จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,243
‘เฮเลน่าเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถหยุดสัตว์ประหลาดเหล่านี้…’
เมื่อคิดได้เช่นนั้น คาเบตัดสินใจเลี่ยงเส้นทางเจ้าเขาเพื่อมิให้เสียเวลา ปาร์ตี้ที่นำโดยกริดจึงมุ่งหน้าไปยังค่ายพักดราโกเนี่ยนโดยปราศจากความเสี่ยงหรือภัยอันตราย
ระหว่างทางเกิดการเปลี่ยนแปลงในบางเรื่อง
สำหรับเหล่าสิบวีรชน ค่าประสบการณ์ที่ได้รับจากการมุ่งหน้าเช่นฆ่ามอนสเตอร์เพียงอย่างเดียว กลับสูงกว่าเมื่อครั้งที่ต้องคอยล่าบอสเจ้าเขาไปด้วยถึงสามเท่า
แต่งต่างถึงขนาดที่ว่า คริสผู้เคยได้รับค่าประสบการณ์ 0.2% ภายใน 4 ชั่วโมง ปัจจุบันได้รับ 0.5% ภายใน 4 ชั่วโมง
“ขอบคุณมาก บราฮัม”
ตามปรกติแล้ว คริสที่มีเลเวล 397 มักได้รับค่าประสบการณ์ 5 ถึง 6% ต่อหนึ่งสัปดาห์ นี่คือตัวเลขที่เกิดจากการสละตำแหน่งบริหารทั้งหมดและทุ่มเทเวลาให้กับการเก็บเลเวลภายในวิหารกัลกุนอสเพียงอย่างเดียว
ในบางครั้งอาจโชคดีได้พบภารกิจลับ ค่าจึงประสบการณ์ก้าวกระโดดกว่าปรกติ แต่นั่นก็ต้องพึ่งพาดวงพอสมควร
คริสจึงรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของบราฮัม หากไม่มีมหาจอมเวทในตำนานคอยสนับสนุนปาร์ตี้ มันเดาไม่ออกเลยว่าตนจะได้เก็บเลเวลแบบหรูหราเช่นนี้อีกเมื่อไร
บราฮัมตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นชาแม้ว่าจะถูกคริสกล่าวชื่นชม
“อย่าถ่วงกริดเป็นพอ”
สาเหตุที่บราฮัมยอมทำดีกับสิบวีรชนฯ นั้นไม่อะไรซับซ้อน ทั้งหมดเพียงเพื่อกริด
เพราะกริดต้องการให้สิบวีรชนเติบโต บราฮัมจึงยื่นมือช่วย มิใช่เพราะปรารถนาดีกับอีกฝ่าย
คริสเผยรอยยิ้มขื่นขมเมื่อได้ยินคำตอบที่ปราศจากการปรุงแต่ง
มันนึกสงสัยว่ากริดต้องพยายามมากเพียงใดกว่าจะซื้อใจ NPC ที่เย็นชาเช่นนี้สำเร็จ
และยิ่งน่าทึ่งกว่าเดิมเมื่อพิจารณาว่า คริสและสิบวีรชนคนอื่นต้องตัดขาดจากทุกสิ่งเพื่อก้มหน้าเก็บเลเวลไล่ตามอย่างบ้าคลั่ง แต่กริดที่เป็นอันดับหนึ่งของโลก กลับยอมสละเวลาส่วนตัวมาช่วยพวกพ้องอัปเลเวลอย่างใจกว้าง
ในทางกลับกัน กริดกำลังขมวดคิ้ว
‘ค่าประสบการณ์ไม่พุ่งอย่างที่คิด…’
ความลับที่ทำให้หลอดค่าประสบการณ์ของกริดเพิ่มสูงกว่าทุกคนในตอนแรก ถูกซ่อนอยู่ในการล่าบอส ‘เจ้าเขา’
เมื่อเทียบกับเวลาที่เสียไป ค่าประสบการณ์จากการล่าบอสระดับเทวตำนาน จะมากกว่าการฆ่ามอนสเตอร์ทั่วไปหลายสิบเท่าตัว
ยิ่งเมื่อนำไปเทียบกับคริส ค่าประสบการณ์ที่กริดได้รับจากการฆ่ามอนสเตอร์ธรรมดานั้นน้อยกว่ามาก โชคยังดีที่มีพรมังกรของเนเฟลิน่า รวมไปถึงทักษะติดตัวจากดาบอัสนีฯ กริดจึงยังพอจะไล่ตามค่าประสบการณ์คนอื่นได้ทัน
เรื่องนี้เข้าใจได้ไม่ยาก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความแตกต่างของเลเวล
แต่เราไม่เข้าใจเลยสักนิด… ทำไมการล่าบอสเจ้าเขาถึงได้ค่าประสบการณ์มากขนาดนั้น…
‘หรือว่า…!’
