จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 835



    “แฮ่ก!  แฮ่ก!  แค่ก…!”

    ไม่ว่าจะวิ่งหนีนานแค่ไหน  แต่เคียร์ก็มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของเส้นทางตรงหน้า
    
    ผืนป่าที่มันเคยมองเป็นแหล่งขุมทรัพย์  ยามนี้กลับน่าสะพรึงกลัวดุจดั่งขุมนรก
    ดอกไม้งามและพืชพรรณนานาชนิด  สายลมแสนบริสุทธิ์  และกลิ่นหอมรัญจวนรอบสองข้างทาง  ทุกสิ่งเป็นราวกับคำสาปภาพลวงตาที่เคียร์มิอาจหลุดพ้น
    
    เกิดคำถามขึ้นมากมายขณะมันกำลังตรวจสอบหลอดค่าเรี่ยวแรง
    
    กริดมาทำอะไรที่ป่าแห่งนี้  เป็นเพียงเรื่องบังเอิญงั้นหรือ?
    แล้วเหตุใดกริดถึงเป็นศัตรูกับมัน  การจับเอลฟ์เป็นทาสมันเลวร้ายขนาดนั้นเชียว? 
    
    ทำไมตนต้องเป็นฝ่ายทุกข์ทรมาณ
    หรือว่า…ทั้งหมดคือแผนที่กริดวางไว้ตั้งแต่ต้น

    ‘เราเต้นรำบนผ่ามือกริดมาตลอด!’

    เจ้าบ้านั่นวางแผนไว้ตั้งแต่เมื่อไร?
    หรือตั้งแต่ก่อนที่เราค้นหาข้อมูลของป่าต้นไม้โลก?

    “ชิ…!”

    เงาดำขนาดใหญ่บนท้องฟ้าเคลื่อนสาดทับตัวมัน  เป็นสัญญาว่า  วัตถุบนอากาศกำลังลอยอยู่เหนือศีรษะ
    
    หัวใจเคียร์เต้นโครมครามอย่างตื่นตระหนก  มันรู้สึกถูกคุกคามอย่างหนักเมื่อฮิวรอยและไวเวิร์นบินอยู่เหนือศีรษะ

    “เปโร!  หลบเร็ว!”

    เมื่อสิ้นเสียงเคียร์  
    ม้าขาว  ไม่สิ  ยูนิคอร์นกระโจนออกด้านข้างคล้ายกับท่าเดินของปู  การขยับร่างกายเหนือธรรมชาติเช่นนี้  ม้าทั่วไปไม่มีทางปฏิบัติได้แน่    

    เปลวเพลิงจากไวเวิร์นเล็งยิงดักหน้าในจุดที่พวกมันกำลังจะวิ่งไปหากไม่กระโดดหลบ  พื้นหญ้าโดยรอบไหม้เกรียมในพริบตา  

    เคียร์กุมบังเหียนสั่งการให้ยูนิคอร์นรีบวิ่งหนีไปทางซ้าย

    ‘ไวเวิร์นย่อมมีมานาจำกัด’

    ไวเวิร์นของฮิวรอยคงพ่นลมหายใจได้อีกแค่หนึ่งถึงสองหน
    แต่ยูนิคอร์นของมัน  หนึ่งในสัตว์พาหนะที่ดีทีที่สุด  สามารถกระโดดหลบได้อีกหลายสิบครั้ง
    มานาพื้นฐานของยูนิคอร์น  มีมากกว่าสิ่งมีชีวิตระดับสูงอย่างมังกรเดรกเสียอีก    

    ‘เราต้องรอดกลับไปให้ได้!’

    เคียร์ไม่เหลือสมาธิให้ครุ่นคิดถึงอดีตหรืออนาคต  ปัจจุบันคือสิ่งสำคัญเหนืออื่นใด

    มันไม่ต้องการเผชิญหน้าความตายและสูญเสียค่าประสบการณ์หรือไอเท็มดรอป
    
    ‘ต้องมีสักทาง…ต้องมีสักทางที่เราจะรอดจากมันและหนีกลับเมืองได้!’

