกในบริเวณนี้เป็นของยูร่า  จิสึกะ  เรกัส  และป็อน ]
[ จิสึกะ  เรกัส  และป็อนมีกำหนดย้ายมาอยู่ที่เกาหลีใต้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ]

    “ฮะฮะ…”

    ลิมชอลโฮหัวเราะอย่างมีความสุข
    เขาดีใจที่สายสัมพันธ์ภายในซาทิสฟายได้เอ่อล้นออกมาบนโลกแห่งความจริง

    “กลุ่มหนุ่มสาวที่ชื่นชอบซาทิสฟาย…ขอให้พวกเขามีความสุขตลอดไป”

    เป็นอีกครั้งที่ประธานลิมชอลโฮมั่นใจ
    คนอย่างกริดจะต้องชื่นชอบซาทิสฟายยิ่งกว่าตนที่เป็นผู้ก่อตั้งแน่
    ดังนั้น  เขาหวังว่ากริดจะยอมร่วมมือเพื่อให้ซาทิสฟายดำรงอยู่คู่โลกไปอีกแสนนาน
    กริดคงไม่อยากให้ซาทิสฟายที่เขาประสบความสำเร็จต้องมีอายุขัยสั้นแน่
    
    ‘เขาคงยอมฟังคำขอร้องจากเรา’

    ประธานลิมชอลโฮก้าวขาอย่างผ่อนคลายเข้าไปในลิฟต์  จากนั้นกดลิฟต์สาธารณะขึ้นไปชั้นบนสุดของอาคาร  
    เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก  ลิมชอลโฮได้พบกับ ‘ทูน’—แรงเกอร์ระดับสูงของซาทิสฟายที่เคยสังกัดแก๊งค์มาเฟียอิตาลี 
    
    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา  ทูนก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ชะตาชีวิตพลิกผันเพราะซาทิสฟาย
    เขากลายมาเป็นขุนพลโอเวอร์เกียร์และบอร์ดี้การ์ดประจำตัวกริด
    
    “ยินดีที่ได้พบกัน”
    
    ประธานลิมชอลโฮกล่าวทักทายด้วยสีหน้าอ่อนโยน
    ทว่า  ทูนกลับขมวดคิ้ว

    “พวกเรารู้จักกันด้วยหรือ?”

    “…”

    “บุคคลภายนอกไม่สามารถผ่านจุดนี้ไปได้หากไม่มีการนัดหมายล่วงหน้า”

    ทูนกล่าวย้ำด้วยน้ำเสียงขึงขังพลางแปรงฟันต่อ  สภาพเหมือนกับคนเพิ่งตื่นนอนยังไงยังงั้น

    ลิมชอลโฮอมยิ้ม

    “คุณคงนอนไม่พอใช่ไหม”

    เขาคือลิมชอลโฮเชียวนะ
    ทั้งชื่อและใบหน้าปรากฏบนหนังสือพิมพ์แทบทุกวันนับตั้งแต่ซาทิสฟายเริ่มเปิดตัว
    คำค้นในโลกอินเทอร์เน็ตก็อยู่ในระดับท็อปมาตลอด

    ลิมชอลโฮคือบุคคลที่ถูกต้อนรับเป็นอย่างดีในทุกสถานที่ที่ไปเยือน
    ดังนั้น  ไม่มีทางที่ผู้เล่นซาทิสฟาย  แถมยังเป็นแรงเกอร์ระดับสูงอย่างทูน  จะไม่รู้จักตัวตนและใบหน้าของลิมชอบโฮ 
    
    น่าจะเป็นเพราะทูนกำลังงัวเงีย

    ทว่า  สิ่งที่ลิมชอลโฮคำนวณพลาดไปคือการที่เขาไม่รู้จักทูนดีพอ
    ชายคนนี้เคยใช้ชีวิตบนขุมนรกมานานหลายปี  เขาย่อมไม่สนใจสิ่งรอบข้างหรือบุคคลที่อยู่ในโลกที่สูงส่งกว่า
    ภายในหัวคิดเพียงการดิ้นรนให้มีชีวิตอยู่รอดต่อไปในแต่ละวัน

    “เอ่อ…แล้วตกลงคุณเป็นใคร?”
    
