จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 837



    “ฉันจะไม่ลืมความอับยศในวันนี้…ไม่มีวัน!!”

    ในเสี้ยววินาทีที่มันกลายเป็นแสงสีเทา  ดวงตาเคียร์เปี่ยมด้วยโทสะผสมแรงอาฆาตปริมาณมหาศาล  บ่งบอกได้ชัดเจนว่า  มันจะตามจองล้างจองผลาญกริดไปตลอดชั่วชีวิตที่เหลืออยู่
    
    กลับกัน  ท่าทีของกริดยังคงสุขุม  
    ตัวเขาเองย่อมรู้ดีว่า  การตกเป็นเป้าของความแค้นจากใครสักคนคือเรื่องอันตรายที่ไม่สมควรเกิดขึ้น
    ในอดีต  กริดเคยเกิดความอาฆาตแค้นรุนแรงกับใครหลายคน  เขาเคยคิดนำพาความพินาศไปสู่งบุคคลเหล่านั้นเสมอ  ย่อมทราบถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นดี

    ‘…เราตกเป็นเป้าความแค้นบ้างแล้วสินะ’

    ยิ่งมีพลังมากขึ้น  สิ่งเหล่านี้ย่อมมิอาจหลีกเลี่ยง
    
    “ไม่ทำเกินไปหน่อยหรือ?”

    “ตรงไหนที่เกินไป??”

    กริดไม่คิดว่าตนกระทำผิด  ดวงตาของเขาไม่สั่นคลอนในยามหันไปจ้องมองจิสึกะซึ่งกำลังแสดงสีหน้ากังวล
    
    “การกระทำของฉันมีจุดใดไม่ถูกต้อง?”

    ราชาพ่อค้าเคียร์คือศัตรูตัวฉกาจในอนาคต  
    อันที่จริง  กริดไม่ได้ตั้งใจจะหาเรื่องกับมันก่อน  แต่ในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว  เขามีแต่ต้องบดขยี้เคียร์ให้ราบคาบเท่านั้น  ความปราณีที่ไม่เข้าท่า  จะนำมาสู่หายนะใหญ่หลวงในภายหลัง
    
    มักพบเห็นได้ทั่วไป  กับพวกพ้องที่เคยเป็นพันธมิตรกันมาก่อน  แต่หักหลังและห้ำหั่นกันเองอย่างเอาเป็นเอาตายในเวลาถัดมา

    “ฉันทำไปเพื่อความอยู่รอดของอาณาจักร  มิอาจปล่อยให้ขั้วอำนาจอื่นเติบโตขึ้นมาเทียบเคียงได้”

    ใช่แล้ว  กริดต้องไม่แสดงความอ่อนแอให้ศัตรูเห็น  ไม่อย่างนั้นจะเกิดอิมมอทัลที่สองและสามตามมาในอนาคต  และคนสำคัญของเขาจะตกอยู่ในอันตราย

    ‘ราต้องบดขยี้มันให้สิ้นซาก  เอาให้ไม่มีพลังเหลือสำหรับแก้แค้น’

    กริดสาบานกับตัวเองด้วยสีหน้าเยือกเย็น  เสียงกลืนนำลายดังแว่วมาจากกลุ่มขุนพลโอเวอร์เกียร์ที่ยืนรายล้อม
    
    แต่คนหนึ่งที่กำลังสุขสุดขีด
    เป็นคริส

    เขาดีใจที่ตัวเองเลือกเจ้านายไม่ผิด  คริสเคยเป็นหัวหน้ากิลด์ไจแอนท์แห่งเจ็ดกิลด์ใหญ่มาก่อน  ชายคนนี้ย่อมเข้าใจในสิ่งที่กริดทำยิ่งกว่าใครทั้งหมด

    ‘ผู้นำที่ดีต้องไม่ปราณีศัตรู’
    
    ซาทสฟายคือโลกแห่งการเอาตัวรอด  ผู้ที่เมตตากับทุกคนไม่มีวันอยู่รอด  ได้แต่รอวันที่จะถูกปลาใหญ่เขมือบ  
    ดังนั้น  คริสจึงมองว่าการกระทำของกริดเหมาะสมแล้วทุกประการ  

