จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,244
วาบ!
ประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์ที่คล้ายกับหยุดทำงานไปสักพักเพิ่งจะร้องเตือนกริดเมื่อสาย
อึก.
ขณะชายหนุ่มกลืนน้ำลายแห้ง
ชิ้ง!!
หอกแสงเล่มยักษ์พุ่งตกลงมาจากฟ้า
ดิสอินทิเกรต (Disintegrate)
ตัวตนของหอกแสงที่พุ่งใส่ศีรษะเฮเลน่าจากด้านบน คือเวทมนตร์ระดับสูงสุดที่แม้แต่ในตำนานก็ยังปรากฏชื่อไม่บ่อยครั้ง
มันคือเวทมนตร์โจมตีที่บราฮัมลอบลงมือ
‘สมกับเป็นบราฮัม!’
ขณะสุดยอดการโจมตีจากมหาจอมเวทในตำนานผู้แสวงหาความรู้อันไร้ขอบเขต เตรียมปะทะใส่ร่างเฮเลน่าในจังหวะยากคาดเดา
ซ่าา! ซ่าาา!!
“…!”
กริดที่หวังจะได้เห็นความตายของดราโกเนียนสาว พลันแสดงสีหน้าหม่นหมอง
สาเหตุเพราะ รอบตัวเฮเลน่ากำลังเต็มไปด้วยบาเรียเวทมนตร์คุ้มกายสุดแสนทรงพลัง
ตามด้วยเสียรำพันของบราฮัม
“เธอได้รับการปกป้องจากพรมังกร เวทมนตร์ทุกชนิดมิอาจใช้การได้จนกว่าสิ่งนั้นจะหายไป”
“อีกแล้วหรือ…”
ทำไมเวทมนตร์ถึงกลายเป็นหมันทุกครั้งที่มีการต่อสู้สำคัญ?
ชายหนุ่มเริ่มหัวเสียกับความไร้ประโยชน์ของบราฮัม ผู้ที่แทบไม่มีบทบาทเลยนับตั้งแต่กลายเป็นฝ่ายเดียวกันเต็มตัว
มันคิดเช่นนี้เพราะไม่ทราบวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของบราฮัม ที่สังหารยังบันเจ็ดคนตามลำพังโดยเสียแขนไปเพียงหนึ่งข้าง
บราฮัมพ่นลมหายใจใส่กริดที่กำลังหงุดหงิด
“ถ้าต้องการให้ฉันมีส่วนร่วม นายก็ต้องทำลายบาเรียนั่นเสียก่อน”
บราฮัมมิได้ล้อเล่น
เดิมที มังกรถือเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทที่จอมเวทไม่ชอบหน้ามากที่สุดอยู่แล้ว
และเฮเลน่าก็ใกล้เคียงกับมังกรมาก
“อะแฮ่ม…”
หลังจากกริดนึกขึ้นได้ว่า หนึ่งในตำนานอันโด่งดังของบราฮัมคือการ ‘รอดชีวิต’ จากเงื้อมมือของมังกรเพลิงทราวก้า มันเริ่มตระหนักถึงความตึงเครียดของสถานการณ์
ถึงเวลาที่เราต้องแสดงฝีมือ มิใช่บราฮัม…
เมื่อเสริมความมุ่งมั่นให้ตัวเองเสร็จ ชายหนุ่มหวนนึกถึงการต่อสู้กับเทรูชาเมื่อนานมาแล้ว
จุดสูงสุดของเผ่าพันธุ์จะได้รับโบนัสเลเวลในปริมาณมากเสมอ
เมื่อพิจารณาว่า เนื้อเรื่องของดราโกเนี่ยนปรากฏขึ้นหลังจากออร์คสนธยานานพอสมควร กริดจึงค่อนข้างแน่ใจว่า เลเวลของเฮเลน่าต้องไม่ต่ำกว่า 500 ช่วงกลาง
‘งานหนักแน่…’
บราฮัมเป็นคนเดียวในปาร์ตี้ที่มีเลเวลสูงกว่า 500 ระดับ แต่กลับแพ้ทางเฮเลน่าโดยสิ้นเชิงชนิดหมดสิทธิ์ลงมือ คนอื่นจึงต้องแบกรับส่วนต่างของเลเวลและระบบการตื่นค่าสถานะเพื่อเผชิญหน้ากับเฮเลน่าโดยตรง
เหนือสิ่งอื่นใด เฮเลน่าจะทำให้พวกพ้องหนึ่งคนกลายเป็นอัมพาตทุกครั้งที่เธอยิงลมหายใจเสมอ เดาไม่ได้ยากเลยว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะเต็มไปด้วยความยากลำบากสักเพียงใด
โครม!
