จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 834



    ฮิวรอย >>  ฝ่าบาท!  กระหม่อมพบไอ้ระยำนั่นแล้ว!

    กริด >>  ไอ้ระยำนั่น?  หมายถึงเคียร์?
    
    ฮิวรอย >> ขอรับ

    กริด >>  ดีมาก  เฟคเกอร์  นายรีบไปสมทบฮิวรอย  ฉันจะช่วยเอลฟ์จาก NPC อัศวินของเคียร์ก่อน

    เฟคเกอร์ >>  เข้าใจแล้ว  แต่อย่างที่เคยบอกไป  กรุณาระวังตัวด้วย
    
    ***

    ผู้เล่นเช่นกริดอาจไม่ได้พึ่งพาสัตว์เลี้ยงเท่าคนอื่น
    สัตว์เลี้ยงคือสิ่งอำนวยความสะดวกที่ช่วยกลบจุดด้อยได้เป็นอย่างดี   
    
    สัตว์เลี้ยงจะมีนิสัยและธรรมชาติที่หลากหลาย  ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์  เพศ  ธาตุ  เลเวล  และอีกหลายปัจจัย
    ผู้เล่นทั่วไปที่ตัวละครมีพลังต่อสู้ไม่สูงนัก  พวกเขาสามารถใช้สัตว์เลี้ยงช่วยชดเชยข้อด้อยในส่วนนี้ได้

    ส่งผลให้สัตว์เลี้ยงของผู้เล่นประเภทหลังมีเลเวลที่สูงมาก    
    เปลวเพลิงที่เกิดจากลมหายใจของ ‘ราชันย์แห่งท้องนภาและผืนหญ้า’ ซึ่งใช้ชีวิตร่วมกับฮิวรอยมานานหลายปี  สิ่งนี้เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อผู้เล่นพ่อค้าเช่นเคียร์

[ ท่านได้รับความเสียหาย 9,700 หน่วย ]
[ ท่านถูกเผาไหม้  ท่านจะได้รับความเสียหาย 1,330 หน่วยต่อวินาที ]

    “อ๊ากกกก!”

    เคียร์ถูกเพลิงร้อนแรงลุกท่วมร่าง
    มันกรีดร้องอย่างเจ็บปวดทรมาณ

    ทั้งชุดเกราะ  เครื่องประดับ  และไอเท็มเกรดเลเจนดารีอีกหลายชิ้นล้วนสูญเสียค่าความคงทนมหาศาล
    ที่บาดเจ็บหนักขนาดนี้เพราะฮิวรอยแอบใช้ใช้ทักษะ ‘วาจาอาฆาต’ ใส่  โดยแฝงมากับการด่าพ่อล่อแม่  พลังป้องกันและค่าต้านทานของเคียร์จึงลดลงหลายระดับอย่างมิอาจขัดขืน

    สภาพของมันกลายเป็นผ้าขี้ริ้วเพียงพริบตา  ทั้งที่เคยประกาศกร้าวว่าตัวเองคือผู้เล่นที่โอเวอร์เกียร์อันดับสองรองจากกริดเท่านั้น

    ‘เราชนะไม่ได้แน่’

    เคียร์รีบคิดไวทำไว

    มันรู้ดีว่าฮิวรอยคือใคร  
    ชายคนนี้มิใช่นักพูดธรรมดา
    ฮิวรอยคือผู้เล่นคนแรกของโลกที่ได้รับคลาสรอง  หมอนี่สามารถใช้ดาบได้เก่งกาจ

    เมื่อรวมเข้ากับความทรงพลังของไวเวิร์น  ฮิวรอยจะแข็งแกร่งเทียบเท่าแรงเกอร์หัวแถวของโลก
    ไม่แปลกที่เคียร์ซึ่งเป็นพ่อค้าจะเสียเปรียบ  คลาสพ่อค้าไม่มีทักษะในด้านต่อสู้มากนัก  มีเพียงเงินโบยบินไว้ใช้สำหรับเอาตัวรอด

    แต่การหนีก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน
    
    “แกมันไอ้งั่ง!  พ่อแม่ของแกต้องอับอายที่มีลูกชายสมองทึบ!”

