จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,529



กริดมิได้สนใจโครงสร้างทางอำนาจของอาณาจักรมนุษย์และโลกกึ่งกลาง


โลกกึ่งกลาง นรก อาณาจักรฮวาน และแอสการ์ด


ชายหนุ่มจำแนกโลกทั้งใบออกเป็นสี่ส่วนและพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องโลกกึ่งกลาง


เป็นการจัดลำดับความสำคัญที่ไม่เหมือนใคร


และเป็นสาเหตุที่กริดต้องแบกรับภาระไว้มากชนิดที่ไม่มีใครจินตนาการถึง


“…”


หนึ่งในศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดในอนาคต


กริดจ้องมีร์ในอ้อมแขนด้วยใบหน้าที่ค่อยๆ เยือกเย็น


ยิ่งลมหายใจของมีร์อ่อนระทวย ดวงตากริดก็ยิ่งลุ่มลึกประหนึ่งหุบเหว


“เซฮี”


กริดที่ร่อนลงมาถึงพื้นส่งเสียงเรียกน้องสาว


“รักษาเขา”


เป็นเสียงที่อ่อนโยนไม่เข้ากับใบหน้า เห็นได้ชัดว่ากำลังพยายามข่มอารมณ์


“แน่ใจแล้ว… ใช่ไหม?”


รูบี้ถามไถ่ความต้องการที่แท้จริงของพี่ชายด้วยดวงตาเบิกกว้าง


เหล่าสิบวีรชนต่างมีประสาทสัมผัสเฉียบแหลม


แน่นอนว่าพวกมันไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างกริดกับมีร์


ทีมงานถ่ายทอดสดวงนอกก็เช่นกัน


กริดกับมีร์ยืนเคียงข้างกันเพียงไม่นาน แถมสภาพแวดล้อมในตอนนั้นก็ยังเต็มไปด้วยประกายแสง เป็นการยากที่จะเก็บรายละเอียดได้ทั้งหมด


แต่เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ล้วนทราบตัวตนที่แท้จริงของมีร์


จุดสูงสุดแห่งยังบัน ผู้เป็นนายของดาบหนักมังกรคราม


หนึ่งในเป้าหมายที่กริดต้องเอาชนะให้ได้ในอนาคต


กริดยืนกรานกับทุกคนมาตลอดว่ามีร์ต้องถูกกำจัดหากหวังจะช่วยคลายผนึกให้สี่เทพตะวันออก


แต่ตอนนี้กลับต้องการรักษามีร์


ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีร์เป็นฝ่ายยื่นมือช่วยกริดก่อน และนั่นอาจเกิดจากข้อตกลงปากเปล่าบางอย่างระหว่างคนทั้งสอง


แต่การรักษามีร์ตอนนี้จะทำให้กริดพลาดโอกาสสำคัญที่หาได้ยากในชีวิต


และบางทีก็อาจไม่มีข้อตกลงอะไรทำนองนั้นมาตั้งแต่แรก


เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่กริดลังเลและสับสนมากเพียงใด


ถ้ามีร์ให้สัญญาว่าตนจะเข้าร่วมกับกริด ชายหนุ่มจะลังเลก่อนบอกให้รักษาทำไม?


พิจารณาจากนิสัย กริดคงไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างสูญเปล่าแม้แต่วินาทีเดียว


พีคซอร์ดถามแทนคนอื่นที่สงสัยในประเด็นเดียวกันแต่ไม่กล้า


“นายจะไม่เสียใจทีหลังใช่ไหม…”


ม่านดาบถูกกางล้อมทุกคนไว้รอบทิศ


ครอเกลต้องการรักษาความเป็นส่วนตัวของทุกคน มันปิดกั้นบทสนทนาจากกล้องจำนวนมากที่คอยจับภาพและเสียง


ไม่อย่างนั้นข้อมูลสำคัญที่มีเพียงโอเวอร์เกียร์ทราบอาจถูกเผยแพร่ออกไปทั่วโลก แม้แต่ตัวครอเกลเองก็ยังเลือกจะทิ้งระยะออกห่างและปิดหู