    ขณะเดียวกัน  กริดเริ่มตรวจสอบรายละเอียดยูนิคอร์น

[ ยูนิคอร์น ]
    สัตว์เทพในตำนานของทวีปตะวันออก  มีความดุร้ายจนยากจะฝึกให้เชื่อง  นิสัยตามธรรมชาติจะชื่นชอบเพศหญิงและเกลียดชังเพศชาย

ชื่อ : ยังไม่ระบุ
เลเวล : 189
ค่าความสัมพันธ์ : -110/100
พลังชีวิต : 40,000/40,000
มานา : 80,000/80,000
พลังป้องกัน : 1,980
* สามารถสวมเกราะม้าได้
อารมณ์ : เสียใจไม่พอใจ
( เจ้านายคนเก่าที่หาแฟนให้เรา  ตอนนี้เขาทอดทิ้งเราไปแล้ว  ถ้าไม่ต้องการเรา  แค่ปล่อยกลับคืนธรรมชาติก็พอ  ทำไมต้องนำเราไปมอบให้คนอื่น?  แถมเจ้านายใหม่ยังเป็นมนุษย์เพศชาย  น่าหงุดหงิดชะมัด )
รายการทักษะ :
- ยูนิคอร์นอวยพร
- เร่งความเร็ว
- กระโดด
- ขับไล่
- เกลียดชังเพศชาย

[ ยูนิคอร์นอวยพร (ติดตัว) ]
    เพิ่มความเร็วฟื้นฟูทรัพยากรตามธรรมชาติ 20%
    หากผู้ขี่เป็นเพศหญิง  จะเพิ่มจากเดิมขึ้นอีก 30%

[ เร่งความเร็ว ]
    พุ่งตัวด้วยความเร็ว 60 เมตรต่อวินาที  เป็นเวลา 3 วินาที
    ระหว่างผลของทักษะนี้  ผู้ขี่และยูนิคอร์นจะได้รับเกราะคุ้มกายที่ต้านทานอาการผิดปรกติทั้งหมด  แต่ไม่ต้านทานอาการผิดปรกติทางกายภาพ
    หากผู้ขี่เป็นเพศหญิง  บัฟจะส่งผลนาน 5 วินาที
ระยะหน่วงหลังใช้ : 2 นาที
มานาที่ใช้ : 4,900 

[ กระโดด ]
    ยูนิคอร์นสามารถกระโดดได้ไกล 10 เมตร
    หลบหลีกอุปสรรคกีดขวางทั้งหมดขณะกระโดด
ระยะหน่วง : 5 นาที
มานาที่ใช้  : 7,800


[ ขับไล่ ]
    ยูนิคอร์นทำการโจมตีเป้าหมายด้วยเขากึ่งกลางศีรษะที่ใหญ่และงดงาม
    เป้าหมายจะกระเด็ดถอยหลังพร้อมกับได้รับความเสียหายคงที่ 10,000 หน่วย
ระยะหน่วงหลังใช้ : 30 วินาที
มานาที่ใช้ : 1,500

[ เกลียงชังเพศชาย ]
    ยูนิคอร์นตัวนี้จะเกลียดชังสิ่งมีชีวิตเพศชายทั้งหมด  ไม่สนว่าเผ่าพันธุ์ใด  ไม่เว้นแม้กระทั่งมนุษย์
    หากเจ้านายเป็นเพศชาย  ค่าความสัมพันธ์จะลดลง 1 หน่วยในทุกวัน
    การเพิ่มความสัมพันธ์ทำได้ไม่ยาก  เจ้านายต้องให้ยูนิคอร์นได้ใกล้ชิดสิ่งมีชีวิตเพศหญิงเป็นประจำ

    “…”

    ความลำเอียงทางเพศนี้มันอะไรกัน?  กริดขมวดคิ้วพลางหันไปจ้องมองยูนิคอร์นตัวปัญหา
    ด้วยขนที่ขาวฟู  คอยาว  และเขากึ่งกลางศีรษะที่งดงาม  โดยเฉพาะดวงตาสีดำแวววาวแสนบริสุทธิ์  ภาพลักษณ์ของยูนิคอร์นตรงหน้าไม่เข้ากับคำอธิบายในหน้าต่างรายละเอียดเลยสักนิด
    
