จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,523



ดนตรีมีพลังอำนาจ


มีความสามารถในการสร้างอิทธิพลทางจิตใจและความคิด แถมยังกระตุ้นอารมณ์


มีคนไม่น้อยที่ชะตาชีวิตเปลี่ยนแปลงไปเพียงเพราะได้ยินโน้ตดนตรีบางๆ สักตัว


ไม่อย่างนั้นคงไม่มีการวิจัยเกี่ยวกับดนตรีบำบัดออกมาอย่างแพร่หลาย


แม้แต่ในพระคัมภีร์ก็ยังมีตัวอย่างการใช้ดนตรีบำบัดให้เห็นบ่อยครั้ง


ลัลลา~


ในซาทิสฟาย พลังของดนตรียิ่งสำแดงอย่างเด่นชัดขึ้นไปอีก การขับขานของคลาสนักดนตรีสามารถสร้างอิทธิพลอย่างเป็นรูปธรรมในทันที


ดนตรีของ ‘บาร์ด’ จะทำให้พวกพ้องแข็งแกร่งและทำให้ศัตรูห่อเหี่ยว


ยิ่งสงครามยืดเยื้อ เสียงร้องจากนักดนตรีก็ยังดังก้องกังวาน


พวกมันไม่หยุดร้องแม้กระทั่งในดินแดนอันหนาวเหน็บที่สามารถแช่แข็งเส้นเสียง ดินแดนที่เป็นไปด้วยลาวาอันร้อนระอุซึ่งสามารถแผดเผาลิ้นจนละลาย หรือต่อหน้าสายลมที่กัดกร่อนเนื้อหนังให้หลุดร่อน


พวกมันเองก็กำลังต่อสู้


ร่วมกับผู้อื่นที่แบ่งปันชะตากรรมเดียวกัน


ลา ลา ลา…


กรุงไรน์ฮาร์ท ถนนใกล้กับปราสาทโอเวอร์เกียร์


ท่วงทำนองดังขึ้นจากกลุ่มคนที่เดินขวักไขว่


เป็นเสียงเพลงแห่งการส่งท้ายฤดูหนาว


หนึ่งในเพลงธีมอันโด่งดังของกริด ‘ปรากฏกาย’


แต่กริดไม่ได้อยู่บนถนน


เพลงดังกล่าวดังขึ้นมาจากพิณ มิใช่ออเคสตร้าเต็มวง เป็นท่วงทำนองที่แทรกซึมเข้าไปในจิตใจของทุกคนอย่างอบอุ่นอ่อนโยน หัวใจถูกกระตุ้นจนร้อนรุ่มแผ่วเบา


เป็นบทเพลงที่เหมาะแก่การปลอมประโลมภรรยาซึ่งสามีและบุตรกำลังออกรบในสงคราม


“บทเพลงของพระสวามี…”


บนถนนเส้นที่ตรงไปยังวิหารหลักของเทพโอเวอร์เกียร์


ไอรีนที่กำลังนั่งในรถม้าพลันอมยิ้มเมื่อได้ยินท่วงทำนองจากด้านนอก


รักของเธอและกริดไม่เคยเก่า


นั่นเพราะชายหนุ่มยังคงมุ่งมั่นพัฒนาตัวเองอย่างไม่ลดละ


ในปัจจุบัน ลำพังบทเพลงสรรเสริญกริดก็มากพอที่จะทำให้ผู้คนฮึกเหิม


ยังมีใครในโลกทำได้แบบนี้อีกไหม?


หลังจากทบทวนช่วงชีวิตที่เคยใช้ร่วมกับกริด ไอรีนยิ้มอย่างภาคภูมิใจ


เธอภูมิใจมีกริดเป็นสามี เป็นราชา และเป็นเทพเพียงหนึ่งเดียวภายในใจ


‘เราเองก็ต้องไม่ทำให้เขาเสื่อมเกียรติ’


ไอรีนวางตัวสง่างามในทุกวันเนื่องจากคอยเตือนตัวเองเช่นนี้เสมอ แม้กระทั่งในรถม้าที่ไม่มีใครเห็น เธอก็ยังวางตัวด้วยความเลอค่าและมีจิตใจที่กระจ่างใสราวกับแก้ว


