จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,249
ชื่อ : กริด
เลเวล : 412
คลาส :
- ผู้สืบทอดแพ็กม่า
- ดยุคแห่งปัญญา
- มหากาพย์จอมดาบเวท
สมญานาม : 39 ชนิด รวมถึง “ตำนาน”
พลังชีวิต : 330,680 มานา : 70,020
ปราณต่อสู้ : 50 ปราณดาบ : 1,200
พละกำลัง : 3,850 (+480) ★ 1,082 ▲
ความอดทน : 2422 (+1563) ★ 996 ▲
ความว่องไว : 3,900 (+430) ★1,082 ▲
สติปัญญา : 2,896 (+1,943)
(เครื่องหมาย ★ คือความสามารถที่เพิ่มขึ้นจากผลของทรัพยากรปราณต่อสู้)
ความชำนาญมือ : 5,742 (+980)
ความพากเพียร : 2,037 (+430)
ความเยือกเย็น : 1,363 (+430)
ความทรหด : 1,598 (+490)
ความน่าเกรงขาม : 2,271 (+430)
วิสัยทัศน์ : 2,161 (+430)
ความกล้าหาญ : 1,417 (+430)
ความโชคดี : 806
พลังการเมือง : 356 (+430)
พลังจิต : 356 (+430)
บารมีเทพ : 12
แต้มสถานะคงเหลือ : 0
นี่คือผลจากการทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับการเก็บเลเวลตลอดหนึ่งเดือนเต็ม
เนื่องจากมีพวกพ้องอยู่ด้วย กริดจึงเก็บเลเวลได้ง่ายขึ้นมาก โดยถูกคาดหมายว่าจะอัปเป็นเลเวล 413 ในอีก 15 วันข้างหน้า
ถือเป็นความเร็วที่น่าทึ่งมากเมื่อเทียบกับคริส ผู้กำลังเผชิญช่วงเวลานรกบนดิน (เลเวล 399)
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาช่วยให้กริดได้ตระหนักถึงความสำคัญของบัฟ ‘พรมังกร’ อย่างถ่องแท้
‘การได้พบเนเฟลิน่าถือเป็นวาสนาครั้งใหญ่’
ในความเป็นจริง ชายหนุ่มต้องการพาพวกพ้องของตนไปหาเนเฟลิน่า และขอให้เธอช่วยประทานพรมังกร แต่เมื่อพิจารณาว่ามังกรสาวมีอารมณ์เอาแน่เอานอนไม่ได้ การหวังพึ่งพาบัฟค่าประสบการณ์จากไอเท็มจึงดูมีอนาคตมากกว่า
‘ถ้าถนัดเรื่องใด ก็ต้องหาทางออกด้วยสิ่งนั้น’
ไม่เกินจริงไปนักหากจะกล่าวว่า ‘ดาบอัสนี บรรลุสัจธรรมฯ’ ที่กริดใช้งานมาหลายปี ถือเป็นผลงานชิ้นสำคัญชนิดหนึ่งในหมื่น ยากยิ่งกว่าการถูกสลากกินแบ่งรางวัลที่หนึ่งเสียอีก ลำพังฝีมืออย่างเดียวคงมิอาจสร้างขึ้นได้
แต่สำหรับปัจจุบัน เรื่องราวจะต่างออกไป
กริดที่พัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างไอเท็มเกรดสูงได้ง่ายขึ้นด้วยผลจากการยกระดับทักษะตีเหล็ก ขอเพียงมีเงื่อนไขครบถ้วนและวัตถุดิบเพียบพร้อม ไอเท็มที่มีเอฟเฟคเดียวกับดาบอัสนีฯ ก็สามารถผลิตขึ้นได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นหอก คันศร หรืออาวุธประเภททุบ
“…”
ทันใดนั้น กริดที่กำลังเปิดหน้าต่างตัวละครและทักษะเพื่อตรวจสอบความก้าวหน้า พลันถูกดึงสติกลับมายังความเป็นจริง
[อันตรายร้ายแรงกำลังเข้ามาใกล้!]