อีกหนึ่งหลักฐานที่พิสูจน์ว่าเฮเลน่าแข็งแกร่ง คือการที่เมอร์เซเดสกำลังลอยกระเด็นกลับมาทางกริด
อัศวินสาวที่มองเห็นอนาคตเล็กน้อย ฉวยโอกาสลงมือในจังหวะที่เวทมนตร์ของบราฮัมพุ่งลงมาจากฟ้า แต่เมื่อการโจมตีดังกล่าวไม่ได้ผล เมอร์เซเดสก็ต้องแบกรับความผิดพลาดตามลำพัง
กริดยืนยันว่าโล่ของเมอร์เซเดสถูกหางแหลมแทงจนกระเด็นหลุดมือและมีสภาพยับเยินประหนึ่งถูกบดขยี้ด้วยค้อนยักษ์
เนื่องจากโล่เหลือค่าความคงทนต่ำมาก การซ่อมแซมจึงมอบค่าประสบการณ์ให้กริดมากถึง 0.002%
ชายหนุ่มแปรสภาพโล่เศษเหล็กให้กลับกลายเป็นของใหม่ในพริบตา
เมอร์เซเดสเช็ดเลือดจากมุมปากและหันไปมองเฮเลน่าด้วยสายตาเย็นชา
ภาพดังกล่าวทำให้เฮเลน่าเริ่มวิตก
“เจ้าป้องกันทันได้ยังไง…”
ดราโกเนี่ยนตระกูลหลักจะมีคำนำหน้าชื่อเป็นบันหรือไม่ก็เฮลเท่านั้น
จากบรรดาพวกมัน ตัวตนที่มีสิทธิ์เป็นลอร์ดของแต่ละตระกูลจะได้รับพลังพิเศษสองชนิด
<คำสาปบันเฮเลียร์> และ <พรบันเฮเลียร์ >
นามแห่งบันจะมีกรงเล็บเป็นคำสาป ทุกการโจมตีจะมองข้ามพลังป้องกันของศัตรูโดยสมบูรณ์พร้อมกับสร้างอาการ ‘สับสน’
ไม่เพียงเท่านั้น ส่วนปีกจะมีพรแห่งสายลมเคลือบอยู่ ช่วยให้บินด้วยความเร็วสูงสุดได้ตลอดเวลา
ในทางกลับกัน นามแห่งเฮลจะมีลมหายใจเป็นคำสาป การโจมตีทุกครั้งจะตรึงศัตรูไปพร้อมกับสร้างอาการผิดปรกติรุนแรง มาพร้อมกับพรบาเรียคุ้มกายที่ต้านทานการโจมตีจากเวทมนตร์ทุกชนิด
ยากที่จะถกเถียงว่าฝ่ายใดแข็งแกร่งกว่า
ต่างฝ่ายต่างมีประโยชน์ในแบบของตัวเอง
เป็นเหตุผลว่าทำไม ตระกูลบันและเฮลจึงถูกบังคับทางอ้อมให้ร่วมมือกันนานนับพันปี
เรียกได้ว่า พวกมันมิอาจแยกจากกัน
เผ่าดราโกเนี่ยนจะแข็งแกร่งที่สุดก็ต่อเมื่อบันและเฮลร่วมมือกันเท่านั้น
หากบันและเฮลอพยพมายังเทือกเขาเคอัสพร้อมกันตั้งแต่แรก การเอาชนะ ‘เจ้าเขา’ ที่มีค่าต้านทานคำสาปก็จะไม่ใช่เรื่องยาก เช่นเดียวกับการถล่มปาร์ตี้กริด
แต่ตอนนี้ เฮเลน่าต้องสู้ตามลำพัง
เธอเริ่มเกิดความกังวล
กริดและปิอาโร่ต้านทานคำสาปได้บางส่วน และเมอร์เซเดสสามารถมองการเคลื่อนไหวของหางแหลมที่มีคุณสมบัติ ‘จู่โจมฉับพลัน’ ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
ความตึงเครียดของดราโกเนี่ยนสาวเมื่อต้องเผชิญหน้าคนทั้งสามนับว่าสูงเป็นประวัติการณ์
‘พวกมันล้วนเป็นตำนาน เราจะถูกเล่นงานหากประมาทแม้เพียงนิดเดียว’
