จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,527
มีบางสิ่งกระตุ้นประสาทสัมผัสเทียมของกริด
ความรู้สึกดังกล่าวส่งมาจากมุมหนึ่งของข่ายใยแมงมุมเวทมนตร์ที่มีละอองโลหะลอยอยู่กลางอากาศ
ประสาทสัมผัสแจ้งว่า ขนาดของสิ่งที่พุ่งเข้ามาสัมผัสนั้นไม่ใหญ่ แม้จะไม่มีเวลาพอสำหรับวิเคราะห์รูปร่าง แต่กริดสามารถบอกได้ว่านั่นคืออาวุธ ไม่ใช่มนุษย์
พิจารณาจากความเร็ว นั่นคืออาวุธที่ออกแบบมาเพื่อการยิง
กริดชักอาวุธทันที
แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างดาบและดาบหนักในซาทิสฟาย
แม้ท่าแทงจะด้อยประสิทธิภาพลง แต่จะถูกชดเชยด้วยความเร็วในการ ‘ชักดาบฟัน’ และพลังโจมตีของดาบแรก
แถมนี่ยังเป็นดาบหนักกูเซล
ทันทีที่ชักอาวุธ แสงดาบถูกวาดเป็นทรงจันทร์เสี้ยวเหนือศีรษะ
ทว่า
‘อีกฝั่ง?’
กริดผงะ
มันสัมผัสถึงความผันผวนเชิงเวทมนตร์จากอีกทิศทางหนึ่ง
สิ่งที่น่าตกตะลึงก็คือ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกัน
เคร้ง!
อาวุธที่พุ่งลงมาจากฟากฟ้าปะทะเข้ากับดาบหนักกูเซล
ตอนแรกกริดคิดว่าเป็นลูกธนู แต่ความจริงแล้วเป็นหอกซัด
แม้จะเป็นการขว้าง แต่พลังทำลายกลับหนักหน่วงประหนึ่งใช้สองมือแทง
การประสานงาของอาวุธสองชนิดทำให้กริดต้องขบกรามแน่นท่ามกลางเสียงโลหะเสียดสี และเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้อีกมือหนึ่งช่วยจับด้าม
[ไม่มีการโจมตีใดที่ท่านมิอาจจำแนก]
โลกแห่งเหนือมนุษย์ถูกกระตุ้นทั้งที่ประสาทสัมผัสเทียมยังคงทำงานอยู่
จากนั้น ด้านหลังกริดมีความเคลื่อนไหว
ชายหนุ่มรีบสะบัดศีรษะกลับ แต่นั่นไม่ใช่การตอบโต้
เพราะมือทั้งสองข้างของกริดยังคงถูกตรึงไว้โดยหอกที่พุ่งลงมาจากฟ้า
เท้าทั้งสองข้างถูกกดให้ติดพื้นด้วยแรงปะทะ ส่วนหัตถ์เทวะยังคงต้องกระจายตัวเพื่อกางประสาทสัมผัสเทียม
หมับ!
ทุกสิ่งเกิดขึ้นในชั่วพริบตาจนกริดตอบสนองไม่ทัน ไม่ว่าจะเป็นการทิ้งก้อนละโมบลงจากฟ้าหรืออัญเชิญสัตว์เลี้ยง
เพียงลมหายใจเดียว มีบางสิ่งสัมผัสกับท้ายทอยกริด
ทัศนวิสัยของชายหนุ่มพลันแปรเปลี่ยนเป็นท้องฟ้าด้านบน
โครมมมม!!
เกิดหลุมอุกกาบาตขนาดหลายสิบเมตรโดยมีกริดที่ถูกทุ่มเป็นศูนย์กลาง
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!!
ร่างกริดถูกยกขึ้นและชกจนกระเด็นอีกหลายหน โดยทุกครั้งจะทำให้อาคารบ้านเรือนพังทลาย
ซากอาคารในไททันที่หลงเหลือเพียงเค้าโครง ปัจจุบันถูกป่นจนแหลกละเอียด
เคร้ง!