เมื่อตัวหนังสือคำเตือนสีแดงโผล่กะพริบตรงมุมสายตา เส้นขนทั่วร่างพลันชูชันอย่างพร้อมเพรียง
กริดเดินผ่านกลุ่มช่างภาพและสำนักข่าวที่มารวมตัวกันตามข่าวลือ จากนั้นก็กระโดดขึ้นไปยืนบนกำแพงป้อมปราการอันสูงตระหง่าน
ตรงหน้าคือทัศนียภาพมุมสูงที่มองลงไปเห็นทุ่งหญ้าโล่งกว้าง
เพ่งมองสักพัก ชายหนุ่มพบจุดเล็ก ๆ จุดหนึ่งใกล้กับเส้นขอบฟ้า
ทันใดนั้น ดวงตากริดพลันเบิกโพลงทันทีเมื่อเห็นจุดดังกล่าวขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับส่องแสงเจือจาง
วิ้ง—
เนตรเหนือมนุษย์ช่วยให้มันพิจารณาภาพดังกล่าวได้คมชัดมากขึ้น
โดยไม่รีรอ กริดรีบกระโดดหลบเมื่อสัมผัสถึงอันตรายจากแสงที่พุ่งเข้าใส่
เป็นอากัปกิริยาที่หาคำอธิบายไม่ได้ในสายตาสำนักข่าวและคนดูทั่วโลก
เนื่องจากพวกมันมองไม่เห็นจุดขนาดเล็กที่พุ่งจากเส้นขอบฟ้า จึงไม่เข้าใจว่ากริดกำลังทำอะไร
บึ้มมมมมมมมมมม!!
『....!!』
『....!!』
พิธีกรภาคสนามจากสถานีโทรทัศน์ชื่อดังหลายช่องที่กำลังถ่ายทอดสด ต่างพากันหยุดหายใจไปชั่วขณะ เนื่องจากทึ่งในความสุดยอดของ ‘ท้องฟ้า’ คนปัจจุบัน
กริดสามารถหลบ ‘ระเบิด’ ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันหลังจากปีนขึ้นไปยืนบนกำแพงได้เพียงไม่กี่วินาที
กล้องหลายสิบตัวรีบจับภาพกริดร่อนลงจากเศษซากปรักหักพังของกำแพง ขณะเดียวกัน ทุกคนเริ่มมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของระเบิด
เป็นเขากวาง
เขากวางแสนธรรมดา ที่สามารถพบได้บนศีรษะกวางทุกตัวในป่า
ลำพังเขากวาดกิ่งเดียว กลับมีอำนาจทำลายล้างมากพอจะป่นกำแพงป้อมปราการสูงหนาหลายเมตร ให้กลายเป็นเศษอิฐเพียงพริบตา
ทั่วโลกกำลังตกตะลึง
แม้แต่กริดที่เคยปราบจอมอสูรมาแล้วหลายตนก็ยังเผยสีหน้าประหม่าชัดเจน ฉากความตึงเครียดบนใบหน้ากริดที่กำลังจดจ้องเขากวาง รวมถึงภาพของเขากวางที่คาอยู่ในซากกำแพง ถูกฉายสลับไปมาเพื่อปลุกเร้าอารมณ์คนดู
จากนั้น
『ทุกคนดูนั่นสิครับ…!』
สำนักข่าวของอเมริกาทำการแพนกล้องไปยังจุดดำขนาดเล็กที่ปรากฏบนเส้นขอบฟ้า จากนั้นก็ซูมเข้าไปจนเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น
จอมอสูรลำดับ 13 <ราชาคลั่ง บีเลธ> ที่กริดต้องรับมือตามลำพัง กำลังเคลื่อนตัวข้ามแนวทุ่งหญ้าในจุดห่างไกลออกไป
ควบม้าที่ว่องไวดุจดังวายุ รูปกายภายนอกแตกต่างจากจอมอสูรตนอื่นโดยสิ้นเชิง
บีเลธคล้ายมนุษย์ในทุกแง่มุม ไม่ปรากฏความพิสดารเหมือนกับจอมอสูรตนก่อน ๆ
เสื้อผ้าหน้าผม หนวดเครา รวมไปถึงมงกุฎทรงโบราณที่งดงามแบบมีรสนิยม ภาพลักษณ์ของบีเลธค่อนไปทางสง่างามน่าเกรงขาม
『น่าตกใจมากครับ เจ้าตัวนี้ไม่เหมือนกับจอมอสูรป่าเถื่อนที่พวกเราเคยเห็น…』
ทันใดนั้น พิธีกรสนามที่กำลังชมเชยความสง่าผ่าเผยของบีเลธ พลันต้องขมวดคิ้วชนกัน
สาเหตุเพราะว่า ใบหน้าที่ชัดเจนของบีเลธเริ่มถูกเผยให้เห็นบนจอฉายภาพ
บนใบบีเลธหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัวและเดือดดาล ประหนึ่งรวบรวมความโกรธของทั้งโลกมาไว้ในร่างเดียว นับว่าห่างไกลจากคำว่าองอาจสง่างามอย่างมาก
“ “ข้าต้องการกลับนรก!!” ”
เมื่อสิ้นเสียงคำราม เปลวเพลิงขนาดมหึมาถูกพ่นออกจากปลายจมูก
สิ่งนี้คือ ‘ลมหายใจ’
ซู่วววววว!!
