จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,528



กริดเกลียดชังยังบัน


ยังบันเป็นเพียงปรสิตตัวใหญ่สวมหนังมนุษย์ในสายตาชายหนุ่ม


นั่นต้องโทษการัม


ไม่สิ ยังบันแทบทุกคนทำให้กริดผิดหวัง


กลุ่มสิ่งมีชีวิตที่ลำพองตัวเองอย่างหยิ่งผยองไม่เคยคิดจะเก็บซ่อนสันดานอันน่ารังเกียจ


พวกมันทำร้ายเทพตะวันออกที่เกิดจากความปรารถนาของมนุษย์และพยายามแทรกตัวเองเข้าไปแทนที่


พวกมันใฝ่ฝันจะเป็นเทพโดยที่ขาดสามัญสำนึกด้านความรักและกรุณา


อยากจะเป็นเทพของมนุษย์ แต่กลับมองมนุษย์เป็นเครื่องบวงสรวง


พวกมันดุร้าย เจ้าเล่ห์ เขลา และขัดแย้งในตัวเอง


กล่าวคือ ยังบันแย่ยิ่งกว่าสัตว์


แต่จุดดีเมื่อเทียบกับอสูรคือยังบันไม่ฆ่ามนุษย์ส่งเดช


นั่นคือข้อดีเพียงหนึ่งเดียว และไม่ได้มาจากเจตนาที่ดี


พวกมันขาดมนุษย์ไม่ได้หากปรารถนาจะเป็นเทพ


นั่นคือเหตุผลที่พวกมันยังไม่เปิดใจ ‘เป็นมิตร’ กับมีร์ผู้แสดงความชื่นชมต่อกริดและครอเกลที่มาท้าทายตนบ่อยครั้ง


“มีร์…”


บุรุษผู้ปรากฏตัวในจังหวะเวลาที่คาดไม่ถึงกำลังยืนเคียงข้างพวกตน


จุดสูงสุดของยังบันที่พวกมันเกลียดนักเกลียดหนา


ฉากแล้วฉากเล่าแล่นเข้ามาในหัวกริดขณะจ้องอีกฝ่าย


เริ่มด้วยการพบกันครั้งแรก


มีร์ทักทายกริดอย่างสุภาพ


มันยังคงยิ้มแย้มทั้งที่อาจถูกขโมยดาบหนักมังกรครามซึ่งตนคอยปกป้องมาเป็นเวลานาน


แน่นอนว่ามีร์ไม่คิดยกให้ แถมยังตั้งคำถามเกี่ยวกับคุณสมบัติของกริด


ลามไปถึงการถกเถียงในประเด็นเกี่ยวกับเทพ


เทพมิได้ไร้เทียมทาน และยังติติงว่ากริดแบกรับภาระไว้บนบ่ามากเกินไป


แน่นอนว่ากริดในเวลานั้นไม่พอใจ


มันเชื่อว่ายังบันชั่วร้ายกำลังสวมหน้ากากแสร้งทำเป็นตีหน้าซื่อ


มีร์ต้องการสั่นคลอนกำลังใจและความแน่วแน่ของตน กริดคิดเช่นนั้น


แต่ถ้าลองนึกทบทวนดูใหม่ แววตาของมีร์ในตอนนั้นเจือความเศร้าไว้หลายส่วน


คำชื่นชมที่มอบให้กริดและครอเกลหลังจากฝากบาดแผลไว้ร่างกายสำเร็จ ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ของปลอม


ท่าทียังคงไม่เปลี่ยนแปลงแม้คนทั้งสองจะย้อนกลับมาท้าชิงอีกครั้ง


แทนที่จะหวาดระแวง มีร์กลับช่วยให้กำลังใจและมอบคำแนะนำ


การต่อสู้เป็นราวกับการฝึกปรือและเรียนรู้มากกว่า


“…”


กริดเพ่งมองมีร์อย่างตั้งใจ


รอยแผลที่เกิดจากดาบบนใบหน้าและลำตัว


เกือบทั้งหมดเป็นฝีมือของกริดและครอเกล


มีร์เก็บรักษาพวกมันประหนึ่งเหรียญตราแทนที่จะรักษาให้หายด้วยพลังฟีนิกซ์แดง


“นาย…”


กริดเรียบเรียงความคิดก่อนจะถามเข้าประเด็น


“ชอบฉัน?”


