จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,234
“มนุษย์…? ฮะฮะ! ใจร้อนจังเลยนะ ข้าบอกแล้วไง ว่าจะไปรบกวนพวกเจ้าตอนพรุ่งนี้เช้า”
เฮลทาวอน เผ่าดราโกเนี่ยน รีบปรี่เข้าหาเหยื่อทันทีหลังจากเห็นมนุษย์หลงทางเข้ามา
สีหน้าเฮลทาวอนกำลังตื่นเต้น
การได้เห็นมนุษย์หลงเข้ามาในสันเขาลึกตามลำพัง เรื่องนี้เหนือความคาดหมายอย่างมาก
‘ไม่อยากเชื่อว่าหมู่บ้านติดภูเขาจะมีมนุษย์ระดับอัศวินหลักเดียวอยู่ด้วย… ชักน่าสนุก’
พวกมันคงอยู่ภายใต้การกดขี่ของจักรวรรดิซาฮารันนานเกินไป โลกจึงเปลี่ยนไปมากเพียงนี้
หลังจากได้รับอิสรภาพกลับคืน นับว่าคุ้มค่าแล้วกับการยอมถ่อมาไกลถึงเทือกเขาเคอัส
ตึกตัก!
หัวใจเฮลทาวอนเต้นระรัว เลือดมังกรมารบันเฮเลียร์ที่ไหลเวียนในตัวเริ่มเดือดพล่าน
สัญชาตญาณการต่อสู้ของเผ่าพันธุ์ถูกกระตุ้น
“หึหึ… การประลองพรุ่งนี้ก็ส่วนพรุ่งนี้ ไม่เกี่ยวกันสักหน่อย แกก็คิดแบบนั้นใช่ไหม”
อยากที่ทราบกันดี เผ่าดราโกเนี่ยนกำลังอาศัยอยู่บนเทือกเขาเคอัส จึงหมายความว่า พวกมันขาดแคลนอาหารและเครื่องนุ่งห่ม
นั่นคือสาเหตุที่เผ่าดราโกเนี่ยนส่งทูตมาแจ้งข่าวกับดยุคสไตมเมื่อเช้า
ดราโกเนี่ยนวางแผนจะใช้ฟรอนเทียร์เป็นเมืองบรรณาการ ขณะที่พวกมันอาศัยอยู่บนเขาและต่อสู้กับมอนสเตอร์อย่างสนุกสนาน
แผนการไม่ซับซ้อน เริ่มจากข่มขวัญชาวเมืองฟรอนเทียร์ด้วยการสังหารนักรบอันดับหนึ่งของเมืองอย่างโหดเหี้ยม จากนั้น ความหวาดกลัวจะปกคลุมจิตใจชาวเมือง จนเผ่าดราโกเนี่ยนสามารถเรียกร้องได้ทุกสิ่ง ไม่ว่าจะอาหาร เครื่องนุ่งห่ม หรือแม้กระทั่งของมึนเมา
อย่างไรก็ตาม ในสายตาเฮลทาวอน สิ่งสำคัญกว่าแผนการ คือศัตรูเก่งกาจที่กำลังยืนตรงหน้า
“ฮะฮ่าฮ่า! แสดงฝีมือให้ข้าดูหน่อย!”
เฮลทาวอนตะโกนพร้อมกับพ่นลมหายใจมังกรทางปาก
ฟ้าววว!
หิมะที่กำลังโปรยปราย พลันถูกริ้วแสงสีดำพุ่งผ่านจนปลิวกระจัดกระจาย
เป้าหมายคือมนุษย์ผมดำ ที่กำลังพุ่งเข้าหามันท่ามกลางลานกว้างบนสันเขา
ทันใดนั้น
‘แปลก…’
อารมณ์ตื่นเต้นของเฮลทาวอนเริ่มบรรเทาลงอย่างน่าประหลาด ความสุขุมเยือกเย็นแผ่ซ่านเข้ามาแทนที่
‘คงคิดไปเอง…’
เฮลทาวอนสลัดความคิดฟุ้งซ่านพลางยืนจ้องลมหายใจของตน ที่กำลังพุ่งเข้าใส่ชายผมดำอย่างแม่นยำ
ทว่า
“วังวน”
กริดสะท้อนกลับง่ายดาย
ลมหายใจสีดำย้อนกลับไปหาเฮลทาวอนที่กำลังพุ่งตามมาโจมตีซ้ำ
‘ไม่เลว…’
เคร้ง!