    “บัดซบ!”

[ ท่านถูกยั่วยุ ]

    เคียร์ที่กำลังจะหนี  มันพลันชะงักฝีเท้า
    อาการ ‘ถูกยั่วยุ’ มิใช่สิ่งที่สามารถขัดขืนได้ด้วยพลังจิตใจ
    ระบบของซาทิสฟายถือเป็นอำนาจเด็ดขาดในโลกใบนี้  ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นและ NPC สามารถฝ่าฝืน
    
    ดาบยาวกริด  ซึ่งเป็นดาบรุ่นใหม่  ถูกยกระดับขึ้นหลายเท่าจากดาบรุ่นผลิตจำนวนมาก   ฮิวรอยตวัดมันเสียดแทงใส่ข้างลำตัวเคียร์อย่างแม่นยำ

    แต่เคียร์คือผู้สวมใส่ไอเท็มเลเจนดารีครบทุกช่อง  มันย่อมไม่บาดเจ็บมาก
    ทันทีที่ผลชองยั่วยุหมดลง  มันรีบดื่มโพชั่นพลางประกาศกร้าว

    “ฉันคือราชาพ่อค้าเคียร์!  ไม่มีวันบาดเจ็บจากการโจมตีของมดปลวกอย่างแก!”

    ฮิวรอยอาจเป็นแรงเกอร์ที่แข็งแกร่ง
    แต่ไม่มีทางเก่งกาจเท่าสัตว์ประหลาดราชาโอเวอร์เกียร์กริด  
    
    เคียร์เหรียญทองไปมากกับการฟาดกริดด้วยเงินโบยบิน  และเขาจะไม่ทำเช่นนั้นกับฮิวรอย  
    การสูญเงินกับฮิวรอยไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดนัก
    
    สิ่งเดียวที่ควรกังวลคือเปลวเพลิงจากไวเวิร์น

    ไวเวิร์นบัดซบกับกำลังจ้องมองเคียร์ด้วยสายตาที่ราวกับต้องการพูดว่า
    ‘ถ้าอยากรอดชีวิตก็ส่งเงินมา’

    ‘เราจะขาดทุนมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว!’

    คงดีไม่น้อย  หากมันอัญเชิญอัศวินมาช่วยได้ในสถานการณ์ตรงหน้า
    แต่น่าเสียดายที่เคียร์ใช้สิทธิ์อัญเชิญอัศวินครบแล้ว 
    ด้วยระยะหน่วงของทักษะ  มันจะเรียกอัศวินไม่ได้อีกพักใหญ่  
    
    เคียร์สูญเสียทักษะสำคัญเพียงเพื่อฆ่าเอลฟ์ให้สาแก่ใจเล่น  เพียงเพื่อต้องการให้กริดสติแตก

    เปลวเพลิงจากไวเวิร์นได้เปลี่ยนให้ผืนหญ้ากลายเป็นทะเลเพลิง  
    เคียร์สามารถหลบหลีกบางส่วนได้เนื่องจากความว่องไวของม้าที่ขี่

    สองข้างทางป่าเต็มไปด้วยพุ่มไม้ใหญ่ที่มีเถาวัลหนามรัดพัน  ภาพตรงหน้าเต็มไปด้วยอุปสรรค์เป็นต้นไม้ใหญ่และก้อนหินมากมาย
    
    แต่ม้าที่มันขี่กลับหลบหลีกได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว

    ฮิวรอยหรี่ตาลงเมื่อสังเกตุเห็นเขาขนาดเล็กกึ่งกลางหน้าผากม้า

    “ยูนิคอร์น?”

