จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,525



เปรี้ยะ!


พื้นดินในจุดที่กริดยืนสูญเสียรูปร่างเดิมของมัน ทุกย่างก้าวมีแค่การพังครืน


สิ่งนี้เกิดจากพลังขาอันแข็งแกร่ง เพราะกริดจำเป็นต้องถีบตัวเองในก้าวเดียวเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งอย่างฉับพลัน


ชายหนุ่มไม่ประมาทการจู่โจมจากคามิคิน จึงไม่พยายามเผชิญหน้าโดยตรง


ทุกทิศทาง ไม่ว่าจะซ้ายขวาหรือขึ้นลง


ทัศนวิสัยของกริดที่เปลี่ยนไปในทุกวินาที แสดงให้เห็นว่ามันกำลังเคลื่อนไหวด้วยความเร็วมากเพียงใด แสงสีส้มรอบตัวทวีความเข้มจนดูคล้ายกับดวงอาทิตย์


พรึ่บ!


ผ้าคลุมกริดสะบัดพลิ้วอย่างไร้ระเบียบ เป็นผลจากสายลมปะทะขณะหน้าผากคามิคินพุ่งเฉี่ยวผ่านไป


กริดสามารถหลบหลีกการจู่โจมของอีกฝ่ายอย่างฉิวเฉียด บางเฉียบพอๆ กับกระดาษหนึ่งแผ่น


‘เป็นความเร็วในการพุ่งชาร์จที่น่าทึ่งมาก’


คามิคินสี่ขาสามารถพุ่งชาร์จได้รวดเร็วและไหลลื่นประหนึ่งกระแสน้ำ เป็นขอบเขตของความเร็วในระดับเดียวกับเซราทุล เร็วขึ้นกว่าในตอนที่เคยสู้กับบราฮัมอย่างเห็นได้ชัด


แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่เรื่องน่ากังวล


เป็นสถานการณ์ที่กริดคิดเผื่อไว้แล้วเมื่อเห็นอีกฝ่ายโผล่หน้าออกมาพร้อมกับวิญญาณตำนาน แถมยังมียูดาห์คอยแทรกแซง


คามิคินกลับมาในสภาพที่แข็งแกร่งกว่าเดิม


เป็นเหตุผลว่าทำไมบราฮัมถึงตัดสินใจหลีกเลี่ยง


‘สบาย…’


กริดบิดข้อมือหวดดาบเต็มแรงใส่ลำคอคามิคินที่พุ่งผ่าน


มันฟันลำคออีกฝ่ายพร้อมกับบังคับให้ศีรษะของเธอหันไปยังทิศทางที่ตนต้องการ


ปราณอสูรอันเข้มข้นถูกสยบด้วยเขตแดนพายุเพลิงเทพ


นอกจากนั้น ใช่ว่ากริดจะหลบหลีกทุกการโจมตี หากสบโอกาสสวนกลับก็จะลงมือทันที


แต่แน่นอน การโจมตีอันหนักหน่วงจะต้องหลบเลี่ยง


กริดสามารถจำแนกความรุนแรงของการโจมตีได้จากวิถีและพละกำลังส่ง


และต้องขอบคุณ <ประสาทสัมผัสเทียม> ที่เกิดจากหัตถ์เทวะสามสิบข้าง


การโจมตีของคามิคินแทบไม่สร้างผลลัพธ์แม้จะมีความเร็วระดับเสียง


คามิคินมีจุดอ่อนใหญ่หลวงเป็นทุนเดิม


ด้วยช่วงล่างที่เป็นม้า คามิคินอาจเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงด้วยความเร็วสูง แต่เธอมีปัญหาในด้านการเปลี่ยนทิศ


จริงอยู่ที่ยังจัดว่า ‘เร็ว’ ในสายตาคนทั่วไป แต่สำหรับกริดแล้วดาษดื่น


มันเคยรับมือกับตัวตนที่แข็งแกร่งกว่านี้มาแล้ว


กริดผ่านการต่อสู้ในระดับสูงมาอย่างโชกโชน จนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่าชีวิตต้องโหดร้ายถึงเพียงนี้เชียว


เปรี้ยง!!


