จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 833
“ฝ…ฝ่าบาท!”
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เมอร์เซเดสมิอาจหาคำอธิบายให้เหตุการณ์ตรงหน้าได้
เธอทำเพียงจ้องม้องท้องฟ้าอันว่างเปล่าด้วยสายตาเหม่อลอย
เคียร์เปิดปาก
“ฝ่าบาทงั้นหรือ? หมายถึงกริดใช่ไหม? ถ้าใช่ เห็นทีเธอคงต้องรีบหน่อย การถูกทิ้งในป่าลึกตามลำพังคงไม่ใช่เรื่องดีแน่”
“ชิ!”
สำหรับเมอร์เซเดส ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าชีวิตของกริด
เธอกวาดสายตามองกลุ่มเอลฟ์เล็กน้อย จากนั้นก็หันไปจ้องเขม็งเคียร์ด้วยสายตาอาฆาต
เมอร์เซเดสไม่มีทางเลือกมากนัก เธอจำเป็นต้องคอยคุ้มกันข้างกายผู้เป็นราชา
อัศวินในตำนานรีบวิ่งไปยังทิศทางที่กริดลอยไปโดยไม่ลังเล
ทันทีที่เมอร์เซเดสหายลับตาไป เคียร์ได้เผยสีหน้าที่แท้จริงของมัน
เป็นสีหน้าแสนหดหู่
“เสียเงินโดยใช่เหตุอีกแล้ว…”
[ เงินโบยบิน ]
ทำการส่งเป้าหมายให้กระเด็นลอยไกล
ส่งผลต่อทุกเป้าหมายที่ใช้เงินดำรงชีวิต จะไม่มีผลกับบางเผ่าพันธุ์
สร้างความเสียหาย 1 หน่วยพร้อมกับส่งเป้าหายให้กระเด็นไปไกล 3 กิโลเมตร
ทรัพยากรที่ใช้ : เหรียญทอง (แปรผันตามเลเวลและพลังโจมตีของเป้าหมาย)
* ทักษะจะไม่ทำงานหากมีเหรียญทองไม่เพียงพอ
ระยะหน่วงหลังใช้ : ไม่มี
เงินโบยบินคือทักษะเอาชีวิตรอดที่มีเฉพาะคลาสพ่อค้าระดับสาม
ในปัจจุบัน ผู้เล่นคลาสพ่อค้าระดับสามมีเพียงสองคนบนโลกเท่านั้น จึงไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับทักษะถูกเผยแพร่มากนัก
แม้กระทั่งตัวเคียร์เองก็ยังไม่แน่ใจในประสิทธิภาพ
ทำไมน่ะหรือ?
เพราะมันก็ไม่เคยใช้งานมาก่อน รู้เพียงแต่ว่า เป็นทักษะสำหรับเอาตัวรอดที่รับประกันผลสำเร็จ
“…หายไป 430,000 เหรียญทอง”
เป็นจำนวนเงินที่บ้าบอสิ้นดี
เคียร์เคยคิดว่าอาจเป็นจำนวนเงินที่มาก แต่ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้
ในวินาทีที่เห็นยอดเงินหายไป เคียร์ทำได้เพียงสั่นระริกอย่างเจ็บแค้นภายในใจ
แผนจับเอลฟ์เป็นทาสต้องล้มเหลวเพราะกริด แผนผูกขาดต้นไม้โลกต้องล้มเหลวเพราะกริด
เงินจำนวน 40.43 ล้านเหรียญทองหายไปอย่างสูญเปล่า เทียบเป็นเงินจริงเท่ากับ 48,500 ล้านวอน
เป็นเงินจำนวนมหาศาลที่แม้แต่มหาเศษรฐีอย่างเคียร์ยังรู้สึกเสียดาย
“บ้าจริง…! บัดซบ!”
อันดับพ่อค้ามิได้คำนวณจากเลเวลเพียงสิ่งเดียว
ยังรวมถึงกำไรจากการค้าขายและทรัพย์สินทั้งหมดภายในเกม
เหตุการณ์ครั้งนี้อาจทำให้เคียร์สูญเสียอันดับหนึ่ง เกียรติยศที่มันเคยเสพสุขมาอย่างยาวนาน
ใบหน้าของมันเริ่มดำมืด ดวงตาแดงก่ำจนเผยเส้นเลือดปูด ลมหายใจขาดห้วงเนื่องจากโทสะมหาศาลกำลังสุมอก
“ฮะฮะ! สมน้ำหน้า”
เบเนียลูหัวเราะเคียร์อย่างสะใจ
เคียร์หันไปจ้องเธอด้วยสายตาอาฆาตแค้น
“เป็นเพราะแก! ร้องขอความช่วยเหลือทำไม!!”