    เขากลางหน้าผากมีขนาดเล็กจนสัตว์พิเศษอย่างยูนิคอร์นถูกเข้าใจผิดว่าเป็นม้า
    หากประเมินจากขนาดเขา  ยูนิคอร์นตัวนี้ยังไม่โตเต็มวัย

    ถึงกระนั้น  ยูนิคอร์นเด็กก็นับว่ามีมูลค่าที่สูงมาก
    เท่าที่ฮิวรอยทราบ  มีเพียง NPC ระดับราชวงศ์อาณาจักรเท่านั้นที่ได้ครอบครองยูนิคอร์น

    “เป็นคนรวยนี่ดีจังเลยนะ!”
    
    ฮิวรอยกระโจนขึ้นหลังไวเวิร์นพลางไล่ตามเคียร์ไป  
    เป็นจังหวะเดียวกับที่เฟคเกอร์ตามมาเสริมทัพ

    เคียร์รู้สึกลนลานสุดขีดเมื่อถูกไล่ตามจากทั้งบนบกและท้องฟ้า
    
    ‘ทำไมเราต้องมีชะตากรรมแบบนี้!’

    ดวงตาระหว่างเส้นผมปรกหน้าของมันกำลังเผยให้เห็นความอาฆาตรุนแรง
    
    เคียร์กำลังอยู่ในสภาพน่าสมเพช
    
    ราชาพ่อค้า
    ตัวตนที่เคยมีชื่อเสียงเป็นรองเพียงกริด  ครอเกล  แอ็กนัส  อาเรส   บัดนี้ไม่หลงเหลือเค้าลางความน่าเกรงขามอีกต่อไป

    ***

    “เป็นภารกิจที่ไม่น่าอภิรมย์สักนิด”
    
    บานุส  หนึ่งในอัศวินของเคียร์    
    มันกำลังพึมพำด้วยสีหน้าหงุดหงิด

    ด้านหลังมันมีเอลฟ์ราวยี่สิบตนถูกมัดจูงให้เดินตาม
    ภารกิจที่บานุสได้รับคือการสังหารหมู่และลักพาตัวหญิงสาวที่มิอาจต่อสู้ขัดขืน
    
    ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตต่างสายพันธุ์  แต่สิ่งที่เคียร์มอบมายก็ทำให้บานุสไม่ชอบใจ
    ศักดิ์ศรีของบานุสกำลังถูกระคายเคืองอย่างหนัก

    เป็นความรู้สึกน่าขยะแขยง  ที่บุคคลยิ่งใหญ่อย่างมันต้องทำภารกิจเยี่ยงโจรป่าปลายแถว

    ‘เราเลือกเจ้านายผิดคน’

    เจ้านายของมัน  เคียร์  เคยสัญญาว่าจะมอบความมั่งคั่งและเกียรติยศมหาศาลให้
    
    แล้วสิ่งใดคือเกียรติยศสำหรับนักรบฝีมือดี?
    คำตอบคือ  การได้ดวลกับนักรบที่แข็งแกร่งและโด่งดังไม่แพ้กัน

    นั่นคือสิ่งที่เคียร์เคยสัญญาไว้
    จากคำหวานที่เคียร์เคยหว่านลอม  บานุสจะมีโอกาสได้ต่อสู้กับบุคคลมีชื่อเสียงมากมายในแต่ละวัน  

    สำหรับนักรบ  ไม่มีสิ่งใดเหมือนกับสวรรค์ไปกว่านี้อีกแล้ว
    มันต้องสนุกมากแน่

    แต่ความเป็นจริงนั้น… 
    
    “ชิ!”

    บานุสเดินพลางเหวี่ยงแส้ในมือฟาดใส่เอลฟ์สาว
    พวกเธอพยายามเดินให้ช้าที่สุด  เพราะไม่มีใครต้องการออกจากป่าแห่งนี้

    “โอ๊ย!”