เฮลทาวอนใช้ท่อนแขนป้องกันลมหายใจตัวเองจนเกิดอาการชะงักเล็กน้อย แต่สายตาของมันยังไม่ละไปจากมนุษย์ผมดำตรงหน้า
‘เร็ว…!’
มนุษย์ปริศนาโผล่มายืนข้างเฮลทาวอนแทบจะในพริบตา ตามด้วยการวาดดาบใส่ในลักษณะครึ่งวงกลม และแน่นอน เฮลทาวอนหลบไม่พ้น
แต่มันไม่กังวลนัก เพราะการฟาดฟันของมนุษย์มิอาจทะลวงผ่านเกล็ดดราโกเนี่ยนได้
เป็นเช่นนี้ไม่เคยแปรเปลี่ยน
แม้แต่อัศวินสีชาดหลักเดียวที่อาบคมดาบด้วยออร่าเข้มข้น ก็ยังมิอาจฟันผ่านแผ่นเกล็ดที่แข็งและหนา จนสุดท้ายต้องยอมเปลี่ยนไปใช้อาวุธประเภททุบตีแทน
ฉึก—!
“แค่ก!”
เมื่อถูกคมดาบฟันลึกเข้าไปในเอว เฮลทาวอนที่เตรียมกะซวกแผ่นหลังมนุษย์ พลันครางเสียงหลงพร้อมกับบ้วนก้อนเลือดคำใหญ่
‘อะไรกัน!’
ความเจ็บปวดอันไม่คุ้นเคย
เฮลทาวอนก้มลองไปมองบาดแผลที่เอว
เลือดกำลังไหลนองเป็นทางยาว
บาดแผลฉกรรจ์ที่สร้างโดยดาบมนุษย์ ทำให้เลือดไหลซึมและหยดลงบนพื้นหิมะ
‘เราโดนฟันเข้า…’
ฟ้าว!
เฮลทาวอนรีบกางปีก สายลมกระโชกสองเส้นพุ่งพัดใส่ร่างมนุษย์ปริศนาจนเสียสมดุล
มันไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอย ดราโกเนี่ยนดุร้ายรีบกระแทกเข่าใส่สะโพกกริดทันที
จากบรรดาอัศวินหลักเดียว มีเพียงลำดับ 5 ขึ้นไปเท่านั้น ที่สามารถป้องกันการโจมตีนี้ได้ทันและไม่บาดเจ็บสาหัส
ทว่า
กริดคว้าไว้อยู่หมัด ด้วยมือข้างเดียว
เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ชายหนุ่มมิได้เป็นรองเฮลทาวอนทั้งในแง่พละกำลังและความเร็ว
‘อัศวินลำดับ 2…!’
อย่างไรก็ตาม แม้เฮลทาวอนจะเริ่มตระหนักถึงฝีมือของอีกฝ่าย แต่มันมิได้รู้สึกหวาดหวั่นหรือตื่นเต้นจนเสียอาการแม้แต่น้อย
นี่คือผลของพันธสัญญาที่กริดทำกับเฮ่า
เฮลทาวอน ‘ใจเย็นลง’ เมื่อได้พบสิ่งมีชีวิตที่มีกลิ่นอายคล้ายคลึงดราโกเนี่ยน
ถูกต้อง
สมาธิของเฮลทาวอนกำลังแจ่มชัด และมันกำลังอยู่ในสภาพพร้อมต่อสู้สุดขีด
พันธสัญญาระหว่างกริดและเฮ่า ได้กลายเป็นยาพิษที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวกริดเอง
ฟุ่บ!
