จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 836



    “ลอเอลบอกให้พวกเราเตรียมตัว  จากนั้นนายก็อัญเชิญอย่างที่คิดไว้  พวกเราทราบสถานการณ์เบื้องต้นแล้ว”

    สตรีผิวแทนผู้กำลังง้างสายธนูไปด้านหลังได้กล่าวขึ้น  ในมือขวาของเธอมีศรเพลิงสามดอกกำลังลุกโชนด้วยพลังฟินิกซ์แดงพร้อมปลดปล่อย  
    เส้นผมสีแดงหยักโศกปลิวไสว  สอดประสานกับเปลวเพลิงแสนร้อนแรงอย่างไร้ที่ติ

    “ปล่อยให้มดปลวกเป็นหน้าที่พวกเรา”

    เธอเริ่มลงมือเพื่อสำแดงเดชสมฉายาเทพแห่งคันศร  ลูกธนูเพลิงสามนัดถูกปล่อยจากสายรั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน  ศรเพลิงพุ่งแหวกอากาศอย่างรวดเร็ว  เป้าหมายคือดวงตาสองข้างและหนึ่งหัวใจของดิอัส
    
    ดิอัสและชาวเอลฟ์ต่างทึ่งกับภาพที่พวกเขาได้เห็น

    ‘ทั้งที่ไม่ใช่เอลฟ์  แต่กลับมีฝีมือธนูยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้…’

    ศรเพลิงถูกยิงเป็นเส้นตรงพลางทิ้งภาพติดตาสีแดงค้างกลางอากาศ  
    เมื่อกระทบร่างดิอัส  ศรทุกนัดระเบิดออกและสร้างบาดแผลฉกรรจ์ตามร่างกายมัน
    
    ดิอัสรีบก้าวถอยหลังเพื่อตั้งหลัก  แต่คนที่เหลือย่อมไม่ปล่อย  คริสฉวยโอกาสที่มันเปิดช่องว่างรุกโจมตี  ดาบใหญ่ถูกเหวี่ยงใส่ด้วยความเร็วและท่วงท่าอันน่าทึ่ง
    
    “บังอาจท้ารบกริดโดยไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน!!”

    คริสมองว่าทุกสิ่งต้องมีขั้นตอนของมัน  หากใครสักคนต้องการท้าสู้กริด  คนผู้นั้นควรผ่านการสู้กับตัวเขาก่อน  
    ดาบใหญ่ในมือคริสฟันเฉือนร่างดิอัสด้วยวิถีเฉียบคมจนเกิดบาดแผลใหญ่

    เรกัสและป็อนฉกฉวยโอกาสโจมตีซ้ำจนร่างกายมันตกอยู่ในสภาพยับเยิน
    มวลหมู่ทักษะสุดทรงพลังได้ทำให้การทรงตัวของดิอัสเริ่มโงนเงน

    “จู๊ด·ฆ่า”

    การโจมตีปิดฉากมาจากจู๊ด  อัศวินคนแรกของกริด
    เป้าหมายการฟาดฟันควรจะเป็นดิอัสที่มีสภาพไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้ว  ทว่า  จู๊ดกลับฟันโดนเพียงอากาศอันว่างเปล่า

    “…???”

    มาโทรลล์อะไรในเวลาแบบนี้?
    กลุ่มขุนพลโอเวอร์เกียร์ต่างผิดหวังเมื่อคิดว่าจู๊ดจะปิดฉากดิอัสสำเร็จ
    
    เป็นคริสที่ตัดสินใจลงมือแทน

    “ดาบพันชั่ง!”

    ฉัวะ!

    เป็นการโจมตีสุดทรงพลังอย่างไร้ข้อกังขา  ดิอัสกลายเป็นแสงสีเทาทันใด

    “เดี๋ยวก่อน…”

    ขณะทุกคนกำลังจะกลับไปช่วยกริด  ผู้เล่นทั้งสี่ต่างชะงักฝีเท้าพร้อมกัน  
    พวกเขาเริ่มฉงนที่ไม่เห็นข้อความระบบประกาศความตายของดิอัส  รวมถึงไอเท็มดรอปและค่าประสบการณ์

    ‘เกิดอะไรขึ้น?’

    ทุกคนขมวดคิ้ว  มีเพียงจู๊ดที่มิได้แสดงสีหน้ายินดียินร้าย
    
    ทันใดนั้น  เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังจิสึกะ  เป็นเสียงของดิอัสที่ควรตายไปแล้ว  

    มันปรากฏตัวอีกครั้งด้วยร่างกายที่ไร้รอยแผล

    “เคยเตือนเจ้านายหลายหนแล้วว่าอย่าไปกระตุกหนวดเสือ  ชิ!”

    คริสรีบตะโกน

    “จิสึกะ!  ข้างหลังเธอ!”

