จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,250
“มีอะไรให้ข้ารับใช้ไหมคะ? ขอเพียงท่านเอ่ยปากสั่งมา ข้าพร้อมน้อมรับบัญชาทุกเมื่อ… ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ตัวข้า มนุษย์แสนต่ำต้อย จะได้รับใช้ท่านผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่แข่งขุมนรก”
จอมเวทมืดอันดับหนึ่ง และข้ารับใช้ยาธาน
โรส ผู้เป็นตัวการสำคัญในการอัญเชิญห้าจอมอสูรคราวนี้ อดีตเคยสร้างความดีความชอบให้วิหารยาธานมาแล้วนับไม่ถ้วน ชนิดที่สาธยายทั้งหมดก็คงไม่จบ
แต่สาธารณชนมิได้ยกย่องให้เธอเป็น ‘ที่ 1’
หากยูร่าไม่ออกจากวิหารยาธานเสียก่อน โรสจะเป็นได้เพียงผู้เล่นหมายเลขสองตลอดกาล เสียงส่วนใหญ่ต่างเห็นพ้องในเรื่องนี้
ทัศนคติดังกล่าวยิ่งทำให้โรสเกิดความมุมานะ
โรสที่ต้องการออกจากเงาของยูร่า ทุ่มเทเวลาชีวิตให้กับซาทิสฟายจนเข้าขั้นเสพติด
ดังนั้น การแสร้งสรรเสริญเยินยอจอมอสูร—สิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจและกลิ่นกายเหม็นบัดซบ—มิได้เป็นอุปสรรคในสายตาโรสแต่อย่างใด
‘เรามีภูมิคุ้มกันด้านนี้สูงกว่าใคร’
นอกจากนั้น จอมอสูรในคราวนี้ก็มิได้น่ารังเกียจอะไรนัก เพียงแต่ประหลาดไปสักหน่อย
ดันทาเลียนมีใบหน้ามากมายบนหนึ่งลำคอ
ประกอบด้วยใบหน้าเด็กชายหญิงที่ฉีกยิ้มกว้างอย่างไร้เดียงสา ใบหน้าเด็กหนุ่มที่กำลังเผยความเจ็บปวด ใบหน้าเด็กสาวที่กำลังเผยความโศกเศร้า ใบหน้าสุขุมเยือกเย็นของสุภาพบุรุษ ใบหน้าที่สง่างามและมีความสุขของภรรยา ใบหน้าที่อ่อนโยนของคุณย่า และใบหน้าที่เกรี้ยวกราดของคุณปู่
ภาพของ 8 ใบหน้าที่กองสุมรุมกันอยู่บนลำคอเดียวจนดูเหมือนช่อดอกไม้ สร้างความน่าสะพรึงแก่ผู้พบเห็นได้ไม่น้อย
แต่โรสกลับกล้าติดสอยห้อยรับใช้ตามราวกับมองมองข้ามสิ่งดังกล่าวโดยสมบูรณ์
“หืม…”
ใบหน้าของสุภาพบุรุษที่เผยความมั่นใจ เอ่ยเอ่ยปากกล่าวกับหญิงสาว
“ไม่ได้เจอมนุษย์ที่ไม่กลัวข้ามานานแล้ว…”
ใบหน้าคุณปู่ที่อารมณ์ร้อนพลันตะโกนเสริม
“ไม่กลัวจริงหรือ? ไม่กลัวสักนิดจริงหรือ!!”
ใบหน้าเด็กชายและเด็กสาวประสานเสียง
“มนุษย์ใจกล้า!”
“มักตายเร็วเหมือนคนที่แล้ว!”