ขณะเข่าซ้ายถูกมนุษย์จับแน่น เฮลทาวอนหมุนตัวและเตะซ้ำด้วยเท้าขวา
กริดหลบหลีกตามสัญชาตญาณด้วยการเอนตัวไปด้านหลัง แต่ก็ไม่พ้นทั้งหมด
กรงเล็บเท้าที่ยาวและแข็ง ได้ข่วนถากต้นคอชายหนุ่มไปอย่างฉิวเฉียด
หากข่วนลึกกว่านี้อีกสัก 2 เซนติเมตร เส้นเลือดใหญ่บริเวณลำคอจะถูกทำลาย และนั่นจะก่อให้เกิดอาการผิดปรกติ ‘เลือดไหล’ ชนิดที่ไม่มีทางรักษา
“หืม…”
กริดจำใจปล่อยเข่าซ้ายเฮลทาวอนเพื่อหลบหลีกความเสียหาย จากนั้น มันกระโดดถอยหลังหนึ่งก้าวใหญ่ พลางตั้งคำถามกับอีกฝ่าย
“แกอยู่ระดับไหน”
“อะไร…?”
“ฉันถามว่า หากเทียบด้วยฝีมือ แกจะอยู่ระดับใดในหมู่ดราโกเนี่ยน”
จากข้อมูลที่เฮาเพิ่งเล่าให้ฟัง กริดได้ทราบว่า ต้นตระกูลของเผ่าดราโกเนี่ยนมีชื่อว่า ‘ราโอ’ ถือกำเนิดจากมังกรมาร บันเฮเลียร์ กับมนุษย์
หรือก็คือ ในตัวดราโกเนี่ยนมีเลือดมังกรแท้ไหลเวียนอยู่จริง
แต่กระนั้น ชายหนุ่มมิได้สั่นกลัว เพราะเคยมีประสบการณ์กับออร์คสนธยามาแล้ว
ในเมื่อผู้เล่นสามารถเปลี่ยนเป็นเผ่าดราโกเนี่ยนได้เหมือนกับออร์คสนธยา กริดจึงเดาว่า ฝีมือและความแข็งแกร่งของดราโกเนี่ยน ไม่น่าจะเอาเปรียบเผ่าพันธุ์อื่นมากนัก
เฮ่าเองก็คิดแบบเดียวกัน
แม้ว่าเลือดบันเฮเลียร์จะเป็นของจริง แต่ปัจจุบันก็คงเจือจางลงมากแล้ว
หากไม่ใช่ตัวตนระดับ NPC พิเศษเหมือนกับเทรูชาน กริดเชื่อว่า ค่าเฉลี่ยของเผ่าดราโกเนี่ยนก็คงหนีจากออร์คสนธยาไม่มาก
แต่การปะทะเมื่อครู่ทำให้มันต้องประหลาดใจ
เฮลทาวอนซึ่งมีตัวอักษรชื่อเป็นสีปรกติ กลับค่อนข้างแข็งแกร่ง ชนิดที่มนุษย์ธรรมดายากจะรับมือไหว
คล้ายอัศวินสีชาดลำดับต่ำกว่าห้า…
‘คงแย่แน่ หากเจ้านี่มีฝีมือระดับกลาง ๆ ภายในเผ่า’
ลาเด็นอาจเป็นอัจฉริยะแห่งแดนเหนือ แต่พรสวรรค์ยังเบ่งบานไม่เต็มที่
‘เปลี่ยนแผนดีไหม…’
มีเหตุผลหลายข้อ ที่ทำให้กริดไม่อยากกวาดล้างเผ่าดราโกเนี่ยนด้วยตัวเอง
ประการแรก หากกษัตริย์ต้องคอยออกโรงทุกครั้งเมื่ออาณาจักรเกิดปัญหา คนภายนอกจะมองเข้ามาไม่ดี อีกทั้งยังทำให้ขวัญกำลังใจประชาชนเสื่อมถอย และเกิดความไม่เชื่อมั่นในกองทัพของอาณาจักร