    เคียร์ต้องการเอาคืนเหตุการณ์ในวันนี้อย่างสมสม!
    มันลั่นวาจากับตัวเองภายในใน  เคียร์มั่นใจว่า  ตัวมันสามารถสนองความแค้นกลับคืนกริดได้เป็นรอยเท่า  ตราบใดที่ยังมีพลังของอัศวินทั้งสาม

    ราชาบานุส  ราชาความมืดดิอัส  และเทพจอมเขมือบโพอู 
    สามบุคคลดังกล่าวคือสุดยอด NPC พิเศษที่คอยติดตามคุ้มกันเคียร์มาแล้วทั่วทวีปในฐานะราชาพ่อค้า
    
    NPC พิเศษล้วนแข็งแกร่งกว่าเหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ในปัจจุบัน  โดยเฉพาะกริดและครอเกล
    เคียร์มั่นใจมาก  เพราะมันได้เห็นพลังของปิอาโร่เต็มสองตาในวิดีโอเหตุการณ์ล่าบีเลียล
    
    หากคอยปลุกปั้นสามอัศวินไปอีกสักหนึ่งถึงสองปี  รับรองได้เลยว่าทั้งสามจะกลายเป็น NPC พิเศษที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าปิอาโร่แน่
    เคียร์เชื่อเช่นนั้นมาตลอด

    ‘ต้องใช่แน่  แม้พวกมันยังไม่เติบโตเต็มที่ในปัจจุบัน  แต่ทั้งสามล้วนมีชื่อเล่นนำหน้าว่า <ราชา> และ <เทพ> ทั้งสิ้น!’

    เฉกเช่นที่เคียร์ถูกขนานนามให้เป็นราชาพ่อค้า
    ทั้งบานุส  ดิอัส  และโพอู  ทุกคนล้วนถูกเรียกขานโดยคนท้องถิ่นว่า ‘เทพ’ หรือ ‘ราชา’ ในตอนที่เคียร์ไปพบเข้า

    ไม่ใช่ตัวตนที่ผู้เล่นจะรับมือไหว  ทั้งสามคือ NPC ที่มีศักยภาพไร้ขีดจำกัด
    เคียร์คาดหวังกับสามคนนี้ไว้สูงลิบ

    ‘หากเราหลบหนีได้อย่างปลอดภัย  มีความเป็นไปได้มากที่กิลด์โอเวอร์เกียร์จะยกทัพบุกทำลายเมือง  เมื่อถึงตอนนั้น  เราจะขอความช่วยเหลือจากอาณาจักรเก๊าส์  และรีบหนีไปยังจักรวรรดิซาฮารันโดยมีอัศวินทั้งสามคอยคุ้มกัน’

    เคียร์แสยะยิ้มพลางวางแผนชั่ว
    การบุกโจมตีจากกองทัพโอเวอร์เกียร์นับเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายมันมากกว่า
    
    ประการแรก  ศึกนี้จะทำให้อาณาจักรเก๊าส์และโอเวอร์เกียร์ประกาศสงครามต่อกัน
    มันจะฉวยโอกาสทองประณามกิลด์โอเวอร์เกียร์ให้เสียชื่อเสียง  แถมจะสานสัมพันธ์กับอาณาจักรข้างเคียงเพื่อยั่วยุให้เกิดการล้อมโจมตีจากทุกด้าน

    และผลที่ตามมาคือ  เคียร์สามารถหนีเข้าสู่จักรวรรดิซาฮารันได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องเกรงกลัวพลังอำนาจโอเวอร์เกียร์

    ‘แต่ว่า…ทำไมอัศวินลำดับหนึ่งถึงไปอยู่กับกริด’

    ช่างเถอะ  นั่นไม่ใช่สาระสำคัญ  เคียร์มั่นใจว่า  จักรพรรดิซาฮารันยังคงมีจุดมุ่งหมายเดิมคือการรวมทวีปให้เป็นหนึ่ง
    
    ขณะกำลังขบคิดหาวิธีตอบโต้กริด  ร่างกายของมันลอยขึ้นลงเล็กน้อยอย่างไม่เป็นจังหวะ
    สาเหตุเกิดจาก  ยูนิคอร์นที่มันกำลังขี่เริ่มกระโดดหลบการโจมตีถี่ขึ้นอย่างผิดวิสัย
    
    เพียงไม่นาน  เคียร์ก็พบต้นตอของปัญหา  สิ่งนั้นคือรัศมีดาบปริศนาที่คอยพุ่งโจมตีใส่ขาทั้งสี่ของยูนิคอร์นเป็นระยะ
    หากยูนิคอร์นคล่องแคล่วน้อยกว่านี้  ขาของมันคงขาดออกจากกันไปนานแล้ว

    ‘เหลวไหลสิ้นดี!’

