จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,246
ตามผังเมืองภูเขา ‘เดคัลต้า’ จะอยู่ในเขตการปกครองของจักรวรรดิซาฮารัน แต่เป็นเวลากว่า 200 ปีแล้วที่เผ่าดราโกเนี่ยนทำการยึดครองเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย
ปัจจุบัน ภูเขาเดคัลต้ากลายเป็นดินแดนของชาวดราโกเนียนโดยสมบูรณ์ พวกมันเรียกที่นี่ว่าบ้านเกิดได้อย่างเต็มปาก
แน่นอน หากจักรวรรดิเอาจริงโดยการส่งทัพหลวงมาปราบปรามโดยตรง ไม่มีทางที่เผ่าดราโกเนียนจะต้านทานไหว แต่ก็มีโอกาสต่ำมากที่จักรวรรดิซาฮารันจะลงทุนทำเช่นนั้น
เหตุผลไม่ซับซ้อน รอบจักรวรรดิมีชายแดนกว่า 50 แห่งให้คอยปกป้อง
หากทุ่มกำลังรบมายังจุดเดียว ไม่ต้องสงสัยเลยว่า อำนาจทางฝั่งอื่นจะเกิดการสั่นคลอนสถานหนัก โดยเฉพาะในยุคที่มาดรายังปกครองอาณาจักรลูบาน่า ในทางกลับกัน ภูเขาเดคัลต้าก็มิได้สลักสำคัญจนต้องรีบร้อนทวงคืนจากชาวดราโกเนี่ยน
ยิ่งเมื่อจักรวรรดิเปลี่ยนผ่านยุคสมัย บาซาร่าขึ้นครองอำนาจแทนฮวนเดอร์ นโยบายคืนอิสระให้อมนุษย์ยิ่งลดโอกาสที่จักรวรรดิจะบุกโจมตีดราโกเนียนบนภูเขาเดคัลต้า
‘ไม่มีการแตกตื่นเลยสักนิด’
เฮ่า ผู้มาเยือนภูเขาเดคัลต้าหลังจากทราบข่าวร้ายของเฮเลน่า กวาดตามองไปรอบตัว
นามแห่ง ‘เฮล’ คือตระกูลใหญ่ภายในเผ่า เป็นความภาคภูมิใจที่ได้สืบทอดนามของมังกรบันเฮเลียร์โดยตรง โดยเฉพาะกับเฮเลน่าที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์สำหรับก้าวขึ้นเป็นลอร์ด
แต่กลับกลายเป็นว่า ไม่มีใครเลยที่เศร้าเสียใจกับการจากไปของเธอ
เฮ่าเข้าใจแจ่มแจ้ง
ขณะเฮเลน่ายังเติบโตไม่เต็มที่ ความเห็นอันโผงผางของเธอได้ทำให้ศักดิ์ศรีแสนโอหังของนักรบดราโกเนี่ยนเกิดความระคายเคือง
นักรบดราโกเนี่ยนส่วนมากไม่พอใจเมื่อได้ยินเฮเลน่าประกาศว่า ทางเผ่าควรเลิกเล่นไร้สาระกับจักรวรรดิเสียที และอพยพไปอยู่บนเทือกเขาเคอัสที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ดุร้ายพร้อมกับเธอ
ได้โปรดออกจากกะลาสักที… คล้ายกับเธอพูดแบบนั้นต่อหน้าทุกคน
เล่นไร้สาระ…?