ประการถัดมา ดินแดนภาคเหนือคือปราการด่านสำคัญที่โด่งดังของอาณาจักร เมืองฟรอนเทียร์คอยทำศึกต่อต้านการรุกรานจากมอนสเตอร์มานานหลายปีโดยไม่เคยพ่ายแพ้ ถือเป็นอีกหนึ่งหน่วยทหารหัวกะทิรองจากทัพหลวงและทหารเรย์ดัน กริดต้องการให้ประชาชนมองว่าแดนเหนือสามารถยืนหยัดได้ด้วยลำแข้งตัวเอง จึงเกิดเป็นแผนเสริมความแข็งแกร่งให้ลาเด็น
จริงอยู่ กริดไม่มั่นใจเต็มร้อยว่าวิธีนี้จะได้ผล แต่มันก็เชื่อว่าลาเด็นจะไม่ทำให้ตนผิดหวัง
‘แต่ถ้าลาเด็นตาย… ทุกอย่างก็จบ’
ขณะกริดกำลังกระสับกระส่าย เฮลทาวอนตอบด้วยสีหน้าสุดโอหัง
“ฮุฮุฮุ! แค่นี้ยังมองไม่ออกอีกหรือ… แน่นอน! ข้าแข็งแกร่งมากในหมู่ดราโกเนี่ยน! ถึงจะยังเป็นเพียงทารกเมื่อเทียบกับเฮเลน่าก็เถอะ”
“…งั้นหรือ คนที่จะลงไปประลองกับมนุษย์พรุ่งนี้เช้าคือเฮเลน่าใช่ไหม”
“เจ้าโง่!! ลำพังนักรบปลายแถวก็จัดการมนุษย์ได้สบายแล้ว!”
ข่าวดีฉิบ…
กริดเริ่มฉีกยิ้ม
“ดราโกเนี่ยนที่จะลงไปสู้ในวันพรุ่งนี้ไม่ใช่เฮเลน่า แต่เป็นนักรบปลายแถว…?”
“แน่นอน”
“ค่อยโล่งใจหน่อย”
“โล่งใจอะไร…? อย่าบอกนะว่า มนุษย์อ่อนแออย่างพวกเจ้า ฝันจะเอาชนะนักรบปลายแถวของเผ่าดราโกเนี่ยน!”
“ถ้าเอาชนะแกได้ กับนักรบปลายแถวก็คงไม่ยากเย็นอะไร…”
“ฮะฮะ! มนุษย์ช่างน่าสมเพช! ที่ข้าเสียท่าเพราะยังไม่ได้เอาจริงต่างหาก!”
“หึหึ… แล้วอีกอย่าง… ฉันมิได้แข็งแกร่งที่สุดในฟรอนเทียร์”
“…!”
เฮลทาวอนที่เอาแต่หัวเราะเยาะ ยามนี้หุบยิ้มด้วยสีหน้าบึ้งตึงเป็นหนแรก
มนุษย์ตรงหน้า แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ
มันมองว่า นักรบปลายแถวของเผ่ายากจะเอาชนะชายคนนี้ได้ เฮลทาวอนจึงคิดกำจัดกริดทิ้งด้วยตัวเอง
‘แต่มันบอกว่า… ยังมีคนแข็งแกร่งกว่า?’
ทำไมอาณาจักรเล็กนอกจักรวรรดิ ถึงมีบุคคลระดับอัศวินลำดับ 2 มากถึงสองคน…
โลกเปลี่ยนไปมากแค่ไหนกัน
จักรวรรดิกลายเป็นพวกงี่เง่าไปแล้วหรือ
‘ถ้าเป็นจักรวรรดิเก่า พวกมันคงไม่ปล่อยให้พรสวรรค์ระดับนี้อาศัยอยู่นอกดินแดน… หากไม่ถูกกำจัดทิ้ง ก็ต้องกลายเป็นพวกเดียวกัน’
หรือการคืนอิสรภาพให้อมนุษย์ คือสัญญาณการเสื่อมความทะเยอทะยานของจักรวรรดิ?