มีร์ไม่ปฏิเสธ


ตามด้วยกล่าวในสิ่งที่เคยพูดกับเยอึม


“ข้าเห็นใจเทพมังกรครามที่เจ้าต้องการช่วย… แต่ข้าไม่ชอบเจ้านั่น”


ทุ่งหิมะที่ปกคลุมคายาเกิดจากความเคียดแค้นของมังกรคราม


หิมะทำร้ายคนและสัตว์ไปมากมาย


ชาวคายาแต่เดิมอาศัยอยู่กลางทะเลทราย ย่อมรับมือกับความหนาวเย็นฉับพลันไม่ไหว


พวกมันไม่ทันเตรียมใจรับมือ และไม่รู้ว่าต้องรับมือเช่นไร


ผู้คนจำนวนมากปรับตัวเข้ากับหิมะไม่ได้ หลายคนหนาวตายและหลายคนอพยพหนี


สถานการณ์ทางฝั่งสัตว์ยิ่งแล้ว


มังกรครามไม่รู้หรืออย่างไรว่าความแค้นของตนจะทำให้ผู้คนมากมายเดือดร้อน?


นั่นเป็นไปไม่ได้


“สำหรับข้า เทพก็เหมือนเด็ก… แม้แข็งแกร่งแต่ก็ใจแคบและเชื่อว่าตนนั้นไร้เทียมทาน…”


มีร์เผยรอยยิ้มขื่นขมขณะแหงนมองไลฟาเอลบนท้องฟ้า


มันยังไม่ลืมเหตุการณ์ในตอนที่ตนถูกกริดฟันด้วยดาบจันทราดับ ยังไม่ลืมว่าสัญชาตญาณการเอาตัวรอดร้องเตือนดังเพียงใด และไม่ลืมว่าตนเผลอทำลายสนามรบเพราะความตื่นตระหนกไปมากแค่ไหนหลังจากนั้น


“เทวทูตก็ไม่ต่างกัน… เจ้ามีประสบการณ์มากกว่าข้าในเรื่องนี้ คงไม่ต้องอธิบายกระมัง”


“ฉันเองก็เป็นเทพ… ถ้าคิดจะโน้มน้าวด้วยเรื่องไร้สาระก็ลืมไปได้เลย”


“แต่เจ้ารู้ตัวเอง”


“…”


“เจ้าเริ่มจากชีวิตมนุษย์และยอมรับว่าตัวเองมิได้ไร้เทียมทาน… สำหรับเจ้า นั่นมิใช่เรื่องน่าละอายแต่เป็นครรลองธรรมชาติ ข้าไม่สงสัยเลยว่าเจ้าจะกลายเป็นตัวตนที่ทำให้ทวยเทพหวาดระแวงเข้าสักวัน… เจ้าจะนำพาความเปลี่ยนแปลกมากมายในอนาคต”


“…”


“เจ้าคือความหวังของข้า… เป็นผู้แสดงให้เห็นว่าข้าเองก็เป็นเทพได้”


มีร์สารภาพตรงไปตรงมา


“เป้าหมายของข้าคือการเป็นเทพสงครามและช่วยให้ซือโหยวได้หลับพักผ่อน จากนั้นก็เพิ่มพูนพลังเพื่อคอยนำทางทวยเทพอย่างเหมาะสม… ข้ารู้ดีว่าความฝันของตัวเองฟังดูเกินเอื้อม ฟังดูไม่มีวันเป็นจริงสำหรับผู้เกิดมาเป็นแค่ตัวสำรองของเทวทูต… ข้าไม่มีความมั่นใจแม้จะฝึกหนักมาทั้งชีวิต นั่นคือเหตุผลที่ข้าอยากให้กำลังใจเจ้า… หากเจ้าเปลี่ยนเทพได้ บางทีความฝันของข้าอาจเปลี่ยนไป”