ดาบหนักกูเซลที่ผสานเข้ากับดาบมังกรเพลิงคืออาวุธที่เหมาะแก่การฟันและแทง


เสียงคำรามดังขึ้นทันทีที่สัมผัสกับลำคอคามิคิน


เป็นเสียงพังทลายของ ‘การป้องกันสัมบูรณ์’


คุณสมบัติของดาบหนักกูเซลกับปราณต่อสู้ของกริดผสมผสานกันอย่างลงตัวและสำแดงฤทธิ์เดช มีโอกาสสูงที่การโจมตีของชายหนุ่มจะมองข้ามการป้องกันสัมบูรณ์


จนถึงจุดที่แม้จะยังล่ามังกรไม่ไหว แต่ก็แข็งแกร่งพอจะสร้างบาดแผลฉกรรจ์ได้แล้ว


ไม่ว่าจะมองมุมใดก็น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง


ห้านาที


คามิคินโชกเลือดภายในเวลาเพียงห้านาทีหลังจากการดวลเริ่มขึ้น


ในฐานะจอมอสูรลำดับสี่ พลังชีวิตของคามิคินก็น่าจะแตะหลักพันล้าน ‘เป็นอย่างต่ำ’


สำหรับพลังโจมตีของกริดในปัจจุบัน การนิยามว่า ‘เหนือมนุษย์’ นั้นยังไม่เพียงพอ


อาจเข้าขั้นโกงก็ว่าได้ หรือควรเรียกว่าเป็นบั๊ก


นี่คือจุดสูงสุดของพลังแห่งไอเท็ม


เมื่อผนวกเข้ากับความสำเร็จ สมญานาม ระดับตัวตน และค่าสถานะ ทุกสิ่งช่วยดึงศักยภาพของอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุด – ศาสตรามังกร – ออกมาจนถึงขีดสุด


“ฟู่ว…”


คามิคินถอนหายใจยาวด้วยสีหน้าค่อนไปทางเยือกเย็น คล้ายกับยิ่งวิกฤติเพียงใดก็ยิ่งสุขุม


‘ดูเหมือนว่าเธอจะยังเชื่อมั่นใจบางสิ่ง’


สมองกริดเริ่มร้อนเนื่องจากทัศนียภาพเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายร้อยครั้งภายในหนึ่งนาที


เรี่ยวแรงยังมีเหลือเฟือ แต่พลังใจถูกบั่นทอนไปจำนวนหนึ่ง


นี่คือเหตุผลที่ซาทิสฟายไม่ใช่เกมที่ง่ายสำหรับมือใหม่


ยิ่งมีสมรรถภาพทางร่างกายสูงเพียงใด นั่นยิ่งมาพร้อมภาระทางใจ เป็นเรื่องยากที่จะตั้งสมาธิในการต่อสู้ได้นาน


เป็นผลพวงมาจากการที่ตัวเกมตัดระบบช่วยเหลือออกเพื่อความสมจริง


แต่ถึงอย่างนั้น กริดยังสบายดี


ขอเพียงไม่ติดข้อจำกัดทางระบบเกมเช่นค่าเรี่ยวแรงหมดลง กริดสามารถคงสภาพจิตใจไว้ได้พอๆ กับความอ่อนเพลียของร่างกาย


ความอดทน


จุดแข็งอันดับหนึ่งชายชื่อกริด


‘เธอคงมีวิธีเอาชนะจุดอ่อนของตัวเอง’


สมาธิกริดที่จดจ่อมาตั้งแต่เริ่มศึก บัดนี้ก็ยังไม่สั่นไหว


มันพยายามคาดเดาว่าคามิคินจะกระทำสิ่งใด พลางวางแผนรับมือล่วงหน้า


แต่กริดไม่แสดงออกอย่างโจ่งแจ้ง มันยังคงต่อสู้ในรูปแบบเดิมโดยไม่เปลี่ยนท่าที เพียงค่อยๆ ยึดครองความได้เปรียบมาเป็นของตน


มันไม่ปล่อยให้คามิคินพุ่งชนร่างกายโดยตรง แต่จะฉากหลบไปด้านข้างพร้อมกับรำดาบโจมตีสวน


โฮกกกกกก!!