ลมหายใจแผดเผาพื้นดินเบื้องหน้าบีเลธ พร้อมกับเปลี่ยนให้ทุ่งหญ้ากลายเป็นซากเถ้าถ่านมอดไหม้
เกิดทะเลเพลิงลุกโชนเป็นเส้นตรงทางยาว ทุกสรรพสิ่งที่ลมหายใจพุ่งผ่าน จะถูกแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นตอตะโกสีดำ
『…จอมอสูรก็ยังเป็นจอมอสูรวันยังค่ำครับ』
ขณะพิธีกรกำลังถอนคำพูด
โครมมมม!!
พวกมันพลันสะดุ้ง
เนื่องจากบีเลธเริ่มสะบัดบังเหียนของม้าที่มีลักษณะเหมือนศพ พร้อมกับอาละวาดไปรอบ ๆ อย่างบ้าคลั่ง
ประหนึ่งต้องการลบอารยธรรมทั้งหมดของมนุษย์ออกจากโลก มันบุกเข้ามาพร้อมกับทำลายสิ่งก่อสร้างทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นหอสังเกตการณ์ หรือรั้วไม้ที่ว่างเปล่าและไม่มีประโยชน์อันใดเลยในเชิงศึกสงคราม
ถัดมาไม่นาน บีเลธย่างกรายเข้าใกล้ประตูหน้าของป้อมปราการ พลางพ่นไฟออกจากปาก
ซู่ววววว!!
『....!』
ป้อมปราการถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันการรุกรานในยามศึกสงคราม
เทียบกับกำแพงของเมืองใหญ่ที่มีระดับความทนทานเลเวล 20 กำแพงป้อมปราการจะมีระดับความทนทานสูงถึงเลเวล 30 เลยทีเดียว
แต่ว่า
ครืนนนนน…
เพียงการพ่นไฟหนึ่งหน บีเลธได้ทำลายประตูทางเข้าชั้นนอกสุดของป้อมจนไม่เหลือซาก
ฉากดังกล่าวทำให้ภาพลักษณ์ป้อมปราการเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
『เป็นพลังโจมตีที่น่าทึ่งมากครับ! หากรับการโจมตีเมื่อครู่เข้าไปโดยตรง ผมไม่คิดว่าท้องฟ้ากริดของเราจะยังเหลือเถ้ากระดูก…』
『แบบนี้แย่แน่ครับ ระดับของมันสูงมาก แตกต่างจากจอมอสูรในอดีตทุกตัวโดยสิ้นเชิง…』
จักรพรรดินีบาซาร่าประกาศว่า ต้องการให้กริดยื้อเวลาไว้ประมาณ 13 นาที
เฟย์ริส จอมอสูรที่คร่ามนุษย์ชีวิตไปนับหมื่น และทำให้อาณาจักรล่มสลายไปอีกมาก ในความเป็นจริงกลับอยู่เพียงลำดับ 22 แล้วจะให้กริดตรึงจอมอสูรลำดับ 13 ไว้นาน 13 นาที?
ตามปรกติแล้ว คนทั่วไปคงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘บ้าบอสิ้นดี!’