    แต่สายเกินไป  ฝ่ามืออาบมนตร์ดำของดิอัสทะลวงผ่านชุดเกราะและเนื้อหนังจิสึกะอย่างง่ายดาย

[ ท่านได้รับความเสียหาย 12,390 หน่วย ]
[ ท่านถูกมนตร์ดำ  ความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุด ]

[ ท่านได้รับความเสียหาย 5,700 หน่วย ]
[ ทรัพยากรทุกชนิดจะเพิ่มขึ้นได้ช้าลง ]
[ ค่าพลังป้องกันและค่าต้านทานลดลง ]
[ ไม่สามารถใช้งานทักษะและเวทมนตร์เป็นเวลา 3 วินาที ]

    ถือเป็นการโจมตีสุดแสนปั่นป่วน

    “แค่ก!”

    จิสึกะเริ่มตาสว่างหลังจากได้รับบาดเจ็บรุนแรง
    
    ‘กริดรับมือกับสัตว์ประหลาดเหล่านี้ตามลำพังมาตลอด?’

    เป็นอีกครั้งที่กริดถูกเข้าใจผิด

    ดิอัสพุ่งถอยหลังด้วยความเร็วสูง  ส่งผลให้กำปั้นจากเรกัสและหอกจากป็อนจู่โจมโดนเพียงอากาศอันว่างเปล่า
    มันหลบหลีกสองการโจมตีที่น่าทึ่งได้อย่างฉิวเฉียด  ดิอัสถอนหายใจเล็กน้อยพลางชำเลืองมองการต่อสู้ระหว่างกริดและโพอู

    “จบสิ้นแล้ว  ไม่ว่าจะมองมุมไหน  แต่โอกาสชนะก็ไม่มีตั้งแต่ต้น”

    ราชาโอเวอร์เกียร์และขุนพลคู่ใจทรงพลังกว่าในข่าวลือมาก  ตัวมันเพียงคนเดียวมิอาจพลิกผันกระแสสงครามได้
    
    ดิอัสเริ่มตัดสินใจ

    อาจเป็นไปได้ในการดวลหนึ่งต่อหนึ่งกับกริดหรืออัศวิน  แต่จะเป็นไม่ได้เลยหากมันต้องสู้พร้อมกันทั้งหมด  โดยเฉพาะอัศวันหน้ามึนที่ชื่อจู๊ด  ชายคนนี้ถือเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงสำหรับดิอัส

    “จู๊ด·ฆ่า”

    ‘เวทลวงตาไม่ส่งผลกับหมอนี่  หรือที่เห็นหน้ามึนนั่นเป็นเพียงการเสแสร้ง?’

    ดาบใหญ่ถูกฟาดฟันเข้าหาตัว  ดิอัสรีบปัดป้องอย่างเต็มกลืน  แต่ด้วยน้ำหนักดาบมหาศาล  การแลกพละกำลังให้ชนะจู๊ดนั้นเป็นไปไม่ได้เลย  

    “อั่ก!”

    แม้ด้านอื่นอาจต่ำต้อย  แต่พลังทำลายของจู๊ดถือเป็นที่สุด 
    เงาลวงตาดิอัสมิอาจทนการโจมตีจากจู๊ดไหว  มันสั่นวูบวาบเล็กน้อยก่อนจะสลายไปเป็นเพียงภาพมายา

    “ทางนี้!”

    สายตาของขุนพลทั้งสี่ที่เคยจ้องมองคนละทางกับจู๊ด  ยามนี้หันมามองตัวจริงของดิอัสเป็นตาเดียว
    
    ดิอัสกำลังกระวนกระวายใจ

    “ไม่คิดว่าร่างลวงตาจะถูกทำลายเร็วขนาดนี้”

    เป็นครั้งแรกในชีวิตของมัน

    ดิอัสคือ NPC ที่โดดเด่นของอาณาจักรไวโอเล็ต  มันเคยพานพบผู้เล่นมากหน้าหลายตา  ที่แข็งแกร่งก็ไม่ใช่น้อย  แต่ไม่เคยถูกใครต้อนจนมุมขนาดนี้มาก่อน

    จู๊ดคือมนุษย์ที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์ไปแล้ว

    “สมกับเป็นอัศวินคนแรกของราชาโอเวอร์เกียร์”

    “จู๊ด·อัศวินคนแรก·ของฝ่าบาท!”