อารมณ์ส่วนเกินถูกเก็บงำเอาไว้ภายใน


ต้องทำตัวให้กริดวางใจ


ไอรีนอยากเป็นคนที่กริดเลือกกลับมาพักพิงในยามอ่อนล้าหรือเหน็ดเหนื่อย


“…”


ทันใดนั้น เสียงดนตรีจากริมถนนหยุดลงกะทันหัน


เธออยากฟังมากกว่านี้


ขณะไอรีนกำลังนึกเสียดาย รถม้าของเธอหยุดแล่น


ดวงตาไอรีนที่อบอุ่นและเป็นมิตรตลอดเวลาพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา


เธอไม่ใช่คนเกียจคร้าน


เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เกิด


และยิ่งขยันขันแข็งขึ้นหลังจากมีสามีชื่อกริดและศึกษาเรียนรู้จากอีกฝ่าย ทุกสิ่งได้หล่อหลอมให้ไอรีนเป็นคนพากเพียรเกินกว่าคนทั่วไปมาก


ไม่ว่าจะหลังสมรส คลอดบุตร กลายเป็นราชินี เธอไม่เคยหยุดเรียนรู้ชีวิต


ขอเพียงหนึ่งสิ่งจากร้อยสิ่งที่เธอศึกษาเป็นประโยชน์กับสามีก็นับว่าเพียงพอแล้ว


หลังจากกริดช่วยให้ได้ครอบครองบารมีเทพ ไอรีนก็เริ่มหันมาขัดเกลาทักษะทางกายภาพ เพราะต้องไม่ลืมว่า สตรีผู้นี้มีสายเลือดนักรบที่เข้มข้นไหลเวียนในร่างหาย เรียกได้ว่ามีพรสวรรค์ทางนี้มาตั้งแต่เกิด


หญิงสาวทำทุกสิ่งควบคู่กันไป ไม่ว่าจะศึกษาหาความรู้ สงวนกิริยามารยาท หรือขัดเกลาร่างกายกับจิตใจ แถมยังเป็นรูปแบบการฝึกที่ชาญฉลาด


เมื่อพิจารณาจากระยะทาง ความเร็วในการเคลื่อนที่ เวลา และสภาพแวดล้อมรอบห้องโดยสาร ไอรีนตระหนักได้ทันทีว่าสถานการณ์ตรงหน้าไม่ใช่เรื่องปรกติ


หญิงสาวถือฝักดาบเป็นมุมเอียงด้านข้างลำตัว จากนั้นก็มองออกไปรอบหน้าต่าง


“เซอร์จู๊ด เกิดอะไรขึ้น”


“รถม้า. หยุดวิ่ง.”


ธรรมชาติของจู๊ดก็คือ หนึ่งคำตอบต่อหนึ่งคำถาม


อัศวินอาวุโส อาโดล อธิบายสถานการณ์แทน


“อาการของคนขับแปลกมาก เขาไม่ยอมกุมบังเหียนทั้งที่กระหม่อมออกคำสั่งไปแล้ว… แต่องค์ราชินีอย่าได้กังวล ตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณของผู้บุกรุก”


กึก


ไอรีนลงจากรถม้า


จู๊ดขยับมายืนด้านข้างหญิงสาว


มันได้รับมอบหมายให้ดูแลราชินีแทนคาซิม จึงคอยทำหน้าที่อย่างเคร่งครัด


“ราชินีลงจากรถทำไม!? อ๊า! พวกเรายังไม่ถึงวิหารสักหน่อย! ขึ้นมา!”


คนขับรถม้าโหวกเหวกโวยวาย


มันยังคงนั่งในตำแหน่งคนขับ


สีหน้าแววตายังคงเป็นปรกติ แต่มันไม่ยอมยกมือขึ้นมาจับสายบังเหียน บรรยากาศจึงแปลกประหลาดไม่น้อย


“แล้วหยุดม้าทำไม?”


“หือ…?”