ในความเป็นจริง จักรวรรดิมิได้อ่อนแอตามที่เฮเลน่าผู้ยังอ่อนต่อโลกเข้าใจ
ตลอดร้อยปีที่ผ่านมา นักรบดราโกเนี่ยนทุกตนต่างทำสงครามกับจักรวรรดิโดยเอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพัน
นักรบปลายแถวฝึกฝนเพื่อจะเอาชนะกองทหารและอัศวินทั่วไป นักรบระดับกลางต้องฝึกฝนเพื่อรับมือกับอัศวินสีชาดหลักเดียว และนักรบชั้นสูงต้องฝึกอย่างหนักจนหยาดเหงื่อไหลเป็นสายเลือดเพื่อรับมือกับเหล่ามหาจอมเวท
ดราโกเนี่ยนทุกตนผูกพันธ์กับสงครามอันยาวนานที่ดำเนินมากว่าร้อยปี
แต่เฮเลน่ากลับปฏิเสธสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด แถมยังประกาศว่าจะอพยพชาวดราโกเนี่ยนไปยังเทือกเขาเคอัสแทน
‘ไม่มีนักรบดราโกเนี่ยนคนใดต้องการสู้กับมอนสเตอร์ไร้สมอง…’
เฮเลน่าและลิ่วล้อของเธอยังไม่เข้าใจ
ความแตกต่างระหว่างมอนสเตอร์ที่มีดีแค่ร่างกายแข็งแกร่ง กับมนุษย์ที่แม้จะอ่อนแอกว่าในเชิงสังขาร แต่เทคนิคและกลอุบายนั้นสูงส่งกว่าหลายเท่าตัว
สรุปโดยสั้น การต่อสู้กับมนุษย์จะทั้งสนุกและน่าตื่นเต้นกว่ามอนสเตอร์มาก โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ต้องวางแผนตลบหลังกลยุทธ์ของมนุษย์ที่คอยพลิกแพลงตลอดเวลา
แต่เฮเลน่าที่เอาแต่ต่อสู้กับมอนสเตอร์ คงไม่มีโอกาสได้ศึกษาศาสตร์อันซับซ้อนดังกล่าว
โดยเฉพาะเฮเลน่าที่มีพรสวรรค์สูงลิบจนอัศวินหลักเดียวกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ เธอขาดความกระตือรือร้นที่จะสู้กับมนุษย์มานานแล้ว
‘…จะว่าไปก็คิดถึงเหมือนกัน’
สีหน้าเฮ่าดูเศร้าหมองเล็กน้อย
มันมิได้ประทับใจเฮเลน่าเป็นการส่วนตัว
แต่เป็นความรู้สึกใจหายเมื่อตระหนักว่า ภูเขาเดคัลต้าจะไม่มีเสียงบ่นถึงความน่าเบื่อและอ่อนแอของทหารจักรวรรดิอีกต่อไป
“ตอบรับคำเชิญด้วยหรือ คนที่แทบไม่โผล่หน้ามาให้เห็นเลยเช่นเจ้า”
แม้จะได้ชื่อว่างานศพ แต่บรรยากาศกลับไม่ต่างจากงานรื่นเริงสักเท่าใด
หลังจากเฮ่าก้มหน้าอธิษฐานให้คนตายไปสู่ภพภูมิที่ดี เมื่อลืมตาและเงยหน้าขึ้น มันได้พบกับ ‘บันส์เดล’ ที่กำลังยืนด้านข้าง
“ขอคาวะท่านลอร์ดผู้ไร้เทียมทาน”
ขณะเฮ่าโค้งศีรษะคำนับทักทายอย่างสุภาพ บันส์เดลที่มีสีหน้าบูดบึ้งเล็กน้อย เหยียดแขนออกมาจับมือเฮ่าไว้
“จะไร้เทียมทานอย่างไร ในเมื่อข้ายังคงหวาดกลัวต่อแกรนมาสเตอร์ แถมยังมิอาจเข้าร่วมสงครามด้วยตัวเอง”
“ฮะฮะ…”
เฮ่าทราบดี
บันส์เดลมิได้อ่อนแอ แม้จะเคยมีตำแหน่งเพียงคนรับใช้เฮเลน่าด้วยความสัมพันธ์คล้ายองค์หญิงกับขุนพล
ตรงกันข้าม มันแข็งแกร่งอย่างมาก
บันส์เดลไม่ต้องทำเรื่องไร้สาระอย่างการก่อกบฎเพื่อให้ตัวเองให้กลายเป็นลอร์ด เพราะเหล่านักรบดราโกเนียนต่างเลือกมันด้วยเสียงส่วนใหญ่ของเผ่า