    ดาบใหญ่ในมือจู๊ดยังคงไม่หยุดรัวกระหน่ำ  ส่งผลให้ดิอัสถูกต้อนจนมุมอย่างเลี่ยงไม่ได้

    หลังจากกลายเป็นอัศวินของกริด  จู๊ดก็ไม่ใช่ NPC ทั่วไปอีกต่อไป  พัฒนาการของเขารวดเร็วจนใครหลายคนต้องทึ่ง  ทำลายกำแพงจินตนาการของผู้คนไปหลายครั้ง

    ถัดจากมาซงคือบีเลียล  จู๊ดแข่งแกร่งขึ้นในทุกศึกใหญ่  ในทุกการล้มตัวตนยิ่งใหญ่
    แถมชายคนนี้ไม่เคยขาดการฝึกฝนในแต่ละวัน

    เป็นอีกครั้งที่จู๊ดกำลังฉายแสง
    
    ดิอัสพยายามปัดป้องและสวนกลับอย่างสุดความสามารถ  มนตร์ดำของมันสามารถต้านทานดาบใหญ่ของจู๊ดได้เพียงชั่วขณะ  ในเวลาเดียวกัน  ดิอัสเล็งยิงเวทมนตร์ใส่ช่องท้องที่เปิดกว้างของจู๊ดเพื่อตอบโต้
    
    ทว่า  ศรเพลิงจากจิสึกะคอยยิงสกัดมนตร์ดำอย่างเฉียบขาด  ดิอัสจึงมิอาจทำอันตรายใดกับจู๊ดได้ 
    
    ยิงศรจากจิสึกะเพิ่มจำนวน  บาดแผลตามร่างกายดิอัสก็ยิ่งปรากฏเด่นชัดหลายจุด  ส่วนจู๊ดถูกผลรักษาของพลังฟินิกซ์แดงช่วยเยียวยา
    
    คริส  ป็อน  และเรกัส  ทั้งสามช่วยกันรุมโจมตีใส่ดิอัสโดยอาศัยตาทิตย์จากจู๊ดนำทาง
    
    การผนึกกำลังอย่างลงตัวและชาญฉลาดได้สร้างภัยคุกคามใหญ่หลวงให้ดิอัส      
    ในที่สุด  มันถูกรุมโจมตีจนต้องทรุดคุกเข่าลงอย่างสิ้นท่า  ส่งเสียงครางด้วยใบหน้าเจ็บปวด  โลหิตสีแดงฉานคำโตถูกกระอั่กจากปาก  

    “ชุดศึกที่พวกแกสวม…เป็นผลงานการสร้างของราชาโอเวอร์เกียร์ใช่ไหม?”

    ดิอัสเช็ดเลือดที่มุมปาก

    “ความทรงจำล้ำค่า…เรื่องราวที่จะถูกจารึกไว้ในบันทึกตำนาน  ทั้งหมดถูกอัดแน่นอยู่ในอุปกรณ์สวมใส่ของพวกแกสินะ…”

    ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ไม่สำคัญ
    ไม่มีผู้ใดที่สมควรตาย
    ดิอัสต้องการเปลี่ยนแปลงความคิดของขุนพลโอเวอร์เกียร์ทุกคน

    “พวกเราเติบโตในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน  ฉันอาจเป็นตัวร้ายในสายตาพวกแก  แต่เชื่อเถอะ  ฉันเคยมีช่วงเวลาปรกติเหมือนคนทั่วไป  ช่วงชีวิตที่มิใช่สัตว์ประหลาด  การที่ฉันครอบครองพลังพิเศษได้  มันแลกมากับชะตาชีวิตแสนโหดร้าย  สาเหตุเพราะดันเกิดมาเป็นพวกลูกผสม”

    ดิอัสแสยะยิ้ม

    “จนกระทั่งได้พบเจ้านาย…”

    “…?”

    มันต้องการจะพูดอะไรกันแน่?
    ขุนพลโอเวอร์เกียร์ย่อมให้ความสนใจประโยคบอกเล่าจากปาก NPC พิเศษ
    
    นี่อาจเป็นภารกิจลับ  ทุกคนยั้งมือไว้และตั้งใจฟัง
    ยกเว้นจู๊ด  จู๊ดกำลังดิ้นรนขัดขืนขณะถูกป็อนและเรกัสล็อคแขนขาไว้เพื่อให้สงบ

    แต่สิ่งที่เกิดขึ้น  ดิอัสมิได้มอบภารกิจให้พวกเขา  มันเพียงกล่าวขอร้อง

    “หวังว่าพวกแกจะไม่เกลียดชังเจ้านายของฉันรุนแรงเกินไปนัก  เขาไม่ใช่คนชั่วร้ายโดยกำเนิด”
    
    เฉกเช่นทุกเผ่าพันธุ์  ไม่แบ่งแยกว่าเป็นผู้เล่น  NPC  หรือมอนสเตอร์  ทุกชีวิตเกิดมาอย่างมีเรื่องราวและที่มาที่ไป  และนั่นคือสาเหตุที่ดิอัสต้องการป่าวประกาศด้านดีของเคียร์

    เมื่อกล่าวจบ  มันเหยียดนิ้วออกมาด้านหน้า

    “หือ…?”