    ฮิวรอยวิ่งเร็วขนาดตามยูนิคอร์นทันได้ยังไง  แถมมันกำลังอยู่บนฟ้าไม่ใช่หรือ?
    ต่อให้เป็นแรงเกอร์  แต่ชายคนนั้นก็เป็นเพียงคลาสนักพูด  เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้

    ต้องมีบางสิ่งผิดพลาดแน่
    เคียร์ตัดสินใจหันหลังกลับไปมอง

    ดวงตาของมันพลันสั่นระริก  ใบหน้าของผู้โจมตีกำลังเผยให้เห็นเต็มสองตา

    “เฟคเกอร์!!”

    กริดถึงกับงัดไพ่ตายออกมาใช้เชียว?
    เคียร์เย็นสันหลังวาบ  
    ขณะพัฒนาตัวเองก้าวขึ้นมาเป็นราชาพ่อค้า  จุดเด่นที่สุดของมันคือเครือข่ายข้อมูลข่าวสาร
    มันมีระบบที่เรียกว่า ‘เกรดผู้เล่น’ ซึ่งใช้คนของตัวเองวิเคราะห์ข้อมูล  ในระบบตัดเกรดดังกล่าว  เฟคเกอร์มีพลังอยู่ในระดับ S คลาส
    เป็นระดับรองเพียงกริด  ครอเกล  แอ็กนัส  และเฮสเตอร์

    หากวัดกันที่พลังสังหาร  เฟคเกอร์คือระดับท็อปอย่างไร้ข้อกังขา  
    แม้ทั้งสองจะเป็นแรงเกอร์ระดับสูงเหมือนกัน  แต่เฟคเกอร์สร้างความกดดันได้มหาศาลกว่าฮิวรอยมาก

    ‘ท่าไม่ดีแล้ว’

    เมื่อตกเป็นเป้าหมายของเฟคเกอร์  เคียร์ทราบชะตากรรมตัวเองทันที  มันรีบตะโกนสุดเสียง

    “เปโร!  เร่งความเร็วพริบตา!”

    ร่างกายยูนิคอร์นถูกอาบด้วยแสงสีม่วง  จากนั้นก็หายไปในพริบตาราวกับไม่เคยมีตัวตนมาก่อน
    หากระบุให้ชัด  สิ่งนี้คือทักษะที่ช่วยให้เคลื่อนได้ว่องไวเหนือขีดจำกัด  เป็นทักษะสำคัญที่สิ้นเปลืองมานาจำนวนมหาศาล  
    
    เมื่อถูกทิ้งไว้ตามลำพัง  เฟคเกอร์ชะงักฝีเท้าเล็กน้อยพลาดกวาดสายตามองโดยรอบ
    
    “คิดว่าจะหนีพ้นรึไง…”

    เฟคเกอร์หายตัวไปจากจุดดังกล่าวในเวลาไล่เลี่ยกัน
    
    ฮิวรอยที่เฝ้ามองจากด้านบนเริ่มลูบคางพลางครุ่นคิด  เขาพึมพำอยู่บนหลังไวเวิร์นขณะมันกำลังร่อนโฉบไปบนฟ้า  

    “ยูนิคอร์นสินะ…ต้องเหมาะกับนายท่านแน่”

    ***

    ท่ามกลางผืนป่าต้นไม้โลก  ดิอัสขมวดคิ้วเมื่อได้ยินโพอูพึมพำในสิ่งที่น่าปวดหัว

    “ฉันหิว…”