“…”
ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของโรสที่มีรอยยิ้มฉาบไว้ตลอดเวลา เริ่มซีดเซียวเป็นหนแรก
ภาพของแปดใบหน้ากำลังเปล่งเสียงโดยสายตายังมองหนังสือในมือ ชวนให้โรสขนหัวลุกขึ้นมาอย่างจับจิต
แต่เพียงไม่นาน หญิงสาวรีบแก้ไขอารมณ์และสีหน้า พลางกล่าวเอาอกเอาใจดันทาเลียน
“กำลังอ่านหนังสืออะไรอยู่หรือคะ”
หนังสือแห่งดันทาเลียน ถูกกล่าวขานว่าเป็นสิ่งที่บรรจุความรู้ทั้งหมดของโลกกึ่งกลางเอาไว้
พลังอันยิ่งใหญ่ของหนังสือเล่มนี้ โรสเคยประจักษ์ด้วยตาตัวเองมาแล้ว
‘ฮิลล์’ ข้ารับใช้ยาธานลำดับเจ็ดที่เสียชีวิตด้วยฝีมือกริดในภารกิจบุกถล่มวาติกัน มันกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้หลังจากอ่านหนังสือของดันทาเลี่ยนไปเพียง ‘หนึ่งบรรทัด’
โรสปรารถนาความรู้ดันทาเลี่ยน
จะเป็นความรู้ใดก็ไม่เกี่ยง เพราะนั่นจะช่วยให้เธอบรรลุศาสตร์แขนงดังกล่าวและกลายเป็นบุคคลที่ก้าวข้ามเหนือยูร่าในทันที
เป้าหมายหลักในปัจจุบันของมีเพียง ไต่เต้าไปเป็นสุดยอดผู้เล่นระดับทัดเทียมกริดและครอเกล
ใบหน้าที่อ่อนโยนของหญิงชราเปิดปาก
“หนังสือประวัติศาสตร์ เป็นบันทึกเกี่ยวกับการล่มสลายของอาณาจักรมนุษย์แห่งหนึ่งที่มีอายุขัยสั้น”
“ประวัติศาสตร์… อาณาจักรอายุขัยสั้น?”
หลังจากความพยายามอย่างหนักตลอดหลายวันที่ผ่านมา ในที่สุดโรสก็เพิ่มค่าความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายสำเร็จ
เมื่อโรส ผู้ได้รับความชื่นชอบจากดันทาเลี่ยนจนถึงจำนวนหนึ่ง เอ่ยปากถามซ้ำ ใบหน้าหญิงชราที่ยังคงอ่อนโยนและอบอุ่น เปล่งเสียงตอบ
“ข้าหมายถึงอาณาจักรที่ชื่อโอเวอร์เกียร์ พวกมันจะล่มสลายในอนาคตอันใกล้”
โดยทั่วไป ประวัติศาสตร์คือการบันทึกอดีต
หรือก็คือ เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
แต่ดันทาเลี่ยนกลับนิยาม ‘สิ่งที่กำลังจะเกิด’ ว่าเป็นประวัติศาสตร์
เรื่องนี้เข้าใจได้ไม่ยาก เพราะมันกำลังมั่นใจเสียเต็มประดาว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“นั่นคืออนาคต”
หญิงชราละสายตาจากหนังสือเป็นครั้งแรก
ทันใดนั้น รูม่านตาโรสพลันหดลีบเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองป้อมเปลทริโน่ที่ตั้งเด่นตระหง่านอยู่ตรงหน้า
เหตุเพราะบนกำแพงสูงมีธงศึกของหกกองทัพกำลังโบกสะบัดอย่างฮึกเหิม
โดยธงที่เตะตาโรสมากที่สุดคือผืนตรงกลาง
สัญลักษณ์ค้อนและทั่ง…
มันคือธงประจำอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ที่มีไอ้ระยำกริดเป็นผู้ปกครอง และมีนังแพศยายูร่าเป็นขุนพลคนสำคัญ
ปึด!