    ต้นไม้ใหญ่โดยรอบ  บางส่วนเริ่มถูกแปรเปลี่ยนเป็นร่างเอลฟ์สาว
    ไม่สิ  ระบุให้ชัดคือ  พวกเธอถูกเปลี่ยนกลับเป็นเอลฟ์อีกครั้ง  
    นี่คือเหตุผลที่โพอูไม่อิ่มท้องสักทีแม้ว่าจะกินเอลฟ์ไปแล้วหลายตน

    “โพอูกำลังท้องว่าง  มันหายหิวชั่วคราวด้วยผลจากเวทมนตร์ของฉัน  แต่อีกไม่นานคงถูกคลายออก  เมื่อถึงตอนนั้น  ราชาโอเวอร์เกียร์ก็จะปิดฉากการต่อสู้ทันที”

    ดิอัสจ้องมองโพอูด้วยสีหน้าเห็นใจ    
    กริดกำลังรุกหนักอยู่ฝ่ายเดียวอย่างไร้รอยขีดข่วน  ส่วนโพอูคงจบชีวิตลงในไม่ช้า

    จิสึกะเอ่ยปากถาม

    “ทำไมแกถึงช่วยเอลฟ์?”

    “ฉันเองก็เป็นผู้ผดุงความยุติธรรมคนหนึ่ง”

    “…”

    “คุคุ  ล้อเล่น  พูดตามตรงเลยก็แล้วกัน  ที่ฉันต้องการช่วยคือเจ้านาย  มิใช่พวกเอลฟ์”

    ใช่แล้ว  ดิอัสช่วยเอลฟ์เพราะไม่ต้องการให้เจ้านายถูกมองเป็น ‘คนชั่ว’  ทั้งหมดก็เพื่อตัวของเคียร์ทั้งสิ้น  

    แม้เคียร์จะไม่เคยทุ่มเทกับอัศวินจนหมดหัวใจ  แต่ความประทับใจแรกที่ดิอัสได้รับจากเคียร์ในวันที่พบกันคือของจริง

    “ฉันเคยนึกโกรธเจ้านายอยู่บ้างเหมือนกัน  แต่ว่า…”

    ดิอัสเดินเข้าไปหาจู๊ดพลางอ้าแขนรอรับความตาย  มันต้องการให้อัศวินที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นคนลงมือปลิดชีพตน   
    
    จู๊ดกำลังดิ้นรนให้หลุดจากพันธการของป็อนและเรกัส

    “ด…เดี๋ยวก่อนจู๊ด!”

    จิสึกะพยายามห้ามจู๊ด  เธอนึกเสียดายที่ต้องฆ่า NPC พิเศษอย่างดิอัส 
    ทางด้านคริส  ป็อน  และเรกัสต่างก็คิดแบบเดียวกัน  ทว่า  จู๊ดดื้อรั้นกว่าที่ทุกคนคิด
    
    ด้วยพละกำลังมหาศาล  ในที่สุดจู๊ดก็สลัดเรกัสและป็อนหลุด  จากนั้นก็ฟันดาบใส่ร่างดิอัสโดยปราศจากความลังเล

    “เสียเวลา·จู๊ด·จะช่วย·ฝ่าบาท!”
    
    ทันทีที่แสงสีเสาสว่างขึ้น  จู๊ดรีบวิ่งไปหากริดอย่างไม่รีรอ
    เมื่อดิอัสเสียชีวิต  เวทมนตร์ลวงตาที่ครอบงำโพอูย่อมสลายไปด้วย  เทพจอมเขมือบตกอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากความหิวโหยทันที  มัดแกว่งแขนโจมตีใส่กริดอย่างมั่วซั่วไร้หลักการ
    
    “จู๊ด·ช่วย·ฝ่าบาท!”

    ในสายตาจู๊ดมีเพียงกริด  ในหัวจู๊ดคิดถึงแต่เพียงกริด…ไม่สิ  จู๊ดใช้หัวไม่เป็น  
     เขาปลดขีดจำกัดขั้นสามหลังจากเอาชนะดิอัสมาได้  

    อัศวินคนแรกของกริดรีบพุ่งปรี่เข้าหาโพอูด้วยความเร็วสูงสุด  แต่น่าเสียดายที่สายเกินไป
    
    “คลื่นทำลายล้างร่ายรำสังหาร!”

    “โฮกกกกก!”

    โพอูคลุ้มคลั่งจนพูดไม่เป็นภาษา  ในหัวคิดเพียงเรื่องเดียวคือการทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า  และนั่นคือสิ่งที่กริดต้องการ
    
    มันไม่สนใจความเสียหายที่ได้รับจากบาเรียและพิษหมอกวัลฮัลล่า  แถมยังไม่คิดหลบหรือปัดป้องการโจมตีใดทั้งสิ้น  
    
    การต่อสู้จบลงแล้ว

    เป็นอีกครั้งที่บัญชาเทพแสดงผลลบล้างระยะหน่วงท่าไม้ตาย  กริดใช้งานคลื่นทำลายล้างร่ายรำสังหารสองหนติด  ส่งให้โพอูกลายเป็นแสงสีเทาโดยพลัน

    ดวงตาของจู๊ดเปล่งประกายเมื่อได้เห็นฝีมือของเจ้านายเต็มสองตา

    “ฝ่าบาท·เท่มาก!”