หอกซึ่งกระเด็นกลับไปด้วยแรงฟาดจากดาบหนักกูเซล หมุนรอบตัวเองกลางอากาศประหนึ่งลูกข่างสักพักก่อนจะพุ่งลงมาในวิถีใหม่ เป้าหมายคือกริดที่ปราศจากการป้องกัน
เพียงพริบตา จากหอกกลายเป็นเส้นแสง
เคร้ง!!
ครอเกลที่ตอบสนองได้เร็วกว่าใครพุ่งเข้ามาปัดป้องไว้
“…!?”
ครอเกลที่ฟันดาบใส่หอก เริ่มออกอาการแบบเดียวกับกริด
มันขมกรามแน่นพร้อมกับใช้มืออีกข้างช่วยจับด้าม
ทว่า จุดที่แตกต่างจากกริดคือ มันไม่มีพละกำลังเพียงพอที่จะต้านรับแรงปะทะของหอก
ไม่เหมือนกับกริดที่ยังคงปักหลักยืนในตำแหน่งเดิม ครอเกลถูกหอกกระแทกไปไกลหลายสิบเมตร เรียกได้ว่าพละกำลังต่างชั้นกันเกินไป
“ชิ!”
ขณะก้าวถอยหลังพลางผ่อนลมหายใจ ครอเกลย่อไหล่ลงหนึ่งข้าง
นั่นทำให้หอกที่ยังคงปะทะกับดาบเสือขาว เสียสมดุลและหักเหพุ่งขึ้นไปในอากาศ
ในเวลาเดียวกัน กริดรีบถีบตัวพุ่งขึ้นฟ้าก่อนที่แผ่นหลังจะกระแทกกับอีกหนึ่งกำแพงอาคาร
เป็นการเอาตัวรอดจากสถานการณ์ถูกชกอยู่ฝ่ายเดียวอย่างฉิวเฉียด
“…”
ร่างนิรนามโผล่ขึ้นบนท้องฟ้า
ตามหลังมาด้วยหอกที่ครอเกลเพิ่งปัดป้อง
หมับ
ตัวตนที่กำลังจับคว้าหอก
รูปลักษณ์เป็นมนุษย์
แต่บนแผ่นหลังกำลังสยายปีก ใบหน้าค่อนข้างพร่ามัวเพราะแสงจ้าจากวงแหวนเหนือศีรษะ
สายตาเปี่ยมความตกตะลึงทุกคู่กำลังจดจ้องมาทางมัน
เทวทูตหนุ่มผู้ถือหอกพาดบ่า เป็นหอกที่ยาวกว่าความสูงของตัวเองเสียอีก
และชื่อเหนือศีรษะของเทวทูตวัยเยาว์ที่ยากจะระบุเพศรายนี้กำลังทำให้ทุกคนตกตะลึง
ไลฟาเอล
อัครเทวทูตลำดับหนึ่ง
รอบกายมีเทวทูตเด็กสองตนที่สะพายดาบและโล่กำลังเป่าแตร เป็นฉากที่ดูยิ่งใหญ่ประหนึ่งแม่ทัพกำลังสั่งเคลื่อนพล
“สวัสดี… เทพโอเวอร์เกียร์และเหล่ามนุษย์”
เสียงไลฟาเอลใสกังวาน ปราศจากจิตสังหารหรือความมุ่งร้ายโดนสิ้นเชิง
‘หรือฉากที่มันซัดกริดเข้าไปหลายหมัดเมื่อครู่จะเป็นเรื่องเข้าใจผิด?’