หรือระบบบรรลุมองว่าการล่าบอสเป็นกิจกรรมพิเศษ จึงเพิ่มค่าประสบการณ์ด้วยสูตรคำนวณใหม่ ส่งผลให้ได้รับค่า EXP มหาศาล…
สำหรับกริด นี่คือสุดยอดข่าวดี
แต่ไหนแต่ไร เลเวลของกริดมาจากการล่าบอสมากกว่าเก็บเลเวลเป็นส่วนใหญ่
แตกต่างจากคนอื่นที่ไม่สามารถล่าบอสตัวคนเดียวได้ กริดเคยทำเช่นนั้นบ่อยครั้งในอดีต จึงไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า กริดได้ประโยชน์จากระบบบรรลุมากกว่าผู้เล่นคนใดในโลก
‘บางที…’
อนาคตอาจสดใสกว่าที่คิด!
ในอีกหนึ่งถึงสองปี ค่าเฉลี่ยเลเวลผู้เล่นทั่วโลกคงแตะระดับ 300 และเมื่อถึงตอนนั้น กริดเชื่อว่าตนสามารถไปถึงเลเวล 500 ได้
หากเป็นเช่นนั้นจริง เลเวลของ NPC พิเศษที่เติบโตโดยอ้างอิงจากค่าเฉลี่ยผู้เล่นเป็นหลัก ก็จะถูกกริดลดช่องว่างลงจากเดิมอย่างมาก
และโอกาสฆ่าเทพตกสวรรค์ก็จะมาถึง…
ครุ่นคิดถึงมาถึงจุดนี้ กริดเริ่มเอาจริงเอาจังกับเก็บเลเวลให้ตัวเอง
ในช่วงก่อนหน้า เนื่องจากกังวลว่าอาจถูกกองทัพดราโกเนี่ยนลอบโจมตีเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในสันเขาที่สอง ชายหนุ่มจึงพยายามถนอมทักษะไว้ มิได้ใช้งานทักษะชนิดใดออกมาเลย
ไม่แม้กระทั่งท่ารำดาบหนึ่งชนิด
ฉัวะฉัวะฉัวะ!
“…!”
สิบวีรชนต่างชะงักพร้อมกัน
มอนสเตอร์ ณ สันเขาที่ห้า
ต้องขอบคุณดีบัฟจากบราฮัมและถ้อยคำด่าทอของฮิวรอยจนมอนสเตอร์อ่อนแอลงหลายระดับ สิบวีรชนจึงสามารถโค่นพวกมันได้ด้วยเวลาเฉลี่ยเพียง 15 วินาทีต่อหนึ่งตัว
นี่คือมอนสเตอร์ระดับ 430
สิบวีรชนต่างมองหน้ากันด้วยความภูมิใจว่าพวกตนคือผู้เล่นแถวหน้าของโลก และหลังจากนี้จะไม่เป็นตัวถ่วงกริดอีกต่อไป
ศักดิ์ศรีของทุกคนกำลังพุ่งผงาดค้ำฟ้า
จนกระทั่ง
ฉับ!
ฉึบ!
ฉัวะ!!
โฮกกก!
