จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,238
“ดูกำแพงสูงนั่นสิ เอาแต่ใช้ชีวิตในที่แบบนั้น ไม่รู้สึกอึดอัดบ้างหรือไง”
“ยิ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอเท่าไร ก็ยิ่งหวาดกลัวและรวมตัวเป็นกลุ่มใหญ่มากเท่านั้น หากไม่มีอะไรคอยปกป้องคุ้มครอง พวกมันคงข่มตานอนไม่หลับ”
“ฮะฮะ! ของแบบนี้ไม่มีประโยชน์เลยสักนิด”
ทุ่งหิมะกำลังถูกฉาบด้วยแสงแดดยามเช้า
พรึบ!
ดราโกเนี่ยมสามตนสยายปีกกว้าง บินตรงไปทางกำแพงเมืองฟรอนเทียร์ด้วยความเร็วสูง
เมื่อพบความผิดปรกติ พลธนูรักษาการณ์ง้างศรยิงตามสัญชาตญาณที่ถูกฝึก เป็นเวลาเดียวกับที่ผู้บังคับการหอคอยตะโกนออกคำสั่ง
“หยุดก่อน!!”
แต่สายเกินไป
ศรหกนัดที่พุ่งออกไปในอากาศ ย้อนกลับมาทำร้ายคนยิงทั้งหมด
“บัดซบ!”
คิดไม่ถึงว่าพลธนูจะตอนสนองได้เร็วขนาดนี้ ในบางครั้ง การฝึกหนักเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี…
ผู้บังคับการหอคอยตัดพ้อเมื่อเห็นทหารหนุ่มเสียชีวิตไปอย่างสูญเปล่า มันรีบสั่นระฆังยักษ์ส่งสัญญาณเข้าไปในเมือง
แก๊ง~ แก๊ง~ แก๊ง~!
ระฆังแจ้งเตือนว่ามีผู้บุกรุก
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศภายในฟรอนเทียร์กลับยังคงเงียบสงบ มีเพียงชาวเมืองส่วนน้อยที่เริ่มส่งเสียงฮือฮา
สาเหตุเพราะ ดยุคสไตม์ได้แจ้งข่าวล่วงหน้ากับทุกคนแล้วว่า เช้าวันนี้จะมีศัตรูบุก
ชาวเมืองหลายร้อยเลือกจะปิดประตูและเก็บตัวเงียบภายในบ้าน ส่วนที่เหลือ ชาวเมืองราวหลายพันได้ออกมารวมตัวกัน ณ ใจกลางจัตุรัสเพื่อรอการมาเยือนของดราโกเนี่ยน
พวกมันต่างภาวนาให้ลาเด็นได้รับชัยชนะ หวังว่าอัศวินอันดับหนึ่งของพวกตนจะแสดงฝีมืออันยอดเยี่ยมให้ผู้บุกรุกได้ประจักษ์
แต่หลังจากเห็นดราโกเนี่ยนปรากฏกายบนท้องฟ้า เสียงสวดภาวนาทั้งหมดได้หยุดลงทันที
กระต่ายเผชิญหน้ากับราชสีห์อย่างสั่นกลัวฉันใด ชาวเมืองก็ยืนหวาดผวาต่อการมีอยู่ของเผ่าพันธุ์ลูกครึ่งมังกรฉันนั้น
เป็นแรงสะกดข่มที่เกิดจากความแตกต่างทางระดับเผ่าพันธุ์
ดราโกเนี่ยนทั้งสามที่กำลังลอยตัวกลางอากาศ รูปโฉมภายนอกคล้ายมนุษย์ เพียงแต่มีปีกมังกรคู่หนึ่งกางจากแผ่นหลัง เพียงการปรากฏกายก็มากพอจะทำให้ทุกคนหยุดหายใจ
‘นั่นมัน… อะไรกัน…’
‘ท่านลาเด็น… อยู่ในอันตราย!’