    ‘บั๊กล่ะมั้ง’

    ข้อความในหน้าต่างรายละเอียดคงแสดงผลผิดพลาด  กริดตัดสินใจเดินเข้าไปลูบหัวยูนิคอร์นอย่างทะนุถนอม

    ทันใดนั้น  ยูนิคอร์นเจ้าปัญหาได้พ่นลมหายใจฟุดฟิดพร้อมกับขวิดใส่กริดเต็มแรงด้วยเขากลางหน้าผาก

[ ท่านได้รับความเสียหาย 10,000 หน่วย ]

    “อึก…!”

    เป็นตัวเลขความเสียหายที่กริดไม่คุ้นเคยเลยสักนิด  ด้วยพลังป้องกันระดับป้อมปราการที่มี  เขาไม่เคยตกอยู่ในสภาพนี้มาก่อน
    ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเจ็บแปลบ  เขาขยับขาก้าวถอยหลัง  จากนั้นก็จ้องมองยูนิคอร์นตรงหน้าอีกครั้ง

    ยูนิคอร์นเจ้าเล่ห์รีบเปลี่ยนท่าที  มันทำตาทรงจันทร์ครึ่งเสี้ยวพลางเดินเข้าไปออดอ้อนจิสึกะ 
    จากนั้นก็อาศัยลิ้นที่ใหญ่ยาวเลียหน้าอกและใบหน้าของจิสึกะอย่างอ่อนโยน
    
    เธอย่อมไม่เห็นรายละเอียดยูนิคอร์น  จิสึกะกำลังฉีกยิ้มกว้างด้วยสีหน้าพึงพอใจ    

    “เด็กคนนี้น่ารักจัง  นายโชคดีมากที่ได้ครอบครองสุดยอดสัตว์เลี้ยง”

    “…เธอไม่เห็นรึไงว่ามันเพิ่งขวิดฉัน?”

    “คงเป็นแค่อาการเครียด  จะมีสัตว์เลี้ยงตัวไหนคิดทำร้ายเจ้านายบ้าง?”

    อารมณ์ของยูนิคอร์นมีเปลี่ยนแปลงเมื่อได้ซุกไซร้ใบหน้าเข้าไประหว่างซอกอกจิสึกะ
    
[ อารมณ์ : มีความสุข ]
( ไม่คิดว่าเจ้านายอัปลักษณ์จะมีแฟนสวยขนาดนี้  ค่อยน่ารับใช้หน่อย )

[ ค่าความสัมพันธ์กับยูนิคอร์นเพิ่มขึ้น 10 หน่วย ]    

    “…”

    เป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารังเกียจชะมัด 
    เหตุใดท่าทีถึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเมื่ออีกฝ่ายคือเพศหญิง?
    
    ‘ทีมพัฒนาต้องป่วยหนักแน่  ในตอนที่พวกเขาสร้างไอ้บัดซบนี่ขึ้นมา’

    กริดขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดพร้อมกับตั้งชื่อให้มัน

    แน่นอน  เขาไม่คิดตั้งชื่อแบบขอไปทีเพียงเพราะไม่ชอบหน้ายูนิคอร์นตัวนี้

    กริดเค้นชื่อที่ฟังดูดีที่สุด

    “โอเวอร์เกียร์คอร์น”

[ ท่านตั้งชื่อให้ยูนิคอร์น ]
[ ท่านสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างยูนิคอร์น ]
[ ความสัมพันธ์กับสู่ค่าปรกติ ]

[ ความสัมพันธ์ : 0/100 ]

    มันจะต้องชอบชื่อใหม่มากแน่  กริดจ้องมองยูนิคอร์นด้วยสายตาเอ็นดู  สิ่งมีชีวิตชนิดนี้งดงามหมดจดจนยากจะหาจุดตำหนิได้
    