สีหน้าท่าทางของคนขับแสดงออกถึงความไม่ปรกติทันที


มันเอียงคอฉงนเล็กน้อยก่อนจะลุกจากเบาะคนขับ


ตามด้วยกล่าว


“เอาล่ะ ไปวิหารกัน”


“…”


“…”


สีหน้าเหล่าอัศวินแปรเปลี่ยนเป็นขึงขัง


พลขับที่ผ่านการอบรมศึกษามาเป็นอย่างดี ไม่มีทางพูดจาเหลวไหลกับองค์ราชินีแน่ อย่างไรก็ตาม บรรดาอัศวินต่างไม่รู้ว่าจะจัดการกับสถานการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้อย่างไร


อันดับแรก พวกมันสร้างแนวป้องกันที่แน่นหนา


เป็นกระบวนรบที่สามารถป้องกันอันตรายให้กับราชินีได้จากทุกทิศ จากนั้นก็คุมตัวคนขับรถม้าและสำรวจรอบตัว


พวกมันสังเกตเห็นความผิดปรกติบนถนนได้ทันที


และไม่ใช่แค่คนรับรถม้า แต่ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนกลายเป็นพวกแปลกประหลาด


ประการแรก ฝ่ามือของหลายคนเปลือยเปล่า


ไม่ว่าจะเป็นบาร์ดที่เคยเล่นดนตรี ช่างขัดรองเท้าที่คอยบริการคนเดินถนน ทหารลาดตระเวน พ่อค้าแม่ค้าขายอาหารแผงลอย และอีกมากมาย


ทุกคนล้วนวาง ‘เครื่องมือ’ ที่ตนควรจะใช้ลง


แต่บางคนยังสามารถทำงานต่อได้โดยปราศจากเครื่องมือ


ตัวอย่างเช่น ทหารยังสามารถลาดตระเวนได้โดยไม่มีหอก ส่วนบาร์ดก็ยังคงร้องเพลงแม้จะวางพิณลง


แต่ในทางกลับกันก็ยังมีประเภทที่เครื่องมือสำคัญมากจนขาดไม่ได้


ตัวอย่างเช่น เจ้าของร้านบะหมี่แผงลอยและคนขัดรองเท้า พวกมันทำได้เพียงเหม่อเลยด้วยความสับสน


จนกระทั่งได้สติกลับมา พวกมันเริ่มดำเนินการต่อไปด้วยมือเปล่า เจ้าของร้านบะหมี่ใช้มือเปล่าผัดบะหมี่บนกระทะร้อน


“เอ่อ…?”


มันเริ่มสัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากล


เจ้าของร้านบะหมี่เอียงคอด้วยสีหน้าเจ็บปวด จนกระทั่งบะหมี่บนกระทะเริ่มไหม้ มันใช้มือเปล่าผัดอีกครั้งพลางส่งเสียงกรีดร้อง


“องค์ราชินี รีบไปวิหารกันก่อนดีกว่า”


อัศวินอาวุโส อาโดล โน้มน้าวไอรีน


“…”


สีหน้าของคณะเดินทางไปวิหารพลันดำมืด


เป็นเพราะเหตุการณ์สุดพิสดารเริ่มลุกลามเป็นวงกว้าง


มนุษย์ เผ่าพันธุ์ที่วิวัฒนาการจนสามารถใช้เครื่องมือได้คล่องแคล่ว หลงลืมวิธีใช้งานไปจนหมดสิ้น


สิ่งที่ไม่น่าจะเกิดกำลังเกิด


อันดับแรก ควรมีการอพยพอย่างเร่งด่วนและสืบสวนหาสาเหตุ


“…เอ่อ?”


อาโดลที่เดินนำหน้าสุดพลันเอียงคอสงสัย


แต่ไม่นานก็รีบดึงสติกลับมาและเร่งฝีเท้าราวกับฝนใกล้ตก


อย่างไรก็ตาม ดาบในมือมันหายไป


มันเป็นคนทิ้งดาบด้วยตัวเองเมื่อไม่กี่นาทีก่อน


“…”


สีหน้าไอรีนยังไม่แปรเปลี่ยน


อัศวินเกินกว่าครึ่งของหน่วยอารักขาเริ่มทำตัวแปลกประหลาด แต่ไอรีนก็ยังไม่เผยท่าทีตื่นตระหนก เธอมองว่าการทักท้วงพวกมันคงไม่เกิดประโยชน์อันใด ตอนนี้ต้องเร่งฝีเท้าไปให้ถึงวิหารเสียก่อน


มีเหตุผลอยู่หนึ่งข้อที่ทำให้ไอรีนมั่นใจในความปลอดภัยของตน


“จู๊ด. ปกป้อง. ราชินี.”