ท่ารำดาบยิ่งทวีความมหัศจรรย์เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากอีโก้ของกูเซล


เสียงมังกรคำรามส่งผลให้สัตว์อสูรโดยรอบอ่อนแอลงในพริบตา


แม้จะไม่สมบูรณ์ แต่ผลของ ‘มังกรข่มขวัญ’ ก็ยังคงทรงประสิทธิภาพ


ศัตรูที่มีระดับตัวตนต่ำกว่ากริดอย่างน้อยหนึ่งขั้นจะสูญสิ้นพลังใจในการต่อสู้ไปชั่วขณะ


แม้จะเป็นระยะเวลาเพียงหนึ่งวินาที แต่ก็มีประโยชน์มากในเชิงการใช้งาน


และยิ่งกริดรำดาบ ระยะเวลาของมังกรข่มขวัญก็ยิ่งยาวนานขึ้น


เปรี้ยง!


ขณะดาบในมือกริดฟาดเข้าที่ด้านล่างฝั่งซ้ายของลำตัวคามิคิน เลือดกลุ่มใหญ่พวยพุ่งออกจากหน้าอกและแผ่นหลังคามิคินพร้อมกัน


เป็นเทคนิคการฟันดาบเร็วที่กองทัพฝ่ายพันธมิตรต่างพากันส่งเสียงเชียร์เมื่อได้เห็น


“…!”


ในเวลาเดียวกัน บราฮัมพลันเย็นหลังวาบ


มันชำเลืองไปทางกริดขณะตัวเองกำลังตรึงไฟโวล์ฟและซีดาน


บราฮัมมองเห็นรอยยิ้มแฝงเลศนัยของคามิคิน


โดยไม่มัวเสียเวลาตะโกนออกไป


บราฮัมรีบร่ายบาเรียคุ้มกายเพื่อหวังคลุมลงบนตัวกริด


แต่ทันใดนั้นเอง


ซู่ว!


ลำแสงสีดำถูกยิงออกจากท่อนแขนคามิคินรอบทิศทาง


นี่คือช่วงเวลาที่จุดอ่อนของคามิคินซึ่งถูกกริดฉกฉวยมาตลอด ย้อนกลับมาเล่นงานชายหนุ่ม


“…!”


“…!”


ลำแสงแปดเส้นซึ่งมีคามิคินเป็นศูนย์กลาง กำลังเผยให้เห็นพลังทำลายล้างมหาศาล


มองจากด้านบนจะดูเหมือนผลึกซึ่งมีดวงตาสีดำอยู่ด้านใน แต่ตรงข้ามกับภาพลักษณ์อันงดงาม ความน่าสะพรึงของมันเข้าขั้นเลวร้าย


ผู้เล่นและสัตว์อสูรที่ขัดขวางเส้นทางลำแสงพลันแปรเปลี่ยนเป็นซากขี้เถ้าสีเทาอ่อนทันที


ทักษะและเวทมนตร์เชิงป้องกันกลายเป็นสิ่งไร้ความหมาย ลำแสงสีดำจะมอบความตายในพริบตาทันทีที่สัมผัสโดน


แถมขอบเขตก็ยังกว้างไกล


ลำแสงหนึ่งเส้นมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางราวสิบเมตร พิสัยการยิงไกลถึงสิบกิโล


กล่าวอีกนัยหนึ่ง สนามรบสามารถถูกทำลายได้ง่ายดายด้วยลำแสงหนึ่งเส้น


กริดต้องเผชิญกับลำแสงในระยะใกล้จนมิอาจหลบพ้น


ในวินาทีที่โลกแห่งเหนือมนุษย์ทำงาน ทัศนวิสัยของชายหนุ่มก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีดำอย่างท่วมท้นจนมิอาจใช้ชุนโป