ตึกตัก. ตึกตัก. ตึกตัก…
แต่ไหนแต่ไร เฮเลน่าใช้ชีวิตอยู่กับประสบการณ์เฉียดตายมาตลอด
ดราโกเนี่ยนสาวเริ่มฉีกยิ้มกว้าง
นี่อาจเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของตน
แต่สำหรับนักรบเผ่าดราโกเนี่ยน สิ่งนี้เป็นราวกับพรจากสวรรค์
“…มาสนุกให้สุดเหวี่ยงดีกว่า”
ความตายคือสัจธรรม
หากมีชะตากรรมต้องตาย ถ้าเลือกได้ก็ขอตายในการต่อสู้ที่มีรสชาติ มากกว่าเสียชีวิตด้วยวัยชราอย่างน่าเบื่อหน่าย
แกร่ก! แกร่ก!
เมื่อตัดสินใจได้ ร่างกายเฮเลน่าทุกส่วนเริ่มถูกเกล็ดสีเข้มปกคลุมจนมิดชิด ปีกสองข้างสยายออกจนเกิดเป็นเงาดำขนาดมหึมา ปกคลุมทุ่งหิมะจนดูราวกับเป็นยามกลางคืน
“ท…ท่านเฮเลน่า!”
นักรบชั้นสูงสี่ตนที่กำลังสู้กับสิบวีรชนพลันประหลาดใจกับการแปลงกายของเฮเลน่า
เธอแทบไม่เคยแปลงร่างเลยสักครั้ง เรียกได้ว่าหลายสิบปีจะมีสักหนึ่งหน
รูปลักษณ์อันงดงามของดราโกเนี่ยนสาวที่หลายคนเชื่อว่า จะได้เห็นก็ต่อเมื่อเธอเผชิญหน้ากับแกรนมาสเตอร์เท่านั้น บัดนี้กำลังสะกดเหล่านักรบชั้นสูงจนเคลิบเคลิ้ม
“อะไรกัน…”
เหล่าสิบวีรชนยกเว้นยูร่าพลันแข้งขาสั่นระริก ความหวาดกลัวจากก้นบึ้งกำลังครอบงำจิตใจของทุกคนโดยมิอาจขัดขืน นี่คือเอเฟเฟคที่มาพร้อมกับการเผยร่างจริงของเฮเลน่า
“คึฮ่าฮ่าฮ่า!”
เมื่อได้เห็นมนุษย์ที่ตายยากประหนึ่งแมลงสาบเริ่มล้มลงทีละคนสองคน ฝั่งนักรบชั้นสูงพลันเกิดความฮึกเหิม รีบแปลงร่างครึ่งมังกรเพื่อฉวยโอกาสพลิกสถานการณ์กลับมา
นี่คือวินาทีที่กระแสสงครามผกผัน
เหล่านักรบชั้นสูงต่างไม่สงสัยในชัยชนะของพวกตนอีกต่อไป ทุกตนปรี่เข้าหาสิบวีรชนด้วยท่าทีองอาจราวกับกำลังขับราชรถ สีหน้าแววตาหมายเข่นฆ่ามนุษย์เพื่อสร้างความหวาดกลัว
จนกระทั่ง
“อัญเชิญขุมนรก”
ยูร่าบิดเบือนห้วงมิติ
สิบวีรชนทุกคนและตัวเธอ รวมไปถึงเหล่านักรบดราโกเนี่ยนชั้นสูงทั้งสี่ ล้วนถูกดึงเข้าสู่ส่วนลึกของดินแดนที่ชื่อว่าขุมนรกในพริบตา
[จิตชั่วร้ายของมังกรหายไป]
สิบวีรชนที่ถูกตัดขาดจากเฮเลน่าต่างถูกปลดปล่อยออกจากอาการหวาดกลัวจากก้นบึ้ง
[พลังทุกชนิดของท่านจะถูกลดทอนประสิทธิภาพลงภายในขุมนรก]
ขณะเดียวกัน ผลข้างเคียงด้านลบชนิดใหม่ถูกเพิ่มเข้ามาแทนที่ เกิดเป็นภาระแก่ร่างกายทุกคนอย่างหนักหน่วง
แต่อย่างน้อย ดีบัฟดังกล่าวก็ส่งผลกระทบกับฝ่ายดราโกเนี่ยนด้วย
“ที่นี่มัน…!?”