    เอลฟ์สาวที่ถูกลากจูงด้านหลังเริ่มแสดงสีหน้าหวาดกลัว  สาเหตุเพราะทุกคนเคยเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากโพอูบ่นหิวมาแล้ว  ความตื่นตระหนกเริ่มครอบงำจิตใจเอลฟ์ทุกตนทันที

    ดิอัสตำหนิ
    
    “นายเพิ่งกินไปไม่ใช่รึไง?  พวกเธอไม่ใช่อาหาร  แต่เป็นสินค้าของเจ้านาย”

    “ฉันหิว…”

    โพอูสูญสิ้นสติปัญญาเมื่อมันรู้สึกหิว  สิ่งเดียวในหัวคือการเติมเต็มท้องให้อิ่ม  ทุกคำพูดที่ได้ยินจะเข้าหูซ้ายและทะลุออกหูขวา

    “เฮ่อ…เชิญตามสบาย”

    ดิอัสยักไหล่พร้อมกับชูมือขื้นอย่างหมดทางเลือก  มันไม่มีสิทธิ์หรือพลังที่จะห้ามปรามโพอู  ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมให้อีกฝ่ายทำตามใจ

    “ม...ไม่นะ!”

    เอลฟ์สาวพลันหน้าซีดเมื่อดิอัสถอยหลังออกไป  น้ำตาของพวกเธอไหลรินอาบสองข้างแก้ม  โพอูกำลังกวาดสายตาพร้อมกับน้ำลายไหลหยดย้อยจากมุมปาก

    “งั่ม!”

    ชะตากรรมของเอลฟ์ที่ตกเป็นเหยื่อช่างน่าหดหู่  เธอถูกมันกลืนลงท้องและกลายเป็นแสงสีเทาในทันที
    
    เอื๊อก!  
    
    สิ่งมีชีวิตร่างยักษ์สูงกว่าสามเมตรเพิ่งจะกลืนเอลฟ์สาวสูง 170 เข้าไป  แต่สีหน้าของมันกลับไม่แสดงถึงความอิ่มท้องแม้แต่น้อย  หมายความว่า  มื้ออาหารยังไม่จบเพียงเท่านี้

    สำหรับเอลฟ์สาวที่หลงเหลือเพียงสามสิบตน  สิ่งนี้ถือเป็นสถานการณ์เลวร้ายสุดขีด
    
    ทว่า  ไม่มีใครในพวกเธอที่ร่ำไห้หรือร้องขอชีวิต  ทุกคนสิ้นสติไปเรียบร้อยแล้ว
    ฉากเหตุการณ์สุดสยดสยองเมื่อครู่เคยเกิดขึ้นหลายครั้งตลอดการเดินทาง 
    ทั้งผองเพื่อน  ญาติมิตร  รวมถึงครอบครัว  มีหลายคนที่ถูกไอ้ยักษ์บัดซบนี่เขมือบเข้าไปก่อนหน้า
    
    สภาพของแต่ละคนเหม่อลอยราวกับตุ๊กตาไร้วิญญาณที่ปราศจากความคิด

    “ฉันหิว…”

    ต้องมีเหยื่อสังเวยเพิ่มอีกหนึ่ง
    เอลฟ์สาวผู้โชคร้ายมิอาจขัดขืนเมื่อถูกฝ่ามือใหญ่ยักษ์ของโพอูคว้าร่างไว้  แต่ขณะที่มันกำลังจะกลืนเธอลงท้อง…

    ฝ่ามือสีทองสี่ข้างได้พุ่งจู่โจมโพอูจากด้านหลังพร้อมกับค้อนสั้นในมือ  เกิดเป็นการกระหน่ำทุบตีใส่ต้นคอและท่อนแขนของโพอูอย่างต่อเนื่อง  
    ไม่เพียงเท่านั้น  ยังมีแมวขนฟูฟ่องที่แขนขาป้อมสั้น  แมวตนนี้เริ่มปลดปล่อยสิ่งที่คล้ายกระแสไฟฟ้าใส่เข้าใส่ร่างโพอูในเวลาเดียวกัน

    “ประจุไฟฟ้า!  แง่งงง!”

    “พวกแกคิดจะทำอะไร?”