เคียร์ใช้เท้าเตะเข้าไปที่ใบหน้าเบเนียลูหลายครั้ง ถุยน้ำลายใส่ จากนั้นก็ลากขึ้นหลังม้า
“ฉันจะเอาแกไปขายในราคาแพง!”
“เบเนียลู!”
เหล่าเอลฟ์ต่างพยายามช่วยเบเนียลู แต่นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้
ผลจากแก่นยาธานยังคงอยู่ พวกเธอมิอาจรีดเร้นพลังเพื่อขัดขืนได้แม้แต่ปลายนิ้ว
ก่อนที่เคียร์จะจากไปพร้อมเบเนียลู
มันตะโกนขึ้น
“อัญเชิญอัศวิน!”
อัศวินสามคนถูกอัญเชิญ
พวกมันทั้งสามคือ NPC พิเศษที่เคียร์แสนภาคภูมิใจ
เคียร์ออกคำสั่งกับสุดยอดอัศวินที่มันมั่นใจว่าไม่มีผู้เล่นคนใดต่อกรได้
“ฉันให้เวลาพวกแกหนึ่งนาที ฆ่าเอลฟ์ให้ได้มากที่สุด จากนั้นก็พาบางส่วนติดตัวกลับเมืองไปด้วย”
“ขอรับ!”
สายตาเคียร์กำลังเปี่ยมด้วยแรงอาฆาตสุดขีด
บนหลังม้าที่มีเบเนียลูซ้อนท้าย เคียร์เริ่มควบไปยังทิศตรงข้ามกับที่กริดลอยไป
‘กริด! ฉันจะทำให้แกเสียใจกับเหตุการณ์วันนี้ไปชั่วชีวิต!’
เสียงกรีดร้องของชาวเอลฟ์ด้านหลังเริ่มดังระงมไปทั่วผืนป่า
“…”
ดวงตาแสนสิ้นหวังของเบเนียลูเริ่มหม่นหมองยิ่งกว่าเดิม
***
“…”
กริดไม่รู้ว่าตัวเองตกลงมาในจุดใด
หลังจากถูกถุงเงินฟาดจนลอยไกลหลายกิโลเมตร ร่างกริดกระแทกพื้นและนอนแน่นิ่งเช่นนั้นไปครู่หนึ่ง
แต่เขาพื้นตัวได้เร็วมาก
“ทักษะเมื่อครู่มันอะไรกัน?”
อำนาจเงินที่มิอาจขัดขืน?
กริดไม่เคยคิดมาก่อนว่าในซาทิสฟายจะมีทักษะประเภทนี้
หากเขาทราบว่าพ่อค้ามีทักษะแสนอันตรายกับตัว กริดไม่มีทางปล่อยให้เคียร์รอดชีวิตแน่
‘ไม่คิดว่าจะยุ่งยากขนาดนี้’
ขณะต่อสู้ในศึกเมื่อครู่ กริดทราบดีว่าเคียร์ได้ถอนตัวไปด้านหลังเพื่อซุกหัวหลบภัย
ถึงจะรู้เข่นนั้น แต่กริดก็มิได้เล็งกำจัดเคียร์เป็นลำดับแรก
เขาเล็งดาบพินาศทัพหนึ่งแสนใส่ผู้เล่นกลุ่มใหญ่โดยมีบิวเทียนเป็นศูนย์กลาง มากกว่าการเพ่งเล็งโจมตีเคียร์เพียงคนเดียว
ทำไมน่ะหรือ?