ประกายแสงที่แตกกระจัดกระจายเริ่มแผ่ออกเป็นวงกว้าง


แสงเหล่านั้นนำความพร่ามัวมาสู่ใบหน้าของมีร์ผู้กำลังสารภาพความในใจ


สุ้มเสียงแผ่วเบาของมันถูกกลบด้วยเสียงลมพายุอันเกิดจากการระเบิดอย่างต่อเนื่อง


แต่กริดที่ยืนด้านข้างย่อมเห็นและได้ยินทุกสิ่ง


มีร์กำลังละอายใจและหวาดหวั่น


มันพูดด้วยเสียงสั่นเครือขณะก้มหน้ามองต่ำ


มีร์ทราบดี


คุณสมบัติของตนยังห่างไกลจากความฝันอยู่มาก


ผู้ที่มองว่าตัวเองต่ำต้อยต้องรวบรวมความกล้าหาญอย่างมากเพื่อที่จะสารภาพกับกริด


เป็นหลักฐานยืนยันว่ามีร์ไม่ได้โกหก


มันต้องการแสดงความจริงใจกับกริดโดยการเล่าความจริง


“นั่นคือเหตุผลที่ช่วยฉัน? คอยเฝ้ามองฉันตลอดเวลาเลยหรือ?”


“ข้าไม่มีพลังหรือสิทธิ์ที่จะเฝ้ามองเจ้า… แต่วันนี้ข้าได้ทราบว่าตัวเองมีพลังในการอ่านความเคลื่อนไหวของไลฟาเอล ราวกับเป็นชะตากรรมที่ถูกกำหนดมาทั้งแต่เกิด… นั่นคือเหตุผลที่ข้าทราบสถานการณ์ของเจ้า”


“…ทำไมนายถึงต้องการชี้นำเทพอย่างเหมาะสม”


กริดอยากเชื่อใจมีร์


มันถึงถามออกไป


“ข้าอยากให้ช่วงชีวิตที่มีจำกัดของสามัญชน… มีคุณค่ามากกว่านี้”


มีร์เล่าพลางนึกถึงตอนที่ตนโปรยอาหารให้นก


ในเมืองหลวงของคายาที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะโดยฝีมือมังกรคราม


ผู้ที่คอยดูแลมนุษย์และสัตว์ซึ่งไม่สามารถอพยพหนีออกจากเมือง ไม่ใช่ใครนอกจากมีร์


มักมักเกิดความสงสารชีวิตที่ถูกสังเวยในฐานะเบี้ยของทวยเทพ


แต่มีร์ก็พูดออกไปไม่ได้เพราะไม่มีใครคอยเป็นเพื่อนให้คำปรึกษา มันจึงต้องดูแลทุกชีวิตตามลำพังมาตลอด


“…”


กริดขมวดคิ้วเล็กน้อย


ขณะเดียวกันก็หวนนึกถึงอดีตของตัวเอง


คนที่คอยสร้างความทุกข์ยากให้ตนมิใช่เทพซึ่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอยู่จริงไหม


หากแต่เป็นมนุษย์


“สาเหตุที่มนุษย์และสัตว์ต้องทุกข์ทรมาน… มิได้เกิดจากเทพไปทั้งหมด”


ความปรารถนาของนายจะไม่มีวันเป็นจริง


มีร์ยิ้มให้กริดที่ตอบโดยนัย


อาจเป็นเพราะมันสัมผัสถึงความ ‘อ่อนโยน’ ที่ตามหามาทั้งชีวิต


“เรื่องนั้นข้าทราบดี… แต่อย่างน้อย… ”


แม้จะผ่านไปเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากมีร์ปรากฏตัว


แต่คนทั้งสองมีโอกาสได้สนทนาปรัชญากันในเชิงลึก


“ข้าหวังให้เทพเป็นตัวตนที่ทุกคนสามารถพึ่งพาได้อย่างแท้จริง”


การสนทนาจบลงเพียงเท่านี้


สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไร


ชิ้ง—!