เป็นเหตุให้ต้องตอบโต้ด้วย ‘วังวน’


เนื่องจากเตรียมตัวรับมือการโต้กลับอยู่แล้ว กริดจึงลงมือได้ในทันที ดาบหนักกูเซลในมือถูกควงฟันใส่ลำแสงอย่างแม่นยำ


แต่ผลลัพธ์กลับเหนือความคาดหมาย


[ท่านได้รับความเสียหาย 150,000 หน่วย]


เป็นการโจมตีแบบคงที่ชนิดไม่สนพลังป้องกันทางกายภาพและเวทมนตร์


ลำแสงสีดำพุ่งผ่านท่ารำดาบของกริดราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นก็ปกคลุมร่างกายทุกซอกมุมอย่างท่วมท้น เป็นความเสียหายอันหนักหน่วงชนิดที่ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมไฮแรงเกอร์หลายคนถึงตายคาที่


นอกจากนั้น ความเลวร้ายของลำแสงยังไม่จบลง


[ท่านได้รับความเสียหาย 150,000 หน่วย]


เป็นการโจมตีต่อเนื่องประเภทที่ต้องรีบหนีออกจากขอบเขต ไม่อย่างนั้นความเสียหายจะไม่หยุดลง แถมยังรุนแรงมากถึงสามแสนหน่วย


นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของจอมอสูรลำดับสี่


เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าผู้เล่นยังไม่ถึงเวลาท้าทายเธอด้วยความบุ่มบ่าม


“คึฮ่าฮ่าฮ่า!!”


คามิคินระเบิดเสียงหัวเราะ


เธอยังคงปลดปล่อยลำแสงที่คลุมร่างกริดอย่างต่อเนื่อง สีหน้ายินดีปรีดาประหนึ่งความแค้นกว่าร้อยปีถูกสะสาง


ระหว่างนั้น คามิคินปล่อยให้เวทมนตร์ของบราฮัมปะทะร่างอย่างไม่แยแส


นี่คือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้หากเธอต้องการคงสภาพลำแสงสีดำเอาไว้เป็นเวลานาน


เธอจำเป็นต้องทนรับมัน


ลำแสงสีดำแปดทิศเป็นพลังที่คามิคินได้รับจากการยอมสวามิภักดิ์ต่อบาเอล


บาเอลเคยอธิบายไว้ว่า ลำแสงดังกล่าวเป็นพลังของเทพยาธาน


แน่นอนว่าระดับคามิคินไม่มีทางเลียนแบบพลังต้นฉบับได้ครบถ้วน แต่อย่างน้อยเธอก็แข็งแกร่งพอที่จะจำลองได้บางส่วน


ลำแสงสีดำดังกล่าวมีคุณสมบัติที่น่าทึ่งเกินไป


มันสามารถดึงดูด สะกด และแยกส่วนเป้าหมายได้แม้จะมีปริมาตรขนาดมหึมา ขณะเดียวกันก็เพิกเฉยค่าต้านทานของสสารทุกชนิด


หากสิ่งใดสัมผัสกับลำแสงชนิดนี้ ชะตากรรมเดียวที่รออยู่คือความตาย


“ข้า… สังหารเทพ… สำเร็จ!! คึฮะฮะ! คึฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!”


เลือดที่คล้ายกับหมึกสีดำพรั่งพรูออกจากเจ็ดทวารบนศีรษะมนุษย์ของคามิคิน เป็นผลมาจากการคงสภาพลำแสงไว้เป็นเวลานาน เส้นเลือดใหญ่บนหน้าผากปูดโปนและระเบิดออกอย่างบ้าคลั่ง หากเธอจะล้มลงและเสียชีวิตไปก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก


แต่แน่นอน เธอย่อมไม่ตายโดยง่าย ลำพังพลังฟื้นฟูตามธรรมชาติของจอมอสูรก็สูงเป็นทุนเดิม แถมยังมีการสนับสนุนจากยูดาห์


ซู่ว!