แต่กลับมีหลายคนเชื่อว่า กริดทำได้แน่
เพราะกริดคือท้องฟ้า
ปาฏิหาริย์หนแล้วหนเล่าของกริด คงมีแต่คนสมองเสื่อมเท่านั้นที่หลงลืม ชายคนนี้เกิดมาเพื่อทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นจริง
จอมอสูรลำดับ 13?
แทนที่จะตรึงไว้นาน 13 นาที เกรงว่า กริดอาจโซโล่คิลได้ด้วยซ้ำ…
หลายคนต่างคิดเช่นนั้น รวมไปถึงพิธีกรและผู้เชี่ยวชาญบางคน
『ตามความเห็นของผม… ถึงการเอาชนะบีเลธจะเป็นเรื่องยาก แต่กริดก็คงพ่ายแพ้ไม่ง่ายเช่นกันครับ』
『เห็นด้วยครับ กริดยังมีไพ่ตายเป็นการอัญเชิญอัศวิน แต่ผมกำลังสงสัยว่า ทำไมเขาไม่อัญเชิญอัศวินออกมาประจำการล่วงหน้าเพื่อเตรียมความพร้อมภายในป้อม?』
『กริดอาจประเมินว่าการล่าบีเลธทำได้ยาก จึงต้องการตรึงศัตรูตามลำพังครับ กำลังพลจะได้ถูกโยกย้ายไปช่วยงานส่วนอื่น ตัวกริดนั้นมีทักษะสวนกลับประสิทธิภาพสูงจำนวนหนึ่ง ประกอบกับทักษะลบล้างทักษะที่เคยแสดงให้พวกเราเห็นบ่อยครั้ง และยังมีหัตถ์เทวะ รวมถึงโครงกระดูกตัวตายตัวแทน เมื่อประเมินว่าเป็นงานถ่วงเวลา ก็สมเหตุสมผลแล้วที่กริดจะสู้ตามลำพัง ด้วยพลังชีวิตระดับ NPC พิเศษของเขา โอกาสยื้อสำเร็จมีค่อนข้างมากทีเดียวครับ 』
『โครงกระดูกตัวตายตัวแทน?』
『ถูกต้องครับ อาจฟังดูเหมือนผมพูดไม่ดี แต่ถ้าพิจารณาจากศัตรูในคราวนี้ ก็คงไม่เกินความจริงไปสักเท่าไรครับ 』
ขณะพิธีกรและผู้เชี่ยวชาญเริ่มถกเถียงอย่างออกรส บีเลธกำลังอาละวาดอย่างบ้าคลั่ง
หลังจากพังประตูป้อม จอมอสูรลำดับ 13 ยังคงทำลายกำแพงหินอย่างส่งเดช ประหนึ่งว่าต้องการระบายอารมณ์ให้หายเครียด
ในเวลาเดียวกัน กริดกำลังกลั้นหายใจแอบ
‘เจ้านั่นบกพร่องด้านประสาทสัมผัส?’
ในครั้งแรกที่กริดปืนกำแพงขึ้นไปตรวจสอบสถานการณ์ ชายหนุ่มหวังแสดงความน่าเกรงขามของราชาโอเวอร์เกียร์ให้ทั่วโลกได้ประจักษ์
แต่กลับกลายเป็น ตนถูกบีเลธซัดเขากวางใส่จนต้องกระโดดหนีอย่างน่าอับอาย
โดยหลังจาก กริดตัดสินใจซ่อนตัวพร้อมกับกลั้นหายใจ เพื่อรอดูท่าทีตอบสนองของบีเลธ
และผลลัพธ์ก็ออกมาแล้ว
บีเลธสนใจเพียงการทำลายอาคารบ้านเรือน กำแพงป้อม และหอสังเกตการณ์ ราวกับไม่ทราบว่ากริดกำลังแอบอยู่ด้านหลังกำแพงป้อมที่พังครืนไปในตอนแรก
‘มันคงคิดว่าเราตายแล้ว…’
ในวินาทีที่เห็นเขากวางพุ่งถล่มกำแพงป้อมปราการจนพังครืน กริดใคร่ครวญอย่างจริงจังว่า ตนจะถ่วงเวลาจากสัตว์ประหลาดตนนี้ได้ครบ 13 นาทีจริงหรือ
แต่โชคยังดี อีกฝ่ายมีจุดอ่อน
แม้ว่าพลังทำลายจะน่ากลัว แต่ก็มีข้อบกพร่องในด้านประสาทสัมผัส ดังนั้น หากเป็นแค่งานถ่วงเวลา ก็คงไม่เกินกำลังสักเท่าไร
“ท่านจะเป็นราชาแห่งความตายได้หรือไม่”
บึ้มมมม! โครมมม! ครืนนนน!