โรสกัดฟันกรอด
เป็นท่าทีตอบสนองโดยอัตโนมัติ
ความเคียดแค้นที่โรสมีต่ออาณาจักรโอเวอร์เกียร์และกริดนั้นรุนแรงเกินกว่าใครจะจินตนาการออก เธอไม่เคยลืมว่าเคยถูกพวกมันประกาศค่าหัวจนชีวิตไม่ต่างอะไรกับตกนรกเป็นเวลานาน เลวร้ายถึงขั้นทำให้ภารกิจล้มเหลวไปมากมาย
ใบหน้าทั้งเจ็ดเริ่มพูดต่อจากหญิงชรา
“ประวัติศาสตร์ดังกล่าวคือปัจจุบัน”
“อาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะล่มสลายในวันนี้”
“พวกมันจะสูญเสียกองทัพไปมากมายที่นี่”
“เกิดความพังพินาศครั้งใหญ่หลวง”
“ราชาโอเวอร์เกียร์และนักล่าอสูร…”
“ทุกปัจจัยที่เป็นภัยต่อขุมนรก”
“กำลังจะหายไป”
พรืด.
ดันทาเลี่ยนพลิกหน้าหนังสือ
เมื่อแผ่นกระดาษพลิกไปได้ครึ่งเล่มและหยุดลงตรงหน้ากึ่งกลาง วงแหวนเวทสีแดงปรากฏขึ้นตรงหน้าดันทาเลี่ยนจำนวนหนึ่งวง
แต่เป็นวงแหวนเวทที่โรส ผู้เชี่ยวชาญเวทมนตร์คนหนึ่งของโลก ไม่คุ้นเคยเลยสักนิด
ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น เพราะเธอเพิ่งเคยเห็นมันเป็นครั้งแรก
เวทมนตร์ถูกบันทึกไว้ใน <บท : ปาฏิหาริย์> ของหนังสือดันทาเลียน เป็นเวทในตำนานที่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่เคยพบเจอตลอดชั่วชีวิต
“ฝนอุกกาบาต”
ครืนนนนนนน!!
ท้องฟ้าพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีดำ
อุกกาบาตอันร้อนแรง กระหน่ำสาดเทลงมาจากจักรวาลที่กำลังคำรามสนั่น
“…!!”
『....!!』
โรส สาวกยาธาน และพิธีกรภาคสนามจากสำนักข่าวทั่วโลก ล้วนมีสีหน้าแบบเดียวกันทั้งหมด
ตกตะลึงโดยสมบูรณ์ ปากอ้ากว้างไม่หุบ
พวกมันกำลังจินตนาการภาพความล่มสลายของกองทัพหกอาณาจักร ที่กำลังจะหายไปพร้อมกับป้อมเปลทริโน่
นั่นคืออนาคตในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า
บรรยากาศคุกคามจากฝนอุกกาบาตเข้มข้นจนข่มขวัญทุกคนจนอยู่หมัด ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นว่า เวทมนตร์ในตำนานชนิดนี้มิได้ถูกยกย่องสรรพคุณเกินความจริง
“จะหลบให้พ้นยังไง…”
กระทั่งกองทัพพันธมิตรภายในป้อมก็ยังมองไม่เห็นชะตากรรมอื่นนอกจากจุดจบ
ในวินาทีที่ฝนอุกกาบาตถล่มโปรยปรายจากฟากฟ้า พวกมันคิดแต่เพียงว่า ต้องทำอย่างไรจึงจะตายอย่างไม่ทรมาน
『แม้แต่อริยดาบมุลเลอร์ที่ผนึกจอมอสูรลำดับ 9 เฮลกาโอสำเร็จ ก็ยังถูกบันทึกไว้ว่า ไม่สามารถเอาชนะดันทาเลี่ยนได้ครับ! 』
