จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 796



    เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเมอร์เซเดสขัดโองการจักรพรรดิและลอบเดินทางไปยังวัลฮัลล่าตามลำพัง
    การขัดคำสั่งถือเป็นสัญลักษณ์ของการไม่เคารพต่อองค์จักรพรรดิ
    แถมการลอบเข้าอาณาจักรศัตรูยังถือเป็นสัญญาณก่อกบฏ

    นี่คือรายงานที่คิวราทันกล่าวกับจักรพรรดิฮวนเดอร์อย่างชัดถ้อยชัดคำโดยมิได้บิดเบือนความจริง
    พฤติกรรมของอัศวินลำดับหนึ่งถือเป็นเหตุร้ายแรงเนื่องจากเธอลอบติดต่อกับศัตรู

    ‘เหตุผลที่เมอร์เซเดสเดินทางไปวัลฮัลล่า…’
    
    เธอคงพยายามหาตัวผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายให้พบและแก้แค้น
    ไม่มีทางที่คนอย่างเมอร์เซเดสจะเข้าร่วมกับวัลฮัลล่าแน่นอน  จักรพรรดิฮวนเดอร์มั่นใจในข้อเท็จจริงนี้มาก

    ทว่า… 

    ‘เป็นความจริงที่เธอขัดคำสั่งเรา’

    จักรพรรดิไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากคลางแคลงสัยในความจงรักภักดี
    หากเธอให้ความเคารพองค์จักรพรรดิ  เมอร์เซเดสก็ควรประพฤติตัวอยู่ในกรอบโดยไม่ฝ่าฝืน

    ‘ช่างเถอะ…อย่าไปคาดหวังว่าใครจะจงรักภักดีต่อเราอย่างสุดหัวใจ’

    แม้แต่ปิอาโร่ที่ฮวนเดอร์เคยมอบความไว้ใจระดับสูงสุดก็ยังทรยศจักรวรรดิได้ลงคอ
    อัศวินเหล่านี้เป็นเพียงหุ่นเชิดของใครบางคน
    พวกเขากำลังสวมหน้ากากปกปิดสีหน้าชั่วร้ายที่อยู่เบื้องหลัง  
    หน้ากากแห่งความจงรักภักดีที่สามารถถอดทิ้งได้ทุกเมื่อ
    
    ‘เราควรเชื่อใจคิวราทัน’

    อัศวินลำดับสี่ ‘คิวราทัน’ เริ่มโด่งดังจากเหตุการณ์เมื่อสิบสองปีก่อน  มันคือผู้ที่เปิดเผยความจริงว่าปิอาโร่ได้ทรยศต่อจักรวรรดิ

    คิวราทันจะได้อะไรหากปรักปรำเมอร์เซเดสว่ามีความผิด?
    
    ‘เมอร์เซเดสเริ่มมีท่าทีไม่ชอบมาพากล  เราต้องคอยระวังเธอให้ดี’

    จักรวรรดิฮวนเดอร์ตัดสินใจหนักแน่น

    “อัศวินลำดับหนึ่งควรจงรักภักดีต่อราชวงศ์เหนือสิ่งอื่นใด  แต่เมอร์เซเดสกลับละทิ้งหน้าที่และฝ่าฝืนโองการของเรา  ดังนั้นนับแต่นี้ไป…เราขอปลดเมอร์เซเดสออกจากตำแหน่งและลงโทษทางวินัยนานสามปีเต็ม!”

    ประหนึ่งฟ้าผ่ากลางวันแสก
    ขุนนางน้อยใหญ่ล้วนแสดงท่าทีแตกตื่น

    เมอร์เซเดสเป็นใครกัน?
    เธอคือคนที่รวบรวมอัศวินสีชาดให้เป็นปึกแผ่นหลังจากเหตุการณ์สิบสองปีก่อน
    อัศวินสีชาดกลับมามีสถานภาพมั่นคงอีกครั้งด้วยความพยายามอย่างหนักของเมอร์เซเดสตามลำพัง

    เธอสำแดงความองอาจของอัศวินอันดับหนึ่งให้เห็นในศึกน้อยใหญ่มากมาย
    เมอร์เซเดสคือสัญลักษณ์ของอัศวินยุคใหม่อย่างแท้จริง