ดวงจันทร์สีแดงฉานที่มีดวงตานับร้อยนับพันรายล้อม สายลำธารกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยลาวาเดือดปุด อุณหภูมิร้อนระอุที่ทุกลมหายใจมอบความรู้สึกราวกับการสูดมีดเข้าไปกรีดแทงปอด
สภาพแวดล้อมที่เลวร้ายของเทือกเขาเคอัสกลายเป็นสวรรค์ไปทันทีเมื่อเทียบกับขุมนรก เหล่านักรบดราโกเนียนชั้นสูงพลันเกิดความอึดอัดเหนือพรรณนา
ปืนไรเฟิลซุ่มยิงของยูร่าถูกเล็งไปยังเกล็ดที่ถูกแผดเผาด้วยอากาศภายในขุมนรกจนเริ่มพองตัว
ปัง!
กระสุนเวทมนตร์พุ่งผ่านอากาศพร้อมกับทิ้งเส้นแสงสีเขียวมรกตตลอดทาง
หัวกระสุนพุ่งได้เร็วจนแม้แต่ดราโกเนี่ยนในสภาพสมบูรณ์ก็มิอาจตอบสนองได้ทัน
“…คึ่ก!”
เสียงร้องโอดครวญดังกังวานไปทั่วบริเวณ
มุมมองที่กำลังสั่นไหวของนักรบดราโกเนี่ยนชั้นสูงผู้ถูกกระสุนปืนทะลวงเกล็ดจนแตก กำลังฉายภาพของนักธนูหญิงผมแดงคนหนึ่ง หล่อนยืนโก่งง้างคันศรไปด้านหลังด้วยดวงตาเฉียบคม
“สวัสดี… เพิ่งเคยลงนรกกันใช่ไหม”
จิสึกะผู้ส่งเสียงเย้ยหยันศัตรูแทนยูร่าที่เอาแต่เงียบงัน ศรของเธอพุ่งแหวกอากาศทะลวงผ่านผิวหนังดราโกเนี่ยนชั้นสูงในจุดที่เกล็ดถูกทำลายด้วยกระสุนเวทมนตร์ ความเจ็บปวดเจียนตายกำลังกัดกินสังขารและจิตใจพวกมัน
เมื่อไม่มีกริด ทุกคนก็ต้องต่อสู้อย่างสุดฝีมือ
***
ขณะที่เหล่าดราโกเนี่ยนกำลังได้ใจว่าสถานการณ์เอนเอียงมายังฝ่ายตน
“…?”
เฮเลน่าเอียงคอสงสัยเมื่อเห็นนักรบชั้นสูงหายตัวไปอย่างเป็นปริศนา
แต่ความฉงนก็เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่เท่านั้น และเธอก็มิได้ใส่ใจอะไรมากนัก
ดราโกเนี่ยนสาวทราบดี
ถึงความจริงที่ว่า เหล่านักรบชั้นสูงคงไม่แคล้วกลายเป็นเหยื่ออันน่าสังเวชของบราฮัม
‘แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน’
ไม่เพียงนักรบดราโกเนี่ยนจะหายไป มนุษย์สิบคนที่ยังวางใจไม่ได้ก็หายไปพร้อมกัน สถานการณ์จึงค่อนข้างน่ายินดีสำหรับเธอ
ชิ้ง!