『คงไม่ต้องสาธยายถึงความน่ากลัวของดันทาเลียนให้เสียเวลา จอมอสูรรายนี้สามารถเรียกใช้ความรู้ทั้งหมดที่ถูกบันทึกไว้ในหนังสือ ผมเกรงว่าบางที มันอาจเป็นจอมอสูรที่แข็งแกร่งจนอยู่เหนือนิยามของ ‘ลำดับ’ 』
ผู้เชี่ยวชาญในสถานีต่างวิเคราะห์ไปในแนวทางเดียวกัน
เป็นการคาดเดาที่เหมาะสมหากพิจารณาจากข้อมูลในมือ
『พลังของดันทาเลียนไม่ต่างอะไรกับเทพครับ เพราะไม่เพียงจะเรียกข้อมูลจากหนังสือได้ทันที แต่ยังสำแดงพลังที่บันทึกเอาไว้ได้ด้วย』
อย่างไรก็ตาม มีบางสิ่งที่ต้องจำให้ขึ้นใจ
ถึงจะเป็นเวทมนตร์ชนิดเดียวกัน แต่ความทรงพลังจะขึ้นอยู่กับผู้ใช้งาน
“กล้าเรียกสิ่งนี้ว่าฝนดาวตก…”
ท่ามกลางป้อมเปลทริโน่ที่กำลังอลหม่าน
เสียงเหยียดหยันของชายคนหนึ่งดังขึ้น
ทุกคนในป้อมต่างเหลียวมองชายสติเพี้ยนที่เอาแต่ยิ้มและหัวเราะในลำคอ รวมถึงกล้องจับภาพอีกนับร้อยตัวในละแวกดังกล่าว
『น…นี่มัน…!』
พิธีกรส่งเสียงตื่นตระหนก
= อีกแล้วหรือ…
= หมอนี่ก็อยู่ในกองทัพโอเวอร์เกียร์ด้วยสินะ
= ทำไมเพิ่งแสดงตัวเอาป่านนี้?
ช่องแชตทั่วโลกต่างแสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน มิได้ตื่นเต้นหรือฮือฮาอะไรนัก
สิ่งหนึ่งที่ทุกคนคิดเหมือนกันก็คือ ชายผมเงินผู้กำลังถูกถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ได้เปลี่ยนความสิ้นหวังให้กลายเป็นความหวัง
“ดิสอินทิเกรต” (Dintegrate)
ชิ้ง—!
ไม่เหมือนฝนอุกกาบาตที่ต้องเสียเวลา ‘พุ่งลง’ จากชั้นบรรยากาศ หอกแสงซึ่งเกิดจากการควบแน่นของมานาสามารถแสดงผลได้ทันที
เวทมนตร์ของมหาจอมเวทในตำนาน บราฮัม แทงทะลวงฝนอุกกาบาตหลายสิบลูกจนระเบิดกลางอากาศและเหลือเพียงฝุ่นผง
“ฝนอุกกาบาต”
ครืนนนนนนน!!
ชั้นบรรยากาศร้องคำรามอีกครั้ง
ฝนอุกกาบาตหลายสิบลูกได้เปลี่ยนให้ท้องฟ้าเหนือป้อมเปลทริน่ากลายเป็นสีดำสนิท แต่คราวนี้พุ่งเป้าไปทางจอมอสูรดันทาเลี่ยนและสาวกของวิหารยาธานแทน
“อ…อึ๋ย!”
“นี่มัน…!”
โรสและสาวกยาธานต่างหน้าถอดสี
เมื่ออนาคตที่พวกมันคาดหวังให้เกิดถูกพลิกผันกะทันหัน ในใจจึงเกิดความตื่นตระหนกทันที
อย่างไรก็ตาม ดันทาเลี่ยนยังคงใจเย็น
ไม่สิ ตรงกันข้าม มันกำลังฉีกยิ้มกว้าง ใบหน้าทั้งแปดล้วนเผยรอยยิ้มแฝงเลศนัย
“บราฮัม ข้าทราบนานแล้วว่าเจ้าแฝงตัวอยู่ในกองทัพโอเวอร์เกียร์!”
ดันทาเลี่ยนล่วงรู้ทุกความลับบนโลกกึ่งกลาง
ทราบกระทั่งเรื่องที่บราฮัมคืนชีพ และเรื่องที่จะได้พบกันในสมรภูมิแห่งนี้
มันตื่นเต้นที่จะได้ต่อกรกับอีกฝ่าย
พรึด.