    ทว่า  ในสายตาชาวโอเวอร์เกียร์  สีหน้าของยูนิคอร์นกลับดูเศร้าหมองยิ่งกว่าตอนที่มันเพิ่งสูญเสียเจ้านายไปต่อหน้า

    *** 

    “ขอบคุณที่ช่วยเหลือพวกเรา”    

    สิบสองผู้พิทักษ์จากสิบสองตระกูลใหญ่  พวกเธอทุกคนต่างก้มศีรษะขอบคุณกริด
    นี่คือครั้งแรกที่เอลฟ์ผู้สูงส่งต้องก้มหัวให้กับเผ่าพันธุ์มนุษย์แสนอ่อนแอ

    กริดรู้สึกกระอักกระอ่วนมากกว่าภาคภูมิใจ

    “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉัน  เคยบอกไปแล้วนี่  ทั้งหมดทำไปเพราะตอบแทนบุญคุณของสติกส์”

    “เรื่องนั้น…”

    เดเลียลู  เอลฟ์สาวสวยซึ่งมีใบหน้าอ่อนเยาว์ที่สุดในหมู่ผู้พิทักษ์  เธอเดินเข้ามากุมมือกริดพลางกล่าวด้วยสีหน้าคาดหวัง

    “คุณมีความสัมพันธ์อย่างไรกับท่านจอมปราชญ์สติกส์?  ตอนนี้เขาสบายดีไหม?”

    ราวหนึ่งร้อยปีก่อน  จอมปราชญ์สติกส์ซึ่งเป็นที่นับถือของทุกคน  หายตัวไปจากหมู่บ้านก่อนเกิดเหตุการณ์สำคัญซึ่งแบ่งผืนป่าต้นไม้โลกออกเป็นสองส่วน
    ปัจจุบัน  เอลฟ์ชายและหญิงได้แยกเขตแดนอยู่อาศัยอย่างชัดเจนรอบบริเวณต้นไม้โลก  เป็นเช่นนี้มานานหลายสิบปีแล้ว  
    พวกเขาแสร้งไม่รู้จักซึ่งกันและกัน  ไม่ทักทายกันแม้จะเดินสวนภายในป่า
    
    สิบสองผู้พิทักษ์มองสิ่งนี้เป็นปัญหาใหญ่
    อัตราการเกิดใหม่ของประชากรเผ่าเอลฟ์ลดลงอย่างน่าใจหาย  พวกเธอกังวัลถึงการดำรงอยู่ของสายพันธุ์
    
    ทว่า  ราชาเอลฟ์ที่เลือกอยู่ร่วมกับเอลฟ์เพศชายได้เมินเฉยต่อความกังวลจากสิบสองผู้พิทักษ์
    เขาตัดสินใจหนักแน่นที่จะไม่คืนดีกับเอลฟ์ฝ่ายหญิง—ผู้ที่เคยเหยียดหยันและดูแคลนเอลฟ์ชายในอดีต

    แต่หากจอมปราชญ์สติกส์ปรากฏตัวขึ้น  เขามือบุคคลผู้เดียวที่สามารถโน้มน้าวให้ราชาเอลฟ์ตาสว่าง  และเผ่าพันธุ์เอลฟ์จะได้รวมใจเป็นหนึ่งอีกครั้ง

    สิบสองผู้พิทักษ์ล้วนคิดถึงสติกส์มาก
    โดยเฉพาะเหตุการณ์ล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้น  สิ่งนี้ยิ่งทำให้พวกเธอต้องการพบสติกส์มากว่าเดิม  เพราะหากสติกส์อยู่ที่นี่  เหล่าเอลฟ์สาวคงไม่มีวันตกเป็นเหยื่อของแผนตื้นเขินจากมนุษย์ชั่วช้า

    แต่ปัญหาคือ  ไม่มีใครทราบว่าสติกส์อยู่ที่ใด
    
    กริดอธิบาย

    “สติกส์คือเพื่อนคนพิเศษ  เขาอาศัยอยู่ในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เพื่อคอยช่วยงานฉัน”

    “ท่านสติกส์อยู่ในอาณาจักรมนุษย์…”

    ใบหน้าสิบสองผู้พิทักษ์พลันกระตุก  ท่าทีเช่นนี้สร้างความประหลาดใจให้กริดมาก

    “ว่าแต่  ทำไมพวกเธอถึงทำเหมือนไม่ได้พบกับสติกส์นานแล้ว?  เขาเพิ่งกลับมาที่ป่าแห่งนี้ไม่ใช่รึไง?”