แต่ในความเป็นจริง มันมิได้ชื่นชอบตำแหน่งลอร์ดสักเท่าไร
‘…เพราะนั่นทำให้อาละวาดไม่ได้’
ในร่างบันส์เดลมีเลือกชั่วของมังกรมารไหลเวียนอย่างเข้มข้น หากเข้าสู่สนามรบเมื่อใด เลือดลมจะสูบฉีดจนสติขาดผึ่ง และเริ่มทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในการมองเห็นโดยไม่แบ่งแยกฝ่าย
จะใช้คำว่า ‘ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’ ก็คงไม่เกินความจริงไปนัก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ด้วยพลังของลอร์ดที่ทำให้บันส์เดลแข็งแกร่งขึ้นจากเดิมหลายเท่า หากมันยังอยู่ในแนวหน้าของสนามรบเหมือนเดิม ทัพหน้าจักรวรรดิจะถูกถล่ม และแกรนมาสเตอร์ก็จะปรากฏตัวออกมาขัดขวาง โดยหลังจากนั้น การดวลระหว่างคนทั้งสองจะทำให้กองทัพดราโกเนี่ยนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเนื่องจาก ‘ลอร์ด’ ลงมือทำร้ายพวกเดียวกัน
เป็นเหตุผลที่บันส์เดลไม่ชอบตำแหน่งลอร์ด
มันกังวลว่าพลังของตนจะทำลายสมดุลและนำพานักรบของเผ่าไปสู่ความสูญสิ้น
หากมันทราบตั้งแต่แรกว่าตนจะได้สืบทอดตำแหน่งลอร์ด บันส์เดลคงฝึกควบคุมเลือดชั่วของมังกรมารตั้งแต่ยังเด็ก แต่กลับกลายเป็นว่า บันส์เดลได้ขึ้นเป็นลอร์ดอย่างผิดไปจากความคาดหมายเพราะคะแนนเสียงจากชาวดราโกเนี่ยน มิได้เป็นลอร์ดตามลำดับวาระ ส่งผลให้มิอาจควบคุมเลือดชั่วไปพร้อมกับพลังใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“วันแบบนี้ ไม่มีสุขใดเท่าการร่ำสุราอีกแล้ว”
บันส์เดลถอนหายใจเล็กน้อย พลางเหยียดแขนมาทางถุงสัมภาระของเฮ่าที่เต็มไปด้วยไวน์
หลังจากตรวจสอบฉลาก สีหน้าของบันส์เดลพลันแจ่มใส
“เพราะแบบนี้ ข้าถึงชื่นชอบดราโกเนียนที่เป็นครึ่งมนุษย์”
“ฮะฮะ…”
เฮ่าหวนนึกถึงเหตุการณ์ขณะที่มันกลายเป็นเผ่าดราโกเนี่ยนครั้งแรก
ผ่านมากว่าสิบปีแล้ว
แม้กระทั่งในตอนนั้น บันส์เดลก็ยังอยู่ในความทรงจำของเฮ่าอย่างชัดเจน
หากต้องการได้รับสิทธิ์เปลี่ยนเป็นเผ่าพันธุ์ครึ่งดราโกเนี่ยน เฮ่าต้องคอยขนส่งเหล่าและไวน์ปริมาณมหาศาลมาให้พวกมันดื่มทุกวัน จึงต้องเดินทางไปกลับระหว่างจุดเก็บเลเวล ตัวเมือง และภูเขาเดคัลต้าวันละหลาย ๆ สิบรอบเป็นเวลาสองเดือนเต็ม
ในตอนนั้น เฮ่าเคยมองว่าภารกิจดังกล่าวเป็นการสิ้นเปลืองเวลาโดยเปล่าประโยชน์ แต่หลังจากไตร่ตรองดูอีกครั้ง มันพบกว่าภารกิจส่งสินค้าได้มอบค่าพละกำลัง ความอดทน และความพากเพียรในปริมาณไม่น้อย ส่งผลให้แต้มสถานะสูงกว่าค่าเฉลี่ยผู้เล่นในช่วงเลเวลเดียวกัน ณ ขณะนั้น และชื่อเสียงของเฮ่าก็เริ่มขึ้นจากจุดดังกล่าว
แต่แน่นอน เฮ่าไม่เคยรู้สึกขอบคุณบันส์เดล
เนื่องจากค่าเหล้าค่าไวน์ที่ตนต้องจ่ายให้ดราโกเนียนระยำตนนี้มีมูลค่ามหาศาลจนนับไม่หวาดไม่ไหว!