ใครบางคนอดตั้งคำถามไม่ได้
“ยินดีที่ได้รู้จัก การได้พบสิ่งที่เทพธิดาสร้างขึ้นถือเป็นความรู้สึกแปลกใหม่สำหรับข้า… นี่คือครั้งแรกที่ข้าเสด็จลงมาเยือน”
ไลฟาเอลไม่คิดสนทนายืดยาว หลังจากทักทายตามมารยาท มันปิดปากเงียบและเอาแต่จ้องกริดด้วยรอยยิ้ม
“มาทำอะไรที่นี่”
กริดกางเขตแดงพายุเพลิงเทพก่อนจะถามกลับ
มันกำลังประหม่าเนื่องจากทักษะ <ฟีนิกซ์แดงปรากฏกาย> มีระยะหน่วยนานถึงสิบสองชั่วโมง และตนใช้ไปในตอนที่สู้กับคามิคินแล้ว
อัครเทวทูตลำดับหนึ่ง ไลฟาเอล อีกฝ่ายพาเทวทูตเด็กมาด้วยเพื่อสำแดงตรีเอกานุภาพ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เทียบไม่ได้เลยกับเมื่อครั้งทำลายเศษเสี้ยวอีโก้ของบาเอล
แตกต่างกันคนละมิติ
เพียงสองวินาทีแสนสั้น แต่กริดกลับสูญเสียชีวิตพลังไปมากถึงหนึ่งส่วนสาม
‘สู้กันที่นี่ไม่ได้… ไม่อย่างนั้นทุกสิ่งจะพินาศ’
ประการแรก บราฮัมแพ้ทางเทวทูต
ถึงจะฟื้นฟูพลังแวมไพร์ทายาทกลับคืนมา แต่นอกจากเวทมนตร์ บราฮัมก็แทบไม่มีทักษะต่อสู้ด้านอื่น
เมอร์เซเดสเองก็ไม่อยู่
เธอไล่ตามบาร์บาทอสลงไปในห้วงนรก
จริงอยู่ที่กริดยังมีอัญเชิญอัศวิน แต่นั่นไม่ใช่ทางออก เพราะถ้าเมอร์เซเดสกลับมา บาร์บาทอสจะได้รับอิสระในการยิงอีกครั้ง
จากบรรดาทุกคนในนี้ มีเพียงครอเกลและไคล์ที่พอจะตามความเร็วของไลฟาเอลทัน
แต่ครอเกลยังไม่ใช่ร่างสมบูรณ์
แถมยังตกเป็นรองอย่างมากในเชิงความแตกต่างทางค่าสถานะ
แม้จะอาศัยพลังอ่านใจเพื่อคาดเดาวิถีของการโจมตี แต่ด้วยพละกำลังที่มีขีดจำกัด ครอเกลน่าจะเข้าร่วมการต่อสู้ได้ไม่นาน
‘ส่วนไคล์… หมอนั่นใช้ประกันชีวิตอมตะไปแล้ว’
และในปัจจุบันยังไม่มีวิธียืมพลังจากดวงวิญญาณตำนานกับวีรชน
วิญญาณเพิ่งได้รับการปลดปล่อยหลังจากคามิคินเสียชีวิต
ปัจจุบันยังอยู่ในสถานะของวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ใช่ทหารที่อุทิศกายใจให้ราชา
ทุกคนสูญเสียร่างเนื้อและมิอาจต่อสู้ เป็นได้เพียงออร่าแสงที่วนเวียนรอบตัวกริด
‘มีแค่ครอเกลที่ช่วยเราสู้กับไลฟาเอล?’
จะทนได้สักกี่น้ำกัน
มากพอจะยื้อเวลาให้พวกพ้องหนีไปไหม?
ข่าวเดียวเพียงเรื่องเดียวก็คือ ไลฟาเอลไม่สามารถคงสภาพการเสด็จเยือนได้นานนัก
ระดับตัวตนของอัครเทวทูตลำดับหนึ่งนั้นสูงส่งเกินไป
โลกมนุษย์มิอาจต้านรับไหว และไลฟาเอลก็สารภาพว่าเพิ่งเสด็จเยือนโลกมนุษย์เป็นครั้งแรก
หลักฐานยืนยันคือเทวทูตเด็กสองตนข้างไลฟาเอล ปัจจุบันพวกมันทำหน้าบึ้งทั้งที่เพิ่งยิ้มจนถึงเมื่อครู่ บางที ไลฟาเอลอาจต้องรีบกลับเมื่อเทวทูตเด็กเริ่มสะอื้น
ขณะกริดกำลังตัดสินใจ สองฝังซ้ายขวาเรียงรายไปด้วยรูบี้และสิบวีรชนฯ ซึ่งประกอบด้วยคริส พีคซอร์ด ฮิวรอย และยูร่า
พวกมันยังมีสภาพค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับผู้เล่นคนอื่นที่โดนลูกหลงจากการโจมตีของไลฟาเอล