    แต่องค์จักรพรรดิกลับเขี่ยเธอทิ้งอย่างไม่ใยดี… 
    
    กระแสความไม่พอใจและไม่เห็นด้วยกำลังแพร่กระจายเป็นวงกว้าง
    แม้กระทั่งคนสนิทของฮวนเดอร์ก็ยังออกปากคัดค้าน

    “ถึงเธอจะเป็นหุ่นเชิดของจักรพรรดินี  แต่กระหม่อมมองว่าฝ่าบาทไม่สมควรลงโทษรุนแรงเช่นนี้”

    “ถูกต้อง  การปลดออกจากตำแหน่งจะส่งผลร้ายแรงกว่าการลงโทษทางวินัยมาก”

    “ฝ่าบาทควรไตร่ตรองให้รอบคอบ  เมอร์เซเดสคือบุคคลที่มีอิทธิพลต่ออัศวินของจักรวรรดิ  หากอัศวินที่เหลือหวาดกลัวต่อฝ่าบาทและเกิดการต่อต้าน  สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายลงจนยากควบคุม  กระหม่อมเห็นควรให้ลงโทษทางวินัยเพียงอย่างเดียว”

    หากให้อัศวินสีชาดเลือกติดตามเพียงหนึ่งคนระหว่างดยุคลิมิตและเมอร์เซเดส  ส่วนใหญ่ต้องเลือกติดตามเมอร์เซเดสแน่นอน
    เมอร์เซเดสคืออัศวินที่ทุกฝ่ายต่างให้ความเคารพนับถือ  คำสั่งปลดจึงก่อให้เกิดเสียงคัดค้านอย่างหนัก

    “หืม…”

    เมื่อเหล่าคนสนิทต่างมีท่าทีเห็นพ้อง  ฮวนเดอร์เริ่มทบทวนการตัดสินใจของตนใหม่อีกครั้ง

    มันใช้นิ้วเคาะโต๊ะประชุมพลางครุ่นคิด
    แต่ทันใดนั้น… 

    ครืนนนน!

    เสียงประหลาดดังขึ้นจากบนเพดาน

    “…!"”

    ภายในห้องทรงงานของฮวนเดอร์ที่มีเหล่าดยุคจำนวนมากนั่งรายล้อม  ทุกคนรีบแหงนหน้าขึ้นมองด้านบนเป็นตาเดียว

    “กระหม่อมเอง!”

    หัวหน้าองครักษ์หลวง ‘บาอิน’ ผู้คอยปกป้องข้างกายฮวนเดอร์ตลอดเวลา
    มันรีบกระโจนขึ้นโต๊ะประชุมพร้อมกับใช้ฝ่ามือขนาดมหึมาคว้าโคมเทียนระย้าที่กำลังร่วงหล่นได้ทันท่วงที
    
    “ก…เกิดอะไรขึ้น?”

    สีหน้าของเหล่าดยุคต่างตื่นตระหนก
    โคมเทียนระย้าด้านบนเพดานหลุดร่วงลงมาได้อย่างไร?
    
    ‘ต้องเป็นลางร้ายแน่’
    
    ที่นี่คือห้องทรงงานขององค์จักรพรรดิ  
    ทุกสิ่งล้วนถูกติดตั้งด้วยความแข็งแรงทนทานระดับสูงสุด  แถมโคมเทียนก็ดูใหม่เกินกว่าจะผุกร่อนตามธรรมชาติ

    เหล่าดยุคต่างมองว่าสิ่งนี้คือลางบอกเหตุร้าย  แต่ฮวนเดอร์กลับแสดงสีหน้าเดือดดาลโดยพลัน

    “แมรี่!!”