    *** 

    “…”

    ค่าเรี่ยวแรงของเคียร์จมก้นหลอด  มันมิได้หยุดพักเลยสักวินาทีเดียวนับตั้งแต่ถูกฮิวรอยไล่ตาม 
    เปโร  เจ้ายูนิคอร์น  ใช้ลิ้นของมันเลียแก้มเคียร์ที่มีสภาพเหนื่อยหอบ  ลมหายใจขาดห้วง
    
    สายตาของยูนิคอร์นเปี่ยมด้วยความกังวลและห่วงใย  แต่น่าเสียดายที่ความรู้สึกเหล่านี้ส่งไปไม่ถึงเคียร์
    ในสายตาเคียร์  สัตว์พาหนะก็เหมือนกับ NPC ทั่วไป  พวกมันเป็นเพียงปัญหาประดิษฐ์จอมปลอม

    “ชิ!”

    เคียร์ใช้ผ้าเช็ดแก้มที่เหนียวเหนอะ  มันแสดงสีหน้าขยะแขยงราวกับน้ำลายยูนิคอร์นคือของเหลวที่น่ารังเกียจ  จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองเฟคเกอร์ที่กำลังยืนจ้องด้วยสายตาเย็นชา

    เคียร์ได้แต่นึกสงสัย

    “ทำไมพวกแกถึงตามตื้อนัก?  ฆ่าฉันแล้วจะได้อะไร?  อาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะร่ำรวยขึ้นรึไงหากฉันตายจนสูญเสียค่าประสบการณ์กับไอเท็มดรอป?”

    เคียร์บ่นอย่างฉุนเฉียว  ทั้งที่ตัวมันทราบถึงเหตุผลดีอยู่แล้ว

    ซาทิสฟายคือโลกแห่งการแข่งขัน  ไม่ต่างจากชีวิตจริงมากนัก  ไม่แปลกที่ผู้เล่นจะคอยระแวงกันเองตลอดเวลา  
    ยกตัวอย่างเช่น  หากวันนี้เฟคเกอร์ปล่อยเคียร์ไป  จนสักวันเคียร์มีพลังอำนาจทัดเทียมกริด  เมื่อถึงตอนนั้น  กริดอาจเกิดภัยคุกคามที่ไม่คาดฝันขึ้น

    “บ้าจริง…”

    เคียร์รู้อยู่เต็มอกถึงสาเหตุที่กริดต้องการฆ่ามัน  
    ในเมื่อสถานการณ์ดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว  ความตายคือสิ่งที่มันหลีกหนีไม่พ้น
    
    เคียร์มั่นใจว่า  หายนะทั้งหมดเริ่มขึ้นนับตั้งแต่ที่มันเต้นรำบนฝ่ามือกริด(?)    
    แต่ถึงอย่างนั้น… 

    “ถ้าคิดว่าทุกอย่างจบลงแล้ว  พวกแกกำลังคิดผิด!!”

    ค่าเรี่ยวแรงของมันเพิ่มขึ้นจากเมื่อครู่เล็กน้อย  ด้วยผลของบัฟ ‘ยูนิคอร์นอวยพร'
    เมื่อมีเรี่ยวแรง  เคียร์รีบใช้มือข้างหนึ่งบีบปากเบเนียลูที่อยู่ในอ้อมแขน  จากนั้นก็ชูขวดใบหนึ่งขึ้นด้วยมืออีกข้าง

    ภายในขวดบรรจุของเหลวปริศนาสีดำ

    “นี่คือแก่นยาธาน  หากเธอกลืนเข้าไปในปริมาณมากขนาดนี้  ถึงจะเป็น NPC พิเศษก็ไม่มีทางรอดแน่!  พวกแกเข้าใจรึเปล่า?  ฉันจะไม่ตายคนเดียวแน่นอน!”

    เบเนียลูคือคนที่กริดรู้จักและเรียกชื่อได้อย่างถูกต้อง  แถมหลังจากนั้น  เธอยังขอร้องให้กริดช่วย  หมายความว่า  ทั้งสองรู้จักกันและมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่น  ความตายของเบเนียลูจะทำให้กริดคลุ้มคลั่งแน่นอน

    “ฉันจะไม่ใช่ฝ่ายเดียวที่สูญเสีย  เข้าใจรึยังล่ะ?”

    “ไม่เข้าใจ”

    ขณะมันกำลังแสยะยิ้มชั่วร้าย  เคียร์พลันต้องชะงัก

    “…!”