เพราะกริดมั่นใจว่าพ่อค้าคือคลาสแสนกระจอกที่จัดการได้ง่ายเพียงพลิกผ่ามือ
ทว่า…
‘บ้าจริง’
ความมั่นใจเกินเหตุคือพิษร้าย
กริดมองว่าตัวเองยังศึกษาซาทิสฟายไม่มากพอ
‘กับคลาสที่ไม่คุ้นเคย เราไม่ควรประมาทแบบนี้’
ทว่า หากกริดต้องการศึกษารายละเอียดของคลาสทั้งหมด เกรงว่าสิ่งนี้คงเป็นไปได้ยาก
ซาทิสฟายมีคลาสที่หลากหลาย แถมแต่ละคลาสยังมีสายยิบย่อย และมีคลาสลับในทุกเกรด
โอกาสทำความเข้าใจทุกคลาสอย่างถ่องแท้แทบเป็นศูนย์
แต่กริดกลับมองว่าสิ่งนี้เป็นไปได้
หากใช้ความอดทนอันเป็นเอกลักษณ์พิเศษของตน เขาสามารถศึกษารายละเอียดคลาสอื่นได้อย่างไม่รู้จบ
ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มได้ตัดพ้อในความงี่เง่าของตัวเอง
‘เราควรใช้งานเมอร์เซเดสเชิงรุกมากกว่านี้’
เขาสามารถสั่งให้เธอใช้ตาทิพย์สำรวจรายละเอียดทักษะของเคียร์และรายงานกลับมาได้
แต่กริดก็มิได้ทำ
เขาจึงไม่ทราบว่าเคียร์มีทักษะเงินโบยบิน จนตัวเองต้องตกอยู่ในสภาพปัจจุบัน
‘เรามีอัศวินในตำนานข้างกาย แต่ไม่สามารถใช้เธองานให้เกิดประโยชน์’
ปัญหามิได้อยู่ที่ความสมองทึบ
แต่เกิดจากความโอหังพร่ำเพรื่อเกินจำเป็น
กริดเชื่อโดยไม่เคลือบแคลงว่าตัวเองเก่งกาจที่สุด ส่วนเคียร์เป็นเพียงพ่อค้าแสนกระจอก
นั่นคือบ่อเกิดความประมาท
เขาเคยสาบานไว้หลังจากข่านตาย ว่าจะใช้สมองขบคิดอย่างถี่ถ้วนในทุกสถานการณ์สำคัญ
แต่กลับกลายเป็น ผ่านมาได้เพียงไม่กี่เดือน ความผิดพลาดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
‘ช่างเถอะ…ถือเป็นประสบการณ์’
กริดสวมรองเท้าบราฮัมและเริ่มบินขึ้น
ไม่มีสิ่งใดให้กังวล เมอร์เซเดสยังอยู่กับกลุ่มเอลฟ์ พวกเธอต้องปลอดภัยแน่
กริดรีบบินกลับไปยังจุดเกิดเหตุเดิม เขากำลังมีความสุขขณะหลบหลีกสิ่งกีดขวางมากมายด้วยรองเท้าบราฮัม
‘เคียร์…แกมันไอ้งั่งของแท้’
ส่งตนกระเด็นออกมาแล้วยังไง?
ที่นั่นยังมีเมอร์เซเดสอยู่อีกคน
ลำพังเธอคงควบคุมสถานการณ์และปกป้องเอลฟ์ได้แน่
‘หวังว่าเจ้าบ้าเคียร์นั่นจะยังมีชีวิตอยู่’
เขาจะรีดไถเงินมันจนหยดสุดท้าย
ก่อนหน้านี้ กริดมีแผนจะต่อรองจำนวนเงินกับเคียร์ให้ได้มากที่สุด
เขาเป็นฝ่ายถือไพ่เหนือกว่า สำหรับแรงเกอร์ระดับสูงทุกคน ถ้าเลือกได้ก็คงไม่มีใครต้องการถูกฆ่า
กริดมีแผนเรียกร้องเงินจากเคียร์ในปริมาณมหาศาล
ต่อให้หมอนั่นไม่ยอมจ่าย เขาแค่ฆ่าทิ้งก็สิ้นเรื่อง
แต่กริดมั่นใจว่ามีวิธีต่อรองเพื่อให้เคียร์ยอมไถ่ชีวิต
‘ยังมีหวังอยู่ เมอร์เซเดสคงไม่ฆ่ามันแน่…หืม?’
กริดพลันขมวดคิ้วเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาชะงักการบินทันที
ชายหนุ่มรีบร่อนลงบนพื้น
“ฝ่าบาท! เป็นอะไรรึเปล่า?”
“นี่เธอ…”
ไม่เหมือนกับที่เขาคิดไว้
กริดครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นก็กัดริมฝีปากถามอย่างเจ็บใจ
“เธอได้ฆ่าเคียร์รึเปล่า?”
“ไม่…ฉันเป็นห่วงฝ่าบาท จึงรีบมุ่งหน้ามาทีนี่”
“ให้ตายสิ!”