เฮเลน่าเจ้าของหางยาวเหยียด ก้มมองลงไปยังมนุษย์สวมหมวกฟางด้านล่าง
เธอกำลังระแวงชายผู้เอาแต่นั่งยอง ๆ และใช้บางสิ่งขุดลงไปในทุ่งหิมะ
สัญชาตญาณของเผ่าพันธุ์สายต่อสู้กำลังร้องเตือนว่า ชายคนนี้อันตรายมากกว่าใครในกลุ่ม
แต่เมื่อผ่านไปสักพัก
ขณะเธอกำลังเฝ้ามองพฤติกรรมที่ยังไม่ทราบจุดประสงค์แน่ชัดของชายสวมหมวกฟาง สัญชาตญาณเฮเลน่าได้ร้องเตือนให้ระวังเนตรมองทะลุจากเมอร์เซเดสด้วยระดับความอันตรายเดียวกัน
เคร้ง!
“…!”
ดวงตาเฮเลน่าเริ่มเบิกกว้าง
การโจมตีที่เธอเล็งไปยังชายสวมหมวกฟาง ถูกป้องกันไว้โดยหญิงสาวผู้มีเส้นผมสีเงินอีกครั้ง
นับเป็นหนที่สองติดต่อกัน
นี่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่
“เธอคือตัวปัญหาสินะ”
ทันใดนั้น เฮเลน่าบิดเกล็ดบริเวณหน้าอกให้ย้อนออกมาจนมีลักษณะคล้ายหนามของแม่น
แตกต่างจากดราโกเนี่ยนตนอื่น แผ่นเกล็ดแข็งของเธอสามารถนำยิงในลักษณะของกระสุน
ฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บ!
เกล็ดแหลมคมของเฮเลน่าโหมกระหน่ำพุ่งเข้าหาเมอร์เซเดสอย่างไม่หยุดพัก อัศวินสาวทำได้เพียงตั้งรับ หลบหลังโล่เหมือนกับเต่าหดหัวในกระดอง รอคอยโอกาสตอบโต้อย่างใจเย็น
แต่เฮเลน่าไม่เปิดโอกาส
ซู่ว!!
ลมหายใจสีดำถูกยิงสอดแทรกระหว่างฝนยุเกล็ดกำลังถาโถม เมอร์เซเดสที่ใช้โล่ป้องกันมีอันต้องถูกสะกดไว้เป็นเวลาห้าวินาที
เนื่องจากเเป็นคำสาปที่มิอาจต้านทาน อัศวินสาวจึงทำได้เพียงยืนมองเฮเลน่าเคลื่อนไหวร่างกายอย่างอิสระ
ดราโกเนี่ยนสาวพุ่งลงไปหาปิอาโร่ที่กำลังนั่งยองในท่าเก่า กรงเล็บแหลมยาวอันเปล่งประกายหมายสับร่างปิอาโร่ให้กลายเป็นหกส่วน
แน่นอน ปิอาโร่ไม่ถูกจัดการง่ายดายเช่นนั้น และการก้มหน้าทำนาตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาก็มิได้สูญเปล่า
“เร่งโต!”
ครืนนนนน!
ดอกตูมสีฟ้าครามที่ไม่เคยปรากฏบนเทือกเขาเคอัสเลยสักครั้ง เริ่มผลิดอกบานสะพรั่ง พร้อมกันนั้น ใต้ฝ่าเท้าปิอาโร่ก็มิใช่ทุ่งหิมะอีกต่อไป
“มันหวานกระหน่ำตี!!”
ปิอาโร่ถอนก้านมันหวานขึ้นมาฟาดใส่เฮเลน่า
ขณะเดียวกัน
“บดข้าวเปลือก!!”
ฟ้าว—!
กลุ่มก้อนปราณธรรมชาติขนาดมหึมากำลังร่วงหล่นจากท้องฟ้า อากาศโดยรอบถูกฉีกกระชากจนเกิดเสียงหวีดร้องตลอดทาง
นี่คือสุดยอดของสุดยอด
ปิอาโร่ที่เทคนิคการทำฟาร์มถูกยกระดับหลังจากได้ครอบครองพลังจิตไร้เทียมทาน กลายเป็นบุคคลใหม่โดยสมบูรณ์
“…!”