    หัตถ์เทวะลอบบินมาด้านหลังพร้อมกับใช้ค้อนทุบศีรษะเคียร์อย่างจัง  มันตกอยู่ในอาการชะงักทันที  

    “อ๊ากก!”

    กริดฉวยโอกาสนี้นำตัวเบเนียลูมาไว้ในอ้อมแขน

    เคียร์ขบกรามแน่น  มันรู้สึกราวกับโลกนี้ไม่ยุติธรรม  ความเกลียดชังปริมาณมหาศาลได้พุ่งตรงไปยังกริดเพียงผู้เดียว  มันแผดเสียงไต่ถามด้วยสีหน้าเจ็บแค้น

    “ทำไมแกต้องพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากฉัน?”

    กริดย้อนถาม

    “แล้วทำไมแกต้องพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเอลฟ์?”

    “อะไรนะ…”

    เคียร์หมดคำพูด  มันได้แต่นั่งอึ้ง    
    คำถามของกริดทำให้มันเริ่มเข้าใจความรู้สึกของผู้ถูกกระทำขึ้นมาเล็กน้อย

    กริดเมินเฉยเคียร์  เขาสำรวจสภาพอาการเบเนียลูด้วยสีหน้ากังวล  
    
    เธอต้องการหนีจากความจริงรึไง?
    เบเนียลูปราศจากอารมณ์บนสีหน้าและแววตาโดยสิ้นเชิง  ราวกับตุ๊กตาที่ไร้วิญญาณ

    “เอลฟ์ทำอะไรให้แก?  ทำไมพวกเธอถึงต้องทุกข์ทรมาณเช่นนี้?”

    “…”

    เคียร์ในปัจจุบันไม่อาจตอบคำถามกริด 
    
    ชายหนุ่มง้างดาบเตรียมฟัน  เขาหมายสะบั้นคอเคียร์ให้ขาดออกจากร่างด้วยโทสะ
    แต่ทันใดนั้น  ฮิวรอยรีบวิ่งเข้ามาห้ามพร้อมกับส่งเสียงกระซิบข้างหู    

    “ฝ่าบาท  ม้าของมันคือยูนิคอร์น”

    “ยูนิคอร์น!?  จริงหรือ?”

    “ขอรับ  ฝ่าบาทควรชิงมันมา”

    “อะไรนะ?”

    ชิงสัตว์เลี้ยง?  ด้วยวิธีไหน?
    
    สัตว์เลี้ยงคือระบบที่ไม่เหมือนกับไอเท็ม  
    สำหรับผู้เล่น  พวกเขาไม่ต้องกังวลว่าจะสูญเสียสัตว์เลี้ยงไปในตอนตาย  เพราะความเป็นเจ้าของจะคงอยู่ตลอดจนกว่าจะยกเลิก

    “สิทธิ์ความเป็นเจ้าของสามารถโอนถ่ายกันได้”

    “ฉันไม่เข้าใจความหมาย”
    
    กริดขมวดคิ้ว  เขากำลังสับสนในสิ่งที่ฮิวรอยพูด

    “ไอ้ระยำนี่ไม่มีทางโอนถ่ายยูนิคอร์นให้ฉันอยู่แล้ว”

    "”ก็ไม่แน่  ฝ่าบาทอย่าลืมว่าเคียร์มอง NPC เป็นเพียงปัญญาประดิษฐ์  หากแลกกับการไว้ชีวิตมันล่ะก็...”

    สายตาทุกคู่จับจ้องมายังฮิวรอย  ไม่มีใครรู้ว่าเขากระซิบกระซาบสิ่งใดกับกริด
    
    ผ่านไปครู่หนึ่ง  กริดได้กล่าวในสิ่งที่น่าตกตะลึงออกมา

    “เคียร์  แกอยากมีชีวิตรอดรึเปล่า?”    
    
    ไม่มีใครคาดคิดว่ากริดจะพูดเช่นนี้

    “แกจะไว้ชีวิตฉัน?”

    แม้แต่ตัวเคียร์ก็ยังฉงน
    กริดพยักหน้าเล็กน้อย    

    “ถูกต้อง  ฉันจะไว้ชีวิตแก  ได้ยินมาว่า  แกเสียเงินไม่น้อยไปกับแผนจับเอลฟ์คราวนี้  หากแกต้องตายไปอีก  รับรองได้เลยว่าอันดับพ่อค้าร่วงแน่  แบบนั้นจะมีปัญหากับการค้าขายในอนาคตรึเปล่านะ?”

    ทุกถ้อยคำของกริดมีเหตุและผล  เคียร์ไม่ปฏิเสธ  ในฐานะพ่อค้า  มันย่อมทราบจุดประสงค์ของกริดทันที

    “แกต้องการอะไรแลกเปลี่ยน?”

    กริดชี้นิ้วไปยังยูนิคอร์น
    
    “เจ้านั่น”

    “เสียสติไปแล้วรึไง!!”