ขณะบีเลธกำลังทำลายบ้านเมืองจนเกิดเสียงโครมคราม เสียงเปล่งชื่อทักษะของกริดได้ถูกกลบจนมิด
แกร่ก! แกร่กแกร่ก!!
แม้แต่เสียงกระทบกระดูกของโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ก็ยังถูกกลบเกลื่อน
แกร่ก! แกร่ก!
ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ยกระดับตัวเองไปมาก สายตาที่มองกริดจึงเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์หมายเลข 1 ซึ่งพัฒนาไปเป็นคลาสขั้นที่สาม ‘สเคเลตัน·ซอร์ดแดนเซอร์’ ปัจจุบันมีมาดของนักรบโครงกระดูกที่น่าเกรงขาม สวมคุณเกราะคุณภาพสูง
แต่ในทางกลับกัน โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์หมายเลข 2 ที่เป็นคลาส ‘สเคเลตัน·บิชอป’ ยังคงมีร่างกายเล็กกะทัดรัดและท่าทางอ่อนแอคล้ายโครงกระดูกเริ่มต้น ต้องขอบคุณไม้เท้าสีสันสดใสรวมถึงชุดคลุมคุณภาพสูง สองสิ่งนี้ช่วยจำแนกให้มันแตกต่างจากโครงกระดูกทั่วไป
กริดออกคำสั่งกับโครงกระดูกที่เติบโตขึ้น
“ถ้าฉันให้สัญญาณเมื่อไร พวกแกต้องรีบวิ่งออกไปหามันทันที เข้าใจไหม?"
แกร่ก! แกร่ก! (ส่ายหน้า)
“ฉันจะให้กระดูกพวกแก 206 ชิ้น”
แกร่ก! แกร่ก!! (พยักหน้า)
โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์มีอารมณ์และส่วนร่วมมากขึ้นหลังจากพัฒนาคลาส
แม้จะแสดงท่าทีไม่พอใจในตอนต้น แต่พวกมันกลับยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อถูกกริดลูบหัว
“ไม่ต้องห่วง ถ้าเจ้านั่นทำพวกแกหนึ่งครั้ง ฉันจะเอาคืนให้ร้อยครั้ง”
โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ไม่มีวันตาย
หากพลังชีวิตลดเหลือศูนย์ ระบบจะยกเลิกการอัญเชิญอัตโนมัติ ให้ทั้งสองกลับไปพักฟื้นร่างกายและคืนชีพใหม่ในภายหลัง
เป็นเหตุผลว่าทำไม กริดถึงเลือกใช้โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ในภารกิจคราวนี้
แม้เหล่าอัศวินอย่างบราฮัม ปิอาโร่ และเมอร์เซเดสจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ควรนำมาต่อสู้ในศึกที่มีความเสี่ยงสูง ไม่เหมือนกับโครงกระดูกทั้งสอง
“ตอนนี้แหละ!”
ฟุ่บ!
ศรเวทหนึ่งนัดพุ่งเข้าหาบีเลธที่กำลังทำลายกำแพงฝั่งซ้ายขวาของประตูอย่างไม่ลืมหูลืมตา
บีเลธใช้หลังมือรับศรเวทโดยไม่หันมาตามทิศทางการยิง เพียงก้มจ้องหลังมือตัวเองสักพัก จากนั้นก็กวาดสายตาไปรอบตัว
ทันใดนั้น มันพบกับโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์กำลังรำดาบด้านข้าง
ท่ารำเป็นไปอย่างซุ่มซ่าม แต่มีส่วนคล้ายคลึงกับท่ารำดาบกริดพอสมควร ท่ามกลางแสงแดดอันร้อนแรงจากด้านบน ทุกท่วงท่าจะส่งเสียงกระดูกข้อต่อลั่นเสมอ
“เบริอาเช่…?”