กริดเดินเข้าไปใกล้เมอร์เซเดสด้วยสีหน้าเดือดดาล
เธอผงะไปเล็กน้อย
นับตั้งแต่รู้จักกับกริด ชายคนนี้ปฏิบัติต่อตนอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยนเสมอ
กริดตะคอกถาม
“เธอสมองทึบขนาดนั้นเลยรึไง? ทำไมถึงปล่อยให้ศัตรูอยู่กับเหยื่อตามลำพัง?”
“ข…ขอโทษ”
เมอร์เซเดอร์ต้องการแก้ตัว แต่เธอชะงักคำพูดไว้
อัศวินต้องไม่มีข้อแก้ตัวกับเจ้านาย
กริดบินขึ้นพร้อมหันไปพูดกับเมอร์เซเดสที่ยังคงก้มศีรษะสำนึกผิด
“ช่างมันเถอะ รีบกลับไปยังจุดเกิดเหตุเร็วเข้า”
“ค่ะ!”
กริดไม่คิดกล่าวโทษเมอร์เซเดสอีก
หากมองจากมุมอัศวิน คนเหล่านี้ถูกฝึกฝนให้เห็นชีวิตเจ้านายเป็นที่ตั้ง ไม่แปลกที่จะปล่อยเคียร์ไว้และรีบออกตามหากริด
เจ้านายของเมอร์เซเดสหายตัวไปต่อหน้าต่อตา หากเขาเป็นเธอ ก็คงไม่มัวขบคิดเรื่องอื่นเช่นกัน
เมอร์เซเดสละทิ้งเคียร์และเอลฟ์โดยปราศจากความลังเล
เหนือสิ่งอื่นใด หน้าที่ของเธอคือการปกป้องกริด มิใช่เอลฟ์
แต่ก็มีบางจุดที่น่าเสียดายหากนึกย้อนกลับไป
จะเกิดอะไรขึ้นหากเมอร์เซเดสเป็นผู้เล่น?
เธอสามารถสื่อสารกับกริดผ่านทางช่องสนทนาปาร์ตี้ หรือไม่ก็ตรวจสอบความปลอดภัยกริดจากหลอดพลังชีวิตในปาร์ตี้
แม้เมอร์เซเดสคือ NPC สุดพิเศษที่สามารถส่งข้อความส่วนตัวหาผู้เล่น
แต่ในทางกลับกัน กริดมิอาจส่งข้อความส่วนตัวกลับไปหา NPC ได้
มันจะกลายเป็นการสื่อสารทางเดียวซึ่งไม่เกิดประโยชน์
นี่คือขีดจำกัดในการปฏิสัมพันธ์ระหว่าง NPC และผู้เล่น
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของไอรีนเริ่มผุดในใจกริด
เขารู้สึกหดหู่เมื่อตระหนักได้ว่าตนกับไอรีนมีกำแพงบางขวางกันอยู่
กริดรีบสลัดความคิดฟุ้งซ่าน
ชายหนุ่มตัดสินใจใช้ทักษะอัญเชิญอัศวิน
“อัญเชิญอัศวิน”
‘ปิอาโร่กับอัสโมเฟลคงไม่จำเป็น'’
อัสโมเฟลที่กำลังท่องไปทั่วทวีป คงเป็นการรบกวนเกินไปหากขัดจังหวะตอนนี้
ส่วนปิอาโร่นั้นเดินทางไปกลับระหว่างกริดและเมืองแวมไพร์บ่อยครั้งในระยะหลัง
กริดอยากให้ปิอาโร่ได้พักผ่อนและมีสมาธิกับการคิดหาวิธีปลูกวอลนัทสีทอง
แต่สาเหตุสำคัญที่สุด เขาอัญเชิญอัศวินเพราะต้องการกำลังคนช่วยตามหาตัวเคียร์ มิใช่เพราะรับมืออีกฝ่ายไม่ไหว
“ฮิวรอย! เฟคเกอร์!”
[ คำขอร้องอัญเชิญถูกส่ง กรุณารอคำตอบ ]
[ เป้าหมายตอบรับคำอัญเชิญ ]
[ อัศวินฮิวรอยและเฟคเกอร์ถูกอัญเชิญ ]
“กระหม่อมฮิวรอยน้อบรับคำบัญชา!”
“เกิดอะไรขึ้น?”