    “…” 

    ไม่ได้ล่อเล่นใช่ไหม?
    ลิมชอลโฮหมดคำพูดไปชั่วขณะก่อนจะพยายามตั้งสติให้มั่นคง
    
    เขากระซิบกับมอร์เฟียส

    “ต่อสายหาผู้ปกครองกริดให้ฉัน”

[ จะให้โทรหาพ่อหรือแม่? ]

    “…ใครก็ได้ที่รับสายก่อน” 

[ เข้าใจแล้วครับ ]

    ชายร่างใหญ่และบึกบึนกำลังยืนเด่นตระหง่านขวางเต็มทางเดิน
    มัดกล้ามเนื้อที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดี  บรรยากาศรอบตัวที่แผ่จิตสังหารตลอดเวลา  รวมถึงดวงตาที่จ้องขย้ำเหยื่อประหนึ่งหมาป่า        

    ลิมชอลโฮทำได้เพียงกลืนน้ำลายเมื่อต้องยืนใกล้กับบุคคลที่จ้องมองเขาเยี่ยงศัตรู
    ไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

    ขณะเดียวกัน  มอร์เฟียสต่อสายหาผู้ปกครองของกริดสำเร็จ

( สวัสดีครับ? )    

    “ใช่พ่อของชินยองวูรึเปล่าครับ”

( ใช่ครับ…  )

    “สวัสดีครับ  ผมคือลิมชอลโฮ  ประธานใหญ่แห่ง SA กรุ๊ป  ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้…”
    
    ตรู๊ด  ตรู๊ด  ตรู๊ด— 

    “…”

    ในระยะหลังมานี้  ลิมชอลโฮอุทิศเวลาเกือบทั้งหมดของชีวิตให้กับซาทิสฟายเพียงสิ่งเดียว
    เขาตัดขาดจากโลกภายนอก  
    ได้สนทนากับผู้คนเพียงน้อยนิด  
    จนหลงลืมไปว่า  ชื่อเสียงของเขายิ่งใหญ่ในสายตาคนทั่วโลกเกินกว่าที่ตัวเองรับรู้

    ถูกต้อง
    สาเหตุที่กริดบล็อคข้อความส่วนตัว  และสาเหตุที่พ่อของชินยองวูวางสายทันที
    เพราะชื่อ ‘ลิมชอลโฮ’ คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อโลกใบนี้เกินกว่าจะติดต่อหาใครสักคนเป็นการส่วนตัว    

    ‘พวกเขาคิดว่าเราเป็นพวกแอบอ้าง!’

    จบสิ้นแล้ว… 
    ลิมชอลโฮรู้สึกมืดแปดด้านกับสถานการณ์ที่ตัวเองกำลังเผชิญ
    
    ขณะที่เขาเริ่มกระวนกระวายใจ

    กิ๊ง~

    เด็กสาวคนหนึ่งเดินออกจากลิฟต์ด้านหลัง  เป็นเซฮีในชุดนักเรียน

    “อ๊ะ…!”

    ลิมชอลโฮและเซฮีต่างตะลึงเมื่อได้เห็นใบหน้าของกันและกัน

    ‘นี่เธอไม่ได้ใส่เอฟเฟคเพิ่มเติมเข้าไปในตัวละครเลยหรือ?’
    
    ลิมชอลโฮรู้สึกทึ่งเมื่อรูปลักษณ์ของเซฮีตรงตามที่ปรากฏในซาทิสฟายทุกประการ
    ไม่มีแม้แต่ส่วนเดียวที่ถูกปรับแต่งเพื่อให้ดูดีขึ้น

    ‘เขามาทำอะไรที่บ้านของเรา?’