    ถัดมาเป็นการปรากฏกายของกริด  
    ผ้าคลุมของชายหนุ่มสะบัดพริ้วในยามร่ายรำเพลงดาบ  สายตาที่เปี่ยมด้วยแรงอาฆาตจ้องมองโพอูไม่กระพริบ

    “สังหาร!”

    กริดตะโกนคำรามพลางตวัดดาบอัสนีฯ ในมืออย่างฉับไว 
    เขามั่นใจมาก  ศัตรูจะต้องตกอยู่ในอาการชะงักจากมโยลเนียร์ที่รุมทุบ  แถมยังมีอาการช็อตไฟฟ้าจากโนเอะ  
    ยิ่งไปกว่านั้น  อีกฝ่ายต้องหยุดการกินเอลฟ์สาวโชคร้ายอย่างไม่มีทางเลือก  เพราะมันต้องเพ่งสมาธิรับมือกับพลังดาบสังหารที่พุ่งใส่

    งั่ม!

    แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นตรงข้าม  โพอูต้านทานอาการชะงักและสายฟ้าได้ทั้งหมด  
    มันก้มหน้ากินเอลฟ์โชคร้ายที่แสดงสีหน้าเปี่ยมความหวังเมื่อกริดปรากฏตัว  จากนั้นก็ตบฝ่ามือกระแทกใส่ท่าแทงจากกริด

[ ทักษะโจมตีของท่านถูกสลาย ]

    “อะไรนะ?”

    ไอ้หมอนี่สลายทักษะระดับเลเจนดารีได้ด้วยมือเปล่า? 
    ไม่สิ  ที่น่าประหลาดกว่านั้น  มันต้านทานอาการชะงักและสายฟ้าช็อตได้ยังไง? 

    ขณะกริดยืนอึ้ง  โพอูเปิดฉากโขกศีรษะกระแทกใส่

    “ฉันไม่รู้ว่าแกเป็นใคร  แต่เสียใจด้วยนะ”

    ดิอัสส่ายศีรษะ   มันไม่เคลือบแคลงเลยว่า  ชายผมดำปริศนาคงไม่แคล้วถูกโพอูร่างยักษ์สามเมตรจัดการในพริบตา

    ทว่า  ดิอัสเดาผิด

    “…”

    ชายผมดำยังคงสบายดี  เหตุเพราะฝ่ามือสีทองพุ่งเข้ามาบล็อคการท่าโขกได้อย่างฉิวเฉียด  พวกมันทั้งสี่ข้างกระเด็นออกไปคนละทิศพร้อมกับเกิดการชะงัก  
    
    กริดจ้องมองโพอูโดยไม่กระพริบตา

    “แกคือหมาที่เหมือนหมูสินะ”

    อะไรอีกล่ะนั่น?  ดิอัสไม่เข้าใจคำพูดกริดแม้แต่น้อย  มันได้แต่เกาหัวแกร่ก

    “วิชาดาบแพ็กม่า”

    ‘แพ็กม่า?’

    “คลื่น!”

    ชายหนุ่มวาดดาบสีแดงดำเป็นครึ่งวงกลมด้านหน้า  ก่อเกิดคลื่นรัศมีดาบจำนวนมากกระแทกใส่ร่างโพอูจากทุกทิศ

[ ท่านสร้างความเสียหายต่อเป้าหมาย 28,310 หน่วย ]
[ เป้าหมายถูกลดความเร็วทุกชนิด ]
[ เป้าหมายต้านทาน ]

    ‘ต้านทานเชื่องช้าด้วยหรือ?’

    ด้านหลอดพลังชีวิตของโพอูก็มีไม่น้อยเช่นกัน  ไม่กระดิกเลยสักนิด  แม้เพิ่งจะได้รับความเสียหายเข้าไปเกือบสามหมื่นหน่วย

    ‘พลังป้องกันค่อนข้างต่ำ  ความเร็วก็มีไม่มาก…’

    ขณะกริดกำลังครุ่นคิดหลังจากประเมินศัตรู  ฝ่ามือซึ่งใหญ่กว่าของกริดราวสามเท่ากำลังพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วสูง
    ยิ่งไปกว่านั้น  หลังจากกินเอลฟ์เข้าไปสองตน  ดวงตาที่เคยอ่อนโยนได้แดงก่ำราวกับคลุ้มคลั่ง
    