หอกของไลฟาเอลบนท้องฟ้ากำลังเปลี่ยนรูป


กลายเป็นคันศรสีขาวบริสุทธิ์ซึ่งดูคล้ายกับปีกเทวทูต แต่ด้วยความเหตุผลบางประการ ทุกคนกลับรู้สึกว่ามันมีรูปลักษณ์เช่นนี้มาตั้งแต่แรก


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!


ตามด้วยเสียงระเบิดชุดใหญ่


ศรแห่งแสงนับพันดอกถูกกระหน่ำยิงลงมายังเบื้องล่างอย่างไร้ความปรานี


ผู้คนรีบตอบสนองแม้จะกำลังทึ่ง


ต่างตนต่างปกป้องกันและกันด้วยทักษะและเวทมนตร์ที่ตนชำนาญ


เป็นความสามัคคีที่น่าชื่นชมมาก


ฉากที่ผู้เล่นทุกคนเคลื่อนไหวไปตามหน้าที่ของตัวเองโดยไม่ก้าวก่ายกัน และสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้จากสิ่งเหล่านั้น เป็นเครื่องพิสูจน์ความกลมเกลียวและเป็นปึกแผ่นซึ่งพัฒนาขึ้นมากในช่วยหลายวันที่ผ่านมา


แต่ศัตรูแข็งแกร่งเกินไป


พลังทำลายของไลฟาเอลมิใช่สิ่งที่ผู้เล่นทั่วไปจะรับมือไหว


ทุกคนจะตายหากสถานการณ์เช่นนี้ยังดำเนินต่อไป


กริดลงมือทำก่อนความคิด


มีการเปิดใช้ ‘ถ้อยคำนักคุณธรรม’ ล่วงหน้าแล้ว


เทพโอเวอร์เกียร์ทำการถ่ายทอดเจตจำนงของตนไปยังยุทธภัณฑ์ทั่วโลกที่มันให้กำเนิด


หนึ่งในสุดยอดพลังที่มีสมญานาม ‘ดยุคแห่งคุณธรรม’ เป็นรากฐาน


ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!


ยุทธภัณฑ์หลายพันชิ้นพรั่งพรูจากท้องฟ้าเพื่อคอยสกัดกั้นศรแห่งแสงของไลฟาเอล


แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่คอยสกัดกั้นฝนธนู เพราะกริดเชื่อใจพวกพ้อง


ยุทธภัณฑ์กว่าครึ่งพุ่งโจมตีใส่ไลฟาเอลโดยตรง


ออร่าของไลฟาเอลจางลงมากเมื่อเทียบกับตอนที่ปรากฏตัวใหม่ๆ


กริดที่เล็งเห็นข้อเท็จจริงดังกล่าวตัดสินใจลองเสี่ยง


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!


ขณะวงแหวนแห่งแสงกำลังเบนเป้าไปหาสายฝนยุทธภัณฑ์ของกริด


“จงอย่าได้มองความช่วยเหลือในวันนี้เป็นการติดค้าง สิ่งเดียวที่ทำให้ข้าเคลื่อนไหวได้คือเจตจำนงของเทพที่ข้ารับใช้… ครั้งหน้าที่พบกัน พวกเราอาจกลายเป็นศัตรู…”


เป็นเสียงของมีร์


“แต่สำหรับวันนี้ ข้าเป็นพวกพ้องเจ้า”


เสียงดังใสกังวานราวกับคนพูดยืนอยู่ข้างกริด


แต่ตอนนี้มีร์เข้าประชิดไลฟาเอลเรียบร้อยแล้ว


ฟุ่บ!