กริดอดไม่ได้ที่จะยิ้ม
‘พวกพ้องที่ไว้ใจได้เสมอ…’
หลังจากมหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรเริ่มขึ้นไม่นาน
กริดได้รับรายงานการต่อสู้ทุกสมรภูมิบนทวีป
สมรภูมิที่ไม่มีคนของโอเวอร์เกียร์เข้าร่วมจะเป็นเพียงข้อมูล แต่สมรภูมิที่มีคนของโอเวอร์เกียร์เข้าร่วม ลอเอลจะฉายวิดีโอย้อนหลังให้ดู
นั่นคือช่วงเวลาที่กริดได้เห็นพัฒนาการของพวกพ้อง
โดยเฉพาะเหล่าสิบวีรชนฯ ที่รับได้ไอเท็มจากกริด หรือไม่ก็ถูกกริดปรับแต่ง ต่างแข็งแกร่งจนสามารถล่าจอมอสูรลำดับล่างได้ตามลำพัง
ถือเป็นขุมกำลังรบที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย
กล่าวอีกนัยหนึ่ง คนเหล่านี้แข็งแกร่งเท่ากริดเมื่อไม่กี่ปีก่อน
หากไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่เป็นจุดสูงสุดของสายพันธุ์ ในปัจจุบันก็ยากจะมีศัตรูคนใดเก่งกาจทัดเทียมเหล่าสิบวีรชนฯ
ทั้งที่เกือบทั้งหมดเป็นเพียงคลาสทั่วไป
กริดคาดหวังกับคนเหล่านี้มาก
ความปรารถนาของชายหนุ่มไม่ซับซ้อน
ขอแค่ให้ทุกคนสามารถเอาตัวรอดได้ในสถานการณ์ที่ไม่มีกริด หรือไม่ก็ช่วยเป็นพลังในยามคับขันเฉกเช่นปัจจุบัน
กล่าวคือ กริดปรารถนาให้ทุกคนแข็งแกร่งเพื่อความสบายใจของตัวเอง
การต้องแบกรับทุกสิ่งไว้ตามลำพังตลอดเวลา เป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสเกินไปสำหรับคนคนหนึ่ง
“ข้ามาที่นี่เพื่อรับดวงวิญญาณของตำนาน พวกเขาจะได้เถลิงขึ้นสู่สรวงสวรรค์”
ไลฟาเอลเล่าจุดประสงค์โดยไม่อ้อมค้อม
ดวงวิญญาณซีดานตอบสนองเป็นคนแรก
[เถลิงขึ้นสู่สรวงสวรรค์! ซีดานเกิดความยินดีปรีดาเมื่อในที่สุดก็มีมือของผู้มาโปรดหยิบยื่นลงมา]
ในซาทิสฟาย แอสการ์ดสื่อถึงสวรรค์
นอกจากนั้น ตำนานโบราณยังระบุว่าสวรรค์คืออาณาจักรแห่งท้องฟ้า
กล่าวคือ แอสการ์ดหมายถึงความดี
จากประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีเพียงเจ็ดนักบุญภัยพิบัติเท่านั้นที่ถูกตราหน้าให้เป็นมาร
แม้จะยังไม่แน่ชัดว่าซีดานมาจากยุคสมัยใด แต่สำหรับมัน แอสการ์ดคือสวรรค์และผู้มาโปรด จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีความสุข
ขณะวิญญาณซีดานลอยขึ้นไปด้านบน ดวงวิญญาณของฮัคเซ่นมาขวางทางไว้
[ฮัคเซ่นตำหนิซีดานที่ไม่ยอมอ่านบรรยากาศ จากนั้นก็เย้ยหยันว่าซีดานมีสติปัญญาในระดับลิง]
[ไฟโวล์ฟพยักหน้า เขาแสดงความเห็นว่ายังไม่ควรเชื่อใจตัวตนที่ทำร้ายกริดผู้สังหารจอมอสูร]
สมแล้วที่เป็นมหาจอมเวทกับคนยักษ์
ฮัคเซ่นและไฟโวล์ฟอ่านบรรยากาศออกได้ในทันที
ดวงวิญญาณของซีดานเริ่มคล้อยตามและกลับมาซ่อนตัวหลังกริด
ไลฟาเอลมิได้แยแสท่าทีของดวงวิญญาณแม้แต่น้อย
มันเอาแต่จดจ้องกริดพลางเหยียดมือเล็กๆ ออกมา
“ไม่ต้องระแวงกันขนาดนั้น แอสการ์ดมิใช่ศัตรูของมนุษย์ จงถวายดวงวิญญาณของตำนานให้ข้าด้วยความภักดี”
“แกเสียสติไปแล้วรึไง!”