เสียงประหลาดดังขึ้น


ประตูมิติบานหนึ่งเปิดออกกึ่งกลางท้องฟ้าเหนือศีรษะคามิคินที่กำลังดวงตาเบิกกว้าง


พลังเวทสีเขียวหยกหลั่งไหลออกจากบานประตูในลักษณะเส้นแสง


เป็นการกลับมาของคณะเดินทางสำรวจนรก


“สยบขุมนรก”


ครืนนน…


จริงอยู่ เป็นไปไม่ได้ที่ตำนานอย่างนักล่าอสูรจะสยบพลังของมหาเทพต้นกำเนิด หรือต่อให้เป็นเทพก็ทำไม่ได้


ทว่า ลำแสงสีดำกลับอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด


สิ่งนี้เป็นผลพวงจากสภาพแวดล้อม


ยาธานคือเทพที่ชาวนรกกราบไหว้บูชา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พลานุภาพของลำแสงจะอ่อนกำลังลงเมื่อนรกหายไป


“นี่เจ้า…!”


คามิคินยังคงไม่หยุดลำแสง


กล่าวอีกนัยหนึ่ง ร่างกายของเธอที่ใกล้ถึงขีดจำกัด ยิ่งอ่อนแอลงเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสยบขุมนรก


แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังกัดฟันทน แม้ร่างกายจะเข้าใกล้ขีดจำกัดแล้วก็ตาม


การดวลกับกริดอาจเกิดขึ้นเพียงครู่เดียว แต่ความเสียหายที่คามิคินได้รับกลับเหนือจินตนาการ


ดูไม่สมจริงเลยสักนิด และอันที่จริง ไม่มีช่วงเวลาใดเลยที่ดูสมจริงสำหรับคามิคิน


เพื่อจะสิ้นสุดฝันร้ายตรงหน้า ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องดับลมหายใจกริด


การถอยหลังตอนนี้คงไม่เกิดประโยชน์อันใด


“…!”


ความคิดคามิคินชะงักไปชั่วขณะ


นั่นเพราะมีใครบางคนกำลังร่อนลงมาด้านข้าง


เป็นชายผมดำ


แขนของคามิคินหันไปตั้งรับเส้นดาบสีเงินที่ลอยมาพร้อมกับบุรุษคนดังกล่าว


“อริยดาบ…!”


“…เรานี่ช่างยุ่งไม่เข้าเรื่อง”


ฉึบ


ครอเกลพึมพำกับตัวเองพลางเก็บดาบกลับเข้าฝัก


จากนั้นก็วางมือลงบนฝักดาบข้างเอวและก้าวถอยหลัง


ท่าทางคล้ายกับกำลังเปิดทางให้ใครบางคน


มันมิได้แยแสคามิคินเลยสักนิด


แม้จะเป็นท่าทีอวดดี แต่คามิคินก็ไม่ว่างถือโทษโกรธแค้น


เพราะเธอเริ่มสัมผัสถึงการเผาไหม้บนผิวหนังของตน


เป็นคลื่นความร้อนที่พุ่งมาจากลำแสงสีดำซึ่งเธอยังคงสภาพเอาไว้


หากลองมองดูให้ดี ตอนนี้จะเห็นว่าใจกลางลำแสงสีดำถูกย้อมกลายเป็นสีแดง


ปีกสีจางสยายออก


เป็นปีกที่สร้างจากเปลวเพลิงซึ่งไม่ถูกลำแสงของเธอทำลาย


พรึบ!!


“อะไร…กัน…?”