บีเลธที่ทราบตัวตนของโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ในทันที รีบพุ่งประชิดศัตรูพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งจับโครงกระดูกที่กำลังรำดาบ ตามด้วยการขว้างใส่โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์หมายเลข 2 ซึ่งยืนในจุดห่างออกไป
โครม!!
โอเวอร์เกียร์ 2 ร่างแตกประหนึ่งพินโบว์ลิ่ง
ขณะแขนขาพวกมันกำลังร่วงกราว กริดฉวยโอกาสปรากฏตัวด้านหลังบีเลธ
“สังหาร!”
จุดแข็งของท่าแทงคือระยะทางที่ไกลกว่า
แม้กริดจะได้รับคำสั่งให้ถ่วงเวลา แต่มันกลับตัดสินใจเปิดฉากโจมตีก่อน
เนื่องจากประเมินว่าบีเลธอ่อนแอด้านประสาทสัมผัส ชายหนุ่มจึงชิงบุกด้วย ‘สังหาร’ และเตรียมสวนกลับทุกการตอบสนองของบีเลธ
แต่ความเป็นจริงมิใช่แบบนั้นเลย
สิ่งที่รออยู่ ตรงข้ามสิ่งที่กริดวาดฝันไว้
“ “น่าเบื่อ” ”
ปลายดาบสังหารยังไม่ทันถึงตัว กำปั้นบีเลธก็พุ่งมาจากมุมอับโดยไม่ต้องเหลียวกลับมามอง สันหมัดปะทะใส่ใบหน้ากริดเข้าอย่างจัง
เปรี้ยงงง!!
เมื่อถูกบางสิ่งกระแทกหน้าเต็มแรก ชายหนุ่มพลันตาสว่างโดยไม่ต้องให้ใครมาบอก
‘บัดซบ!’
ไอ้ระยำนี่.. ไม่ได้บกพร่องด้านประสาทสัมผัส!
‘มันรู้ตัวมาตลอด เพียงแต่แสร้งบ้าคลั่งเพื่อรอให้เราเป็นฝ่ายบุกเข้าไปก่อน’
โครม!
[ท่านได้รับความเสียหาย 69,030 หน่วย]
“…?”
ค่าพลังป้องกันที่สั่งสมมาตลอดหลายปี ไม่มีประโยชน์สักนิดเลยหรือ…
การโจมตีที่ปฏิเสธพลังป้องกันมหาศาล เปลี่ยนให้สมองกริดขาวโพลนไปชั่วขณะ
ร่างลอยเคว้ง จนกระทั่งแผ่นหลังกระแทกกับกำแพงป้อมปราการ ความเจ็บปวดจึงปลุกให้มันตื่นขึ้นพร้อมกับ ‘ช่วงเวลานักปราชญ์*’
(*ฉลาดเมื่อสาย)
ขณะเดียวกัน บีเลธเผยสีหน้าประหลาดใจ
แปล่บ!
กำปั้นของมันรู้สึกเจ็บแปลบในตอนที่ชกใส่มนุษย์แปลกหน้า ประหนึ่งว่า ‘อาวุธ’ ของมัน ย้อนกลับมาทำร้ายตัวมันเอง
บีเลธก้มมองหลังมือสักพัก ก่อนจะหันไปถามมนุษย์ที่ถูกซัดจนกระเด็น
“ “เจ้าคือผู้สืบทอดมุลเลอร์?” ”
“ถุด! ถามได้โง่สิ้นดี”
กริดพ่นลมหายใจเหยียดหยัน พยุงตัวลุกขึ้นจากซากปรักหักพัง ตามด้วยการดื่มโพชั่นของเรย์ดันพร้อมกับโยนขวดเปล่าทิ้งไปด้านหลัง
“ฉันคือกริด…”
ผู้สืบทอดแพ็กม่าเป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่ง
“ชายผู้ทรหดที่สุดในโลก …ช่วยจำใส่กะโหลกแล้วกลับไปเล่าให้คนในนรกฟังด้วย”
เกินกว่าครึ่งชีวิต มันต้องอาศัยความอดทนเพื่อให้ผ่านไปในแต่ละวัน
สิบสามนาที?
…แค่เสี้ยวเดียวของนรกที่เคยเผชิญ
กริดกัดฟันด้วยสีหน้ามุ่งมั่นเอาจริง
Comments
Post a Comment