พีคซอร์ดมีปากเสียงแทนกริดที่ไม่พูดอะไร ดวงตาของมันเบิกกว้างขณะชี้นิ้วไปยังอัครเทวทูตลำดับหนึ่ง
“ทำไมถึงเพิ่งบอกจุดประสงค์หลังจากลอบโจมตีทีเผลอ? จะให้เชื่อได้ยังไงว่าไม่ใช่ศัตรู? อย่าคิดว่าพวกเราไม่รู้เรื่องที่ยูดาห์อยู่เบื้องหลังอสูร! ไอ้เทวทูตสามหาว! อย่าได้ดูแคลนเทพแห่งเกาหลีเชียวนะโว้ย!”
ไลฟาเอลกะพริบตา
คล้ายกับพยายามทำความเข้าใจคำพูดพีคซอร์ด
แต่จากนั้นไม่นานก็ยอมแพ้และพูดเข้าประเด็น
“จริงอยู่ที่ข้าลอบโจมตีกริด แต่มิได้ทำไปเพราะมีเจตนาร้าย เพื่อประหยัดเวลา ข้าแค่ต้องการสยบเขาและช่วงชิงดวงวิญญาณตำนาน”
“เหลวไหล! นั่นเป็นสิ่งที่คนปรกติทำกันหรือ?”
“ฉันคิดว่าทางบ้านคงสอนเจ้านี่มาไม่ดี… บางทีมันอาจไม่มีพ่อแม่ก็ได้นะ”
ขณะพีคซอร์ดกำลังสบถคำหยาบ ฮิวรอยวิเคราะห์อย่างมั่นใจ
แววตาของฮิวรอยเปี่ยมไปด้วยความจริงจัง แถมยังจ้องไปทางไลฟาเอลด้วยท่าทีสมเพช นั่นทำให้อัครเทวทูตสับสนสุดขีด
“…โลกมนุษย์ทำให้ข้ารู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก อยากรีบกลับแล้วสิ… กริด เจ้าว่าอย่างไร?”
ไลฟาเอลเร่งเร้า
ฉากตรงหน้าทำให้ใครหลายคนพากันฉงน
ดูราวกับโฆษกของสวรรค์กำลังข่มขู่ให้เทพส่งบรรณาการ
หากกริดยอมทำตาม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าศักดิ์ศรีของชายหนุ่มจะถูกบั่นทอนไปมากเพียงใด
เพราะนั่นจะเท่ากับยอมจำนนว่าแอสการ์ดเป็นใหญ่เหนือโลกมนุษย์
ใช่แล้ว
ผู้คนต่างมองกริดเป็นสัญลักษณ์ของมวลมนุษย์ ไม่เว้นแม้แต่เหล่าดยุคของจักรวรรดิ
นี่คือครรลองของธรรมชาติ มิได้ขึ้นอยู่กับความต้องการของกริด
“จะเอาดวงวิญญาณไปทำอะไร?”
กริดถามเพื่อยื้อเวลา
เวลาอยู่ฝ่ายเดียวกับมนุษย์
ยิ่งนานไป ไลฟาเอลจะยิ่งอ่อนแอ
“คำถามดังกล่าว… ข้าไม่มีสิทธิ์ที่จะตอบ”
“แอสการ์ดไม่ใช่ศัตรูของมนุษย์จริงหรือ”
“แน่นอน… การดำรงอยู่ของพวกเจ้าคือเครื่องพิสูจน์ไม่ใช่หรือ? หากมนุษย์เป็นศัตรูของเรา ป่านนี้คงถูกลบหายไปจนหมดแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น ทำไมเซราทุลกับยูดาห์ถึง…”
“ข้าไม่มีสิทธิ์ตอบคำถามนี้เช่นกัน… บนสวรรค์มีสิ่งที่เรียกว่าอภิสิทธิ์แห่งเทพ พวกท่านสามารถทำตามประสงค์ส่วนตัวได้ในระดับหนึ่งโดยที่เราไม่มีสิทธิ์ตั้งคำถาม”
‘เจ็ดบาป…’
“สรุปแล้ว คำตอบของเจ้าคือ?”