ขณะกำลังทำลายมันหวานกระหน่ำตีทิ้งอย่างง่ายดาย ใบหน้าเฮเลน่าพลันบิดเบี้ยวเมื่อเงยขึ้นไปเห็นอุปกรณ์ทำฟาร์มที่มนุษย์ใช้บดธัญพืช กำลังพุ่งลงมาจากฟ้าประหนึ่งสวรรค์ลงทัณฑ์
แต่ภายในใจกลับกำลังตื่นเต้น
ด้วยเหตุผลบางประการ เฮเลน่าเชื่อโดยไม่เคลือบแคลงว่า ตัวเธอจะพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นหากทำลายสิ่งนั้นได้โดยไม่หลบเลี่ยง
เผ่าดราโกเนียนมักต่อสู้โดยฟังเสียงสัญชาตญาณมาตลอด และครั้งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น
“ดราก้อนเบลด!” (Dragon Blade)
“…!”
“…!”
“…!”
กริด ปิอาโร่ และเมอร์เซเดส ทั้งสามต่างยืนตกตะลึงด้วยดวงตาเบิกโพลง
ทุกความสนใจมุ่งไปยังออร่าอันแหลมคมที่ปลายกรงเล็บของเฮเลน่า
เปรี้ยง—!!
ลำแสงสีดำพุ่งแหวกกลางกลุ่มก้อนพลังงาน ‘บดข้าวเปลือก’ พร้อมกับเกิดเสียงสนั่นหวั่นไหว
ในทางสามัญสำนึก เฮเลน่าควรต้องถูกบดขยี้ไปพร้อมกับเกิดหลุมลึกใจกลางสันเขาที่หก
แต่ในความเป็นจริง ท่าโจมตีสุดทรงพลังของปิอาโร่กลับถูกผ่าครึ่งจนกระจัดกระจายกลายเพียงเป็นละอองแสงไร้ค่า
“…”
“…”
เป็นการพิสูจน์ว่า บดข้าวเปลือกของปิอาโร่มิได้ไร้เทียมทานอีกต่อไป
หากตอบโต้ด้วยทักษะที่มีพลังทำลายเท่ากันหรือสูงกว่า มันจะถูกสลายทิ้งทันที
แต่ไหนแต่ไร ปิอาโร่คือความภาคภูมิใจของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์มาตลอด
และบดข้าวเปลือกคือท่าไม้ตายของมัน
การพ่ายแพ้อย่างหมดท่าของบดข้าวเปลือก ส่งผลให้สภาพจิตใจของกริดและเมอร์เซเดสเริ่มสั่นคลอน
เฮเลน่าฉีกยิ้มกว้าง
“คึฮ่าฮ่าฮ่า! ฮะฮ่าฮ่าฮ่า…! ข้าแข็งแกร่งขึ้น!!”
เผ่าพันธุ์สายต่อสู้จะมีหนึ่งสิ่งร่วมกันเสมอ
ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งแข็งแกร่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อใดก็ตามที่ฝ่าฟันอุปสรรคยากลำบากมาได้ พวกมันจะพัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดดด้วยความสุขเปี่ยมล้น
ขณะใบหน้าและเส้นผมเริ่มเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เฮเลน่าจัดการพ่นลมหายใจเพื่อกวาดล้างกลุ่มมันหวานด้านล่างจนเกลี้ยง
เธอหวังจะได้เห็นสีหน้าแสนสิ้นหวังของชายสวมหมวกฟาง
แต่ก็ต้องผิดคาด เพราะดวงตาของอีกฝ่ายกลับกำลังส่องประกายแวววาว
เหมือนกับเธอ
‘เจ้านั่นกำลังยิ้ม…?’