    เอลฟ์สาวส่งเสียงคราง  พลังชีวิตของเธอลดลงฮวบฮาบจนน่าตกใจ  แต่กต่างจากเมื่อครั้งสมาชิกปลายแถวใช้แส้ฟาดใส่โดยสิ้นเชิง

    แสดงให้เห็นว่า  พละกำลังของบานุสมากมายมหาศาลเพียงใด

    มันออกปากเตือนเอลฟ์

    “ถ้าไม่ทำตัวงี่เง่า  ฉันก็จะไม่ทำอะไรพวกเธอ  มันดีต่อเราทั้งสองฝ่าย”    

    ทันใดนั้น

    “อัศวินคนอื่นกับเอลฟ์อยู่ที่ไหน?”

    ชายผมดำร่อนลงจากท้องฟ้า  
    เขาขวางทางเดินบานุสไว้
    
    เมื่อได้เห็นชายหนุ่มที่มีดดวงตาเฉียบแหลมดุจดั่งพญาอินทรี  บานุสเอ่ยปากถาม

    “ราชาโอเวอร์เกียร์?”

    ในฐานะนักรบรับจ้าง  บานุสย่อมรู้จักคนดังของทวีปไม่น้อย
    ก่อนจะมารับใช้เคียร์  มันเคยเป็นทหารรับจ้างอาณาจักรอีเทอนัล

    ในสงครามครั้งนั้น  เป็นศึกแสนดุเดือดระหว่างกิลด์โอเวอร์เกียร์กับอาณาจักร
    บานุสยังไม่ลืมความทรงจำแสนอิ่มเอมใจที่เกิดขึ้น

    ถ้าจำไม่ผิด  หมอนั่นคงชื่อว่าโทบัน
    โทบันคือพาลาดินผิวดำที่น่าจะแข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งของโอเวอร์เกียร์แล้ว
    บานุสเชื่อเช่นนั้น  มันยังจำการภาพดวลกับโทบันได้ดี      

    การต่อสู้อันยาวนานตลอดหนึ่งชั่วโมงเต็มที่ไม่มีผู้ชนะ
    
    แต่บานุสมั่นใจ
    หากไม่มีมันคอยถ่วงเวลาสุดยอดพาลาดินของโอเวอร์เกียร์ไว้ล่ะก็  อาณาจักรอีเทอนัลคงถูกยึดครองเร็วกว่านี้หลายวัน

    “คุคุ!  ต้องอย่างนี้!  เจ้านายของฉันกำลังหนีการตามล่าจากแกอยู่สินะ?”

    มัดกล้ามเนื้อของบานุสเริ่มกระตุก
    พละกำลังมหาศาลที่สามารถบีบกระโหลกด้วยมือข้างเดียว  จิตใจของกำลังลุกโชนด้วยไฟการต่อสู้

    “ฉันเคยเห็นแกแสดงฝีมือมาแล้ว  มนุษย์เพียงคนเดียวสามารถทำลายทหารนับพันได้ในพริบตา  ยอดเยี่ยมาก!  ขอบคุณที่ปรากฏตัวต่อหน้าฉัน!”

    บานุสคำรามพลางพุ่งประชิดตัวกริดโดยไม่รีรอ

    มัดกล้ามเนื้อเหล็กกล้าที่ถูกผนึกฝนจนแข็งแกร่ง  แม้แต่คมหอกหรือดาบก็มิอาจทะลวงผ่าน  
    ดาบจากสุดยอดพาลาดิน(?)อย่างโทบันก็ไม่สามารถสร้างบาดแผลให้มันได้
    แถมยังมีชุดเกราะเกรดเลเจนดารีที่เคียร์จัดหามาให้อีก

    บานุสอาศัยความฮึกเหิมเปิดฉากตะบันกำปั้นใส่หน้ากริด

    ชายหนุ่มตวัดดาบด้วยความเร็วที่ยากจะมองตามทัน

    “อั่ก!?”