ไลฟาเอลฉีกยิ้ม
ไม่มีทางที่ไลฟาเอลจะไม่ทราบว่ากริดกำลังซื้อเวลา
ขณะก้มหน้ามอง ใบหน้าของมันพร่ามัวอีกครั้งเนื่องจากถูกแสงสว่างจากวงแหวนบดบัง
ใบหน้าที่คล้ายกับเลือนหายไปทำให้เกิดภาพอันน่าสะพรึง
ขณะเดียวกัน พลังชีวิตของกริดฟื้นฟูกลับมาเต็มหลอด
บทสนทนาอาจไม่ยาวนานนัก แต่กริดได้รับความช่วยเหลือจากเขตแดนพายุเพลิงเทพ
ชายหนุ่มบิดคออย่างผ่อนคลายพลางแบกบัฟวงกว้าง
[พลังจิตอันเข้มแข็งของท่านสามารถส่งอิทธิพลไปยังพวกพ้อง, พันธมิตรทั้งหมดในขอบเขตพายุจะได้รับอาการผิดปรกติยากขึ้นหลายระดับ, ผลลัพธ์คงอยู่นานสามนาที ใช้มานา 5,000 หน่วยต่อวินาที, ระยะหน่วงสามชั่วโมง]
[ทุกครั้งที่พันธมิตรของท่านต้านทานอาการผิดปรกติ ท่านและพันธมิตรจะได้รับบัฟ โดยจะไม่ใช่บัฟซ้ำกับของเดิมที่มีอยู่แล้ว, ระยะเวลาของบัฟจะขึ้นอยู่กับประเภทบัฟที่ได้รับ]
มันคิดมาสักพักแล้ว
แม้โอกาสชนะจะริบหรี่ แต่ก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องถอดใจ
รอบกายยังเต็มไปด้วยพันธมิตรและพวกพ้อง
ผู้เล่นทุกคนในสนามรบ ไม่จำกัดเฉพาะคนของโอเวอร์เกียร์ ล้วนปรารถนาที่จะสู้เคียงข้างกริด
ภาระที่ชายหนุ่มแบกรับตามลำพังมาเป็นเวลานาน ปัจจุบันกำลังมอบความรู้สึกใหม่
เป็นความอบอุ่นอ่อนโยน มิใช่หนักหนาสาหัส
‘อัครเทวทูตลำดับหนึ่งก็ไม่เท่าไรหรอกน่า’
ที่นี่คือโลกกึ่งกลาง เป็นถิ่นของพวกเรา
นอกจากนั้น กริดยังเคยสาบานกับตัวเองว่า สักวันหนึ่งจะบุกสวรรค์เพื่อช่วยเฮ็กเซเทียให้ได้
คงน่าขันไม่น้อยหากเอาแต่สั่นกลัวเทวทูตเพียงหนึ่งตนทั้งที่มีชะตาต้องประจัญบานกับเทวทูตนับหมื่น
“คงยกสิ่งที่เป็นของฉันให้ไม่ได้”
กริดจ้องไลฟาเอลด้วยปราณต่อสู้ที่ลุกโชติช่วง
ดาบหนักกูเซลคำรามลั่นเพื่อตอบสนองต่อบรรยากาศที่เปลี่ยนไป
“คงคุยกันด้วยเหตุผลไม่ได้แล้ว”
ในทำนองเดียวกัน บรรยากาศรอบตัวไลฟาเอลพลันดำมืด
ดวงตาในเงามืดฉายแสงความเย็นยะเยือก
ทันใดนั้นเอง
วาบ!
วงแหวนของไลฟาเอลขยายขนาดขึ้นพร้อมส่องแสงเจิดจ้ายิ่งกว่าเก่า
แสงดังกล่าวรุนแรงพอที่จะฉาบทุกสิ่งให้กลายเป็นสีขาวโพลน
[ท่านตาบอด ท่านต้านทานล้มเหลว]
เป็นอาการผิดปรกติเชิงกายภาพที่สถานะของตำนานไม่ช่วยอะไร
น้อยคนนักที่จะต้านทานสิ่งนี้ได้ด้วยตัวเอง
กริดและไคล์ซึ่งมีระดับตัวตนค่อนข้างสูง ครอเกลที่มีทักษะดาบแสง บราฮัมผู้ตอบสนองด้วยเวทมนตร์ และยูร่าที่มีค่าต้านทานทุกชนิดสูงมาก
“…”
มีเพียงหกคน หนึ่งในนั้นคือรูบี้ ที่ยังสามารถเยือกเย็นอยู่ได้
“…!!”