‘ไม่ว่าจะอย่างไหน… พวกมันก็อันตรายมาก เราต้องกลับไปบอกให้เฮเลน่าเปลี่ยนตัวนักรบ’
แต่ก่อนอื่น
‘ต้องเชือดเจ้านี่ทิ้งก่อน’
เฮลทาวอนแสยะยิ้มชั่วร้าย
แกร่ก! แกร่ก!
ร่างกายของมันเกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน เกล็ดที่เคยปกคลุมเฉพาะอวัยวะสำคัญ ยามนี้แผ่ออกไปครอบคลุมทั่วร่าง เสื้อผ้าที่ทำจากหนังสัตว์เริ่มฉีกขาด
เพียงไม่นาน เฮทาวอนได้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดแข็งทุกอณู ร่างกายใหญ่โต และแผ่จิตคุกคามรุนแรงตลอดเวลา
‘นี่คือร่างจริงของดราโกเนี่ยน…’
กริดก้มมองฝ่ามือขนาดมหึมาที่ใหญ่เท่าลาร์ดวูล์ฟ และเห็นกรงเล็บแหลมยาวอันน่าหวาดหวั่น
ชายหนุ่มไม่คิดรีรอ รีบชิงลงมือด้วยศรเวท
ฟ้าว!
ปีกมังกรกระพือสร้างสายลมกระโชก เบี่ยงวิธีการพุ่งของศรเวทจนพลาดเป้า
‘ต่อต้านเวทมนตร์?’
แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับลาเด็น
‘ถ้าเป็นนี่ล่ะ…’
กริดนำหอกออกจากช่องสัมภาระ เป็นหอกที่เตรียมไว้สำหรับทักษะขว้างโดยเฉพาะ
ผลลัพธ์เป็นเช่นเดิม เฮลทาวอนกระพือปีกสร้างสายลมหักเหวิธีการพุ่งของหอก
‘ไม่ใช่ต่อต้านเวทมนตร์ แต่เป็นโพรเจกไทล์ทุกชนิด’
คล้ายกับไม่มีระยะหน่วง แต่กริดสังเกตเห็นว่าปีกมังกรขยับต่ำกว่าตำแหน่งปรกติ จึงเดาว่าน่าจะเกิดเอฟเฟค ‘ไม่สามารถเคลื่อนที่’ ชั่วขณะ
‘แล้วถ้าทำแบบนี้…’
ฟุ่บ!
กริดยิงศรเวทใส่อีกนัด ขณะเดียวกันก็พุ่งประชิดตัวและซัด ‘สังหาร’ เข้าใส่
เป็นไปตามคาด
เนื่องจากเฮลทาวอนอยู่ในสภาพมิอาจเคลื่อนที่เพราะต้องสร้างลมเบี่ยงทิศทางศรเวท จึงทำได้เพียงใช้แขนขวารับท่า ‘สังหาร’ อย่างไม่มีทางเลือก
[ท่านสร้างความเสียหาย 179,800 หน่วย]
‘…ไม่เบาไปหน่อยหรือ’
ท่าสังหารนับว่ามีพลังโจมตีสูงสุดในบรรดาวิชาดาบผสานหนึ่งชนิด เมื่อพิจารณาจากพลังโจมตีของกริด รวมถึงเปอร์เซ็นต์ความแรงทักษะ การที่ความเสียหายเกิดขึ้นเพียง 180,000 หน่วยจึงนับว่าน้อยเกินไป
‘คงเป็นการยากที่ลาเด็น ผู้มีพลังโจมตีน้อยกว่าเราถึงสี่เท่า จะทะลวงผ่านชั้นเกล็ดของเผ่าดราโกเนี่ยน…’
ขณะกริดกำลังยืนทบทวนค่าสถานะและทักษะของลาเด็น
[ทักษะ <สังหาร> สร้างอาการผิดปรกติ ‘ปลดอุปกรณ์สวมใส่’ เป็นเวลา 1 วินาที]
“…!”