ลำแสงอาจอ่อนแอลงจากผลของสยบขุมนรก แต่มันก็ยังแฝงไว้ด้วยเศษเสี้ยวอำนาจของมหาเทพต้นกำเนิด


แต่ปัจจุบัน แกนกลางของลำแสงกลับถูกบิดจนผิดรูป คล้ายกับพวกมันกำลังละลายเนื่องจากมิอาจทนต่อความร้อน


กึก กึก กึก


เสียงฝีเท้าที่ไม่สอดคล้องกับเหตุการณ์ทำให้คามิคินเย็นวาบไปถึงสันหลัง


ท่ามกลางเสียงฝีเท้าแผ่วเบา คามิคินตระหนักถึงบางสิ่ง


ผลแพ้ชนะถูกกำหนดมาตั้งแต่แรกแล้ว


“นายแข็งแกร่งขึ้นมาก”


กริดปรากฏตัวท่ามกลางลำแสงที่ถูกผ่าเป็นสองซีก จากนั้นก็ยิ้มให้ครอเกล


ปีกเพลิงฟีนิกซ์แดงที่ประดับบนแผ่นหลังพลันไหววูบเมื่อกริดตวัดดาบจันทราดับและดาบหนักกูเซลตามลำดับโดยไม่มองหน้าคามิคิน


คมดาบพุ่งไปยังจุดอ่อนคามิคินที่เล็งไว้ก่อนแล้ว


พรคุ้มครองจากฟีนิกซ์แดงและบัฟของรูบี้ช่วยหักล้างกับพรปกป้องจากยูดาห์บนตัวคามิคิน


ฉูดดดดดดดดด!!


แสงสีเทาหม่นผสมกลมกลืนกับเลือดที่พวยพุ่งประหนึ่งน้ำพุ ตามด้วยการแจ้งข่าวใหม่


[จอมอสูรลำดับสี่ คามิคิน ถูกทำลาย]


[เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกบันทึกว่าเป็นการปราบจอมอสูรด้วยระยะเวลาสั้นที่สุด]


[นับตั้งแต่เริ่มต่อสู้จนถึงจุด เวลาผ่านไปเพียง 7 นาที 31 วินาที, เป็นสถิติที่เกิดจากฝีมือของเทพโอเวอร์เกียร์กริด]


เทวภัณฑ์ใหม่


นี่คือวินาทีที่ศาสตรามังกรถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกต่อหน้าคนทั้งโลก


***


สถานการณ์ของโลกเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง


จากหายนะและความสิ้นหวัง กลายเป็น ‘เชือดมัน!’ และ ‘ฆ่ามัน!’ อย่างครื้นเครง


เมื่อใดก็ตามที่กริดเหวี่ยงดาบและเรียกภาพมายาของมังกรสีเทาออกมาเข่นฆ่ากองทัพอสูร ผู้คนต่างรู้สึกปลาบปลื้มเหนือคำบรรยาย ไม่ต่างอะไรกับอาการเสพติดในเชิงภาพ


『 สุด….ยอดดดดดด!!』


ลงเอยด้วยความตายของคามิคิน


บรรดานักวิเคราะห์ในห้องส่งต่างลุกขึ้นยืนพร้อมกับส่งเสียงเชียร์


แม้แต่ผู้ดำเนินรายการก็ยังกระโดดโลดเต้นโดยไม่ห่วงภาพลักษณ์


ไม่ผิดนักหากจะเรียกช่วงเวลานี้ว่าความโกลาหล เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่มักโต้เถียงกันเนื่องจากมีความเห็นขัดแย้ง ต่างสวมกอดกันและกันพลางกระโดดดีใจไปรอบห้องส่ง


ที่เดือดยิ่งกว่าคือโลกอินเทอร์เน็ต


= ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ᄏᄏᄏᄏ


= พลังของอาวุธนั่น… เจ๋งเกินไปแล้ว


└ ในไม่ช้า พีคซอร์ดจะมาเถียงกับความเห็นนี้


└ ทำไม?


└ ก็หมอนี่เขียนด้วยคันจิ พีคซอร์ดไม่ชอบญี่ปุ่น


└ แต่พีคซอร์ดก็ใช้วิชาอิไอของญี่ปุ่นไม่ใช่หรือ?


└ ไม่เหมือนกัน พีคซอร์ดเคยบอกว่าเกาหลีเองก็มีเทคนิคการชักดาบฟัน… แต่ก็ไม่มีหลักฐานมายืนยันหรอกนะ


└??