    มันรู้สึกเจ็บปวดครั้งแรกในรอบสิบปี
    
    แม้จะประหลาดใจ  แต่บานุสก็สงบสติอารมณ์ได้อย่างน่าทึ่ง
    มันรีดเร้นพละกำลังทั้งหมดเพื่อปล่อยหมัดใส่หน้าอกกริดเต็มแรง
    
    กลามเนื้อมหึมาที่อัดแน่นด้วยพละกำลังเทียบเท่ายักษ์  แม้แต่สุดยอดพาลาดินอย่างโทบันยังได้รับบาดเจ็บหนัก

    ประกอบกับสนับมือเกรดเลเจนดารี  
    บานุสสร้างแรงปะทะมหาศาลในวินาทีที่กำปั้นปะทะกับแผ่นอกกริด

    เปรี้ยงงง—

    “อ…อะไรกัน?”

    ดวงตาของมันพลันเบิกโพลง 
    ภาพตรงหน้าราวกับฝันไป

    เหตุใดชุดเกราะถึงไม่ถูกทำลาย?
    ไม่สิ  ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ชุดเกราะ  
    เกราะคุณมากสูงมักถูกออกแบบเพื่อป้องกันแรงกระแทก  สิ่งนี้สามารถเข้าใจได้
    
    แต่สาเหตุที่มันสับสน  เป็นเพราะกริดยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมโดยไม่กระเด็นถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว

    ทั้งที่พละกำลังซึ่งมันส่งออกไปนั้นมีมวลมหาศาล

    “นี่คือพลังของตำนานสินะ  ฉันทราบดีกว่าแกถึกทนกว่าโทบัน  แต่ก็ไม่คิดว่าจะน่ากลัวขนาดนี้…”

    บานุสประหลาดใจและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน

    “ถือเป็นครั้งแรกถัดจากอัศวินหลักเดียว  ที่ฉันต้องเอาจริงด้วยพลังทั้งหมด!!”

    บานุสคำรามพร้อมกับรวบรวมมานาไว้ที่ปลายกำปั้น
    
    ขณะบาดแผลของกริดกำลังสมานตัว  มัดกล้ามเนื้อที่ใหญ่โตอยู่แล้วของบานุม  ยามได้นี้ขยายขนาดขึ้นจากเดิมไปอีก

    ท่อนแขนขวาของมันปูดโปนจนใหญ่ยิ่งกว่าแขนของคนยักษ์

    “ของจริงคือไอ้นี่ต่างหาก!”

    บานุสประกาศกร้าวด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข
    มันกำลังมั่นใจ  บานุสไม่เคยเคลือบแคลงเลยว่า  การโจมตีครั้งนี้จะสร้างบาดแผลฉกรรจ์ให้กริดได้แน่  
    เพราะมันเคยใช้สุดยอดไม้ตายทำให้อัศวินลำดับเก้า ‘นอร์ติลุส’ บาดเจ็บมาแล้ว

    ถูกต้อง
    ผู้ที่คิดว่าตัวเองเก่งที่สุด  มักเกิดความมั่นใจที่ผิดจนเกินพอดีเสมอ
    กระทั่งทุกคนได้พบกริด… 

    “วังวน”

    “อั่ก!”

    มันถูกหมัดตัวเองชกใส่?
    ประสบการณ์เมื่อครู่มิใช่สิ่งที่บานุสพบได้ในชีวิตประจำวัน
    โลหิตคำโตกระอักจากปาก  
    เลือดสีแดงฉานสาดกระจายทั่วผืนหญ้า

    มันคุกเข่าลงอย่างหมดสภาพ
    ดาบยาวในมือกริดถูกเลือนมาจ่อลำคอบานุส    

    “อัศวินอีกสองคนกับเอลฟ์ไปไหน?”

    ชายหนุ่มเอ่ยปากถามโดยไม่คาดหวังคำตอบมากนัก

    เขารู้สึกทึ่งกับพลังทำลายและพลังป้องกันของบานุสไม่น้อย
    มีไม่บ่อยครั้งที่การโจมตีจากศัตรูสามารถทะลวงผ่านพลังป้องกันไอเท็มตน