เกล็ดมังกรบนท่อนแขนในจุดที่เฮลทาวอนยกขึ้นมารับ ‘สังหาร’ เริ่มแตกหักชำรุด
หมายความว่า เกล็ดมังกรถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ ‘อุปกรณ์สวมใส่’ ประเภทชุดเกราะ
ฟุ่บ! ฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บ!!
ชายหนุ่มไม่ปล่อยโอกาสทองหลุดลอย รีบตามซ้ำด้วยร่ายรำทันที เมื่อตัวเลขความเสียหายปรากฏตรงมุมหน้าจอ กริดเริ่มฉีกยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ
‘ถ้าไม่มีเกล็ด พลังป้องกันลดลงราวสองเท่า’
มันรู้แล้วว่าต้องสร้างอาวุธแบบใดให้ลาเด็น
“โฮกกกกก!!”
เฮลทาวอนคำรามเกรี้ยวกราดขณะโจมตีสวน
เคร้ง!!
เฮลทาวอนใช้กรงเล็บขนาดมหึมาจับคว้าหัวไหล่กริด แต่เกราะไหล่ไม่ถูกทำลายเนื่องจากมีค่าความคงทนอนันต์ เพียงส่งเสียงเสียดสีเล็กน้อย และฟื้นฟูกลับคืนรูปทรงเดิมทันที
โครมมมม!!
เฮลทาวอนกระชากตัวกริดขึ้นพร้อมกับทุ่มลงพื้นสุดแรง เป็นท่าจับทุ่มคล้ายกับบูบัต
‘ไม่ควรปล่อยให้ประชิดตัว…’
เปรี้ยง!
เฮลทาวอนใช้ฝ่าเท้ากระทืบใส่อกกริด
ขณะกำลังย่ามใจว่าตนเป็นฝ่ายเหนือกว่า มันอ้าปากกว้างพลางพ่นลมหายใจสีดำ
‘เราหลบไม่พ้นแน่…’
โดยทั่วไปแล้ว ลมหายใจมังกรในระยะประชิดจะสร้างความเสียหายมหาศาล มากชนิดที่ทักษะประเภทอื่นเทียบไม่ได้ กริดเคยได้ยินฮูเร็นอธิบายสาเหตุที่มันเลือกจินตนาการออร่าให้เป็นลมหายใจมังกร
ขณะเดียวกัน เมื่อถูกฝ่าเท้ายันติดกับพื้น กริดย่อมมิอาจหลบหลีกไปทางใดได้
อย่างไรก็ตาม หัตถ์เทวะป้องกันไว้ได้ทันเวลา
“…!?”
เฮลทาวอนเริ่มหัวเสีย มันกระทืบเท้าอีกหนพร้อมกับอาศัยแรงถีบม้วนตัวกลางอากาศ ตามด้วยการสะบัดปลายหางแหลม เล็งใส่ลำคอกริดที่ปราศจากเกราะป้องกัน
‘หางมีไว้เพื่อตัดคอเหยื่อ…’
เมื่ออ่านเจตนาออก กริดรีบหลบไปด้านหลังและรักษาระยะห่าง หลังจากยืนมองหางสักพัก ชายหนุ่มพุ่งกลับเข้าไปใหม่โดยเล็งโจมตีใส่หางเป็นหลัก
เคร้ง!!
หางของเฮลทาวอนมีความแข็งเทียบเท่าดาบอัสนีฯ บรรลุสัจธรรม อาวุธสองชนิดจึงปะทะกันโดยไม่มีใครยอมใคร
‘หางคืออุปกรณ์สวมใส่เหมือนกันรึเปล่า…’
เป็นเพราะระยะหน่วงของ ‘สังหาร’ ถูกล้างด้วย ‘บัญชาแห่งเทพ’ ในการฟันครั้งแรก กริดจึงสามารถซัด ‘สังหาร’ ใส่หางอีกฝ่ายได้ทันที
“ฮะฮะ! เจ้าโง่! หางของข้าดูเหมือนจุดอ่อนนักรึไง!”