ขณะกำลังเผชิญหน้าเวทมนตร์สุดทรงพลัง
ดันทาเลียนรีบพลิกไปยังบทอื่นภายในหนังสือ เพราะมันตระหนักเป็นอย่างดีว่า ตนมิอาจสลายฝนอุกกาบาตได้ด้วยพลังเวทมนตร์ที่รุนแรงกว่าเหมือนกับบราฮัม
คราวนี้เป็น <บท : ไร้เทียมทาน>
เป็นหน้าที่บันทึกพลังของอริยดาบมุลเลอร์
ชิ้ง—!
ดันทาเลี่ยนชักดาบออกจากเอว ตามด้วยการวาดเป็นทรงจันทร์เสี้ยวขึ้นไปด้านบน
ทันใดนั้น ปราณดาบทรงจันทร์เสี้ยวที่เกิดจากพลังจิตไร้เทียมทาน พุ่งอาละวาดอย่างบ้าคลั่งจนท่วมท้นท้องฟ้าสีดำสนิท เฉือนทำลายฝนอุกกาบาตที่บราฮัมเรียกออกมาอย่างหมดจด
‘ไม่มีสิ่งใดที่ตัดไม่ขาด’ คือกฎทางธรรมชาติของอริยดาบผู้อยู่บนจุดสูงสุด
เป็นสาเหตุว่าทำไม มนุษยชาติจึงมองว่าอริยดาบมุลเลอร์ มีพลังเหนือกว่ามหาจอมเวทในตำนานอย่างบราฮัมอยู่เล็กน้อย
“และยังเป็นเหตุผลที่มุลเลอร์ไม่สามารถทำอะไรข้าได้”
ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์เพียงแขนงเดียว ไม่มีทางต่อกรกับศัตรูที่ใช้พลังได้ทุกรูปแบบ…
ขณะน้ำเสียงแฝงความมั่นใจเสียเต็มประดาของดันทาเลียน กำลังดังกังวานไปทั่วสนามรบอันเงียบสงัด
“เร่งโต!”
ครืนนน!
ผืนปฐพีพลันสั่นคลอนหนักหน่วง
พืชพรรณนานาชนิดผลิบานขึ้นจากพื้นดินที่เริ่มสั่นสะเทือน พรั่งพรูโอบล้อมร่างดันทาเลียนไว้ทุกทิศทาง
“นี่ก็เหมือนกัน”
ดันทาเลียนพ่นลมหายใจเหยียดหยัน ตามด้วยการใช้ดาบสะบั้นทั้งหมดทิ้งอย่างง่ายดาย
มันย่อมทราบถึงตัวตนของปิอาโร่
สำหรับดันทาเลี่ยนที่เคยดวลกับตำนานอันดับหนึ่งของโลกอย่างมุลเลอร์และรอดชีวิตมาได้ ตำนานคนปัจจุบันที่ยังเติบโตไม่เต็มที จึงแทบไม่อยู่ในสายตา
เคร้ง!!
ดาบดันทาเลียนตัดผ่านมวลหมู่พืชพรรณได้ง่ายดาย จากนั้นก็พุ่งกระแทกใส่อุปกรณ์ทำฟาร์มที่ปิอาโร่กำลังถือ
เปรี้ยะ!
จอบและเคียวสั้นซึ่งกำลังไขว้รับท่าแทงของดันทาเลี่ยน ปรากฏรอยแตกร้าวในทันที
หากเป็นปิอาโร่ก่อนฝีกพลังจิตไร้เทียนทาน ร่างกายอาจถูกฟันขาดครึ่งไปพร้อมกับอุปกรณ์ทำฟาร์มในคราวเดียว
แต่เมื่อใช้ทำฟาร์มอิสระเข้าช่วย พลังจิตไร้เทียมทานซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดเดียวกับปราณดาบของมุลเลอร์ ได้หักล้างความเสียหายจนวัตถุยังคงสภาพเอาไว้ได้
“แล้วถ้าเป็นท่านี้…!”
ดันทาเลียนพลันชะงักมือขณะง้างดาบเตรียมโจมตีใส่ปิอาโร่เป็นหนที่สอง
ตึกตัก!