    แต่ NPC พิเศษมักขึ้นชื่อในด้านความจงรักภักดี  พวกมันยอมตายดีกว่าแพร่งพรายข้อมูล

    กริดเรียนรู้สิ่งนี้จาก NPC พิเศษรอบตัวเขา
    เอ่อ…ยกไว้ไมเนอร์ไว้สักคน

    ทว่า  ตรงกันข้ามกับสิ่งที่กริดคาดเดา
    บานุสตอบกลับอย่างซื่อตรง
    
    “เดินตรงไปข้างหน้าอีกไม่กี่กิโลก็จะเจอสองคนนั้น  แต่เพราะฉันไม่ชอบหน้าพวกมัน  จึงตัดสินใจเดินให้ช้าลงกว่าปรกติ”

    “…”

    กริดสับสนเล็กน้อย
    เขาไม่ได้คาดหวังว่าบานุสจะตอบคำถาม

    ขณะกริดลังเล  บานุสยืดคอตัวเองขึ้นเพื่อให้กริดแทงได้ถนัด

    “เอาเลย  ฆ่าฉันซะ”
        
    “…”

    "หืม?  ลังเลอะไรอยู่?  แกเคยฆ่าคนหลายหมื่นในสงครามอีเทอนัลไม่ใช่รึไง?  รีบฆ่าฉันซะ  สำหรับนักรบ  ความพ่ายแพ้ย่อมหมายถึงความตาย  ไม่มีประโยชน์ที่จะใช้ชีวิตต่อไป"

    “…ก็ได้”

    ในตอนต้น  กริดมีแผนจะทำลายอัศวินของเคียร์ให้ราบคาบอยู่แล้ว
    ทุกสิ่งทุกอย่างของเคียร์  เขาจะพรากมันมาทั้งหมด

    ช่างน่าขันที่ตนเกิดอาการลังเลเพียงเพราะบานุสแข็งแกร่งและแสดงความซื่อตรงให้เห็น

    ขณะกริดฟันดาบใส่ลำคอ  บานุสกล่าวเป็นครั้งสุดท้าย

    “ยอดนักรบเอ๋ย…อัศวินอีกสองคนที่นายจะได้พบ  พวกมันคือปีศาจคนละระดับกับฉัน  อย่าได้ประมาทเด็ดขาด  คุคุ!”

    ร่างบานุสกลายเป็นแสงสีเทา  เหลือไว้เพียงสนับมือเกรดเลเจนดารีหล่นลงพื้นหญ้า
    
    ถึงคุณภาพของไอเท็มจะต่ำกว่าที่กริดสร้าง  แต่เขาสามารถนำไปหลอมเพื่อเปลี่ยนรูปให้กลับเป็นวัสดุอีกครั้ง
    กริดก้มลงหยิบสนับมือ  จากนั้นก็ปล่อยเหล่าเอลฟ์สาวให้เป็นอิสระ

    “กลับไปยังจุดเกิดเหตุก่อนหน้านี้  ครอบครัวและเพื่อนของพวกเธอกำลังรออยู่”

    “เอ่อ…”

    เอลฟ์สาวสวยตนหนึ่งเปิดปากพูด
    ชื่อเหนือศีรษะเขียนไว้ว่า ‘เดเลียลู’

    “ฉันคือหนึ่งในสิบสองผู้พิทักษ์  ตัวแทนตระกูลเดเลีย…ในนามของชาวเอลฟ์ทุกคน  ฉันขอขอบคุณที่ช่วยเหลือ”

    “เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง”

    กริดยังช่วยทุกคนไม่สำเร็จ  เขาต้องรีบมุ่งหน้าตรงไปยังจุดที่บานุสระบุไว้

    “โนเอะ  แรนดี้  ท่านจะเป็นราชาแห่งความตายได้หรือไม่”
    
    ชายหนุ่มน้อมรับคำเตือนจากทุกคน
    เขาเตรียมรบพุ่งด้วยพลังสูงสุดที่มี


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,251
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. หวดแม่มให้ยับเลย ก็อดกริด!!!!

    ReplyDelete
  2. ขอบคุณ​มาก​ครับ​😊🙏

    ReplyDelete
  3. โถ่~~นึกว่าจะได้อัศวินคนใหม่

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00