กริดบดขยี้ศักดิ์ศรีพวกมันทิ้งในเสี้ยววินาที
เมื่อเห็นหัวหน้าของตนเปลี่ยนมอนสเตอร์ให้กลายเป็นละอองแสงสีดำด้วยการโจมตีครั้งเดียว สิบวีรชนพลันตระหนักถึงข้อเท็จจริงใหม่
‘เขาไม่ได้ใช้ทักษะเลยจนถึงเมื่อครู่…’
เมื่อไม่กี่นาทีก่อน กริดสังหารมอนสเตอร์ด้วยค่าเฉลี่ย 5 วินาทีต่อหนึ่งตัว
ถือว่าเร็วว่าสิบวีรชนสามเท่า
ในสายตาสิบวีรชน พวกมันย่อมเข้าใจว่าภายในห้าวินาทีดังกล่าว คงมีการใช้ทักษะสอดแทรกเข้ามาเป็นครั้งคราว
แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย
นับตั้งแต่ <วิชาดาบแพ็กม่า> วิวัฒนาการกลายเป็น <วิชาดาบกริด> การตะโกนชื่อท่าก็ไม่สำคัญอีกต่อไป จึงไม่แปลกที่พวกมันจะเกิดความสับสน
“…ไม่ได้ล้อกันเล่นใช่ไหม”
จุดอ่อนของท่ารำดาบคือระยะหน่วง ดังนั้น หลังจากใช้ทักษะออกไป สิ่งที่ตามมาย่อมเป็นการโจมตีธรรมดา
ขณะยืนดูกริดกวัดแกว่งดาบฆ่าฟันมอนสเตอร์ด้วยการโจมตีธรรมดา เหล่าสิบวีรชนต่างทำได้เพียงอ้าปากค้างอยู่เช่นนั้น
ระเบิดเพลิงสีดำ สายฟ้าสีแดง เสาหินพุ่งกระแทก และปราณต่อสู้อันเร่าร้อน
เมื่อผสานสมญานามสุดโหดเข้ากับความโอเวอร์เกียร์และแต้มสถานะจากการผลิตไอเท็ม การโจมตีที่ทรงพลังเทียบเท่าท่าไม้ตายของใครสักคน ความจริงแล้วเป็นเพียงการฟันธรรมดาของกริด มิใช่ทักษะอันใด
“…คงใกล้ถึงเป้าหมายแล้ว”
กร็อบ!
นกโบราณเลเวล 470 ถูกกริดยิงปีกจนพรุนด้วยศรเวท เมื่อร่วงหล่น ชายหนุ่มเปิดฉากด้วย ‘สยบ’ และปิดฉากด้วย ‘สังหาร’ จากนั้นก็ใช้เท้าเหยียบศีรษะขนาดใหญ่พลางยืนปาดเหงื่อ
ฉากรอบตัวกริดเต็มไปด้วยศพมอนสเตอร์ที่กำลังกลายเป็นละอองแสงสีเทา
สิ่งนี้หมายความว่า มอนสเตอร์ตัวใหม่ถูกฆ่าตายก่อนที่มอนสเตอร์ตัวเก่าจะสลายหายไปโดยสมบูรณ์
ขณะสิบวีรชนกำลังยืนชื่นชม เหล่าอัศวินของกริดที่เงียบงันมาสักพัก ก้าวเท้าออกไปด้านหน้า
“ฝ่าบาท หลังจากนี้ให้พวกเรานำหน้าเอง”
ภายในสันเขาที่หก มอนสเตอร์ช่วงแรกอาจมีระดับไม่ต่างจากสันเขาที่ห้ามากนัก เลเวลประมาณ 400 ตอนต้น แต่ยิ่งเดินเข้าไปลึกมากเท่าไร มอนสเตอร์เลเวล 400 ตอนปลายก็ยิ่งปรากฏตัว
หากคาเบมิได้โกหก ค่ายพักของดราโกเนี่ยนควรจะอยู่ไม่ไกลจากที่นี่
‘พวกมันไม่มีทางตั้งรกรากในสันเขาที่ 7 แน่’
กริดตระหนักถึงศักยภาพของดราโกเนียนอย่างทะลุปรุโปร่ง ระดับของนักรบชั้นสูงที่เคยน่าหวั่นเกรง ความจริงแล้วยังเทียบชั้นเจ็ดดยุคไม่ได้ด้วยซ้ำ ฝีมือเฉลี่ยโดยรวมจึงไม่น่าจะอาศัยอยู่บนสันเขาที่ 7 ไหว
‘จริงอยู่ ตัวจ่าฝูงอาจมีระดับสูงกว่าปรกติ แต่ก็คงไม่ต่างไปจากเทรูชานสักเท่าไร…’
แล้วทำไมถึงกล้าได้บุกรุกฟรอนเทียร์ด้วยพลังอ่อนแอเช่นนี้?