เฮเลน่าพลันเกิดความอึดอัด
สัญชาตญาณของเธอกำลังร้องเตือนว่า
ชายคนนั้นเหมือนกับเรา… หากไม่รีบจัดการเสียตั้งแต่ตอนนี้ อนาคตต้องกลายเป็นเสี้ยนหนามคอยทิ่มแทงแน่…
“ฟู่ว…”
เฮเลน่าพ่นลมหายใจออกมาในลักษณะหมอกควันแทนลำแสง ระหว่างการต่อสู้เมื่อครู่ เธอได้เรียนรู้เทคนิคในการใช้ลมหายใจแบบใหม่
แทนที่จะใช้ลมหายใจเพื่อโจมตีแค่อย่างเดียว ตอนนี้เธอสามารถใช้มันเปลี่ยนสภาพแวดล้อมรอบตัวให้เกิดความได้เปรียบ
นี่คือจุดเริ่มต้นของเวทมนตร์ ‘เขตแดน’
หลังจากเอาชนะปิอาโร่และเมอร์เซเดสได้ด้วยความต่างของเลเวลและค่าสถานะ เฮเลน่าถือกำเนิดใหม่ในฐานะตัวตนที่ทรงพลังยิ่งกว่าเก่า
กริดที่กำลังครุ่นคิดในหลายเรื่อง เริ่มตื่นตัวและตั้งคำถามกับตัวเอง
ถ้าปัญหาที่น่ากังวลที่สุดในตอนนี้คือส่วนต่างของเลเวล…. นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสักหน่อย…
เหตุผลไม่ซับซ้อน
ความแตกต่างระหว่างเลเวลจะนำมาซึ่งปริมาณแต้มสถานะที่เหลื่อมล้ำกันอย่างมาก
แต่นั่นในเป็นกรณี NPC พิเศษ ไม่ใช่กับเรา… แต้มสถานะปัจจุบันของเราสามารถชดเชยส่วนต่างของเลเวลได้สบายมาก…
“เขตแดนพายุเพลิงเทพ”
พรึ่บ!!
เปลวเพลิงอันเจิดจ้าเริ่มแผ่ขยายไปยังบริเวณที่ถูกพลังมนตร์ดำของเฮเลน่ากัดกร่อน
ปราณดาบอนันต์สีเงินระยิบระยับ กำลังกระจายตัวทั่วเขตแดนเปลวเพลิงสุกสว่าง
กริดที่รายล้อมด้วยหมอกปราณต่อสู้เข้มข้น และเฮเลน่าที่รายล้อมด้วยหมอกเวทมืดคละคลุ้ง กำลังเผชิญหน้ากันภายในเขตแดนพายุเพลิงเทพ
“เจ้าหนู ไสหัวไปซะ! เจ้าเป็นคิวสุดท้าย!”
เฮเลน่าพ่นลมหายใจสีดำพลางแสยะยิ้มอย่างผู้เหนือกว่า กริดยืนครุ่นคิดสักพักก่อนจะตัดสินใจไม่สวนกลับด้วยท่าวังวน
เพราะในวินาทีที่ลมหายใจสีดำสัมผัสกับปราณวังวน ตัวกริดจะถูกคำสาปเล่นงานจนมิอาจขยับเขยื้อนร่างกายห้าวินาที
เคร้ง!!
“…!”
หลังจากเห็นลมหายใจของตนถูกป้องกันไว้ได้โดยฝ่ามือสีทองสลับดำ เฮเลน่ารีบเคลือบกรงเล็บแหลมยาวด้วย ‘ดราก้อนเบลด’
ตามชื่อของมัน ดราก้อนเบลดคือท่าสำหรับสร้างใบดาบยาวด้วย ‘ปราณมังกร’
สุดยอดท่าไม้ตายที่สามารถผ่า ‘บดข้าวเปลือก’ ของปิอาโร่จนขาดเป็นสองท่อน กำลังแทงใส่กริดที่พุ่งเข้าหาเธอด้วยความเร็วสูง
แต่ชายหนุ่มหาได้คิดหลบ เลือกประจัญบานซึ่งหน้าโดยปราศจากความเกรงกลัว
“คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร!”
<ดึงศักยภาพซ่อนเร้น> ตามด้วย <วิชาดาบผสานห้าชนิด>
เปรี้ยงงงงง!!