แม้แต่คนธรรมดาที่ไม่รู้จักการต่อสู้ ก็ยังมีความคิดเห็นตรงกันโดยมิได้นัดหมาย
เป็นความรู้สึกจากสัญชาตญาณแรกเกิด
เมื่อดราโกเนี่ยนทั้งสามตนเริ่มร่อนลงบนเวทีลานประลอง บรรยากาศรอบเมืองพลันตกอยู่ในความหม่นหมองอึมครึม
“เฮ่อ… น่าเบื่อชะมัด”
“ปอดแหกแบบนี้จะมีพวกเจ๋ง ๆ มาทำให้สนุกได้จริงหรือ”
สามดราโกเนี่ยนขมวดคิ้วเมื่อมองลงไปยังฝูงชนที่เอาแต่ก้มหน้าและยื่นตัวสั่น
ขณะเดียวกัน ผู้เล่นที่แหงนหน้ามองดราโกเนี่ยนยืนสยายปีกบนเวที ต่างก็ขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์
‘ไอ้พวกอวดดี…’
‘ถ้าเป็นได้ไป เราอยากออกไปสู้เอง…’
สำหรับผู้เล่น เมืองเกิดถือเป็นสถานที่พิเศษ
หลายคนที่เลือกฟรอนเทียร์เป็นเมืองเริ่มต้นชีวิตในซาทิสฟาย ยังคงอาศัยในเมืองและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง คนเหล่านี้ต่างเกิดความโกรธแค้น
แต่ก็ไม่มีใครกล้าโจมตีส่งเดช
พวกมันทราบดีว่า ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะสู้กับ NPC ซึ่งมีระดับสูงกว่าเฮ่า ทั้งที่พวกตนยังเอาชนะเฮ่าในร่างครึ่งดราโกเนี่ยนไม่ได้
ไม่เพียงเท่านั้น ดยุคสไตม์ยังตักเตือนไว้แล้ว
เมื่อคืนที่ผ่านมา ดยุคสไตม์ออกมาประกาศให้ทหารและชาวเมืองฟรอนเทียร์ทราบถึงสถานการณ์ปัจจุบันโดยทั่วกัน
การดวลกับดราโกเนี่ยนจะเป็นหน้าที่ของอัศวินเอก ลาเด็น คนอื่นห้ามสอดมือเข้ามายุ่ง
ผู้เล่นต่างไม่มั่นใจว่า จะมีการลงโทษแบบใดรออยู่ หากตนฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าเมืองที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงดยุคและพ่อตากษัตริย์
“ข้ามีนามว่าซาร์ด ข้ารับใช้แห่งท่านเฮเลน่า ผู้สืบเชื้อสายมาจากบันเฮเลียร์”
“บันเฮเลียร์…?”
“หมายถึงมังกรมารบันเฮเลียร์?”
ฮือฮา. จ้อกแจ้ก.
เมื่อสามดราโกเนี่ยนยืนบนเวทีลานประลองและกล่าวแนะนำตัว ฝูงชนเกิดความแตกตื่นโกลาหลทันที
สำหรับคนที่ถูกแรงกดดันของดราโกเนี่ยนสะกดข่มเป็นทุนเดิม ยิ่งได้ยินว่าอีกฝ่ายคือลูกหลานมังกรแท้ ความสั่นกลัวยิ่งเพิ่มทวีคูณ
ไม่จริงใช่ไหม…? เพราะถ้าเป็นความจริง มนุษย์จะเอาอะไรไปสู้กับทายาทมังกร…
เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า การกดขี่และยับยั้งมิให้ดราโกเนียนพัฒนาตัวเองของจักรวรรดิซาฮารัน ความจริงแล้วไม่เคยได้ผลเลยสักนิด
คำประกาศอันหลอกลวงของจักรวรรดิที่อ้างกับทุกคนว่า พวกมันสามารถกำราบดราโกเนี่ยนได้อยู่หมัด ถูกเปิดโปงทันทีเมื่อนโยบายคืนอิสรภาพให้กับอมนุษย์ถูกนำมาใช้
“สาเหตุที่ท่านเฮเลน่าส่งพวกเรามาที่นี่ ก็เพื่อมอบโอกาสให้มนุษย์อย่างพวกเจ้าพิสูจน์ตัวเอง จงแสดงให้เห็นว่าสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำก็มอบความสนุกสนานให้พวกเราได้ ถ้าทำสำเร็จ พวกเจ้าทุกคนจะได้ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยในฐานะบริวารของเผ่าดราโกเนี่ยนที่ใคร ๆ ก็อยากเป็น แต่หากนักสู้ของพวกเจ้าเป็นเพียงขยะและมิอาจนำพาความสนุกสนานให้ได้…”
ซาร์ดเว้นวรรค กวาดตามองชาวเมืองรอบจัตุรัสอย่างเย็นชา
ดวงตาสีทอง รูม่านตาทรงรีแนวตั้ง
ดวงตาอำมหิตของสัตว์เลื้อยคลานเลือดเย็น
วาบ.