‘…น่าขันชะมัด’
พวกโง่ที่ไม่รู้จักเจียมตัว
นั่นคือนิยามของดราโกเนี่ยนในสายตากริด
แน่นอน นี่เป็นการประเมินที่ผิด
ทวีปตะวันตกมักมีคำกล่าวอยู่ว่า อัศวินสีชาดหลักเดียวแข็งแกร่งถึงขนาดบุกถล่มอาณาจักรเล็กได้ตามลำพัง
พลังของเฮเลน่า ที่รวมเข้ากับนักรบชั้นสูงอีกจำนวนห้าตน ไม่ใช่แค่ฟรอนเทียร์ แต่พวกมันสามารถยึดครองอาณาจักรทั่วไปได้ไม่ยาก
เพียงแต่โอเวอร์เกียร์ไม่ใช่อาณาจักรทั่วไป
สาเหตุที่เผ่าดราโกเนี่ยนยึดครองฟรอนเทียร์ล้มเหลวมิใช่เพราะพวกมันอ่อนแอ แต่เป็นเพราะโอเวอร์เกียร์แข็งแกร่งผิดธรรมชาติต่างหาก
“…!”
ด้านหน้าสุด คาเบ นักรบดราโกเนี่ยนระดับต่ำที่กำลังเดินนำปาร์ตี้กริด แขนขาของมันพลันสั่นระริกกะทันหัน
ตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา คาเบย่อมเห็นความทรงพลังของชาวนา แวมไพร์จิ๋ว และเหล่าอัศวินที่อาสาเดินนำหน้าแถวเหล่านี้
หากไม่นับคนที่ดูอ่อนแอที่สุด รู้สึกจะชื่อจู๊ดกระมัง เกือบทั้งหมดล้วนมีฝีมือไม่ต่างจากกริดมากนัก…
เมื่อคนกลุ่มดังกล่าวเดินขึ้นมายืนหน้าแถว คาเบเกิดความตึงเครียดฉับพลัน เริ่มกังวลว่าแม้แต่เฮเลน่าก็อาจรับมือคนเหล่านี้พร้อมกันในคราวเดียวไม่ไหว
‘หากท่านเฮเลน่าหวังชัยชนะ ก็ต้องจัดการกับพวกกระจอกด้านหลังให้หมด’
ขณะคาเบแอบชำเลืองไปยังสิบวีรชนที่เดินรั้งท้ายแถว ด้วยสีหน้านึกเสียดาย
“โจมตี”
เสียงคาเบที่คุ้นเคยดังขึ้น
สายตาทุกคู่หันไปมองตามต้นเสียง
ณ ผาชันในจุดที่ดูเหมือนไม่น่าจะขึ้นไปยืนได้
ลำแสงสีดำ 5 เส้นกำลังพุ่งเข้าใส่กลุ่มปาร์ตี้กริดอย่างพร้อมเพรียง
“ถอยไป!!”
ลมหายใจดราโกเนี่ยน
เสาลำแสงจำนวนห้าเส้นที่ซุ่มยิงออกมาโดยไม่ทันให้ตั้งตัว ถูกเจาะจงเล็งใส่สิบวีรชนด้านหลังขบวนแถวเป็นพิเศษ
หมายความว่าเผ่าดราโกเนี่ยนจำแนกได้อย่างชัดเจนว่าใครแข็งแกร่งและใครอ่อนแอภายในกลุ่มคณะเดินทาง
ซู่วววว!!