นั่นเพราะเธอยังมีจู๊ดอยู่เคียงข้าง


ดาบใหญ่ที่ชวนให้นึกถึงนักล่าแห่งท้องทะเล


ดาบอันเลื่องชื่อที่เป็นผลงานของกริด ยังคงถูกกำแน่นในมือจู๊ดจนกระทั่งคณะเดินทางไปถึงวิหาร


***


กระแสของสงครามเกิดการพลิกผันอีกครั้ง ฝ่ายที่เสียหายหนักหน่วงเริ่มกลายเป็นทางมนุษย์


เป็นเพราะทหารและอัศวินไม่สามารถถืออาวุธและโล่


เหลวไหลสิ้นดี


ระหว่างศึกสงคราม พวกมันสลัดอาวุธและเข้าประจัญบานกับอสูรด้วยมือเปล่า


จากนั้นก็เป็นความตายที่ไม่เหนือคาด


โชคดีที่สถานการณ์ในสมรภูมิห้วงนรกและหมู่เกาะเบเฮ็นเริ่มดีขึ้น


ต้องขอบคุณการทำงานหนักของบราฮัม ปิอาโร่ ซิก ไคล์ และสิบวีรชนฯ


แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะยื้อไว้ตลอดรอดฝั่ง


สิ่งที่น่าสะพรึงในมหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูร คือการที่กองทัพอสูรหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่มีวันจบสิ้น


ราวกับแนวเกมเปลี่ยนจาก MMORPG กลายเป็น TD (Tower Defense) ในชั่วข้ามคืน


จริงอยู่ที่อสูรมีมากมายหลายประเภท และกลุ่มที่เป็นภัยต่อมนุษย์ก็มีจำนวนไม่มากนัก แต่มนุษย์ทุกคนย่อมมีขีดจำกัดทางกายภาพ


ต่อให้เป็นครึ่งเทพอย่างซิกก็มิอาจเก็บซ่อนความอ่อนเพลีย


ทหารและอัศวินถูกส่งกลับจนเหลือเพียงไม่กี่คนที่คอยรอรับ ‘ระลอกการรุกราน’ ของศัตรู เป็นเหตุให้ทรัพยากรทุกชนิดเหือดแห้งอย่างรวดเร็ว


“ในสถานการณ์แบบนี้ เสบียงกลับไม่ส่งมาตามกำหนด… โพชันใกล้หมดเต็มที และนั่นหมายถึงหายนะใหญ่หลวง”


“หน่วยขนส่งก็ย่ำแย่เช่นกัน”


“ดูเหมือนว่า NPC แทบใช้การไม่ได้เลย”


ทันทีที่เริ่มแสดงอาการ


บรรดา NPC จะหลงลืมวิธีใช้เครื่องไม้เครื่องมือจนไม่มีเวลาให้ผู้เล่นได้ตอบสนอง


ราวกับการขโมยสติปัญญาผู้คนของยูดาห์ไม่มีวิธีรับมือหรือป้องกัน


“เป็นพลังที่ขี้โกงยังกับใช้บั๊ก”


“โชคดีที่ไม่ส่งผลกับผู้เล่น”


“ถ้าพวกเราโดนด้วย มั่นใจได้เลยว่าศูนย์บริการลูกค้าโดนระเบิดลงแน่”


“ก่อนอื่นก็มาลองวิเคราะห์ดู… ไม่ว่าพลังของเทพจะขี้โกงสักเพียงใดก็ต้องมีเวลาจำกัด”


“น่าเสียดาย ถ้าเรามีหลักฐานว่ายูดาห์เป็นคนทำ คงหาทางทำลายชื่อเสียงได้ไม่น้อย”


เรื่องนี้พิสูจน์ได้ยากมาก เป็นความพยายามที่สูญเปล่าอย่างไม่ต้องสงสัย


ภูมิปัญญาในการใช้เครื่องมือ


บรรดา NPC ที่สูญเสียรากฐานสำคัญของมนุษย์ไป ล้วนมีบางสิ่งร่วมกันเสมอ


พวกมันมองว่าการใช้เครื่องมือไม่ได้ ‘ไม่ใช่ปัญหา’


เป็นการยอมรับสภาพแต่โดยดี


ต่อให้ทราบว่ายูดาห์อยู่เบื้องหลัง แต่ก็คงไม่มีใครปริปากบ่น


“…คราวนี้อะไรอีก?”