    เซฮีย่อมประหลาดใจที่ได้เห็นประธานใหญ่แห่ง SA กรุ๊ปยืนอยู่หน้าบ้านของตัวเอง

    “ส…สวัสดีค่ะ”

    ตรงกันข้ามกับพี่ชายสมองทึบ
    เซฮีคือเด็กฉลาดที่รู้จักกาลเทศะ
    เธอเป็นฝ่ายกล่าวทักทายลิมชอลโฮแม้ตัวเองไม่เข้าใจสถานการณ์

    ลิมชอลโฮฉีกยิ้มอย่างอ่อนโยนเมื่อเห็นเด็กสาวหน้ารักก้มศีรษะให้อย่างนอบน้อม

    “สวัสดีครับ  ฮะฮะ!  ไม่น่าเชื่อ…ของขวัญจากผมคงไม่จำเป็นแล้วสินะ”

    คงต้องรีบขอคืนเงินคอร์สศัลยกรรมพลาติกทั้งร่างกายให้เร็วที่สุด
    
    ดวงตาของเซฮีพลันเปล่งประกายขณะเห็นลิมชอลโฮยืนครุ่นคิดบางสิ่ง 
    

    “คุณก็มาฉลองวันเกิดให้พี่สินะ…”

    “…หือ?”

    ลิมชอลโฮเหลือบไปเห็นเค้กวันเกิดในมือของเธอ
    มอร์เฟียสประมวลสถานการณ์อย่างรวดเร็วพลางส่งเสียงกระซิบ

[ ของขวัญอันดับหนึ่งสำหรับชายหนุ่มวัยยี่สิบตอนปลายคือแคปซูลหรูหราสำหรับเล่นซาทิสฟาย ]
[ ส่วนของขวัญอันดับสองคือไอเท็มภายในซาทิสฟายที่มีเกรดอย่างต่ำเป็นอีปิก ]

    “…เขามีดีกว่านั้นมาก” 

    ลิมชอลโฮมาที่นี่เพื่อขอไอเท็มจากกริดคืน  มิใช่มอบให้เพิ่ม
    
    ช่างเถอะ  ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องหาโอกาสโน้มน้าวกริดให้ได้

    *** 

    “มีอะไรกันอีก?”

    ชินยองวูบ่นอย่างหัวเสียเมื่อถูกน้องสาวส่งสัญญาณเรียกจากด้านนอกแคปซูลบ่อยครั้ง
    ยังเหลือเวลาอีกกว่าชั่วโมงครึ่งก่อนจะถึงขีดจำกัดออนไลน์ในวันนี้
    
    ด้วยเวลาดังกล่าว  กริดสามารถทำกิจกรรมได้มากมาย  แต่เขากลับถูกน้องสาวเรียกตัวให้ออกมาพบโดยไม่ยอมบอกเหตุผล
    
    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ  
    กริดเพิ่งที่ลุกจากแคปซูล  เส้นผมของเขามิได้ยุ่งเหยิงเหมือนรังนกอย่างที่ควรจะเป็น
    แถมไม่ต้องบริหารร่างกายเพื่อคลายความเมื่อยล้า  เพราะนี่คือคุณสมบัติพิเศษของแคปซูลราคามหาศาลรุ่นท็อปที่ผู้เล่นทั่วไปไม่มีวันเอื้อมถึง
        
    “เรียกเราแล้วหายหัวไปไหน?”

    ชินยองวูกำลังยืนอยู่ภายในห้องที่มีเพียงแคปซูลหรูหราและตู้เย็นขนาดใหญ่
    เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าห้องนี้เป็น ‘สำนักงาน’ สำหรับเล่นเกมที่ห้ามผู้ใดรบกวนโดยไม่จำเป็น    
    ชายหนุ่มรีบเดินออกไปยังห้องรับแขกขนาดใหญ่ด้านนอก

    แล้วเขาต้องก็ประหลาดใจ

    “สุขสันต์วันเกิด!”