กริดที่ตอบสนองได้เร็วกว่าใคร รีบคว้าตัวยูร่าและจิสึกะไว้ในอ้อมแขน พร้อมกับตั้งรับด้วยโล่แสงศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างไว้เป็นของสำรอง
ชายหนุ่มสัมผัสได้ชัดเจนว่า ในวินาทีที่ลมหายใจปะทะกับผิวโล่ พลังทำลายของมันถูกลดทอนลงหลายระดับ
บึ้ม!
กริดบิดองศาโล่เล็กน้อย ส่งผลให้ลำแสงพุ่งแฉลบกระจัดกระจายไปรอบตัว
เช่นเดียวกันกับเมอร์เซเดส อัสโมเฟล และโนลล์ พวกมันช่วยปกป้องสิบวีรชนด้วยโล่ในมือ รวมถึงเวทมนตร์ อาศัยเทคนิคเดียวกับกริดคือการบิดองศาโล่ให้คลื่นพลังสะท้อนออกไปทางอื่น
แต่มีอยู่หนึ่งคน
“อึ่ก…!”
ปิอาโร่ยังคงปลุกปล้ำอยู่กับลมหายใจสีดำเส้นหนึ่ง มิอาจสลัดออกได้ง่ายเหมือนคนอื่น ต้นไม้ใหญ่สองต้นที่ปลูกขึ้นเพื่อกีดขวางเส้นทางการพุ่งของลมหายใจ เริ่มโยกคลอนหนักหน่วงพร้อมกับเกิดเสียงเปลือกไม้ปริแตก
ปิอาโร่ที่ใช้สองมือยันไว้กำลังมีสีหน้าไม่ดีนัก
“ปิอาโร่!”
“เซอร์ปิอาโร่!”
กริด เมอร์เซเดส และอัสโมเฟลต่างพุ่งตัวเข้าไปด้วยความเร็วสูง ชนิดมองไม่ทันว่าใครก่อนใครหลัง พวกมันช่วยถ่ายกำลังแขนไปยังแผ่นหลังของปิอาโร่ บางส่วนช่วยยันต้นไม้
ทันใดนั้น ดวงตาทุกคนพลันเบิกกว้าง
เพราะพลังทำลายที่แฝงมากับลมหายใจได้ก้าวข้ามจินตนาการพวกมันไปไกล
อวัยวะสำคัญของกริด เมอร์เซเดส และอัสโมเฟลที่สัมผัสกับแผ่นหลังปิอาโร่โดยตรง เริ่มสั่นระริกอย่างมิอาจควบคุม
“แค่ก!”
อัสโมเฟลกระอักเลือดเป็นคนแรก
ใบหน้าของมันแปรเปลี่ยนเป็นม่วงคล้ำ
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดปล่อยมือออกจากแผ่นหลังของปิอาโร่
และนั่นทำให้มันถูกเลือกเป็นเหยื่อ
“กล้าบุกมาหาถึงถิ่น ทั้งที่อ่อนหัดจนมิอาจทนได้กระทั่งลมหายใจเนี่ยนะ… ช่างน่าขัน”
ดราโกเนี่ยนสาวตนหนึ่งปรากฏกายด้านหน้าอัสโมเฟลในระยะประชิด
ด้วยเส้นผมสีส้มสว่างจนคล้ายดวงอาทิตย์ลงมาเฉิดฉายเบื้องล่าง ฉากตรงหน้าทำให้ทัศนียภาพของทุกคนเริ่มพร่ามัว
เมอร์เซเดสตอบสนองเป็นคนแรก แกว่งดาบแทงใส่อย่างแม่นยำ แต่กลับมิอาจรีดพลังทำลายที่แท้จริงออกมาได้ เนื่องจากมือข้างหนึ่งยังต้องคอยประคับประคองปิอาโร่
และดูเหมือนอีกฝ่ายจะอ่านขาด
หญิงสาวชาวดราโกเนี่ยนมิได้หวาดกลัวต่อคมดาบเมอร์เซเดสแม้แต่น้อย
เคร้ง!