ทุกครั้งที่ได้รับภารกิจหลักเกี่ยวกับเผ่า ภารกิจย่อยจะต้องเป็นการซื้อเหล้ามาบรรณาการให้เสมอ เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมมันจึงชอบบันส์เดลไม่ลง
เฮ่าไม่อยากอยู่ที่นี่นานนัก รีบซักเข้าประเด็น
“แล้วตกลงว่า ท่านเชิญข้ามาทำไม? คงไม่ได้แค่ให้มาร่วมงานศพหรอกใช่ไหม…”
แม้แต่ในหมู่ดราโกเนี่ยน ตัวตนของเฮ่าก็ยังค่อนข้างพิเศษ
ในฐานะมนุษย์ มันสามารถแทรกซึมเข้าไปในสังคมมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จึงสามารถทำภารกิจอันหลากหลายที่ดราโกเนี่ยนทั่วไปไม่มีโอกาส
“หืม… ใจร้อนจังนะ”
บันส์เดลยักไหล่พลางเปิดขวดไวน์
“ข้าต้องการให้เจ้าสืบหาคนร้ายที่ฆ่าเฮเลน่า”
“…?”
“ใช่แล้ว… ในฐานะที่หล่อนเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ของลอร์ด ข้าจำเป็นต้องตามหาฆาตกรให้พบและแก้แค้นมัน เพื่อศักดิ์ศรีและเกียรติยศของเผ่าเรา!”
“ฆาตกร? เธอมิได้ตายบนเทือกเขาเคอัสหรือ? เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ฆาตกรก็ควรเป็นเพียงมอนสเตอร์ธรรมดา”
“ข้าลองไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว ไม่ว่าหล่อนจะก้าวร้าวและบ้าบิ่นมากเพียงใด แต่ก็ไม่สมเหตุสมผลที่เฮเลน่าจะสู้กับมอนสเตอร์จนถึงแก่ความตาย หรือก็คือ เฮเลน่ามิได้ถูกสังหารโดยฝีมือมอนสเตอร์ แต่สิ่งมีชีวิตทรงปัญญา ซึ่งข้าเดาว่าเป็นชาวมนุษย์”
“…!”
ในทางสามัญสำนึก เฮ่าควรมองว่าเรื่องเช่นนี้เหลวไหลทั้งเพ
แต่ชื่อของชายคนหนึ่งกลับผุดขึ้นในหัว
และช่างบังเอิญ บุคคลดังกล่าวเพิ่งสังหารดราโกเนี่ยนในเมืองฟรอนเทียร์ไปเมื่อไม่กี่วันก่อนตามเวลาโลกจริง
‘ท้องฟ้า’ กริด
บางที
ถ้าเป็นเขา บางทีเฮเลน่าอาจถูกโค่น…
‘…ไม่สิ ไม่มีทาง ถึงจะเป็นกริด แต่การดวลกับเฮเลน่าตามลำพังก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแน่’
ทว่า กริดมีอัศวินและพวกพ้อง
เมื่อหวนนึกถึงประเด็นดังกล่าว เฮ่าเริ่มเย็นเฉียบไปถึงกระดูกสันหลัง
‘หรือข่าวลือที่ว่า พวกนายเก็บเลเวลบนเทือกเขาเคอัสจะเป็นความจริง…’
หลังจากถูกโจมตีโดยดราโกเนี่ยน กริดได้รวบรวมพวกพ้องและตามขึ้นไปแก้แค้นถึงค่ายพักบนเทือกเขาเคอัส จากนั้นเชือดเฮเลน่าทิ้งและเก็บเลเวลตรงนั้นต่อทันที?