เหล่าผู้สูญเสียการมองเห็นเริ่มแหกปากตะโกนสื่อสาร
ทุกคนพยายามฝ่าฟันสภาวะตาบอดด้วยความสามัคคี
ทว่า ไลฟาเอลไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น
เพียงการขยับวงแหวน สนามรบทั้งหมดก็ถูกปกคลุมด้วยแสงสว่างอย่างท่วมท้น
“นี่มัน…”
บราฮัมสัมผัสได้ถึงความผันผวนเชิงกระแสเวท
ชิ้ง—!
วงแหวนเหนือศีรษะไลฟาเอลทำการยิงลำแสง
เป็นลำแสงทำลายล้างที่ปกคลุมทั่วสนามรบ
คราวนี้แม่แต่ไคล์ก็มิอาจรอดพ้นจากอาการตาบอด
ค่าต้านทานอาการผิดปรกติที่เพิ่มขึ้นจากระดับตัวตนนั้นมิได้ไร้เทียมทาน โอกาสต้านทานสำเร็จยังคงเป็นแบบสุ่ม
ครอเกลเองก็ไม่รอด
ความเร็วในการฟันแสงของมันยังช้ากว่าความเร็วแสงสว่างจากไลฟาเอล
เวทมนตร์ของบราฮัมพังทลาย ส่วนยูร่าถูกปะทะเข้าอย่างจัง
นี่คือผล ‘ย้อนกลับเวทมนตร์’ ที่เกิดจากประกายแสง
ต้องไม่ลืมว่าเทวทูตคือตัวตนที่ชำนาญการสลายเวท
ฉึบ!
ท่ามกลางความสับสนและความกลัว
กริดตัดสินใจฟันลำแสงด้วยดาบจันทราดับ
หลังจากลำแสงถูกผ่าออกเป็นสองซีก สุดปลายทางเผยให้เห็นร่างไลฟาเอล
มันยังคงแสยะยิ้ม
แต่ในทางตรงกันข้าม เทวทูตเด็กน้อยบนบ่าไลฟาเอลใกล้จะหลั่งน้ำตาเต็มที
ภาพดังกล่าวมอบความหวังให้กริด
วาบ!
ไลฟาเอลและเหล่าเทวทูตหายตัวไปอีกครั้ง
นั่นเพราะลำแสงแบบเดิมถูกยิงออกมาอย่างต่อเนื่อง
เสาลำแสงขนาดมหึมาที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่าสิบกิโลเมตรปกคลุมการมองเห็นของกริดในทันที
เป็นความรู้สึกคล้ายกับกำลังเผชิญ ‘บดข้าวเปลือก’ ของปิอาโร่ แต่มีขนาดใหญ่กว่านับพันเท่า
แถมยังไม่ได้ยิงมาแค่เส้นเดียว
“คึก…!”
กริดยังไม่หมดหวัง
มันสลายเสาลำแสงอีกเส้นด้วยดาบสลายทัพสองแสน
หลังจากกัดฟันทนความเจ็บปวดที่แล่นไปทั่วร่างกาย ชายหนุ่มเปิดใช้งานเสมือนเทพ
‘อีกสักยก’
ดาบสลายทัพสองแสนถูกใช้งานทันทีที่ระยะหน่วงหายไป
“หนูยังอยู่ตรงนี้!”