เกล็ดบนหัวไหล่ทั้งลื่นและแข็ง ปลายดาบของอัศวินสาวจึงแฉลบออกไปด้านหลัง
ฉึก!
กรงเล็บแหลมคมกะซวกช่องท้องอัสโมเฟลอย่างโหดเหี้ยม
“อัสโมเฟล…!”
โทสะกริดพลันเดือดดาลเมื่อได้เห็นพวกพ้องกำลังเผชิญวิกฤติ แต่มันเลือกที่จะไม่วู่วาม
กริดตัดสินใจประเมินฝีมือที่แท้จริงของศัตรูอย่างรอบคอบเสียก่อน เพราะอีกฝ่ายแข็งแกร่งมากพอจะทำให้ปิอาโร่ขยับร่างกายไม่ได้ไปพักใหญ่ด้วยการพ่นลมหายใจเพียงครั้งเดียว และยังทำให้พลังชีวิตอัสโมเฟลหายไปหนึ่งส่วนสามของหลอดด้วยการโจมตีเพียงหนึ่งหน หากบุ่มบ่ามใจร้อน ตนจะกลายเป็นเหยื่อคนที่สาม
ชายหนุ่มรักษาความสุขุม ไม่ปล่อยให้ความโกรธครอบงำจิตใจ รอจนกระทั่งปิอาโร่ฟื้นคืนจากอาการผิดปรกติ จึงค่อยปล่อยมือออกจากแผ่นหลังและปรี่เข้าโจมตีใส่อีกฝ่าย
เพียง 0.5 วินาที
นั่นคือระยะเวลาที่ดราโกเนี่ยนสาวชำเลืองกริดก่อนจะหันไปมองคนอื่น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพ่นลมหายใจสีดำพุ่งเข้าหากริดด้วยความเร็วสูง
‘จะสักแค่ไหนกันเชียว!’
เปรี้ยง!
“…!?”
สันหลังของกริดที่ตั้งโล่แสงศักดิ์สิทธิ์เพื่อหวังป้องกันลมหายใจสีดำ พลันเย็นวาบ
นั่นเพราะลมหายใจจากดราโกเนี่ยนสาวแทบไม่ลดทอนพลังลงแม้จะปะทะเข้ากับผิวโล่แสงศักดิ์สิทธิ์ แถมยังมาพร้อมดีบัฟจำนวนมาก
[ท่านสัมผัสกับลมหายใจแฝงจิตชั่วร้ายของมังกร ออร่าอันทรงพลังภายในลมหายใจทำการข่มขวัญร่างกายท่าน ท่านไม่สามารถเคลื่อนที่ได้เป็นเวลา 5 วินาทีหรือจนกว่าลำแสงลมหายใจจะหายไป]
[ต้านทานล้มเหลว]
[จิตชั่วร้ายของมังกรส่งผลให้ร่างกายของท่านเน่าเปื่อยจากภายใน เกิดอาการผิดปรกติ ‘ติดพิษ’ อาการผิดปรกติ ‘เลือดไหล’ และอาการผิดปรกติ ‘ช้ำใน’]
[ท่านต้านทาน]
[จิตชั่วร้ายของมังกรสาปแช่งท่าน ภายใน 10 วินาทีหลังจากนี้ เวทมนตร์ทุกชนิดจะร่ายช้าลงสองเท่า อัตราความแม่นยำและหลบหลีกลดลง 80% เป็นเวลา 5 วินาที]
[ต้านทานล้มเหลว]
ดีบัฟที่ไม่สนใจค่าต้านทาน
สุดยอดพลังซึ่งควรจะเป็นของตัวตนระดับ ‘ตัวตนสัมบูรณ์’ กำลังเล่นงานกริดอย่างหนักหน่วง
ดวงตาอันสั่นระริกของชายหนุ่มจดจ้องไปยังชื่อเหนือศีรษะของดราโกเนี่ยนสาว
เฮเลน่า—ตัวอักษรมีสีสุกสว่างและส่องประกายระยิบระยับมากเป็นพิเศษ
เจอศึกหนักแล้วก็อดกริด
ReplyDelete