    สติกส์ใช้เวทมนตร์เคลื่อนย้ายมิติกลับมายังต้นไม้โลกเพื่อปรุงยาถอนพิษให้ข่าน  
    แต่เหล่าเอลฟ์สาวกลับไม่ทราบ  พวกเธอกำลังฉงนไม่แพ้กริด

    สีหน้าสิบสองผู้พิทักษ์เริ่มตื่นตระหนก    

    “สติกส์เพิ่งกลับมาที่นี่?”

    “ถูกต้อง”
    
    “เรื่องนั้น…”

    สิบสองผู้พิทักษ์หันไปซุบซิบหลังจากได้ยินคำยืนยันจากปากกริด

    “หรือท่านสติกส์จะกลับมาที่หมู่บ้านของราชา?”

    “คงเป็นไปได้มากที่สุด”

    “ไอ้ราชาชั่วนั่นต้องปั้นเรื่องหลอกเขาแน่!  สติกส์ไม่มีทางได้รับรู้สถานการณ์ที่แท้จริงของป่าแห่งนี้!”

    นี่คือข้อสรุปเดียวที่พวกเธอคิดออก

    จากนั้น  สิบสองผู้พิทักษ์ทุกคนหันมามองกริดด้วยสีหน้าขึงขัง

    “ถ้าได้พบเขาอีก  ช่วยบอกให้ท่านสติกส์กลับมายังหมู่บ้านเอลฟ์อีกรอบได้ไหม?  แต่กำชับให้มาหาสิบสองผู้พิทักษ์  มิใช่ราชา”

    “หืม?  ได้สิ  ไม่มีปัญหา”

    มีเรื่องลึกลับเกิดขึ้นในหมู่ชาวเอลฟ์งั้นหรือ  เหตุใดพวกเธอถึงเรียกราชาของตัวเองว่า ‘ไอ้ราชาชั่ว’ กันนะ

    กริดมิได้ไต่ถามให้มากความ  เขาไม่อยากรู้สักเท่าไร  ลางสังหรณ์บ่งบอกว่า  หากยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว  ตนจะพัวพันกับเรื่องวุ่นวายจนไม่เป็นอันทำสิ่งใด
    
    แต่กริดยังมีอีกหนึ่งเหตุผลให้ต้องอยู่ในป่าต้นไม้โลกต่อ  คำเชื้อเชิญจากต้นไม้โลกคือสิ่งที่มิอาจมองข้ามได้

    ‘ต้องการตอบแทนเราในฐานะที่ช่วยเอลฟ์สินะ’

    ถ้าอย่างนั้น  สิ่งตอบแทนต้องเป็นของขวัญมูลค่ามหาศาลแน่  กริดเดินตามหลังกลุ่มเอลฟ์สาวสวยด้วยสีหน้าคาดหวังเต็มเปี่ยม

    ระหว่างทาง  ชายหนุ่มมิได้สังเกตุเห็นดวงตาที่เปี่ยมด้วยความโกรธแค้นจากเบเนียลูผู้เงียบงันเลยสักนิด  เธอแตกต่างจากสิบสองผู้พิทักษ์คนอื่นโดยสิ้นเชิง
    
    จนกระทั่ง  ข้อความระบบที่ทำให้หัวใจทุกคนแทบหยุดเต้นได้แสดงต่อหน้ากริด

[ ผู้นำกองทัพความตายได้ถือกำเนิดใหม่ในฐานะตำนาน ]
[ โลกจะถูกความหวาดกลัวเข้าครอบงำ ]

    เป็นข้อความระบบแสดงถึงการเกิดใหม่ของตำนาน  แต่คราวนี้ให้บรรยากาศแตกต่างจากปรกติเล็กน้อย  เพราะเมื่อนำคำว่า ‘กำเนิดใหม่’ และ ‘ผู้นำกองทัพความตาย’ มารวมกัน  มีเพียงชื่อเดียวที่ผุดขึ้นในหัวทุกคน

    เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ต่างชะงักฝีเท้าด้วยใบหน้าขาวซีด

    “แอ็กนัส…”

    *** 

    『 นักแกะสลัก ‘โพลิช’ ผู้ที่สร้างความประทับใจไปทั่วโลกในงานเปิดตัวแสดงผลงานศิลป์  เขาสารภาพว่า  ได้พัฒนาฝีมือตัวเองอย่างต่อเนื่องภายในโลกซาทิสฟาย  ดูเหมือนผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขาก็กำลังใช้วิธีแบบเดียวกัน  และยังมีองค์กรอีกมากที่เกิดโปรเจกต์บ่มเพาะบุคลากรพรสวรรค์ผ่านเกมซาทิสฟาย  ทาง SA กรุ๊ปจึง…  』

    ปราสาทเก่าโทรมหลังใหญ่ที่ถูกปิดตายและเงียบงันมาเป็นเวลานาน
    มีเพียงเสียงจากโทรทัศน์ที่ดังกังวาลอย่างไร้ผู้ฟังท่ามกลางความมืดมิด

    จนกระทั่ง  แคปซูลกลางห้องได้แง้มประตูเปิดออก
    ชายหนุ่มรูปร่างซูบผอม  ผิวขาวซีด  ลุกขึ้นจากแคปซูล  จากนั้นก็คว้าชุดคลุมสวมปิดบังร่างกายที่เปลือยเปล่าไว้
    
    มันคือแอ็กนัส
    ชายคนนี้ยืนลูบคลำภาพวาดขนาดใหญ่ที่แขวนกึ่งกลางผนังห้องเป็นเวลานาน  
        
    หญิงสาวในภาพมีใบหน้างดงามและอบอุ่น  เธอกำลังฉีกยิ้มอย่างมีความสุข  ไม่ปรากฏความขื่นขมเหมือนกับในวินาทีที่เธอเลือกจบชีวิตตัวเองอย่างน่าเศร้า

    “อีกไม่นาน  พวกเราจะได้พบกันแล้ว”

    ในที่สุดแอ็กนัสก็เลื่อนระดับคลาส ‘ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล’ จากเกรดอีปิกสู่เกรดเลเจนดารีสำเร็จ  เป็นผลจากการทำงานอย่างหนักตลอดสามปีเต็ม  

    มันได้ครอบครองทักษะ ‘สร้าง’ ที่ถวิลหามาแสนนาน  ทักษะซึ่งเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับตำนานทุกคน

    “แคโรไลน์  ฉันจะสร้างเธอขึ้นมาอีกครั้ง”

    แอ็กนัสไม่สนว่ามันต้องสูญเสียสิ่งใดไปบ้าง  มันไม่สนว่าโลกซาทิสฟายเป็นเพียงโลกเสมือนที่มิใช่ความจริง  มันแค่ต้องการสร้างคนรักขึ้นมาใหม่  คนรักที่ต้องจบชีวิตลงเพราะความไร้ฝีมือของตัวมันเอง

    มันไม่สนอีกแล้วว่าโลกใบใดเป็นของจริง

    แอ็กนัสใช้แก้มแนบกับภาพวาดด้วยสีหน้ามีความสุข  จากนั้นก็หลับไปในสภาพดังกล่าว

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,252
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. สงสารประวัติแอ็ดนัส ขอให้สร้างเมียแล้วกลับตัวไม่เป็นวายร้าย

    ReplyDelete
    Replies
    1. คือแบบปูมาเยอะมาก ถ้าไม่กลับมาเปนคนดี ก็เปนลาสบอสอ่ะ แอบน่าลำคัญหน่อยๆตอนนี้ มัน2 จิต2 ใจ

      Delete
  2. น่าสงสารจริงๆ
    กลับสู่ทางสว่างให้ได้นะ

    ReplyDelete
  3. น่าสงสารจริงๆเลยแอ็กนัส

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00