ฮิวรอยและเฟคเกอร์ตอบรับทันทีราวกับเตรียมตัวให้พร้อมอยู่ตลอดเวลา
“ราชาพ่อค้าอยู่ในป่าแห่งนี้ คงหนีไปได้ไม่ไกล หามันให้พบและพาตัวมาหาฉัน”
ฮิวรอยเป็นนักพูดที่ครอบครองไวเวิร์น
เขาสามารถมองเห็นผืนป่าเป็นภาพกว้างจากมุมบน ซึ่งจะง่ายต่อการค้นหาตัว
แถมยังมีความเร็วในการเดินทางสูง
ส่วนเฟคเกอร์คือนักลอบสังหารที่มีทักษะสะกดรอยยอดเยี่ยม
“ขอรับ!”
“เข้าใจแล้ว”
ทั้งสองตอบอย่างมั่นใจ
ถึงจะไม่ทราบสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ทุกคนก็ทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดโดยไม่ไต่ถามให้เสียเวลา
…
หลังจากทั้งสองแยกย้ายได้ไม่กี่นาที
“…อา”
“…”
กริดและเมอร์เซเดสวิ่งกลับมาถึงจุดเกิดเหตุในตอนต้น
ท่ามกลางกลุ่มเอลฟ์ที่กำลังสั่นระริกและโศกเศร้า จำนวนชาวเอลฟ์ลดลงจากเดิมจนน่าตกใจ
เพียงไม่กี่นาทีที่กริดไม่อยู่ เอลฟ์ได้หายตัวไปอย่างปริศนามากถึงหลายร้อยตน
เบเนียลูคือหนึ่งในนั้น
เขาเริ่มเกิดความรู้สึกไม่ดี
กริดสูดสมหายใจเข้าลึกพลางเดินเข้าไปหาเอลฟ์เด็กตนหนึ่ง
ชายหนุ่มปลดเชือกที่ข้อมือและข้อเท้าพร้อมกับเอ่ยปากถาม
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ฮือ—”
เอลฟ์ไม่ตอบด้วยคำพูด เธอส่ายศีรษะอย่างแรงด้วยร่างกายที่สั่นระริก
เป็นทางทีของบุคคลที่หวาดกลัวมนุษย์เข้ากระดูกดำ
มนุษย์ทุกคนรวมถึงกริด
“ฉันขอโทษ…ฝ่าบาท เป็นความผิดของฉัน”
เมอร์เซเดสก้มศีรษะอีกครั้งด้วยสีหน้าสำนึกผิด เธอมองว่าหายนะในวันนี้เกิดจากความโง่เขลาของตน
ความสัมพันธ์กับเผ่าเอลฟ์ที่กริดสร้างขึ้นอย่างอยากลำบาก ต้องกลายเป็นศูนย์ในพริบตาเพราะตน
กริดเปล่งเสียง
“ไม่เลย นี่ไม่ใช่ความผิดของเธอ เป็นของเจ้าบ้าเคียร์ต่างหาก”
กริดกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูด
“มันบังอาจล้ำเส้นที่ไม่ควรข้าม!”
ก่อนหน้านี้ กริดเกลียดชังและขยะแขยงเคียร์ที่มันวางแผนจับเอลฟ์เป็นทาสเพียงเพราะพวกเธอคือ NPC ปัญญาประดิษฐ์
แต่กริดก็ทราบดีว่า ผู้เล่นเกือบทุกคน ไม่เฉพาะเคียร์ ล้วนมอง NPC ในลักษณะดังกล่าว
ไม่ต้องดูที่ไหนไกล เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ พวกเขาในอดีตก็เคยมอง NPC เป็นสิ่งมีชีวิตต่ำกว่าผู้เล่น
ทว่า แม้กริดจะกไม่ชอบหน้า แต่เขาก็มิได้โกรธแค้นเคียร์มากขนาดถึงขนาดต้องมีความอาฆาตต่อกัน
ไอ้สวะนี่ก็เป็นแค่มนุษย์เห็นแก่เงินคนหนึ่ง
กริดเคยคิดเช่นนี้จนกระทั่งเมื่อครู่
สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อหวังสงบสติอารมณ์
แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไร จิตใจก็ไม่เย็นลงเลยสักนิด
กริดเคยพบเห็นสิ่งชั่วร้ายเลวทรามมามาก ถึงอย่างนั้น เขาก็ทำใจให้ชินไม่ได้เสียที
ชายหนุ่มใช้มือที่สั่นระริกแก้มัดเชือกชาวเอลฟ์ ดวงตาของเขากำลังเปี่ยมด้วยไฟพยาบาทรุนแรง
กริด >> เมืองของราชาพ่อค้าเคียร์อยู่ในอาณาจักรไหน?