ดราโกเนี่ยนคือลูกหลานมังกร…
สายตานั่นพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี
“…ข้าจะเชือดพวกเจ้าทิ้งครึ่งหนึ่งตามสัญญาที่ประกาศไว้เมื่อวาน เหลือไว้เฉพาะคนที่ตรงตามรสนิยมเพื่อใช้งานเยี่ยงทาส แบบนั้นคงมีประโยชน์ต่อพวกข้ามากกว่า”
คำประกาศของซาร์ดทำให้ชาวเมืองฟรอนเทียร์ตกอยู่ในความหวาดกลัวสถานหนัก ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใดออกมา บรรยากาศเงียบเชียบราวกับป่าช้า
ทันใดนั้น มนุษย์คนหนึ่งเดินขึ้นเวทีเพื่อเผชิญหน้ากับซาร์ดที่มีนักรบปลายแถวยืนขนาบข้าง
ลาเด็น
บุคคลที่แข็งแกร่งอันดับหนึ่งในฟรอนเทียร์และแดนเหนือ เด็กหนุ่มอนาคตไกลที่ชาวเมืองไว้วางใจและยกย่องชื่นชม
“…อะ”
ทุกคนที่เคยเฝ้ารอการปรากฏตัวของลาเด็นต่างพากันถอนหายใจ เดิมที พวกมันเตรียมส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจ แต่เมื่อเผชิญความจริง ชาวเมืองไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยืนสั่นกลัวอย่างเงียบงัน
เหตุผลไม่ซับซ้อน ในสายตาทุกคน เมื่อต้องยืนประจัญกับหน้าดราโกเนี่ยนซึ่งมีร่างกายใหญ่โตและสัดส่วนสมบูรณ์แบบสำหรับการต่อสู้ ลาเด็นกลายเป็นเพียงคนแคระร่างเล็ก
หากส่งเสียงเชียร์ออกไป คงไม่ต่างอะไรกับการเร่งให้ลาเด็นออกไปตายอย่างน่าสมเพช
จนกระทั่ง ชาวเมืองคนหนึ่งตัดสินใจตะโกนออกไปอย่างกล้าหาญ
“ลาเด็น! หนีไป!! นายไม่จำเป็นต้องเสียสละตัวเองเพื่อพวกเรา!!”
สิ่งที่ทุกคนต้องการคือชัยชนะของวีรบุรุษ
มิใช่ให้วีรบุรุษถูกย่ำยีเป็นของเล่น
เสียงตะโกนที่คล้ายกัน ดังตามมาเป็นระลอก
ชาวเมืองเริ่มมีสีหน้าหม่นหมอง ทุกคนต้องการให้ลาเด็นลงจากเวทีโดยเร็ว
แต่อัศวินหนุ่มกลับทำเพียงยืนนิ่ง
ลาเด็นกำลังสวมเกราะหนามที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ยืนเผชิญหน้ากับดราโกเนี่ยนสามตนตามตามลำพังด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว ก่อนจะอ้าปากเปล่งเสียงห้าวหาญ
“หากฉันมิได้มอบความสนุกสนานให้พวกแก แต่เป็นการเชือดนักสู้ดราโกเนี่ยนทิ้ง แบบนั้นจะเกิดอะไรขึ้น?”
“ฮะฮ่าฮ่า!!”