    “สุขสันต์วันเกิด!”

    เซฮีและเยริมฉีกยิ้มกว้างพลางดึงสายพลุกระดาษเพื่อเฉลิมฉลอง
    
    ชินยองวูขมวดคิ้วฉงน
    บนกำแพงถูกตกแต่งด้วยข้อความสุขสันต์วันเกิดอย่างสวยงาม 
    แถมยังมีโต๊ะที่จัดเตรียมไว้สำหรับงานวันเกิดขนาดย่อม  อาหารและขนมหลากหลายชนิดถูกวางรอพร้อมทาน

    สิ่งของเหล่านี้ไม่สามารถจัดหาได้ในระยะเวลาอันสั้นแน่

    “วันนี้วันเกิดพี่?”

    “กะแล้วเชียวว่าพี่ต้องพูดแบบนี้”

    เซฮีงอนแก้มป่อง
    
    “หนูไม่ได้เรียกพี่กินข้าวในตอนเช้า  แล้วพี่ก็ไม่ได้กินข้าวกลางวันด้วยรึไง?  ทำไมซุปสาหร่ายที่วางเตรียมไว้ถึงยังอยู่ที่เดิม?”

    พ่อและแม่ช่วยกล่าวเสริม
    
    “อย่าเอาแต่ทำงานหนักหาเงินเพียงอย่างเดียว  ลูกต้องกินอาหารให้ครบห้าหมู่  เป็นชาวเกาหลีก็ต้องกินข้าวให้ครบทุกมื้อ”

    “ถึงแกจะทำดีแล้วที่ไม่สูบบุหรี่  แต่สิ่งที่แม่กับน้องตักเตือนก็ไม่ผิด  แกไม่ควรละเลยมื้ออาหาร”

    “เข้าใจแล้วครับ…”

    ยองวูยิ้มเจื่อนด้วยสีหน้าสำนึกผิด
    
    เขากำลังตื้นตันกับฉากตรงหน้า 
    ทั้งพ่อ  แม่  เซฮี  เยริม  และทูน  
    ทุกคนที่ถือเป็นสมาชิกในครอบครัวคนสำคัญกำลังนั่งล้อมวงจัดงานวันเกิดให้ตน
    
    แม้ตัวเองจะหลงลืมเสียสนิท  แต่คนเหล่านี้ก็ช่วยเติมเต็มชีวิตครอบครัวแสนอบอุ่น
    โดยเฉพาะทูน  ดวงตาของเขากำลังสะอื้นจนแดงก่ำ    
    
    ทูนเป็นเด็กกำพร้า  เขาไม่เคยเห็นหน้าพ่อและแม่มาก่อน
    งานเลี้ยงวันเกิดคือสิ่งที่ไม่เคยมี  
    ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเกิดวันใด
    การถูกนับรวมให้เป็นสมาชิกครอบครัวถือเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่แสนวิเศษ
    
    แต่ท่ามกลางบรรยากาศสุดชื่นมื่น… 

    “เอ่อ…แล้วท่านประธานมาทำอะไรที่นี่?”

    ยองวูนั่งลงพลางหันไปถามลิมชอลโฮ
    ทั่งคู่ต่างมีท่าทีเคอะเขิน

    เรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?
    ลิมชอลโฮได้แต่ตั้งคำถามในใจ

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,246
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. อุ๊บ มาเจอคนที่ไม่รู้จักประธานยักใหญ่ เช่น ทูน แถมมาตรงกับวันเกิดของ กริดอีก อะไรมันจะเกินสามันสำนึกไปมากแท้ประธาน อย่างนี้จะกล้าพูด ?😂😂

    ReplyDelete
  2. 555
    สนุกดี
    ขอบคุณ​มาก​ครับ​😂

    ReplyDelete
  3. บั๊กของจริง ก็สามัญสำนึกของมอร์เฟียสนี่แหละ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ถ้าลิมชอลโฮเชื่อมอเฟียสมันจะฮามาก

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00