    เส้นเลือดบนใบหน้าจักรพรรดิก็กำลังปูดโปนจนน่ากลัว

    มันตระหนักได้ทันทีในวินาทีนี้
    จักรพรรดินีแมรี่มิใช่หุ่นเชิดของเหล่าขุนนางกบฏ  แต่เธอคือหัวหน้าใหญ่สุดของพวกมันต่างหาก
    ฮวนเดอร์จำได้แม่นยำว่าโคมเทียนระย้าคือของขวัญที่แมรี่มอบให้ตนเมื่อหนึ่งเดือนก่อน

    มันแผดเสียงตวาดด้วยโทสะอันเกรี้ยวกราด

    “ลากตัวแมรี่มาหาเราเดี๋ยวนี้!!”

    “ขอรับ!”

    สถานการณ์ภายในห้องทรงงานกำลังตึงเครียดสุดขีด
    เหล่าดยุคที่นั่งนิ่งเมื่อครู่ต่างรีบลุกออกจากห้องทรงงานอย่างกระฉับกระเฉง
    คำสั่งเร่งด่วนถูกถ่ายทอดไปทั่ววังหลวงอย่างรวดเร็ว

    “ปิดทางเข้าออกให้หมด!  อย่าให้มีแม้แต่หนูสักตัวเล็ดรอด!”
    
    “ขอรับ!”

    “โองการจากฝ่าบาท!  จับกุมตัวจักรพรรดินีแมรี่โดยเร็วที่สุด!”

    “ขอรับ!”

    เกิดเป็นความโกลาหลสุดขีด
    ขั้วอำนาจทางการเมืองภายในจักรวรรดิกำลังระส่ำระสาย
    ขณะเดียวกัน…     

    “ห…เหตุด่วนขอรับฝ่าบาท!”

    ข่าวร้ายที่น่าตกตะลึงถูกนำมารายงานต่อองค์จักรพรรดิเพิ่มเติม

    “กำแพงทิศใต้ของเมืองหลวงเกิดการถล่มโดยไม่ทราบสาเหตุ!”

    “อะไรนะ?”

    กำแพงเมืองสุดแกร่งของไททันที่มิเคยปล่อยให้ศัตรูผ่านเข้ามาได้นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจักรวรรดิ

    มันพังลงโดยไม่ทราบสาเหตุได้อย่างไร?
    ทำไมสองเหตุการณ์วิฤกติถึงบังเอิญเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันได้?

    สถานการณ์โดยรอบทำให้ความเดือดดาลภายในใจฮวนเดอร์ที่สั่งสมมานานเริ่มปะทุ

    ***

    “ไม่มีส่วนใดขององค์จักรพรรดินีที่ไม่งดงามเพคะ”

    ภายในวังหลังของจักรพรรดินี  
    คุณหญิงรายหนึ่งอยู่ในสภาพคุกเข่าพลางประจบสอพลอแมรี่ไม่หยุดปาก
    
    เธอกำลังตกแต่งเล็บเท้าให้แมรี่

    คุณหญิงสูงศักดิ์จากตระกูลใหญ่กลับกำลังต้องคุกเข่าและตกแต่งเล็บเท้าให้ผู้อื่น…
    การกระทำของเธอทำให้สาวใช้ที่ยืนด้านหลังแมรี่ต้องว่างงานโดยปริยาย

    เหล่าสาวใช้ทราบดีว่าการได้เห็นขุนนางแสดงกริยาที่น่าอับอายเช่นนี้ถือเป็นความผิดที่จะถูกลงโทษในภายหลัง

    “กระหม่อมมั่นใจว่าผงไข่มุกเหล่านี้ไม่งดงามพอจะถูกประดับลงบนเล็บเท้าอันเจิดจรัสของพระองค์”

    “เจ้าชมเกินไปแล้ว  ฉันว่ามันก็งดงามสมคำร่ำลือ”

    แมรี่กล่าวพลางแสยะยิ้มชั่วร้าย
    เธอรู้สึกปริ่มเปรมด้วยความสุขอันล้นปรี่ที่มิอาจอธิบายเป็นคำพูด

    ขุนนางระดับสูงยังเป็นได้เพียงหุ่นเชิดของเธอเท่านั้น  พลังอำนาจมากมายในมือกำลังทำให้เธอมีความสุขสุดขีด

    ‘ขนาดขุนนางใหญ่ยังต้องคอยตกแต่งเล็บเท้าให้เรา’
    