“จังหวะห่วยแตกชะมัด”


ณ ทางเข้าห้วงนรก


จอมอสูรลำดับสี่ คามิคิน กำลังปีนขึ้นจากอุโมงค์ขนาดมหึมาที่เชื่อมต่อกับนรก


มันมาพร้อมกับองครักษ์วิญญาณ 103 ตน โดยหนึ่งร้อยตนเป็นดวงวิญญาณวีรบุรุษ และสามตนเป็นวิญญาณตำนาน


คามิคินเคยพ่ายแพ้ให้กับบราฮัมในช่วงต้นสงคราม


ใครหลายคนจึงตั้งคำถามว่าหล่อนไปอยู่ที่ไหนและกำลังทำอะไรอยู่ พวกมันหายคาใจทันทีที่เห็นจำนวนวิญญาณองครักษ์เพิ่มขึ้น


『เหลือเชื่อมากครับ…! ตำนานในอดีตกลายมาเป็นบริวารของจอมอสูร…!』


『เป็นกองทัพที่ไม่สามารถสกัดกั้นได้ด้วยคนกลุ่มเล็กๆ แน่นอนครับ! บางทีอาจถึงเวลาแล้วที่มนุษย์ต้องละทิ้งห้วงนรก คงเป็นการดีกว่าหากจะล่าถอยกลับไปพร้อมกองทหาร ถ้ามัวแต่เสียดายกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง คงได้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงแน่นอนครับ…』


『เสียดายกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง? คุณลองดูให้ดี หากยอมละทิ้งห้วงนรก นั่นเท่ากับว่าฝ่ายมนุษย์จะเสียกรุงไททันไปด้วย แค่คิดว่าเมืองใหญ่ขนาดนั้นกลายเป็นป้อมปราการให้อสูร… การจะทวงคืนต้องเกิดความเสียหายใหญ่หลวงชนิดจินตนาการไม่ออกแน่… แม้จะเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่พวกเราก็ต้องให้กำลังใจเหล่าวีรบุรุษที่ยืนหยัดต่อสู้อย่างสุดความสามารถ— …? 』


ขณะเสียงพิธีกรดังกึกก้อง


หนึ่งในตำนานที่ปรากฏตัวพร้อมคามิคิน


ฮัคเซ่น ชายผู้ให้กำเนิดสุดยอดเวทอาคม แปรเปลี่ยนผืนดินให้กลายเป็นทะเลเพลิง


ทุกสิ่งเกิดขึ้นในพริบตา


ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าหายนะดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงเพราะไฟบอลธรรมดาหนึ่งลูก


ประสิทธิภาพเทียบได้กับเวทเสริมพลังของบราฮัมเลยทีเดียว


เห็นทีตอนนี้คงต้องสละห้วงนรก จากนั้นค่อยวางแผนอนาคตกันใหม่…


ขณะทุกคนกำลังคิดในสิ่งเดียวกัน


ครืนนนน—!


ทันใดนั้น ค่ำคืนอันมืดมิดมาพร้อมเสียงคำราม


เป็นผลมาจากการที่เงาดำปกคลุมท้องฟ้าและผืนดิน


『มะ…』


『มัง…』


『กร...! 』


สิ่งมีชีวิตอันสูงส่งที่เคยปรากฏตัวขึ้นในงานแข่งนานาชาติโดยบังเอิญ


ตัวตนอันสมบูรณ์แบบที่ประธานลิมชอลโฮเคยนิยามว่า ‘ไม่มีวันถูกล่า’ กำลังเข้ามาแทรกแซงสงคราม


เป็นอีเวนต์ที่ใกล้เคียงกับคำว่าเหลวไหล


“มังกรทำลายล้างคลื่นสยบสังหาร”


ณ ปลายดาบกริด


โฮกกกก—!


ภาพฉายของมังกรสีเทา


เป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากภาพมายาที่เกิดจากอีโก้ของมังกรศิลากูเซล


อย่างไรก็ตาม ภาพมายาที่แตกต่างกันย่อมมอบผลลัพธ์ไม่เหมือนกัน ใครหลายคนเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี


แต่สีหน้าแห่งความฉงนของจอมอสูรลำดับสี่ คามิคิน กำลังถูกฉายออกไปทั่วโลก


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

  1. ต้องรออีกแล้วหรออออ😭😭😭😭

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00