    โพอูทั้งทึ่งและโมโหที่กริดไม่เป็นอะไรเลยแม้มันจะโขกเข้าไปเต็มแรง

    “ฝ่ามือนั่น…การโจมตีของโพอู…ถูกหยุด”

    โพอูคว้าหัตถ์เทวะไว้ข้างหนึ่งและพยายามกลืนมันลงท้อง  แต่น่าเสียดายที่ระบบซาทิสฟายย่อมไม่อนุญาต

    ขณะเดียวกัน  ดิอัสเริ่มกวาดต้อนเอลฟ์สาวให้ออกจากรัศมีการต่อสู้

    “หากเป็นผู้ใช้วิชาดาบแพ็กม่า  หมายความว่าแกคือราชาโอเวอร์เกียร์คนนั้นเองสินะ?  แต่จะรับมือกับโพอูไหวจริงหรือ  เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นเป็นลูกผสมระหว่างคนยักษ์และราชาโทรลล์  แม้กระทั่งมนุษย์ที่ก้าวข้ามขีดจำกัดก็ยังมิอาจรับมือไหว”

    บาดแผลบนร่างโพอูที่ถูก ‘คลื่น’ เฉือนใส่  ปัจจุบันสมานติดกันเรียบร้อยแล้ว  ราวกับมีพลังฟื้นฟูตามธรรมชาติซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเผ่าโทรลล์

    ใบหน้าของโพอูแดงก่ำอย่างโกรธแค้น  มันแผดเสียงคำราม

    “โพอู!  ไม่ใช่!  สัตว์ประหลาดดดด!!”

    เอลฟ์สาวกว่าสามสิบตน  แรนดี้  รวมถึงโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ที่มาถึงจุดเกิดเหตุช้า  หรือแม้กระทั่งดิอัส  ทุกคนต่างได้รับผลกระทบจากเสียงคำรามกึกก้องของโพอู  
    นี่คือพลังตะโกนของเผ่าคนยักษ์  ซึ่งจะส่งผลให้แข้งขาปราศจากเรี่ยวแรงอย่างไร้เหตุผล

    “เสมือนเทพ·ผสานไอเท็ม”
    
    กลับกัน  กริดยังสบายดี 

[ ไม้เท้าบีเลียลถูกผสานกับเข้าดาบอัสนีฯ ]
    
    วาบ!

    เกิดแสงสว่างเป็นตัวกลางเชื่อมผสานดาบและไม้เท้าเกรดมิธเข้าด้วยกัน  
    เพียงอึดใจเดียว  ชายหนุ่มคว้าหอกที่ลอยอยู่กลางอากาศมาควงอย่างแคล่วคล่อง

    ต้องขอบคุณผลจากทักษะผสานอาวุธ  เพลิงทมิฬและสายฟ้าสีชาดจึงเปลี่ยนให้เป็นการโจมตีทางเวทมนตร์ชนิดหนึ่ง
    ค่าพลังเวทของกริดเพิ่มขึ้นจากเดิม 20%  และคริติคอลเวทมนตร์รุนแรงขึ้น 150%  สิ่งนี้ย่อมเป็นภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิตโพอู

    กริดเปิดฉากโหมกระหน่ำอย่างดุดัน  ลูกครึ่งคนยักษ์ผสมโทรลล์เป็นต้องทุรนทุรายจากความเจ็บปวดแสนสาหัส

    เช่นนั้นแล้ว  ทางฝั่งกริดล่ะ?

[ ท่านได้รับบาเรียคุ้มกาย 5,000 หน่วยจากผลของบาเรียบีเลียล ]
[ ท่านได้รับบาเรียคุ้มกาย 5,000 หน่วยจากผลของบาเรียบีเลียล ]
[ ท่านได้รับบาเรียคุ้มกาย 5,000 หน่วยจากผล…  ]



    บาเรียสีดำสนิทกำลังซ้อนทับบนร่างกริดหลายชั้น  จำนวนของมันแปรผันตามบาดแผลที่เกิดขึ้นบนลำตัวโพอู
    
    “เจ็บ!  โพอูเจ็บบบบ!!”