มีร์มิได้มีแค่หนึ่งหรือสองจุดเด่น


ทุกการเคลื่อนของมันล้วนได้รับการสนับสนุนจากพลังของเทพทั้งสี่ หากต้องการ มีร์สามารถขยับร่างกายได้ด้วยความเร็วใกล้เคียงชุนโปอย่างอิสระ สร้างทะเลเพลิงและหมอกพิษปกคลุมสนามรบได้ตามใจชอบ ร่างกายแข็งดุจดังหินผา


เป็นระดับการหลอมรวมที่ไคล์เทียบไม่ติด


“น่าหงุดหงิดชะมัด… เซราทุลรู้สึกแบบนี้ในตอนที่สู้กับซือโหยวสินะ”


คันศรในมือไลฟาเอลแปรเปลี่ยนเป็นดาบโล่เพื่อเตรียมรับแรงปะทะจากมีร์ แต่ท้ายที่สุดกลับยังได้รับบาดแผลไปหลายแห่ง


มีร์เชี่ยวชาญการโจมตีผ่านดาบและโล่ยิ่งกว่าใคร


แถมยังตีกรอบการเคลื่อนไหวของไลฟาเอลได้โดยแสร้งเล็งไปที่เทวทูตตัวน้อยบนไหล่


มีร์คือผู้ที่ต้องการลบช่องว่างระหว่างฝีมือปัจจุบันกับอุดมคติของตนตลอดเวลา ตอนนี้จึงมีความแข็งแกร่งในระดับเกินกว่าที่กริดเข้าใจ


ไลฟาเอลยากที่ต้านทานการรุกหนัก แถมยังใกล้จะถูกบังคับส่งกลับสวรรค์เต็มที


กริดที่พุ่งตามมากำลังจดจ้องแผ่นหลังมีร์พลางครุ่นคิด


สิ่งมีชีวิตที่เทพตกสวรรค์สร้างขึ้นเพื่อต่อกรกับแอสการ์ด


ลำพังพรสวรรค์เพียงอย่างเดียวก็มากพอจะช่วยให้มีร์ผ่านบททดสอบของซือโหยวด้วยระยะเวลาสั้นที่สุด และสถิติดังกล่าวไม่ถูกทำลายอีกเลยจนกระทั่งกริดเข้ารับการทดสอบในอีกหลายปีให้หลัง


มันฝึกฝนตัวเองอย่างหนักมาตลอดนับตั้งแต่สอบผ่าน จนกระทั่งถูกขนานนามให้เป็นสุดยอดยังบันผู้เหนือหัวกะทิอย่างการัมและคนที่เหลืออย่างเทียบไม่ติด มีร์หลอมรวมพลังของเทพทั้งสี่เข้ากับตัวเองและคอยปกป้องดินแดนตะวันออกมาอย่างยาวนาน ระหว่างนั้นเคยถูกท้าทายด้วยตัวตนที่แข็งแกร่งนับไม่ถ้วน เช่นอริยดาบมุลเลอร์


ดูเหมือนว่าซือโหยวจะคาดหวังกับมีร์ไว้มาก มีร์จึงตั้งเป้าที่จะเป็นผู้มอบการพักผ่อนให้ซือโหยว


‘อย่างที่เราคิดไว้…’


มีร์อยู่ในระดับเดียวกับไลฟาเอลและบาเอล


จุดเดียวที่ด้อยกว่าคือมีร์ยังอายุน้อยเมื่อเทียบกับอีกสองตัวตนซึ่งดำรงอยู่มาตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม มีแนวโน้มสูงมากที่ค่าสถานะและความสำเร็จจะยังเป็นรองทั้งสองพอสมควร


แต่ศักยภาพมิได้ด้อยกว่าเลย


ต้องไม่ลืมว่ามีร์ถือกำเนิดจากฮานึล หนึ่งในมหาเทพ เทพแห่งยุคต้นกำเนิด เพื่อต่อกรกับไลฟาเอลโดยตรงไม่ใช่หรือ?