เมื่อหางของมันปะทะกับ ‘สังหาร’ โดยไม่ถูกปลดอาวุธ เฮลทาวอนคำรามอย่างโอหัง
กริดพยักหน้ากับตัวเอง
ทันใดนั้น เนตรมองทะลุของเมอร์เซเดสได้ถูกปลูกถ่ายในดวงตาชายหนุ่ม
“ต้องระวังส่วนหางมากเป็นพิเศษ เพราะมีทั้งความยาว ความแข็ง และความคม แถมยังหมุนได้ 360 องศา รูปแบบการโจมตีจึงยากคาดเดา”
“…?”
เฮลทาวอนเริ่มอึดอัด
ประหนึ่งมนุษย์ตรงหน้ามองเห็นทุกสิ่งในร่างกายตนอย่างทะลุปรุโปร่ง เฮลทาวอนรู้สึกเหมือนกับตนเป็นกบที่ถูกผ่าทดลอง
“เจ้าวางแผนอะไรอยู่… ไม่คิดจะสู้เลยรึไง!”
กริดเผยรอยยิ้มแฝงเลศนัย
“ยังมีอะไรที่แกไม่ได้แสดงให้ดูอีกไหม?”
“ปากเก่งนักนะ!!”
สิงโตไม่กลัวกระต่ายฉันใด
ดราโกเนี่ยนก็ไม่กลัวมนุษย์ฉันนั้น
ผู้ล่าย่อมทราบว่า ตนไม่มีทางถูกเหยื่อทำร้าย
นี่คือสัจธรรมของห่วงโซ่อาหาร
แต่ในการต่อสู้ตรงหน้า เฮลทาวอนกลับมิอาจหยั่งถึงมือฝีมือแท้จริงของกริดได้เลย
ยิ่งได้ดวลก็ยิ่งพบเหตุการณ์ประหลาด
ทั้งที่มันมิได้ประมาท และมิได้ขาดสมาธิ
“…หือ?”
ขณะเฮลทาวอนเตรียมกระหน่ำโจมตีใส่กริด มันชะงักร่างกายด้วยดวงตาเบิกโพลง
อุณหภูมิรอบตัวสูงขึ้นอย่างฉับพลัน
ไอความร้อนกำลังแผ่ปกคลุมบรรยากาศ
ที่นี่คือลานพายุหิมะไม่ใช่หรือ…
ทันใดนั้น
ฟ้าวววว!
ทัศนวิสัยของเฮลทาวอนพลันแปรเปลี่ยน
ฉากระบบนิเวศของเทือกเขาเคอัสถูกลบเลือนไปจากการมองเห็นโดยสมบูรณ์ มีเพียงพายุเพลิงอันร้อนแรงเจิดจ้า และหากพิจารณาให้ดี จะมองเห็นออร่าสีเงินของปราณดาบไหลเวียนในทุกทิศทาง
“ที่นี่… ที่ไหน?”
ไม่มีความกลัวใด รุนแรงเท่าความกลัวที่เกิดจากความไม่รู้
เสียงเย็นชาของกริดดังแว่ว
“ฉันรู้จักแกมากพอแล้ว”
คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร.
ปราณดาบภายในโลกจินตภาพ เริ่มหลั่งไหลไปรวมกับสุดยอดทักษะสำหรับสร้างความพินาศ
ปราณดาบสีเงินรูปทรงมังกรจำนวนหลายสิบเส้น พุ่งแหวกอากาศเข้าปะทะร่างครึ่งมังกรอย่างหนักหน่วง
ชีวิตของเฮลทาวอน ผู้ถูกกริดผ่าเป็นสองซีก ได้ดำเนินมาถึงจุดจบโดยสมบูรณ์
จบแล้วสินะมหกรรมการอ่านนิยายนับพันตอน
ReplyDeleteนี่คือความรู้สึกของคนที่รอคอยอยู่สินะ
Deleteมันชั่งยาวนานจิงๆในความรู้สึกเนี่ย
ตอนต่อไปคือการ ยำมังกรให้ร้อง หงิง!!!
ReplyDelete