สำหรับซาร์ด คำถามเช่นนี้ ท่าทีตอบสนองคงเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากหัวเราะอย่างเย้ยหยัน
แต่ดราโกเนี่ยนไม่คิดว่าพวกมันหูฝาด
เพราะมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวมักกลบเกลื่อนด้วยถ้อยคำเพ้อเจ้อเสมอ เคยเห็นจนชาชินแล้ว
“ไม่ต้องห่วง เรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้น”
ลาเด็นส่ายหน้าเมื่อได้ยินซาร์ดมอบคำตอบแทนนักรบปลายแถว
“แต่ฉันอยากได้ยินคำตอบที่ชัดเจน”
“หืม…”
ซาร์ดลังเลเล็กน้อย หันไปมองนักรบปลายแถวที่ยืนด้านข้าง
ชื่อของมันคือฟราวา
เมื่อวานช่วงเช้า ฟราวาคือดราโกเนี่ยนตนแรกที่ได้มาเยือนฟรอนเทียร์ในฐานะผู้ส่งสาร
“ฟราวา เจ้าต้องการให้พวกเราทำอย่างไร หากเจ้าตายในการประลอง”
“จงถ่มน้ำลายใส่ศพข้าขณะที่แสงสีเทากำลังส่องสว่าง ศัตรูหนนี้มิได้เป็นแม้แต่อัศวินสีชาดหลักเดียว หากข้าพ่ายแพ้ก็สมควรได้รับการปฏิบัติเยี่ยงปศุสัตว์”
ในปัจจุบัน จักรวรรดิมิได้เป็นจุดศูนย์กลางของทวีปเหมือนในอดีตอีกแล้ว
เฮเลน่ากล้าแยกตัวออกจากเผ่าเพราะตระหนักถึงความจริงข้อนี้
แต่ดราโกเนี่ยนที่ติดตามหล่อนไม่คิดเช่นนั้น พวกมันยังมองจักรวรรดิด้วยบรรทัดฐานเดิม นั่นก็คือ นอกเหนือจากชาวจักรวรรดิ มนุษย์อื่น ๆ บนทวีปล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำต้อย
ได้ยินคำตอบฟราวา ซาร์ดพยักหน้าพึงพอใจ
“ได้ยินแล้วใช่ไหม ถึงพวกเจ้าจะบังเอิญฆ่าคนของเราได้ ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกเคียดแค้น พวกข้าสนุกสนานไปกับความตื่นเต้นที่ได้เผชิญคู่ต่อสู้แข็งแกร่งอยู่แล้ว”
“ไม่ใช่แค่นั้น! คำสัญญาของเมื่อวานจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง!”
“…?”
ซาร์ดมองตามต้นเสียงลงจากเวที
มันพบชายชราคนหนึ่ง
แม้รูปลักษณ์จะมิได้สง่างาม แต่ความน่าเกรงขามและองครักษ์ข้างกาย บ่งบอกชัดเจนว่าชายชราคือเจ้าของเมืองนี้
และพวกมันเข้าใจไม่ผิด
“ฉันคือดยุคสไตม์ ผู้ปกครองดินแดนแห่งนี้ตามคำสั่งฝ่าบาทกริดผู้ยิ่งใหญ่”
เจ้าเมืองฟรอนเทียร์ออกโรง
ซาร์ดจ้องหน้า
“ฝาบาทผู้ยิ่งใหญ่? ไม่เจียมตัวเลยนะ”
“…”
“แล้วพวกเจ้าหมายความว่าอย่างไร ที่บอกว่าคำสัญญาเมื่อวานต้องมีการเปลี่ยนแปลง”
“หากตัวแทนของพวกเราเอาชนะนักรบดราโกเนี่ยนได้ นั่นจะหมายความว่าฝ่ายมนุษย์แข็งแกร่งกว่า ฉะนั้น พวกเราจะไม่ใช่ทาสของแก แต่พวกแกต่างหากที่ต้องเป็นทาสเรา กล้าพนันกันไหม?”
“…มีแต่พวกบ้าเต็มไปหมด”
ซาร์ดเริ่มหงุดหงิด
ถึงจะหวาดกลัวจนสติแตก ก็ควรมีขีดจำกัดบ้างไม่ใช่หรือ? ยิ่งทำแบบนี้ยิ่งน่าสมเพช
“พวกชั้นต่ำไปเอาความมั่นใจมาจากไหน…”
หากเป็นในยามปรกติ ซาร์ดคงเชือดมนุษย์ทุกคนที่นี่ทิ้งอย่างไร้ความเมตตา แต่เผ่าดราโกเนียนบนเทือกเขาเคอัสต้องการปัจจัยสี่และแรงงานจากฟรอนเทียร์ ถ้าทำลายเมืองทิ้งเสีย เกรงว่าเฮเลน่าคงโมโหมาก
ซาร์ดระงับโทสะ จ้องไปทางฟราวา
“จะปล่อยให้พวกมันพล่ามอีกนานแค่ไหน? เริ่มการประลองไร้สาระสักที!”