ลอเอล >> เก๊าส์
กริด >> หากพวกเราบุกเมืองดังกล่าว จะถือเป็นการบุกรุกเก๊าส์ด้วยหรือไม่
ลอเอล >> ใช่ และมีโอกาสสูงมากที่จะเกิดข้อพิพาทซึ่งนำไปสู่สงคราม
ลอเอลไม่ถามกริดว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
เขาได้ส่งข้อความส่วนตัวไต่ถามฮิวรอยแล้วก่อนหน้า หลังจากที่อีกฝ่ายถูกอัญเชิญ
ลอเอลจึงทราบสถานการณ์อย่างคร่าวทางฝั่งกริด
ลอเอล >> ชีวิตในชาตินี้ของกระหม่อมมีไว้เพื่อรับใช้ฝ่าบาทแต่เพียงผู้เดียว ฝ่าบาทมิต้องกังวลไป
กริด >> …
ลอเอล >> นับตั้งแต่พวกเรามีเมอร์เซเดส พลังการทำศึกของอาณาจักรก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด พวกเราถือไพ่เหนือกว่าเก๊าส์มาก ต่อให้เกิดสงครามขึ้น ก็คงส่งผลกระทบต่ออาณาจักรไม่มาก แต่นั่นต้องอยู่ในเงื่อนไขที่ไม่มีฝ่ายอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง
ในบรรดาอาณาจักรเล็ก ไม่มีแห่งใดที่ต้องการให้โอเวอร์เกียร์เติบโตอย่างรวดเร็ว
หากเกิดสงครามระหว่างโอเวอร์เกียร์กับเก๊าส์ มีโอกาสสูงที่อาณาจักรอื่นจะเข้าร่วมเก๊าส์เพื่อบดขยี้โอเวอร์เกียร์
นั่นจะกลายเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก
แต่ลอเอลมิได้กล่าวสิ่งเหล่านี้ออกไป
เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด กริดกลายเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกไปแล้ว
ลอเอลมิต้องการให้ ‘ภาระหน้าที่’ คอยพันธนาการในยามที่กริดเริ่มสยายปีก
เขาคิดกลับในมุมกริด
คงน่าหงุดหงิดใจไม่น้อย หากการกระทำของตนถูกตีกรอบ โดยมีสาเหตุมาจากอาณาจักรที่ตัวเองสร้างมากับมือ
กริดคงกลับมาคิดทบทวนว่า ตัวเขาสร้างอาณาจักรไปเพื่อสิ่งใดกัน หากทำแล้วไม่มีอิสระในชีวิตแม้แต่น้อย
นี่คือช่วงเวลาที่ลอเอลอนุญาตให้กริดปลดปล่อยแรงปรารถนา
ลอเอล >> ฝ่าบาทเชิญออกคำสั่งได้ทุกเมื่อ กระหม่อนจะระดมกองทัพไปบดขยี้เมืองของเคียร์ให้สิ้นซาก เผาทำลายทุกสิ่งให้ไม่เหลือแม้แต่ซากขี้เถ้า
กริด >> ทำไมถึงต้องใช้กองทัพ?
ลอเอล >> หือ?
ลอเอลย่อมไม่ทราบถึงพลัง ‘เสมือนเทพ’ และ ‘พลังอัสทารอธ’ ที่กริดเพิ่งครอบครองเมื่อไม่นาน
กริดเริ่มแสยะยิ้มชั่วร้าย
กริด >> ไม่ต้องเคลื่อนทัพ ฉันจะลอบแทรกซึมตามลำพัง
แต่ก่อนอื่น กริดมีงานที่ต้องสะสางให้เรียบร้อยเสียก่อน
เขาต้องล่าตัวเคียร์ที่หายไปพร้อมกับเอลฟ์กลุ่มใหญ่
“เมอร์เซเดส”
“ค่ะ!"”