คมดาบปราณมังกรสีดำหนึ่งเส้น ปะทะกับคลื่นปราณดาบรูปทรงมังกรสีเงินหลายเส้น จนเกิดเป็นเสียงอึกทึกครึกโครมประหนึ่งฟ้าถล่ม
ปราณดาบสีเงินภายในเขตแดนพายุเพลิงเทพกำลังสั่นคลอนอย่างหนักราวกับกำลังจะสลายไป
แต่การโหมบุกของกริดยังไม่จบลงเพียงเท่านี้
[ระยะหน่วงของทักษะถูกรีเซตโดยเอฟเฟคของ <บัญชาเทพ>]
“คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร!”
“…!”
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! แคร้ง!!
เกล็ดแข็งของเฮเลน่าที่ซ้อนทับกันหลายชั้น เริ่มถูกทำลายไปทีละหนึ่ง
ด้วยดวงตาปิดสนิท ดราโกเนี่ยนสาวพยายามจัดระเบียบความคิด กัดฟันทนต่อความเจ็บปวด เธอประเมินว่า กริดที่สิ้นเปลืองปราณดาบไปมากมายในคราวเดียว จะต้องเปิดเผยจุดอ่อนออกมาในไม่ช้าแน่
อย่างไรก็ตาม ภายในเขตแดนพายุเพลิงเทพ ปราณดาบของกริดไม่มีวันเหือดแห้ง จุดอ่อนจึงยังไม่ปรากฏให้เห็นไปอีกสักพักใหญ่
เฮเลน่ามิอาจทนรับการโจมตีจากท่ารำดาบ 4 ชนิด 3 ชนิด 2 ชนิด และ 1 ชนิดติดต่อกันภายในระยะเวลาอันสั้นได้ แม้เธอจะพยายามหาโอกาสพ่นลมหายใจตอบโต้ แต่ก็ถูกหัตถ์เทวะแทรกแซงจนกลายเป็นหมันอยู่ร่ำไป สุดท้ายก็พึ่งพาได้แค่ดราก้อนเบลดเพียงอย่างเดียว
ปราณมังกรที่เฮเลน่าสร้างขึ้นหนแล้วหนเล่าเพื่อพลิกสถานการณ์ เริ่มถูกสลักลงบนปราณดาบอนันต์ภายในเขตแดนพายุเพลิงเทพทีละนิด
[การประจักษ์ศักยภาพของมังกรได้ก่อให้เกิดวิชาดาบชนิดใหม่]
หน้าต่างข้อความระบบอันไม่คาดคิดปรากฏ
“อ…อ๊ากกกกก!”
เฮเลน่าที่คิดว่าตนสามารถทนรับการโจมตีของกริดได้ด้วยแนวป้องกันมหาศาลและความถึกทนของสังขาร ในที่สุดก็ล้มลงพร้อมกับส่งเสียงร้องโหยหวน กลายเป็นละอองแสงสีเทา
เขตแดนพายุเพลิงเทพค่อย ๆ สลายไป
“…ฟู่ว”
กริดที่ปรากฏตัวท่ามกลางเศษเพลิงกระจัดกระจาย เผยสีหน้าค่อนข้างอิดโรย
‘เขตแดนพายุเพลิงเทพทำให้เขาไม่สูญเสียทรัพยากรปราณดาบ…’
บราฮัมจ้องมองพลางตั้งคำถาม
“ถ้านายจัดการหล่อนได้ตามลำพัง แล้วทำไมถึงไม่รีบลงมือตั้งแต่แรก”
“…ฉันคิดไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้”
“ทั้งที่ใช้ปราณดาบได้ไม่มีวันหมดเนี่ยนะ?”
“…”
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,639
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
แหม บราฮัมก็
ReplyDeleteพระเอกเราลืมไปว่าตัวเอง โอเวอร์เกียร์แค่ไหนแล้วตอนนี้ 555
ReplyDeleteนึกว่าพี่สาวเฮลจะได้เป็นเมียน้อยซะอีก เห็นปูเรื่องพันธสัญญากับดราโกเนี่ยมาตลอด 🥺😔😔
ReplyDelete