= นั่นคือศาสตรามังกร?


└ ไม่น่าเป็นไปได้ ในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีบันทึกว่ามังกรตัวใดถูกฆ่า


└ ผิดแล้ว หากนายเดินทางไปยังภูเขาเทร็มพิตในดินแดนห่างไกล ที่นั่นมีการร้องเพลงสรรเสริญวีรบุรุษผู้ผนึกมังกรเมื่อห้าร้อยปีก่อน


└ นั่นก็แค่ผนึก ไม่ใช่การฆ่า แถมเรื่องนี้ก็ไม่มีหลักฐานยืนยัน


└ ㅗ (อีโมยกนิ้วกลาง)


= ลือกันว่าในหมู่อัครสาวกของกริดมีแฮชลิ่งมังกรด้วย เรื่องนี้ถูกเขียนไว้ในมหากาพย์ หรือว่ากริดเชือดหล่อนเพื่อนำมาสร้างเป็นอาวุธ?


└ จะบ้าหรือไง?


└ เชื่อฉันสิ! ในหมู่อัครสาวกของกริด มีเธอคนเดียวที่ยังไม่ปรากฏตัว


└ นายคงหลอนไปแล้ว สงสัยโดนบาเอลล้างสมอง


= เรื่องอื่นช่างมันเถอะ กริดแม่งเท่ฉิบหาย!


มีผู้คนจำนวนมากได้รับบทเรียนระหว่างดำรงชีวิต


บทเรียนที่ว่า โลกนี้ไม่มีสิ่งใดอยู่ยงคงกระพัน


มีคนไม่น้อย โดยเฉพาะคนสูงอายุ แสดงความเห็นว่าตำนานอันยิ่งใหญ่ของกริดจะถึงคราวถูกลืมเลือนเข้าสักวัน


พวกมันไม่มีเจตนาดูแคลนฝีมือกริด และไม่อยากเห็นกริดเผชิญความพินาศ


ก็แค่บอกเล่าและย้ำเตือนสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต


ต้องไม่ลืมว่า ศัตรูของผู้เล่นแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงขั้นเกิดเป็นมหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูร


เป็นสงครามที่ถูกออกแบบให้สิ่งมีชีวิตก้าวข้ามเพียงหนึ่งตน ไล่เข่นสามัญชนนับหมื่นตามลำพัง ไม่ต้องสงสัยเลยว่า สิ่งมีชีวิตดังกล่าวจะกลายเป็นขวากหนามสำคัญของกริดในอนาคต


เป็นสถานการณ์ที่บีบคั้นให้กริดเผชิญความเครียดอย่างมิอาจเลี่ยง หลายฝ่ายต่างคาดเดาว่า ชื่อเสียงของกริดที่สั่งสมจนกระทั่งกลายเป็นเทวตำนานจะถึงคราวมัวหมอง


แถมกริดยังหายตัวไปในช่วงต้นสงคราม ไม่ยอมโผล่หน้าออกมาสู้ศึกด้วยตัวเอง


ผู้คนจำนวนไม่น้อยหยิบยกประเด็นของกริดมาถกเถียง ส่วนหนึ่งลงความเห็นว่าผู้นำสูงสุดควรนำกองทัพออกมารบในแนวหน้าด้วยตัวเองเพื่อลดความสูญเสียให้มากที่สุด ทว่า นั่นไม่ใช่การวิเคราะห์อย่างเป็นเหตุเป็นผล


สำหรับผู้เล่น สงครามหมายถึงโอกาสอันดี หมายถึงค่าประสบการณ์ปริมาณมหาศาล ไม่ว่าใครก็ต้องการเข้าร่วมให้นานที่สุด


แต่กริดกลับเลี่ยงสงคราม


เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้กำลังสั่นกลัว กำลังหลีกหนีความพ่ายแพ้


อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้เล่นวัยกลางคนมีแนวโน้มที่จะเข้าใจเหตุผลของกริด และเชื่อว่านั่นเป็นการตัดสินใจที่ถูก