คงกระอักกระอ่วนไม่น้อยหากสมาชิกกิลด์ถกเถียงเรื่องสำคัญกันโดยมีคนนอกยืนฟัง


“ไม่ใช่ว่ามีร์คือศัตรูของเราในอนาคตหรอกหรือ”


พีคซอร์ดรู้จักและเข้าใจนิสัยกริดเป็นอย่างดี


กริดไม่มีทางลังเลที่จะรักษาขอแค่มีร์แสดงท่าทีสักเล็กน้อยว่าเป็นพวกเดียวกันได้


และนั่นทำให้พีคซอร์ดพอจะจินตนาการความสัมพันธ์ออก


กริดหัวเราะขื่นขม


“ใช่… เขาจะยังเป็นศัตรูของเรา”


ไม่ผิดจากที่พีคซอร์ดและทุกคนคาด


บรรยากาศเริ่มตึงเครียดทันที


พีคซอร์ดถามเข้าประเด็นอีกครั้ง


“ถ้าอย่างนั้นพวกเราควรช่วยเขาจริงหรือ? มีร์เป็นเป้าหมายของนายมานานแล้ว และสี่เทพผู้พิทักษ์แห่งตะวันออกจะเป็นอิสระถ้าเขาหายไป”


สิ่งเดียวที่พีคซอร์ดและพวกพ้องทุกคนกำลังกังวลก็คือ


กริดจะนึกเสียใจในภายหลัง


มนุษย์มักถวิลหาการย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตไม่ใช่หรือ?


การนึกเสียใจในภายหลังคือยาพิษที่กัดกร่อนมนุษย์ได้รุนแรงที่สุด


พีคซอร์ดและทุกคนไม่ขัดข้องกับตัวเลือกของกริด เพียงแต่ต้องทำให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะไม่เกิดความรู้สึกแบบนั้น


กริดที่เข้าใจหัวอกทุกคนเผยรอยยิ้ม


สีหน้าดำมืดเลือนหายไปโดยสมบูรณ์


“แต่วันนี้เราเป็นพวกเดียวกัน”


มีร์เป็นฝ่ายยื่นมือช่วยเหลือก่อน


นอกจากนั้นยังหลีกเลี่ยงการโจมตีสุดท้ายได้ง่ายดายถ้าไม่ใช่เพราะต้องการตรึงไลฟาเอลให้กริด


กริดได้ทราบความจริงใจและเจตจำนงของมีร์ และทราบว่าชายคนนี้แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นในอาณาจักรฮวาน


กริดมีเหตุผลและความชอบธรรมมากมายที่จะช่วยมีร์


ทว่า เหตุผลสำคัญและเป็นสิ่งที่ติดอยู่ในใจกริดมาสักพักก็คือ:


“แต่วันนี้เราเป็นพวกเดียวกัน”


คำทิ้งท้ายแสนสั้นของมีร์


แต่นั้นก็เพียงพอ


“ฉันจึงต้องช่วยเขา”


[เทพโอเวอร์เกียร์กริดเริ่มเขียนมหากาพย์บทที่สิบห้า]


[เขาโอบกอดศัตรูในวันพรุ่งนี้ไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับสลักความเชื่ออันหนักแน่นลงบนโลก]


“เขามีสิทธิ์อย่างชอบธรรมที่จะถูกช่วยเหลือ”


[โลกนี้เต็มไปด้วยชีวิตที่อ่อนแอ]


[ผู้ที่ไม่มีใครเคารพมักถูกทิ้งไว้ด้านหลัง]


[ไม่เว้นแม้แต่ชาวตะวันออกที่ถูกช่วงชิงทวยเทพของพวกเขาไป]


[ไม่เว้นแม้แต่ผู้บุกรุกดินแดนตะวันออกและช่วงชิงเทพมาเป็นของตน]


[ไม่เว้นแม้แต่ชายผู้กำลังอยู่ในอ้อมแขน]


“แม้ว่าเขาจะกลายเป็นศัตรูที่ทำให้เราต้องเจ็บช้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เขาคือผู้ที่จะเปลี่ยนแปลงหลายสิ่ง และฉันอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงนั้น”