    นี่แค่อำนาจของจักรพรรดินี… 
    เธอไม่อยากจินตนาการถึงอำนาจของตนหลังจากกลายเป็นพระพันปี*

( *พระพันปี — ตำแหน่งมารดาของจักรพรรดิ )

    สีหน้าแมรี่กำลังเปี่ยมด้วยความมั่นใจ
    เป้าหมายที่ต้องการให้องค์ชายสี่ขึ้นครองบัลลังก์เริ่มเข้าใกล้ความจริงมากขึ้นทุกขณะ

    “ฮือฮื้อ~”

    จักรพรรดินีฮัมเพลงอย่างมีความสุข
    เป็นท่วงทำนองอันไพเราะราวกับนางฟ้าลงจากสวรรค์เพื่อขับขานด้วยตัวเอง
    แต่ทั้งสาวใช้และคุณหญิงต่างทราบดี
    จิตใจเนื้อแท้ของจักรพรรดินีมิได้งดงามและอบอุ่นดังภาพเสแสร้ง

    เธอห่างไกลจากความเป็นนางฟ้ามากเหลือเกิน
    
    “องค์จักรพรรดินีขอรับ!”

    “…ฮื้อ—”

    บรรยากาศสุนทรีถูกทำลายลงในพริบตา  แมรี่หยุดฮัมเพลงพลางหันไปมองยังต้นเสียงอย่างหงุดหงิด
    วิสเคาต์อัลเบิร์ตกำลังวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้องด้วยสภาพลมหายใจขาดห้วง
    
    “รีบซ่อนตัวจากฝ่าบาทเร็วเข้า!”

    “ทำไมกัน?”

    จักรพรรดินีออกอาการหงุดหงิดแทนที่จะสับสนหรือตื่นตระหนก

    เธอกำลังจะกลายเป็นพระพันปีในอีกไม่ช้า  เหตุใดถึงต้องคอยหลบหน้าฝ่าบาทองค์ปัจจุบันด้วย?

    วิสเคาต์อัลเบิร์ตรีบรายงานด้วยสีหน้ากระวนกระวาย
    
    “ดยุคเกล็นฮาลกำลังเดินทางมาที่นี่ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง!  เขามาพร้อมกับองครักษ์หลวงของฝ่าบาท!”

    “ดยุคเกล็นฮาล...?”

    มือขวาองค์จักรพรรดิมาทำอะไรที่นี่?
    แถมยังมาพร้อมองครักษ์หลวง

    “รีบสืบสาเหตุที่แน่ชัดเดี๋ยวนี้!"
    
    แมรี่กล่าวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
    เธอลุกพรวดขึ้นจากที่นั่งพลางยื่นขาออกไปให้สาวใช้ช่วยสวมรองเท้า
    แต่ก่อนจะเดินออกจากห้อง  แมรี่หันไปส่งสัญญาณแก่วิสเคาต์อัลเบิร์ตพร้อมกับชำเลืองมองสาวใช้ทั้งห้าคน
    
    “ปิดปากพวกหล่อนซะ  เราต้องปกป้องเกียรติของแขกพิเศษไว้”

    “อ…องค์จักรพรรดินี!!”

    เหล่าสาวใช้ต่างส่งเสียงกรีดร้องด้วยใบหน้าขาวซีด

    “ขอบพระทัยที่เป็นห่วงภาพลักษณ์ของกระหม่อม”

    คุณหญิงผู้สูงศักดิ์ก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อมเพื่อแสดงความขอบคุณ
    
    วังหลังของจักรพรรดินีที่เปี่ยมด้วยสตรีต่ำทรามมากมาย  วันนี้ก็ยังมีแต่สิ่งน่าขยะแขยงเกิดขึ้นเช่นเคย
    วิสเคาต์อัลเบิร์ตเม้มปากอย่างไม่พอใจพลางชักดาบฟันสาวใช้ทั้งห้าอย่างโหดเหี้ยม

    ขณะเดียวกัน  อัศวินผู้หนึ่งรีบวิ่งเข้ามาแจ้งข่าวใหม่แก่องค์จักรพรรดินี

    “รายงานด่วน!  โมบายล์แขวนในห้องบรรทมขององค์จักรพรรดินีร่วงหล่นลงมาจากเพดานขอรับ!”