“ตกลง”
ฟราวาตระหนักถึงความหงุดหงิดของซาร์ด จึงรีบก้าวออกไปข้างหน้าและแปลงร่างมังกรทันทีโดยไม่ต้องรอสัญญาณเริ่มประลอง
หน้าที่ของมันคือการสลักความหวาดกลัวจากก้นบึ้งลงในจิตใจชาวฟรอนเทียร์
ต้องเปิดฉากด้วยท่าที่อันตรายที่สุด
แกร่ก! แกร่ก!
หัวไหล่ฟราวาเริ่มขยายขนาด กล้ามอกบวมพองจากปรกติ มือเท้ายืดยาวและขยายใหญ่กว่าเดิมราวสองเท่า ทุกปลายนิ้วมีกรงเล็บที่คมและแข็งยิ่งกว่าใบดาบยื่นออกมา
“กรี๊ดดดด!”
“น…นั่น!”
ชาวเมืองฟรอนเทียร์พลันกรีดร้องเมื่อร่างกายของฟราวามีเกล็ดปกคลุมทั้งตัว ปีกสยายกว้าง
ฟราวาฉีกยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อได้เห็นความแตกตื่นของผู้คน มันอ้าปาก
ตามด้วย
ซู่วววววว!!
ลมหายใจสีดำสนิทถูกพ่นใส่ลาเด็น
พื้นไม้บางส่วนหายไปทันทีเนื่องจากมิอาจทนรับพลังทำลายของลมหายใจ
นี่คือหลักฐานพิสูจน์ว่า เผ่าดราโกเนี่ยนมีเลือดของมังกรไหลเวียนอยู่จริง
ทว่า
บึ้มมมมม!
ลาเด็นป้องกันไว้ได้ด้วย <โล่แสงศักดิ์สิทธิ์>
หนึ่งในโล่สองชนิดที่กริดสร้างเตรียมไว้สำหรับการต่อสู้ในวันนี้
‘คิดไว้ไม่มีผิด… มันเปิดฉากด้วยลมหายใจ’
ลาเด็นมีประสบการณ์ต่อสู้กับดราโกเนี่ยนมาแล้วหลายร้อยยก
จากนั้น ฟราวาพุ่งเข้ามาตามซ้ำตามที่คาดหมาย อัศวินหนุ่มเก็บโล่แสงศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับควัก <โล่สามชั้น> ออกมาถือแทน
ท่าเตะของฟราวากระแทกโล่ดังกล่าวอย่างจัง
เคร้ง!!
“…!?”
ดวงตาฟราวาพลันเบิกโพลง
ในตอนแรก มันทึ่งกับความยอดเยี่ยมของโล่สีทองที่สามารถป้องกันลมหายใจอย่างง่ายดาย
‘แล้วนี่โล่อะไรอีก…?’
ฟ้าว!
อาศัยแรงถีบจากโล่ ฟราวาหมุนตัวพร้อมกับฟาดหางอย่างว่องไวประหนึ่งฟ้าผ่า
‘ลองเอาโล่ของเล่นนั่นรับไอ้นี่ดู!’
หางของดราโกเนี่ยนสามารถหักเหวิถีกลางอากาศได้อย่างอิสระ
ในวินาทีที่ลาเด็นตั้งโล่กัน ฟราวาจะเบี่ยงทิศทางหลบโล่ และแฉลบแทงใส่หัวใจ
แต่เรื่องแบบนั้นกลับไม่เกิดขึ้น
ฟุ่บ!
ลาเด็นมิได้ยกโล่ แต่กระโดดเหยียบหางพร้อมกับกระแทกแท่งเหล็กในมือไปทางศีรษะฟราวา
นี่มันเหมือนกับ… การต่อสู้ของนักรบที่เคยดวลกับดราโกเนี่ยนจนช่ำชองไม่ใช่หรือ?