[ชายคนนั้น เขาเคารพชีวิตที่อ่อนแอ]


[แม้จะต่ำต้อย แต่เขาก็มอบสิทธิ์ให้ชีวิตเหล่านั้นได้ดำเนินต่อ]


[เขายอมแบกรับการเสียสละแทนเหล่าผู้ปกครองไว้ตามลำพังโดยเชื่อว่านี่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง]


[เป็นความเชื่อที่เข้าถึงได้ง่ายเพราะ ‘เขา’ เองก็เคยเป็นแบบเดียวกัน]


[‘เขา’ เคยปฏิเสธชะตากรรมการถูกเหยียบย่ำและถูกใช้งานอยู่ฝ่ายเดียว]


...



[เทพโอเวอร์เกียร์กริดเขียนมหากาพย์บทที่สิบห้าเสร็จสมบูรณ์]


[หัวใจอันอบอุ่นของเขากำลังทำให้โลกชุ่มฉ่ำ]


[สมาชิกของโบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์ทวีความศรัทธาอย่างเปี่ยมล้น]


“แบบนี้นี่เอง…”


พีคซอร์ดก้าวถอยหลังพลางยิ้ม


ชาวโอเวอร์เกียร์ต่างเผยสีหน้าสดใส


รูบี้เริ่มใช้พลัง


บาดแผลของมีร์ถูกรักษาอย่างรวดเร็วภายใต้เวทรักษาและชำระล้างนานาชนิด


แน่นอนว่าพิษยังไม่ถูกขจัดโดยสมบูรณ์


สิ่งที่เธอทำคือการกักพิษไว้ในตำแหน่งบาดแผลต้นตอเพื่อไม่ให้มันกระจายออกไป เป็นการรักษาแบบชั่วคราวคล้ายกับการฉีดยาชาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด


ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่นักบุญหญิงจะขจัดพิษของไฮดราซึ่งฆ่าได้แม้กระทั่งเทพ


แต่เท่านี้ก็เพียงพอ


ความเจ็บปวดของมีร์บรรเทาลงอย่างเห็นได้ชัด


“…”


ตาซ้ายของมีร์ผู้เริ่มฟื้นคืนสติมีรอยจุดสีดำวนรอบ


สิ่งนี้จะกลายเป็นเหรียญตราที่มีร์ภาคภูมิใจ และอาจเป็นสัญลักษณ์ของพิษที่จะติดตัวไปชั่วชีวิต


ฉึบ


มีร์ที่เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดหลั่งน้ำตาสีใส


เครื่องมือที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้สำหรับทวงคืนแอสการ์ด


นั่นคือมีร์


ในสายตาของมัน ความช่วยเหลือจากกริดคือสิ่งที่ตนไม่คู่ควร


จริงอยู่ที่มีร์เป็นฝ่ายยื่นมือเข้าช่วยเหลือก่อน แต่นั่นมิได้ทำไปเพราะหวังสิ่งตอบแทน


มีร์เป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร


มันไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนแม้ในยามที่คอยดูแลสัตว์หลงทางซึ่งต้องเสียบ้านไป


เป็นความเมตตากรุณาที่ช่วยพิสูจน์คุณสมบัติในการเป็นเทพ


“เจ้าจะต้อง… เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป”


มีร์เปิดปากอย่างยากลำบาก


เสียงของมันสั่นเครือโดยไม่กล้าสบตากริด


มันไม่กล้าเผชิญหน้ากับความอบอุ่นแรกที่มันได้รับในชีวิต


ร่างกายและจิตใจที่แหลมคมประหนึ่งดาบเริ่มหลอมละลาย มันรีบเบือนหน้าหนีเพราะไม่ต้องการสูญเสียตัวตน


กริดพ่นลมหายใจ


“อย่ามาตายในที่ต่างถิ่น… คอยดูแลดาบมังกรครามให้ดี ในอนาคตฉันจะไปช่วงชิงมาเป็นของตัวเอง”


“…”