    แมรี่พลันขมวดคิ้ว

    “เกิดจากสาเหตุใด?”

    “กระหม่อมก็ไม่ทราบแน่ชัด  แต่สาวใช้รายงานว่าขนาดของมันใหญ่และหนักขึ้นจากตอนแรกมาก”

    “…”

    แมรี่แทบไม่เชื่อหู
    เธอสัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากลได้ทันที

    “ฉันต้องเข้าเฝ้าฝ่าบาทเดี๋ยวนี้…รีบเตรียมรถม้าเร็วเข้า!”

    ทันใดนั้น
    น้ำเสียงแสนเย็นยะเยียบของชายคนหนึ่งดังมาจากนอกห้อง

    “กระหม่อมเตรียมรถม้าไว้แล้ว  ขอเชิญองค์จักรพรรดินีเชิญขึ้นมานั่ง”

    ดยุคเกล็นฮาล
    เฉกเช่นทุกครั้ง  ชายคนนี้มาพร้อมกับสัตว์ขี่ซึ่งเป็นแรดขนาดมหึมา
    แมรี่รังเกียจสายตาที่มองทะลวงทุกสิ่งของเกล็นฮาลเสมอ  แต่เธอมิอาจแสดงท่าทีไม่พอใจให้อีกฝ่ายเห็น
    
    ดยุคเกล็นฮาลคือบุคคลอันดับหนึ่งแห่งเจ็ดดยุคของจักรวรรดิ
    ไม่ใช่ตัวตนที่แมรี่จะแข็งขืนได้

    “ขอบคุณที่สละเวลามารับ”

    ***

    “เรื่องใหญ่ล่ะสิ”

    แม้จะเปี่ยมด้วยความโสมม  แต่วังหลังของจักรพรรดินีมักมีบรรยากาศเงียบสงบตลอดเวลา  
    จนกระทั่งบ่ายวันนี้

    เวอราดินประเมินสถานการณ์ด้วยสีหน้าตึงเครียด
    มันเริ่มตระหนักว่าพลังอำนาจของจักรพรรดินีแมรี่จะถดลอยลงในอีกไม่ช้า
    
    ‘ถ้าไม่รีบหนี…พวกเราอาจโดนหางเลขไปด้วย’

    อิมมอทัลสังกัดกับกองอัศวินกุหลาบภายใต้อำนาจของจักรพรรดินีแมรี่
    มีโอกาสสูงที่พวกมันจะถูกเล่นงานไปพร้อมเธอ

    ‘ต้องมองหาที่พักพิงแหล่งใหม่แล้ว’

    เวอราดินเร่งฝีเท้าด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจ
    อิมมอทัลและแอ็กนัสหลบซ่อนอยู่ภายในวังหลังของจักรพรรดินีมาพักใหญ่แล้ว  พวกมันมิอาจอ้างว่าไม่เกี่ยวข้อง

    ‘ก่อนอื่นต้องรีบหนีจากที่นี่’

    จักรพรรดินีไม่ใช่คนหนุนหลังที่พึ่งพาได้อีกต่อไป  ในกรณีเลวร้ายที่สุด  พวกมันอาจไม่มีที่ยืนบนทวีปตะวันตกอีกแล้ว 

    ‘ได้เวลากลับไปทวีปตะวันออกแล้วสินะ’

    ในบางครั้ง  วิกฤติก็ถือเป็นโอกาส
    มันคือบททดสอบที่ผลักดันให้บุคคลหนึ่งออกจากจุดปลอยภัยเดิมเพื่อสัมผัสกับสิ่งแปลกใหม่

    เวอราดินครุ่นคิดด้วยสีหน้าเปี่ยมความหวัง
    มันคำนวณว่านี่คือวิกฤติของแมรี่เพียงคนเดียว  และตัวเองสามารถหนีจากความวุ่นวายได้ทุกเมื่อ

    แต่มันไม่รู้ตัวเลยว่า  การกระทำเช่นนี้ถือเป็นความคิดที่แสนโง่เขลา
    …อย่างน้อยวังหลังก็ยังเป็นจุดปลอดภัยที่สุดบนโลกให้พวกมันซุกหัว