    ท่าทีฉุนเฉียวของเคียร์คือสิ่งที่เข้าใจได้  
    สัตว์เลี้ยงยูนิคอร์นมีมูลค่าสูงลิบลับ  ใช่ว่ามีเงินแล้วจะหาซื้อได้ตามท้องตลาด  เคียร์ค่อนข้างมั่นใจว่าไม่มีผู้เล่นคนใดนอกจากมันที่ครอบครองยูนิคอร์น

    ในทางสามัญสำนึก  มันยอมตายดีกว่าต้องเสียยูนิคอร์นล้ำค่าไป
    ขณะเคียร์กำลังจะตอบปฏิเสธโดยไม่ลังเล  กริดกล่าวย้ำเตือน

    “คิดให้ดีก่อนตอบ  หากคำตอบของแกไม่น่าพึงพอใจ  ฉันอาจกลายเป็นศัตรูกับแกไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่”

    อึก…!

    เคียร์เย็นสันหลังวาบ  มันย่อมทราบถึงสิ่งที่อิมมอทัลต้องเผชิญหลังจากลอบจู่โจมไรนฮาร์ท 
    พลังระดับอาณาจักรที่แม้แต่อิมมอทัลยังต้องศิโรราบ  บริษัทการค้าของมันจะรับมือไหวได้อย่างไร?   คงเป็นเรื่องที่ยากมาก

    แม้การคุ้มครองจากจักรวรรดิจะปกป้องอิมมอทัลให้รอดพ้นจากการถูกอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ตามล่าสำเร็จ  แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้อิมมอทัลรอดพ้นจากเงื้อมมือผู้เล่นด้วยกันเอง
    
    หากคำตอบไม่น่าพึงพอใจ  เคียร์จะกลายเป็นศัตรูกับผู้เล่นจำนวนสองพันล้าน
    มันส่ายศีรษะด้วยสีหน้าตื่นตระหนกขณะจินตนาการเหตุการณ์เลวร้ายสุดขีด 

    กริดไม่ปล่อยให้มันมีเวลาขบคิดนานนัก

    “ส่งยูนิคอร์นมา  แล้วแกจะรอดชีวิตโดยไม่ถูกตั้งค่าหัว”

    “จะยอมไว้ชีวิตฉันจริงหรือ?  จะไม่ส่งคนตามฆ่าทีหลังแน่ใช่ไหม?”

    “แน่นอน  ขอสัญญาด้วยเกียรติของราชาโอเวอร์เกียร์  ฉันจะปล่อยแกไป  รวมถึงไม่ส่งคนตามฆ่าแกในภายหลัง  และจะไม่ตั้งค่าหัวแกด้วย  เพียงแต่ว่า…”

    กริดแสยะยิ้ม

    “หลังจากนี้  หากพวกเราบังเอิญเจอกันเข้า  ฉันคงปล่อยให้แกมีชีวิตรอดไม่ได้  ตลอดชีวิตที่เหลืออยู่  แกต้องระวังให้ไม่ให้ตัวเองเข้ามาอยู่ในระยะสายตาฉัน  คงไม่ยากเกินไปใช่ไหม?”

    “อึก…!”

    กริดครอบครองสามเหลี่ยมทองคำ  เงินทอง  ความแข็งแกร่ง  และพลังอำนาจ  
    ชายคนนี้สามารถชักน้ำคนทั่วโลกโดยใช้ไอเท็มเป็นสื่อกลาง  กริดครอบครองพลังที่ผู้เล่นคนอื่นไม่มี  ทั้งหมดทั้งมวลได้สลักความกลัวลงในใจเคียร์  

    มันเริ่มทบทวนข้อเสนอใหม่

    ลงเอยด้วย… 

[ สิทธิ์ครอบครองยูนิคอร์น ‘เปโร’ ถูกโอนถ่ายให้ ‘กริด’ ]

    เคียร์ยอมแลกเปลี่ยนแต่โดยดี  เป็นการตัดสินใจเพื่ออนาคต

    “…ฉันไปได้รึยัง?”

    เคียร์ถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
    กริดพยักหน้า

    “อา…เชิญ”

    เคียร์สูญเสียทั้งเวลา  เงินทอง  ศักดิ์ศรี  และยูนิคอร์น  แต่ถึงกระนั้น  สายตาของมันกลับยังลุกโชนด้วยไฟแห่งความมุ่งมั่น

    ‘เราต้องเอาคืนความอับอายในวันนี้เป็นสิบเท่า!’

    อาจไม่สำเร็จในสองหรือสามปี  แต่ถ้าสักสี่หรือห้าปีก็ไม่แน่  เมื่อถึงตอนนั้น  เคียร์จะเติบโตภายใต้ร่มเงาคุ้มกันจากจักรวรรดิ  จับมือเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรเก๊าส์  จากนั้นก็เอาคืนกริดเป็นพันเท่า  ไม่สิ  หมื่นเท่า!