มีร์ผงะไปพักใหญ่


มันเหม่อลอยจนไม่ได้ตอบคำถามเป็นเวลา จนกระทั่งได้สติและหันมาจ้องกริด


“…ตกลง ข้าจะปกป้องมันจนถึงวันนั้น”


ดาบหนักมังกรคราม


หน้าที่ของมีร์คือการปกป้องมัน


มันขัดคำสั่งอันเด็ดขาดของเทพที่ตนรับใช้ไม่ได้


มันอาจรู้สึกเห็นใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ชื่นชอบมังกรคราม นั่นจึงทำให้มีร์ไม่มีปัญหากับหน้าที่คุ้มครองดาบ


แต่ในวินาทีนี้ ดาบมังกรครามกลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามหาศาล


เพราะเป็นสิ่งเดียวที่คอยเชื่อมโยงกริดกับตน


“กลับไปได้แล้ว”


กริดเร่ง


มีร์ทิ้งทวีปตะวันออกมานานหลายนาทีแล้ว


นั่นอาจทำให้เทพแห่งอาณาจักรฮวานสัมผัสถึงความผิดปรกติ


มีร์ลุกขึ้นคำนับนอบน้อม


“ข้าจะรอวันที่เจ้ามาปลิดชีพ”


เมื่อครู่


มีร์เพิ่งบอกว่าแล้วกริดจะเสียใจภายหลัง


เพราะมันรู้ว่าตนจะเป็นอุปสรรคที่จะทำให้กริดเจ็บช้ำไปอีกนาน


แต่ตอนนี้มันกลับเลิกพูดเกี่ยวกับความเสียใจ


มันสังเกตเห็นได้จากท่าทีอันผ่อนคลายของกริด


กริดไม่ใช่คนที่จะยอมถอดใจเพียงเพราะไม่สมหวังสองสามครั้ง


มีร์มั่นใจ


สักวันตนจะต้องตายด้วยฝีมือกริด


“…”


กริดไม่กล่าวคำใดอีก เพียงโบกมืออำลาโดยไม่หันไปมองอีกฝ่าย


คำพูดของมีร์ทำนองว่าจะรอให้กริดไปปลิดชีพตนในสักวัน ทำให้ชายหนุ่มได้ตระหนักถึงความโหดร้ายของโลก


ช่วงเวลาดังกล่าวจะต้องเจ็บปวดขนาดไหนกัน


***


ณ แอสการ์ด


ไลฟาเอลเดินไปบนเมฆทองด้วยสีหน้าปรกติ


และยังคงเหมือนเดิมต่อให้พ่ายแพ้สักร้อยครั้ง


เทวทูตแตกต่างจากเทพ


พวกมันมิได้รู้สึกระคายเคืองใจในยามที่แสดงความอัปลักษณ์ต่อหน้ามนุษย์


สิ่งที่ให้กำเนิดเทวทูตคือเทพธิดา หาใช่ความศรัทธาจากมนุษย์


“พิษของไฮดรามิอาจถูกบรรจุอยู่ในแสง… ยุ่งยากชะมัด… ข้าต้องระงับแสงเพื่อใช้พิษไฮดรา แล้วแบบนั้นจะไปมีประโยชน์อะไร”


ห้องทำงานเฮ็กเซเทีย


สถานที่ซึ่งสูญเสียเจ้าของจนมีบรรยากาศหนาวเหน็บอยู่สักพัก


นั่นเพราะโลหะคายความเย็นออกมาเนื่องจากไม่ได้สัมผัสกับความร้อนเป็นเวลานาน


ภายในห้อง


เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!