“แก้มัดเอลฟ์ทุกคนและคอยปกป้องพวกเธอ”
“ค่ะ”
เมอร์เซเดสได้รับคำสั่งใหม่
ใจจริง เธออยากพูดออกไปตามตรงว่า ตนไม่ต้องการให้กริดออกไปเผชิญหน้าศัตรูตามลำพังโดยปราศจากอัศวินคุ้มกาย
แต่เมอร์เซเดสกล่าวเช่นนั้นไม่ได้ เธอไม่โง่พอจะก่อความผิดพลาดซ้ำสอง
อัศวินในตำนานตัดสินใจเชื่อมั่นในตัวผู้เป็นนาย
ในเมื่อนี่คือสิ่งที่กริดต้องการ เธอก็คิดไม่ขัดความประสงค์
กริดได้รับข้อความใหม่
เฟคเกอร์ >> พบปาร์ตี้หนึ่งกำลังลักพาตัวเอลฟ์หลายสิบตน แต่เคียร์ไม่อยู่ที่นี่
กริด >> ยังมีคนอื่นอีกรึไง? นั่นสินะ ลำพังเคียร์คงไม่สามารถสักพาตัวเอลฟ์หลายร้อยตนในเวลาอันสั้นแน่
ดูเหมือนเคียร์จะอัญเชิญอัศวิน สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ เพราะมันก็เป็นบารอนคนหนึ่ง
กริด >> แบบนี้ก็สวยสิ…
เขาจะบดขยี้อัศวินทุกคนของเคียร์ให้ราบคาบ
รอยยิ้มแสนเลือดเย็นเริ่มปรากฏบนใบหน้ากริด
เป็นยิ้มชั่วร้ายที่เมอร์เซเดสไม่เคยจินตนาการมาก่อน
กริด >> บอกตำแหน่งมา ส่วนนายรีบหาตัวเคียร์ต่อ
ข้อดีของเฟคเกอร์คือชายคนนี้ไม่พูดมาก เขารับคำสั่งและปฏิบัติตามโดยไม่โต้แย้งหรือเสนอความคิดเพิ่มเติม
แต่กับครั้งนี้ไม่ใช่
เฟคเกอร์ >> ทางทิศเหนือจากจุดที่ฉันถูกอัญเชิญสองกิโลเมตร แต่ห้ามประมาทเด็ดขาด พวกมันมีสามคน ทั้งหมดล้วนเป็น NPC พิเศษที่แข็งแกร่ง หากเห็นท่าไม่ดี ฉันจะหยุดการตามหาเคียร์และช่วยนาย
กริด >> ช่วยฉัน? ไม่จำเป็นสักนิด
***
‘ป่านนี้คงสติแตกไปแล้วมั้ง? คุคุ!’
เคียร์แสยะยิ้มชั่ว
มันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเมื่อจินตนาการภาพกริดกลับมาเห็นศพเอลฟ์จำนวนมากนอนตายเกลื่อนกลาด
แต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น
ร่างเคียร์สั่นระริกอีกครั้งเมื่อมันตระหนักว่า วันเพียงวันเดียว มันต้องสูญเงินไปมากถึงห้าหมื่นล้านวอนโดยเปล่าประโยชน์
ความสุขเมื่อครู่หมดลงทันที
“ไอ้ระยำเอ้ย!”
เคียร์สบถ
ในสายตามัน กริดคือเดนมนุษย์ที่สำควรหายไปจากโลก
ย่อมเข้าใจได้ไม่ยาก เงินจำนวนมหาศาลในชีวิตจริงของเคียร์ต้องสาปสูญในพริบตาเพียงเพราะกริดคิดช่วยเหลือ NPC
ในสายตาเคียร์ กริดคือบุคคลประหลาดที่ไม่สามารถทำความเข้าใจได้
‘มันต้องเป็นพวกเสียสติแน่’
เคียร์ครุ่นคิดพลางย้อนนึกอดีตตัวเอง
ที่ผ่านมา มันเคยเหยียบย่ำผู้คนมาแล้วกี่คน?