หัวใจของมันพลันเต้นระรัว
สาเหตุเพราะ ดันทาเลียนเหลือบขึ้นไปเห็น
อัศวินผมขาวที่กำลังสยายปีกเงินระยิบระยับ
ดวงตาสีฟ้าลุ่มลึกของเธอ กำลังสร้างความสับสนอลหม่านแก่ดันทาเลี่ยนเป็นอย่างมาก
สืบเนื่องจาก หนังสือที่ถูกกล่าวขานว่าบันทึกความรู้ทั้งหมดของโลกกึ่งกลางไว้ กลับไม่มีการเขียนถึง ‘เนตร’ คู่นี้แม้แต่บรรทัดเดียว
“อะไรกัน…!”
ดันทาเลี่ยนอุทานด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว เผลอผงะถอยหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว สองมือรีบพลิกหน้ากระดาษหาข้อมูล
และไม่ผิดไปจากที่คาด
มันไม่พบข้อมูลของเนตรประหลาดซึ่งทำให้ตนสัมผัสถึงลางร้ายจนหัวใจแทบระเบิด
‘หล่อนเป็นมนุษย์จริงหรือ…’
ความกลัวมักเกิดจากความไม่รู้
นี่คือเหตุผลว่า ทำไมดันทาเลี่ยนถึงหวาดกลัวจอมอสูรและเทพซึ่งมีระดับตัวตนสูงกว่ามัน
ถูกต้อง
ความรู้ของดันทาเลี่ยนมิได้ไร้เทียมทาน
หากเก่งกาจถึงเพียงนั้นจริง คงไม่ถูกจัดให้มีลำดับไกลถึง 25 แน่นอน
มันอาจมีข้อมูลของตัวตนระดับต่ำกว่าทั้งหมดในมือ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือมนุษย์ แต่หากต้องต่อกรกับตัวตนระดับสูงกว่า โอกาสชนะแทบจะกลายเป็นศูนย์ทันที
เนตรมองทะลุที่แม้แต่เทพบนสวรรค์ยังหวาดหวั่น นับประสาอะไรกับจอมอสูรลำดับ 25
เป็นไปตามการคาดเดาของบาซาร่า เธอจงใจวางหมากให้เมอร์เซเดสที่น่าจะเป็นของแสลง คอยรับมือและสะกดพลังพิเศษในตัวดันทาเลี่ยน
ฉัวะ!
“อั่ก…!”
ไม่ว่าดันทาเลี่ยนจะงัดกลอุบายใดออกมาใช้ ก็มิอาจต่อกรกับเนตรมองทะลุที่เห็นอนาคตล่วงหน้าและทำนายวิถีการโจมตีได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
มันคำรามอย่างเจ็บปวด เสียงโหยหวนของจอมอสูรดังกังวานไปทั่วสนามรบ และนั่นคือสัญญาณให้ฝ่ายพันธมิตรโอเวอร์เกียร์เริ่มลงมือ
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับขุนพลเอกคู่กายกริดอย่างพร้อมหน้า รวมถึงสิบวีรชน แรงเกอร์หลายพันคนทั่วโลก และอัศวินเอกที่เป็น NPC พิเศษของแต่ละอาณาจักร ทั้งโรส สาวกยาธาน และจอมอสูรดันทาเลี่ยน ได้ตกอยู่ในวงล้อมจนหมดหนทางขัดขืน
ดันทาเลี่ยนทำอะไรไม่ได้นอกจากป้องกันตัว
หนึ่งในตำนานจอมอสูรที่โด่งดังของโลก สิ่งมีชีวิตที่แม้แต่มุลเลอร์ก็ยังผนึกไม่สำเร็จจวบจนลมหายใจสุดท้าย กำลังตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ
โลกกำลังเปลี่ยนแปลง
และศูนย์กลางของทั้งหมดคือกริด
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,645
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
ดันทาเลี่ยนกับอีดอกโรส มีอย่างนึงที่เหมือนกันคือ"เก่งแต่ปาก"
ReplyDelete