ปัจจุบันความร้อนกลับมามอบความอบอุ่นภายในห้องอีกครั้ง


โดยฝีมือของชายชราคนหนึ่ง


ชายชราเจ้าของพุงป่องและรอยยิ้มอบอุ่นที่ดูเข้ากันดี


แถมยังกลมกลืนกับปีกเทวทูตคู่เล็กบนแผ่นหลังอย่างไม่น่าเชื่อ


มันคือเทวทูตหน้าใหม่ที่เพิ่งถือกำเนิดได้ไม่นาน


“อย่างนั้นหรือ? หืม… น่าจะเป็นเพราะแสงมีคุณสมบัติในการชำระพิษ… ธาตุแสงทั้งศักดิ์สิทธิ์และไร้เทียมทาน… ไร้เทียมทาน… หากลองแก้ปัญหาแบบย้อนกลับจากมุมนี้ บางทีข้าอาจผสานแสงเข้ากับพิษได้… ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อท่านเทวทูต”


“ดีมาก ข้าหวังกับเจ้าไว้ไม่น้อย… เติมเต็มช่องว่างของเฮ็กเซเทียให้ได้ล่ะ”


“ฮะฮะ… ข้าจะไปแทนที่เทพแห่งการตีเหล็กได้อย่างไร แต่ถึงอย่างนั้นก็จะพยายาม ข้าน่ะขึ้นชื่อเรื่องความอดทน”


“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าตัวเองอดทน…? เทวทูตที่เพิ่งเกิดยังไม่น่าจะรู้จักนิสัยของตัวเอง…”


“หือ… นั่นสินะ… ข้าก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่มันรู้สึกได้อย่างเลือนรางว่าต้องใช่แบบนี้แน่”


เทวทูตตนใหม่เอียงคอด้วยสีหน้าฉงน คล้ายกับตนก็ไม่ทราบเหตุผลเช่นกัน


ไลฟาเอลยักไหล่


“อาจเป็นไปได้ว่าเจ้ายังหลงเหลือความทรงจำสมัยมีชีวิต เป็นอาการที่พบได้ทั่วไปของเทวทูตใหม่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็จะหายไปเอง”


“ความทรงจำสมัยมีชีวิต… นั่นสินะ…”


มันนึกทบทวนคำพูดอัครเทวทูตสักพักก่อนจะเผยรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวเนื่องจากกำลังรู้สึกดี


ขยัน อดทน มุ่งมั่นทำงาน


คุณสมบัติดังกล่าวทำให้มันนึกถึงคนสำคัญอย่างเลือนราง


เทวทูตใหม่จมอยู่กับความคิดสักพักก่อนจะได้สติกลับมา


ไลฟาเอลยื่นถุงพิษไฮดราและหอกมาให้


“ถ้าอย่างนั้นก็ฝากด้วย… ได้โปรดใช้ด้วยความระมัดระวัง ข้าคงหาถุงพิษนั่นเพิ่มไม่ได้อีกสักระยะ”


“ขอรับ ข้าจะทำให้ดีที่สุด”


ไลฟาเอลทิ้งเทวทูตยิ้มแย้มและเดินออกมา


มันสามารถมองเห็นแอสการ์ดในมุมกว้างชนิดที่ไม่มีมนุษย์คนใดจินตนาการออก


เมฆสีทองที่มีความสูงต่างกัน


ยิ่งเมฆสูง วิหารก็ยิ่งกว้างขวางอลังการ


แม้แต่ในโลกของเทพก็ยังไม่มีความเท่าเทียม


ในหมู่เทวทูตมีลำดับชั้น และในหมู่เทพก็มีเทพหลักเทพรอง


ผู้ที่คอยดูแลทุกคนคือเทพธิดา


ไลฟาเอลคำนับไปทางดินแดนบนสุดก่อนจะเกาศีรษะ


“กาบริเอลกำลังโกรธ?”


ภารกิจล้มเหลว


มันกำลังเผชิญความจริงที่ไม่คุ้นเคย


ผลลัพธ์ของภารกิจผิดไปจากความคาดหมาย


ไลฟาเอลผู้สังหารเทพไปมากมายจวบจนปัจจุบัน กลับทำพลาดบนโลกกึ่งกลาง


“ช่างเถอะ… ครั้งนี้ก็แค่โชคไม่ดี”


มีร์


ใครจะไปรู้ว่าหุ่นเชิดของพวกขี้แพ้จะโผล่ออกมา?


ไลฟาเอลกล้าพนันว่าแม้แต่เทพธิดาก็คงไม่รู้


‘…หรือจะรู้?’


ฝีเท้าของไลฟาเอลแผ่วลงอีกครั้ง



______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00