ฟราวาประหลาดใจกับการตอบสนองอันสมบูรณ์แบบราวกับตนถูกอ่านการเคลื่อนไหวล่วงหน้า แต่ความรู้สึกดังกล่าวก็คงอยู่ไม่นาน และมองเป็นเพียงความบังเอิญ
หากลาเด็นเคยต่อสู้กับดราโกเนี่ยนจริง มันก็ต้องทราบว่า แท่งเหล็กโง่ ๆ ไม่มีทางทะลวงผ่านเกล็ดดราโกเนี่ยนได้
‘หากต้องการสู้กับฉันให้สูสี พวกแกต้องใช้อาวุธประเภททุบต่างหาก!’
สำหรับมนุษย์ วิธีเดียวที่จะทำลายเกล็ดดราโกเนี่ยนคือการทุบให้แตก ไม่ใช่วิชาดาบ ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงแท่งเหล็กสุดแสนธรรมดา
แสยะ.
ในวินาทีที่ฟราวายิ้มเยาะพร้อมกับใช้ท่อนแขนรับแท่งเหล็กที่กำลังพุ่งเข้ามา
แกร่ก!
“…!”
หัวใจฟราวาพลันหล่นไปอยู่ตาตุ่ม
เกล็ดบริเวณข้อมือเริ่มร่วงกราวหลังจากถูกโจมตีด้วยแท่งเหล็กปริศนา
“อะไร….”
ฟราวาที่ตื่นตระหนก รีบชักข้อมือกลับตามสัญชาตญาณ แต่ลาเด็นเร็วกว่านั้น มันอ่านออกอย่างทะลุปรุโปร่ง และฉวยโอกาสสำคัญไว้ได้
หลังจากแท่งเหล็กกระแทกใส่เกล็ดข้อมือเพียงเสี้ยววินาที ใบมีดหนามได้พุ่งควงสว่านออกจากปลายแท่งเหล็ก เสียบลึกเข้าไปในข้อมือฟราวา จนเผยให้เห็นบาดแผลฉกรรจ์ที่ถูกทะลวงจนเหวอะหวะ
“อ๊ากกก…!!”
เสียงแหกปากอย่างเจ็บปวดที่ไม่มีใครคิดว่าจะได้ยินจากฟราวา กำลังดังกังวานไปทั่วจัตุรัสกลางเมืองฟรอนเทียร์
ขณะฟราวารีบกระโดดถอยหลังและอ้าปากพ่นลมหายใจสวนกลับ ลาเด็นพุ่งตามประชิดตัวพร้อมกับตั้งโล่สีทองรับ
“บัดซบ… ข้าจะฆ่าเจ้า!”
บึ้ม!
ลมหายใจถูกโล่ป้องกันไว้ได้อีกครั้ง
หลังจากแรงระเบิดก่อให้เกิดกลุ่มควันลอยฟุ้ง ปลายหางแหลมคมของฟราวาพุ่งออกจากควัน แทงใส่จุดอับสายตาด้านหลังลาเด็น แต่ถูกชุดเกราะที่มีเกล็ดนับร้อยซึมซับความเสียหายส่วนใหญ่เอาไว้
“แค่ก…!”
ลาเด็นคายเลือดก้อนใหญ่ แต่นั่นมิได้ทำให้อัศวินหนุ่มชะลอการโจมตี แทงเหล็กปริศนาถูกเล็งแทงใส่ลำคอที่เต็มไปด้วยเกล็ดของฟราวา
แกร่ก!
มุมสายตาฟราวาปรากฏภาพของเศษเกล็ดที่หล่นกระจัดกระจาย
นักรบดราโกเนี่ยนพลันเย็นไปถึงสันหลัง กำปั้นซ้ายเหวี่ยงใส่หน้าอกลาเด็นเต็มแรง
แต่นั่นก็ยังหยุดลาเด็นไม่ได้
ลาเด็นถูกหมัดตรงใส่ชายโครงขวา ถึงจะมี <สามชั้น> ช่วยซึมซับความเสียหาย แต่ก็ยังไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น กระดูกซี่โครงแตกในพริบตา เลือดไหลซึมออกทางหูตาจมูก
อย่างไรก็ตาม ลาเด็นยังไม่หยุด
ฉึก!!
ใบมีดหนามแหลมแทงใส่ต้นคอฟราวา
ชาวฟรอนเทียร์พลันส่งเสียงเชียร์กึกก้องไปทั่วเมือง ส่วนซาร์ดทำได้เพียงยืนตัวแข็งทื่อ
ลงไปนอนกับรากมะม่วงซ่ะ!!!
ReplyDelete