    มีหายนะกำลังรอเวอราดินอยู่หากมันย่างกรายออกจากวังหลังแม้เพียงก้าวเดียว
    ศัตรูในคราวนี้น่าสะพรึงกลัวกว่าที่พวกมันจินตนาการไว้หลายเท่า

    เพื่อที่จะแก้แค้น 
    ชายคนนั้นถึงขนาดยอมเสี่ยงสั่นคลอนอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทวีปให้ตกอยู่ในความโกลาหล    

    ตึก…

    ตึก…

    “…”

    หนึ่งก้าว  สองก้าว  สามก้าว… 
    เวอราดินเร่งสุดฝีเท้าเพื่อหนีให้พ้นจากเขตวังหลัง  

    มันเริ่มเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยขณะลอบออกจากวัง
    ความวุ่นวายภายในวังหลวงได้ส่งผลให้อัศวินและทหารที่เคยประจำการหนาแน่นถูกโยกย้ายไปรวมในจุดสำคัญ
    นี่คือวินาทีที่เวอราดินสัมผัสได้ว่าวังหลังมิใช่สถานที่ปลอดภัยสำหรับมันอีกต่อไป

    น่าเสียดายที่ความฉลาดแล่นเข้ามาในหัวช้าเกินไป    

    “ปวดขี้รึไง?  ถึงต้องรีบเดินขนาดนั้น”

    “…”

    เมื่อเดินมาถึงหน้าประตู  เวอราดินได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง
    มันชะงักฝีเท้าทันที

    “ทั้งหมดเป็นแผนของลอเอลงั้นหรือ?  ความวุ่นวายเหล่านี้ก็ด้วยรึไง?”

    “แกไม่มีสิทธิ์ตั้งคำถาม”

    “แกโง่รึเปล่า?  ที่นี่คือฐานทัพอิมมอทัล  ต่อให้แกลอบเข้ามาสำเร็จ  หลังจากนี้คิดจะทำยังไงต่อ?  ลำพังแกคนเดียวทำอะไรพวกเราไม่ได้หรอกนะ”

    “ฝีมือกระจอกอย่างพวกแก  ฉันสามารถเชือดทิ้งเรียงตัวด้วยเพียงการกระดิกปลายนิ้ว  ฉันสัญญาว่าจะไม่มีใครรอดชีวิตกลับไปแม้แต่คนเดียว  ทุกคนจะได้ตายอย่างเท่าเทียมถ้วนหน้า”

    “ฮะฮะ!  แกคิดจะอัญเชิญอัศวินสินะ  ลองคิดดูให้ดี  หากขุนพลโอเวอร์เกียร์อันโด่งดังปรากฏตัวที่นี่  จักรวรรดิจะรู้ทันทีว่าความวุ่นวายเกิดจากฝีมือของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์!”

    “รู้อะไรไหม…?  แกได้รับเกียรติให้เป็นศพแรกของฉันในวันนี้”

    เวอราดินยังยืนห่างจากกริดค่อนข้างมาก  มันรีบหันกลับเข้าไปในวังพลางตะโกนสุดเสียง

    “ทุกคนออกมาได้แล้ว!”

    “เกิดอะไรขึ้น?  เอ๋!?  ก…กริด!!”

    “กริดจริงด้วย!”

    “รีบออกมาช่วยกันเร็วเข้า!”

    หมอผีหลายสิบหลายร้อยคนเริ่มปรากฏตัวจากประตูวังหลัง  เวอราดินแสดงสีหน้าโล่งใจเมื่อได้เห็นกลุ่มผู้เล่นจำนวนมากมายขนาดนี้
    
    จากนั้นมันก็หันมาสบตากริด…
    เป็นสายตาที่เปี่ยมด้วยความเย็นยะเยียบไปถึงสันหลัง

    “นี่จะเป็นครั้งแรก…”

    “ครั้งแรกอะไร?”

    “ครั้งแรกที่แกตายด้วยน้ำมือฉัน”

    “…?”