กริดคือสัญลักษณ์ของมนุษยชาติ


หากกริดพลาดพลั้งตั้งแต่เริ่ม ผลแพ้ชนะของสงครามก็อาจถูกกำหนดตั้งแต่วินาทีดังกล่าว


ใครก็ตามที่ตระหนักถึงคุณค่าของกริด ยิ่งต้องการให้กริดทำตัวขี้ขลาด


พวกมันหวังให้กริดเข้าร่วมศึกเฉพาะตอนที่มั่นใจว่าได้รับชัยชนะ เพราะนั่นจะเป็นการสร้างกำลังใจให้กองทัพฝ่ายพันธมิตร


ถูกต้อง


ในตอนที่กริดดวลกับบาเอล


มีหลายคนไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจดังกล่าว โดยตำหนิว่ากริดเสี่ยงอันตรายมากเกินไป ใช้อารมณ์มากเกินไป


โชคดีที่โค่นบาเอลสำเร็จ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผลลัพธ์สามารถออกได้สองหน้า


ชัยชนะของกริดเกิดขึ้นอย่างฉิวเฉียด


ชายหนุ่มได้รับแผลฉกรรจ์เต็มตัวหลังจากสู้เสร็จ


ไม่อย่างนั้น หากพลาดไปเพียงนิดเดียว มนุษยชาติจะสูญเสียความหวังทันที


และในปัจจุบัน


เป็นอีกครั้งที่กริดเสี่ยงอันตราย ส่งผลให้ผู้เล่นหลายพันคนต้องเสียชีวิตโดยเปล่าประโยชน์


จริงอยู่ นับตั้งแต่สมัยอดีตกาล วีรบุรุษจำเป็นต้องยอมเสียสละใครบางคนเสมอ แต่ศึกเมื่อครู่เป็นการสูญเสียที่ไม่จำเป็น


ไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองคนที่เฝ้ามองเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยความกังวล


นั่นคือเรื่องราวจนกระทั่งไม่กี่วินาทีเมื่อครู่


= กริดกลับมาในสภาพแข็งแกร่งขึ้น


= นั่นเป็นผลมาจากเทวภัณฑ์ที่เขาสร้าง ถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมาก ฮะฮะ! อยากได้เขามาเป็นลูกเขยชะมัด


= เฮ้อ… ถ้าฉันเด็กกว่านี้สักสามสิบปี ปัจจุบันคงได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กริด… แฮ่ม… เวลาช่างผ่านไปเร็วนัก


= น่าเสียดาย รุ่นเราน่าจะให้ลูกหลานเล่นเกมมากกว่าเรียนหนังสือ เราตัดสินใจผิดพลาด ไม่อย่างนั้นกริดก็คงไม่ต้องเดียวดายเช่นนี้… เฮ้อ…


เหตุเกิดหลังจากคามิคินล้มลงได้ไม่นาน


ผู้เล่นวัยกลางคนที่คอยรับชมเหตุการณ์อย่างเงียบงัน พวกมันสลัดความกังวลเกินเหตุของตนทิ้งไป


หลายคนแสดงความเห็นลงบนหน้าต่างแชตถ่ายทอดสด บ้างก็ไปโพสลงเว็บไซต์ชุมชน


เนื้อหาดังกล่าวมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าโลกกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย


แม้จะมีเด็กบางคนเยาะเย้ยในความชรา แต่ก็เป็นจำนวนไม่มาก


ต้องไม่ลืมว่า ทุกคนคือเพื่อนหรือพวกพ้องที่มีงานอดิเรกร่วมกัน อายุจึงไม่ใช่สาระสำคัญ


มนุษยชาติกำลังกลมเกลียวโดยไม่สนใจยุคสมัยที่ถือกำเนิด


เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นพร้อมกันทั่วโลกโดยมิได้นัดหมาย


กริดสามารถทำในสิ่งที่ไม่เคยมีผู้ยิ่งใหญ่คนใดทำสำเร็จ


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00