แม้จะฟังดูเหมือนเหลวไหล แต่ถ้าอีกฝ่ายคือกริดและกิลด์โอเวอร์เกียร์ เรื่องก็นี้อาจเป็นไปได้
ไม่สิ มันต้องเป็นแบบนั้นแน่…
เพราะนี่คือคำอธิบายเดียวว่า ทำไมพวกเขาถึงมีเลเวลก้าวกระโดดภายในช่วงไม่กี่วันหลัง
ถ้อยคำของบันส์เดลยังคงดังต่อเนื่อง
“ข้าได้ยินมาว่า ใกล้กับเทือกเขามีเมืองของมนุษย์นามว่าฟรอนเทียร์ จงเริ่มสืบจากตรงนั้น”
ชิ้ง~
ข้อมูลภารกิจปรากฏตรงหน้าเฮ่า
เป็นภารกิจให้ตามหาว่าใครฆ่าเฮเลน่า จากนั้นก็รายงานให้บันส์เดลทราบ
แต่เงื่อนไขในการสำเร็จภารกิจมีสองข้อ
หนึ่ง ตามหาตัวคนร้ายให้พบ หรือสอง นำหัวใจที่ถูกบันเฮเลียร์อวยพรกลับไปคืน
‘เข้าใจแล้ว.. เป้าหมายของบันส์เดลคือหัวใจ’
ดังที่เคยกล่าวไปข้างต้น บันส์เดลได้ก้าวขึ้นเป็นลอร์ดอย่างเร่งรัด จึงอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์สักเท่าไร แต่หัวใจที่ดรอปจากเฮเลน่าจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากผสานหัวใจเข้ากับตัวเองสำเร็จ มันจะกลายเป็นลอร์ดที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของเผ่า
‘แต่ว่า…’
แม้จะมีของรางวัลมหาศาลหลอกล่อ แต่เฮ่าก็ยังลังเลที่จะรับภารกิจ
เพราะถ้าบุคคลผู้ที่สังหารเฮเลน่าเป็นกริดจริง การรับภารกิจคราวนี้ค่อนข้างจะไม่เหมาะสม
อุตส่าห์สร้างความสัมพันธ์กับกริดมานานจนต่างเชื่อใจกันและกัน จะให้ทำพังเพียงเพราะภารกิจหนเดียว…?
‘…แต่’
อายุขัยของภารกิจคือ 1 ปี
มีเวลามากพอจะให้พูดคุยปรึกษากับกริด
หลังจากตัดสินใจว่า ตนสามารถใช้ภารกิจหนนี้พลิกกลับสถานการณ์ภายในเผ่า เฮ่าตัดสินใจรับทำภารกิจโดยไม่รีรออีกต่อไป
“เชื่อมือข้าได้เลย”
“ได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจ”
บันส์เดลฉีกยิ้มกว้าง
แต่มันมิได้รู้ตัวเลยว่า
บริวารที่ไว้เนื้อเชื่อใจ ความจริงแล้วคือขุนพลตัวเป้งจากกองทัพฝ่ายศัตรู
อิทธิพลและอำนาจของกริดกำลังแผ่ขยายไปทั่วโลกอย่างลับ ๆ
***
เมืองทาลิม่าของคนแคระมักมีตำนานและเรื่องเล่าอันน่ามหัศจรรย์อยู่เสมอ
ดังเช่น ชาวนาจะทำนาด้วยจอบเกรดอีปิกหรูหรา สตรีจะซักผ้าด้วยไม้กระบองเกรดยูนีค และแผงลอยบนถนนจะเต็มไปด้วยไอเท็มเกรดเลเจนดารีวางขายเกลื่อนกลาด
มีข่าวลือสุดอัศจรรย์มากมายที่ผู้คนไม่เชื่อว่านั่นคือความจริง
เฉกเช่นผู้เล่นสมาชิกวิหารยาธาน
หลังจากอพยพมาถึงเมืองทาลิม่าด้วยความช่วยเหลือจากวิวรณ์ของอาโมแรค พวกมันมิได้คาดหวังความวิเศษจากทาลิม่ามากนัก
แต่กลับกลายเป็นว่า ทุกสิ่งอยู่เหนือความคาดหมายโดยสิ้นเชิง ทิวทัศน์สองข้างทางเต็มไปด้วยความตระการตา