    “เจ้าโง่…ฉันไม่นับตอนที่ปิอาโร่ลงมือ”

    ศัตรูของข่านกำลังอยู่เบื้องหน้าตน
    กริดในตอนนี้มิใช่ตัวตนแสนสง่างามที่คนทั่วโลกเคารพยกย่อง  หากแต่เป็นกริดผู้เปี่ยมด้วยสันดาบดิบซึ่งเป็นเนื้อแท้

    กริดผู้โหดเหี้ยมป่าเถื่อนและไร้ความปราณีคนเก่า    

    ซู่ววว—!

    เหล่าหมอผีรีบอัญเชิญโครงกระดูกออกมาเตรียมต่อสู้  
    
    ในวินาทีที่อัศวินความตายของเวอราดินพุ่งโจมตีใส่กริดพร้อมอัศวินโครงกระดูกอีกหลายตน… 

    “จงจำใส่กะโหลกไว้ให้ดี…เมื่อใดที่พวกแกได้เห็นฉัน  เมื่อนั้นพวกแกจะต้องตาย”
    
    กริดพุ่งเข้าหาเวอราดินด้วย ‘เคลื่อนที่อิสระ’ พลางกวัดแกว่งดาบอัสนีฯ เข้าใส่อย่างรวดเร็วแม่นยำ
    เขากำลังอยู่ในภาวะบัฟเต็มสูบด้วยร่างมืดและโทสะช่างตีเหล็ก

    ฉัวะ ฉัวะ!

    “อั่ก…!”

[ ท่านได้รับความเสียหาย 51,900 หน่วย ]
[ พลังชีวิตของท่านจะคงเหลือไว้ 35% จากผลของทักษะ ‘ก้าวข้ามความตาย’ ]

    เวอราดินถูกโจมตีด้วยทักษะงั้นหรือ?
    สมองของมันพลันขาวโพลนเมื่อถูกกริดสร้างความเสียหายมหาศาลในคราเดียว

    เวอราดินรีบก้าวถอยอย่างไม่คิดชีวิตพลางนำโพชั่นออกมาดื่ม

    ฉึก!

    หอกไลฟาเอลพลันพุ่งทะลวงร่างมันจากด้านหลัง
    ขณะเดียวกัน  อัศวินความตายไคโรและอัศวินโครงกระดูกต่างเริ่มรุมโจมตีกริด
    แต่แทนที่จะปัดป้องขัดขืน  กริดกลับนิ่งเฉยและปล่อยให้ตัวเองถูกอาวุธปะทะร่าง
    ทว่า  รอบกายกริดกลับเกิดหมอกพิษหนาทึบอย่างน่าฉงน
    
    แต่เวอราดินกำลังเผชิญความเจ็บปวดด้วยผลจากหอกและดาบ  
    มิใช่เพราะหมอกพิษ
    
    “รีบตายเร็วเข้า…แกยังต้องตายเพื่อฉันอีกหลายร้อยหลายพันครั้ง”

    กริดแสยะยิ้มอย่างเลือดเย็นพลางตวัดดาบสุดท้ายเพื่อดับลมหายใจเวอราดิน
    สีหน้าของชายหนุ่มกำลังเปี่ยมด้วยความอาฆาตแค้นประหนึ่งสมัยที่เคยถูกเรียกขานว่า ‘จอดเชือดแห่งวินสตัน’
    
    เวอราดินจบชีวิตลงด้วยการโจมตีธรรมดาเพียงสองครั้ง… 

    บึ้มมมมมม— 

    เพลิงสีดำระเบิดกระจายเป็นวงกว้างพร้อมกับบดขยี้ทุกสิ่งในรัศมีให้กลายเป็นขี้เถ้า
    เวอราดินและเหล่าขุนพลอิมมอทัลถูกส่งกลับจุดเกิดด้วยระยะเวลาแสนสั้น


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,222
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. สมกับความแค้นของกริดที่สะสมมา

    ReplyDelete
  2. เดะหลังจากนี้จะมันส์กว่านี้อีก

    ReplyDelete
  3. ตายไวเกิ้นนน

    ReplyDelete
  4. This comment has been removed by the author.

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00