    สีหน้าท่าทางของโพอูกำลังคลุ้มคลั่ง  มันกระหน่ำชกใส่กริดที่มีบาเรียดำคุ้มกายอย่างไม่ลดละความพยายาม  แต่น่าเสียดายที่การกระทำเช่นนี้  นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์  ซ้ำร้ายยังส่งผลเสียรุนแรง

[ ท่านได้รับความเสียหาย 9,700 หน่วย ]
[ บาเรียคุ้มกายดูดซับความเสียหาย ]
[ ท่านได้รับความเสียหาย 10,300 หน่วย ]
[ บาเรียคุ้มกายดูดซับความเสียหาย ]
[ เป้าหมายที่โจมตีท่านได้รับอาการ ‘หวาดกลัว’ และ ‘เชื่องช้า’ ]
[ เป้าหมายต้านทานเชื่องช้า ]

    ด้วยความช่วยเหลือจากบาเรียสุดโกง  พลังชีวิตของกริดยังคงเต็มหลอดเท่าเดิม  ขณะที่โพอูกำลังขวัญผวาสุดขีด

    “ก…กลัว!  โพอูกลัว…!”
    
    ใช่แล้ว  โพอูเป็นสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่ง  พลังทำลายเทียบเท่าปิอาโร่เมื่อครั้งล่าบีเลียล  แถมยังมีค่าต้านทานสถานะหลายชนิด
    ถึงกระนั้นโพอูก็มิใช่ตำนาน  มันยังเหลืออาการหวาดกลัวที่มิอาจต้านทานได้

    ขณะเดียวกัน  กริดแข็งแกร่งขึ้นหลังจากเหตุการณ์ล่าบีเลียลมาก  เขาได้ก้าวข้ามปิอาโร่ในตอนนั้นไปไกลแล้ว

    “โทสะช่างตีเหล็ก·ร่างมืด”

    กริดวาดหอกเป็นครึ่งวงกลมด้านหน้าด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นถึงขีดสุด  คมหอกไร้เทียมทานกระซวกใส่ช่องท้องอันเปลือยเปล่าของโพอูอย่างไร้ความปราณี

    “อัญเชิญอัศวิน!  จิสึกะ  เรกัส  คริส  ป็อน  จู๊ด!”

    เหตุใดเขาต้องอัญเชิญอัศวินในสถานการณ์ที่ตัวเองกำลังจะชนะ?
    คำตอบคือ  กริดไม่คิดประมาทอีกแล้ว  เขาต้องทำทุกทางเพื่อให้มั่นใจว่าบรรลุผล  
    
    ชายหนุ่มออกคำสั่งกับห้าอัศวินที่ตอบรับคำเชิญ

    “จัดการไอ้บัดซบนั่น!  จากนั้นก็รีบช่วยเอลฟ์”

    ‘ไอ้บัดซบนั่น’ ย่อมหมายถึงดิอัส
    
    อัศวินทั้งห้าล้วนมีบรรยากาศคุกคามรุนแรง  ไม่แปลกที่ดิอัสจะเผยอาการหวาดกลัวบนใบหน้าอย่างชัดเจน

    กริดกำลังแสดงให้เคียร์เห็นว่า  ตัวเขาเหนือกว่ามันในทุกด้าน

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,251
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ต้องอย่างนี้พระเอกเรา

    ReplyDelete
  2. สุดยอดดดด
    ขอบพระคุณ​เป็น​อย่างยิ่ง​😊🙏

    ReplyDelete
  3. ถ้าอัญเชิญอัศวินมาตั้งแต่แรกพวกเอลฟ์ส่วนใหญ่ก็ไม่ตายหรอกนะ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ตอนนั้นกริดประมาทครับกริดคิดว่าแค่ตัวเองกับเมอร์เซเดสก็จัดการได้แต่ก็จัดการได้จริงๆนั้นแหละแต่ไอเคียร์มันมีทักษะหนีบวกกับกริดที่ประมาทเลยทำให้เคียร์หนีได้

      Delete
    2. จะให้สวยงามตลอดก็ควไม่ได้หรอก มันeasyโหมดเกินไป

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00