    เคียร์มั่นใจ  หากมันมีพลังและอำนาจมากกว่านี้อีกสักหน่อย  ตัวมันสามารถเป็นภัยคุกคามต่อกริดได้แน่ 

    ทว่า  ความศรัทธาของมันกลับไม่ยั่งยืนเท่าที่ควร

    “หืม?  บังเอิญจังเลยนะ  ฉันบอกแล้วไม่ใช่รึไงว่าอย่ามาให้เห็นหน้าอีก?”

    “อ…อะไรกัน?”

    หลังจากเดินหาทางออกจากป่าเอลฟ์ราวยี่สิบนาที  เคียร์ต้องขนลุกไปทั่วร่างเมื่อได้ยินเสียงของใครบางคนทักทาย

    เมื่อเงยหน้าขึ้น  กริดที่ขี่ยูคอร์นกำลังยืนขวางทางมันมันอยู่

    “ท…ทำไมกัน?  หรือว่า…”

    เป็นถึงผู้เล่นอันดับหนึ่งของโลก  กริดไม่น่าจะมีนิสัยเหมือนโจรกระจอกสับปรับหรอกกระมัง  นั่นคงเป็นไปไม่ได้แน่  

    ขณะเคียร์กำลังปฏิเสธความจริงตรงหน้า  กริดเริ่มชักดาบออก  จากนั้นก็เล็งปลายแหลมมายังเคียร์

    “ฉันบอกแล้วไม่ใช่รึไงว่าอย่ามาให้เห็นหน้าอีก?  ทำไมถึงไม่ระวังตัวเลยนะ”

    “อ…ไอ้ระยำเอ้ย!!”

    กริดคือจอมวายร้ายสุดโฉด…
    ไม่สิ  เขาคือมิจฉาชีพ  มิใช่โจรกระจอก 
    เคียร์หน้าซีดเมื่อตระหนักความชั่วร้ายที่แท้จริงของกริด  มันรีบตะโกนสุดเสียง

    “อัญเชิญอัศวิน!”

    ไม่ใช่เวลามัวเสียดายทาสเอลฟ์อีกแล้ว  มันต้องบดขยี้กริดให้ได้ในวันนี้  เคียร์มีแผนเรียกอัศวินทั้งสามออกมาพร้อมหน้า

    ทว่า

    “อะไรกัน…?”

    มันแทบสิ้นสติ  
    ข้อความระบบได้แจ้งข่าวร้ายกับเคียร์

[ ท่านไม่มีอัศวินให้อัญเชิญ ]

    “อ…อย่าบอกนะว่า?”

    “ขอบคุณสำหรับยูนิคอร์น”

    ฉึก

    เคียร์  พ่อค้าสุดโฉดที่เปลี่ยนผืนป่าต้นไม้โลกให้กลายเป็นทะเลเลือด  ร่างกายของมันส่องสว่างแสงสีเทาและหายไป  
    นี่คือจุดเริ่มต้นการล่มสลายของอาณาจักรราชาพ่อค้า

    ใช่แล้ว  เคียร์เคยคิดว่ามันสูญสิ้นทุกสิ่งให้กริดในวันนี้  แต่นั่นเป็นเพียงภาพลวงตาที่มันมโนขึ้นเอง  

    ยังเหลืออีกหนึ่งสิ่งที่กริดสามารถพรากไปจากเคียร์ได้—บริษัทการค้าของมันที่มีธุรกิจกระจายอยู่ทั่วทั้งทวีป 

[ ยูนิคอร์นกำลังเศร้า ]
[ ค่าความสัมพันธ์กับยูนิคอร์นอยู่ในระดับต่ำ ]
[ ขอแนะนำให้ท่านตั้งชื่อใหม่ให้ยูนิคอร์น ]

[  ความสัมพันธ์กับเอลฟ์เพิ่มขึ้น 50 หน่วย ]
[ ต้นไม้โลกสนใจในตัวท่าน ]
[ ท่านได้รับคำเชื้อเชิญจากต้นไม้โลก ]

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,251
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ว้าวบทของต้นไม้โลกกำลังมา

    ReplyDelete
  2. โอ้ คุมมากกับสิ่งที่ทำไป ถึงแม้กริดจะคิดเพียงต้องการช่วยเหลือเอลฟ์เท่านั้นก็ตาม คนชั่วต้องเจอกับคนโฉดเช่นกริดนะถูกแล้ว

    ReplyDelete
  3. รับรองม้ายูนิคอนต้องเสียใจแน่เลยที่ติดตั้งชื่อให้

    ReplyDelete
    Replies
    1. คิดเหมือนกัน เพราะกริดมันตั้งชื่อแบบอะไรก็ได้ที่มีโอเวอร์เกียร์ 🤣🤣🤣

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00