ความเจ็บปวดที่ครอบงำร่างกริดทวีความหนักหน่วง แต่โชคดีที่ยังมีรูบี้คอยสนับสนุน
เพื่อเก็บซ่อนอาการสั่นกลัว หญิงสาวตะโกนเสียงดังขณะร่ายเวทฮีลและเสกบัฟ
ใช่แล้ว กริดมิได้กำลังสู้ตามลำพัง
อีกครั้ง อีกหนึ่งครั้ง และอีกหนึ่งครั้ง
กริดกระหน่ำดาบสลายทัพสองแสนภายในไม่กี่วินาทีจนร่างกายถึงขีดจำกัด
เป็นเพราะเล็งเห็นท่าทีของเทวทูตตัวน้อย
กริดที่ยังมีความหวังจึงประเคนทักษะเสมือนเทพออกไปจนหมด
และผลลัพธ์
“…”
พ่ายแพ้อย่างสิ้นท่า
ทักษะของกริดและรูบี้มีจำนวนจำกัด แต่เสาลำแสงของไลฟาเอลกลับไม่มีวันหมด
แสงสว่างเส้นแล้วเส้นเล่าถูกยิงลงมายังสนามรบเบื้องล่าง
มีโอกาสสูงที่ผู้เล่นซึ่งไม่ใช่ตำนานจะถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น
ไคล์และเหล่าดยุคก็ยากจะเอาชีวิตรอดเช่นกัน
เลวร้ายที่สุดก็คือ ดวงวิญญาณของตำนานก็น่าจะถูกช่วงชิง
พิจารณาจากสถานการณ์… เราควรละทิ้งศักดิ์ศรีและถอนตัว…
‘ไม่ได้… ต้องเรียกซาลิเอล’
ตอนนี้ในสนามรบมีเทวทูตอยู่สามตน
ถ้าซาลิเอลถูกเพิ่มเข้ามา ตรีเอกานุภาพก็จะยกเลิก
ขณะกริดกำลังเค้นสมองท่ามกลางเสาลำแสงอันเจิดจ้า
เปรี้ยะ!
ประกายแสงสีฟ้าพลันสว่างวาบ
ทั้งขนาดและแรงกดดันล้วนมหาศาลชนิดที่สายฟ้าของไคล์เทียมไม่ติด
ดูคล้ายกับมังกรอสนี
ไม่ใช่มังกรตะวันตก แต่เป็นมังกรตะวันออกที่กำลังคาบลูกแก้ว
บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม!!
มังกรครามหลายสิบตัวพุ่งปะทะใส่เสาลำแสงอย่างเกรี้ยวกราด
นอกจากจะทำลายลำแสง บางส่วนยังพุ่งเข้าโจมตีวงแหวนที่เป็นแหล่งกำเนิด
โฮกกกกกก!
ท่ามกลางเสียงคำรามดังสนั่น เสาลำแสงของไลฟาเอลหยุดการสร้างใหม่
การมองเห็นของผู้คนทยอยกลับคืน
ภาพแรกที่ปรากฏสู่สายตาคือใบหน้าอันแข็งทื่อของไลฟาเอลบนท้องฟ้า
“พวกมันกำลังหาคนไปแทนมิคาเอล”
ถ้อยคำของชายที่โผล่มายืนข้างกริดดึงดูดความสนใจจากทุกคนทันที
“เจ้าตัดสินใจถูกแล้วที่ไม่ยกดวงวิญญาณให้พวกมัน… ข้าจะช่วยตอบสนองความกล้าหาญนั้นเอง”
พรึ่บ!
ท่ามกลางเขตแดนพายุ ชายเสื้อโดโปของบุคคลดังกล่าวกำลังสะบัดพลิ้ว
ทันทีที่ปกเสื้อกระพือออก ด้านในจะเผยให้เห็นรอยแผลเป็นเก่า เป็นรอยแผลที่ดูดีเหนือความคาดหมาย
เมื่อผนวกเข้ากับดวงตาอันลุ่มลึกของบุรุษผู้เป็นเจ้าของร่าง ทุกคนสัมผัสได้ถึงเรื่องราวเบื้องหลังที่ลึกซึ้ง
มีร์
ตัวตนที่เทพตกสวรรค์สร้างขึ้นเพื่อต่อกรกับไลฟาเอล
จุดสูงสุดของยังบันและครึ่งเทพทั้งปวง มันเดินทางมาจากดินแดนตะวันออกอันไกลโพ้น
นี่คือเจตจำนงอันบริสุทธิ์ของเจ้าตัว หาใช่คำสั่งจากทวยเทพที่มีร์รับใช้
Comments
Post a Comment