หนึ่งในเสาหลักผู้ค้ำจุนโลกซาทิสฟายกำลังต่อสู้เคียงข้างกริดด้วยเจตจำนงของตัวเอง


กริดกำลังตื้นตันเหนือพรรณนา


การถูกผู้อื่นยอมรับ


กริดรู้สึกขอบคุณที่มันเกิดขึ้นในชีวิตหลายครั้ง และทุกครั้งล้วนสร้างความสุขอย่างเท่าเทียม


นอกจากนั้น สถานการณ์ปัจจุบันยังช่วยมอบสิ่งมีค่ามากมาย


มันได้ทราบความลับของเทวทูต


กริดพบว่าเทวทูตคือมนุษย์ที่ถูกคัดเลือกมาจากโลกเก่าๆ ที่เคยถูกทำลายไปในอดีต


ลำพังการได้ทราบตัวตนก็มากพอจะช่วยให้ม่านหมอกแห่งความสงสัยถูกปัดเป่า


ชายหนุ่มมองโลกได้ชัดเจนขึ้น


เปรี้ยะ!


มังกรครามกำลังหมุนตัวเป็นเกลียวเพื่อสร้างสายฟ้าพุ่งใส่ไลฟาเอลจากทุกทิศ


หลังจากผ่านไปหลายเพลงดาบ ในที่สุดไลฟาเอลก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะปกป้องเทวทูตตัวน้อย


มันเลิกแยแสตัวถ่วงที่ถูกสายฟ้าของมีร์เล่นงาน


ศาสตราที่เปลี่ยนไปมาได้กลับไปเป็นหอกเหมือนตอนแรกเริ่ม และคมหอกกำลังพุ่งเข้าหาหน้าผากมีร์


เปรี้ยง!!


นี่ควรเป็นการปะทะครั้งสุดท้ายก่อนที่ตรีเอกานุภาพจะหายไป


แต่ขณะมีร์เตรียมถอยหลังหลบหอก


ฉึก!


มันพบว่ากริดหายตัวไปโผล่ด้านหลังไลฟาเอล มีร์ยอมสละดวงตาหนึ่งข้างเพื่อแทงดาบหนักมังกรครามใส่อกไลฟาเอลและตรึงอีกฝ่ายไว้


และนั่นทำให้กริดตัดหัวไลฟาเอลสำเร็จ


“หอกของข้าฉาบพิษไฮดรา… และจากที่ข้าเข้าใจ ยังบันมีร่างกายเดียว แตกต่างจากพวกเรา”


ไลฟาเอลยังคงพูดได้แม้ศีรษะจะหลุดออกจากบ่า


และปาฏิหาริย์ของนักบุญหญิงซึ่งสามารถทำลายดวงวิญญาณเทวทูตและจอมอสูร ก็มิได้ถูกกระตุ้นให้เปิดใช้งาน


นั่นเพราะไลฟาเอลยังมีชีวิต


ไลฟาเอลไม่ตายเพียงเพราะถูกตัดหัว


ชิ้ง—!


แสงสว่างจากฟากฟ้าพาตัวไลฟาเอลกลับไป


[อัครเทวทูตลำดับหนึ่ง ไลฟาเอล ถูกขับไล่สำเร็จ]


รางวัลตอบแทนปริมาณมหาศาลกำลังพรั่งพรู


แต่กริดไม่เสียเวลาหันไปสนใจ


มันเป็นห่วงมีร์ที่พิษจากดวงตากำลังลามไปยังทุกส่วนของร่างกาย


“ครั้งหน้าที่พบกัน พวกเราอาจกลายเป็นศัตรู…”


นี่คือสิ่งที่มีร์พูดไว้


ชะตากรรมที่มิอาจเลี่ยง


กริดกำลังเกิดความรู้สึกขัดแย้งและสับสนในใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


สีหน้าชายหนุ่มกำลังดำมืดขณะมองสลับไปมาระหว่างมีร์ในอ้อมแขนและรูบี้บนพื้นดินด้านล่าง

______________

ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ


Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00