วังสีทองส่องระยิบระยับภายใต้แสงอาทิตย์
ไอเท็มเกรดยูนีคและเลเจนดารีถูกวางขายเต็มแผงลอยสองข้างทาง
แตกต่างจากอาณาจักรอื่นในซาทิสฟายที่ถูกตั้งค่าให้เป็นธีมยุคกลาง สถาปัตยกรรมและเทคโนโลยีของคนแคระก้าวล้ำไปกว่านั้น
“แม้แต่ปืนฉีดน้ำเด็กเล่นก็เป็นเกรดยูนีคด้วยหรือ…”
“คิดว่านะ…”
“…”
ผู้เล่นส่วนใหญ่ล้วนทราบและเคยเห็นกับตามาแล้วว่า ทหารและชาวนาของกิลด์โอเวอร์เกียร์ล้วนสวมใส่อุปกรณ์เกรดแรร์และอีปิก ไม่ว่าจะทำนาหรือออกรบก็ตาม
ดังนั้นพวกมันจึงมั่นใจ ต่อให้ข่าวลือเป็นความจริงเกินครึ่ง แต่ตนก็จะไม่ตกตะลึงหากได้เห็นความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีของเมืองทาลิม่า
ทว่า ทุกสิ่งภายในทาลิม่ากลับอยู่เหนือความคาดหมายโดยสิ้นเชิง เป็นความจริงอันน่าตกตะลึงที่ทำให้ผู้เล่นยาธานเกิดความหวาดหวั่น
“อันนี้ราคาเท่าไร”
“1,555,000,999 เหรียญทอง”
“…”
ที่นี่เป็นเมืองในจินตนาการรึไง…?
ความทระนงตนอันบิดเบี้ยวของคนแคระสูงเสียดฟ้าจนเกินพอดีไปมาก ราคาสินค้าจึงถูกตั้งจากคุณค่าและความพึงพอใจของผู้ผลิต พวกมันมองว่าไม่ใช่เรื่องแปลกหากงานฝีมือเกรดอีปิกของตนจะขายได้ในราคา 1.5 พันล้านเหรียญทอง ดังนั้น ถึงท้องตลาดจะเต็มไปด้วยไอเท็มคุณภาพสูงวางเรียงราย แต่ก็ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่คนทั่วไปสามารถเอื้อมถึง
โรสขมวดคิ้วชนกัน หันไปถามข้ารับใช้ยาธานลำดับสองที่เดินอยู่ด้านข้าง
“ฉันได้ยินมาว่า คนแคระตัดขาดจากโลกภายนอกมาหลายสิบปี แต่ทำไมพวกมันถึงไม่ประหลาดใจที่เห็นเรามาเยือน?”
“เป็นเพราะพวกมันเป็นแค่ไอ้งั่งที่ไม่รู้อะไรเลยนอกจากงานฝีมือของตัวเอง ไม่คิดแยแสสิ่งอื่นใดอีกแล้ว การเดินเตร็ดเตร่ของพวกเราจึงไม่ได้อยู่ในสายตา”
“บ้าบอสิ้นดี…”
“ฮะฮะ! แต่ก็ต้องขอบใจความโง่พวกมัน ภารกิจของเราจึงสำเร็จอย่างง่ายดาย”
บรรดาข้ารับใช้ยาธาน รวมไปถึงผู้เล่นวิหารยาธานอีกหลายร้อย ทุกคนสามารถย่างกรายเข้าสู่ทาลิม่าโดยไม่ถูกต่อต้านหรือกีดกันจากคนแคระแม้แต่น้อย
หลังจากค้นพบรอยแยกที่เป็นเป้าหมายภารกิจ ฝ่ายวิหารยาธานเตรียมประกอบพิธีกรรมครั้งใหญ่โดยไม่รีรอ
“ในคราวนี้ โลกมนุษย์จะถูกเปลี่ยนเป็นให้เป็นขุมนรกอย่างแท้จริง!”
ขั้นต่ำคือ 5
ตัวเลขดังกล่าวคือจำนวนจอมอสูรที่วิหารยาธานคาดว่าจะโผล่ขึ้นมาอาละวาด
ตามทันสักที
ReplyDeleteตอนสู้กับ บีฟรองเซ่ ที่เป็นเทวทูตตกสวรรค์ กับสงครามกับเทวทูตตอนไหนอ่ะ ไม่ได้อ่านนานลืมละ
ReplyDelete