คำตอบคือนับไม่ถ้วน มันทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองไต่เต้ากลายเป็นผู้เล่นพ่อค้าอันดับหนึ่ง
แต่เคียร์ไม่เคยมองว่าสิ่งเหล่านี้คือการกระทำที่ผิด
มันใช้ข้ออ้าง ‘แก้แค้นให้พ่อ’ เพื่อบดบังความต่ำทรามที่ตนกระทำลงไป
‘…เราก็คงไม่ต่างจากกริด’
เคียร์เริ่มรู้สึกตัว
ขณะกำลังควบม้า มันหันไปมองเบเนียลูที่เต็มไปด้วยบาดแผล
สายตาเบเนียลูยังเปี่ยมด้วยความอาฆาตพยาบาท
เคียร์เอ่ยปาก
“ตัดใจซะ เธอกลับไปใช้ชีวิตเหมือนในอดีตไม่ได้อีกแล้ว ยอมรับความจริงเสียเถอะ”
มันกล่าวเตือนเบเนียลู…
หรือว่าเตือนสติตัวเองกันแน่?
เคียร์พยายามสงบจิตใจให้กลับมาขบคิดได้เยือกเย็นอีกครั้ง
ทันใดนั้น เสียงคำรามกึกก้องได้ดังจากท้องฟ้าเหนือศีรษะ
เป็นเสียงที่ดังแสบแก้วหู
‘ไวเวิร์น?’
แถวนี้มีรังไวเวิร์นรึไง?
เคียร์แหงนหน้าขึ้นไปมอง มันเห็นไวเวิร์นสีแดงตัวหนึ่งกำลังสยายปีก เงาดำที่เกิดจากแสงอาทิตย์ได้ปกคลุมผืนป่าเบื้องล่าง
ไวเวิร์นตัวดังกล่าวโฉบลงเบื้องหน้าเคียร์ด้วยความเร็วสูงจนมันมิอาจควบม้าไปข้างหน้า
“อะไรกัน…!”
เหตุใดไวเวิร์นถึงขวางทางมัน?
เคียร์ยืนแข็งทื่อไปชั่วครู่ ก่อนที่มันจะเข้าใจเหตุการณ์เมื่อเหลือบเห็นบุคคลที่กำลังโดยสารบนหลังไวเวิร์นแดง
ผู้เล่นคนดังกล่างคือฮิวรอย
ฮิวรอยกระโจนลงจากหลังไวเวิร์น จากนั้นก็เปิดปากด่าพ่อล่อแม่อย่างชำนาญ
“พ่อแม่แกเพิ่งตายใช่ไหม?”
“แกรู้ได้ยังไง?”
“…”
บรรยากาศพลันกระอักกระอ่วน
นี่ไม่ใช่ท่าทีตอบสนองที่ฮิวรอยหวังไว้
เกิดเป็นความเงียบงันไปครู่หนึ่ง
ฝ่ายที่คืนสติได้ก่อนคือฮิวรอย
เขาแสร้งกระแอมพร้อมกับกล่าวด้วยสีหน้าขึงขัง ราวกับถ้อยคำก่อนหน้าไม่เคยออกมาจากปาก
“แกเป็นลูกที่แย่มาก! การหลงเดินทางผิดของแกกำลังทำให้พ่อและแม่ที่ตายไปต้องเสียใจ!”
“อะไรนะ?”
เหตุใดหมอนี่ต้องพูดถึงบิดามารดาคนแปลกหน้าในทุกประโยค?
ในสายตาเคียร์
ทั้งกริด ฮิวรอย และสมาชิกโอเวอร์เกียร์ พวกเขาทุกคนล้วนเป็นผู้เล่นวายร้ายแสนต่ำทรามที่ยากจะให้อภัย
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,250
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
แล้วนายจะต้องเสียใจเคียร์
ReplyDelete5555 ทั้งสะใจ ทั้งตลกกับคำด่า เพราะด่าออกไปแล้วมันเป็นเรื่องจริง 😂😂
ReplyDeleteพ่อแม่แกเพิ่งตายใช่ไหม? แกรู้ได้ไง? ลั้น 55555555555555555
ReplyDeleteฮิวรอยมันคงขู่แหละ แต่ไม่นึกว่าจะเป็นเรื่องเจริง555
ReplyDeleteด่าเค้ากะว่าเค้าจะเจ็บจี๊ด ที่ไหนได้โดนสวนเงิบเองเลย5555
ReplyDeleteเอาแล้วกริดกำลังจะไปถล่มเมือง จะมันส์ขนาดไหน
ReplyDeleteตอนแรกแบเคืองเมอร์เซเดสเล็กน้อยนะ ถ้าเป็นแนวดราม่าคือ เบเนียลูจะถูกย้อมสมอง แล้วกริดต้องเผชิญหน้าเข้ากับเธอสักวัน *ตับพัง ..โชคดีเป็นแนวไร้สาระ 555+
ReplyDelete