จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,524



จอมอสูรลำดับสี่ คามิคิน


เจ้านรกผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งควรเป็นเป้าหมายความกลัวของมนุษยชาติ


ตัวตนที่ควรจะมิอาจต่อต้าน


กะจิตกะใจที่จะต่อสู้พังทลายลงทันที


และผลลัพธ์คงไม่ต่างกันต่อให้กองทัพอยู่ในสภาพสมบูรณ์ แต่ปัจจุบัน กองกำลังฝ่ายพันธมิตรล่าถอยไปเกือบหมดแล้ว


เป็นสถานการณ์ที่ผู้เล่นหลักพันคนมิอาจเอาชนะได้ด้วยความกล้าหาญ ลำพังอาการผิดปรกติที่เกิดขึ้นก็มากพอจะตรึงให้ทุกคนแน่นิ่ง


“หลีกทางข้า!”


“คุณออกไปไม่ได้!”


ค่ายทหารกลางมีเสียงเอะอะ


เป็นเพราะบราฮัมที่เริ่มร่ายเวทตั้งเวลา เตรียมจะกลับไปยังสมรภูมิ โดยมีสิบวีรชนคอยห้ามปราม


“เป็นคำสั่งของลอเอล เขาสั่งให้ถอยในยามที่สถานการณ์เริ่มเลวร้าย”


“…”


กำลังจะบอกว่าข้าต้องฟังคำสั่งจากคนอื่น?


บราฮัมพ่นลมหายใจเหยียดหยัน แต่ก็มิได้กล่าวคำใด


เป็นเพราะในหลายครั้ง คำสั่งลอเอลหมายถึงเจตจำนงของกริด


เกือบทั้งหมดของสิ่งที่ลอเอลทำเป็นความต้องการของกริด


“นั่นสินะ ออกไปก็คงมีแต่ตายเยี่ยงสุนัข”


บราฮัมตรวจสอบสถานการณ์สงคราม


กองทัพอสูรและสัตว์อสูรกลุ่มใหม่กำลังปีนป่ายตามหลังคามิคินผู้มีดวงวิญญาณวีรชนจำนวนมากและดวงวิญญาณตำนานสามดวงคอยอารักขา เป็นภาพอันน่ารังเกียจประหนึ่งแมลงจำนวนมากถูกนำมาขังไว้ในถังใบใหญ่


ในทางกลับกัน กองกำลังฝ่ายพันธมิตรเปรียบดังสัตว์ป่าที่อ่อนแรง สูญเสียกำลังคนไปมากมายและสภาพจิตใจถดถอย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลเนื่องจากต้องสู้ตามลำพังเฉพาะผู้เล่น ไม่มีทางรับมือกับคามิคินและกลุ่มก้อนหนอนแมลงได้เลย


ปัง!!


เมอร์เซเดสเองก็มิอาจปลีกตัวไปรับมือคามิคินได้ เพราะเธอมีหน้าที่ป้องกันการซุ่มยิงจากบาร์บาทอสที่เริ่มขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของคามิคิน หากเมอร์เซเดสไม่คอยยับยั้งการซุ่มยิง กองทัพฝ่ายพันธมิตรคงถูกทำลายในพริบตา


‘ยูเฟอมิน่ากับไคล์ก็ถึงขีดจำกัดแล้ว’


แม้แต่บราฮัมเอง การต้องสู้ในห้วงนรกนานสิบวันเต็มก็ไม่ใช่เรื่องง่าย


ทั้งที่ได้รับพลังแวมไพร์ทายาทกลับคืนมาแล้วก็ตาม


กล่าวกันว่าลิชมีเวทมนตร์เป็นอนันต์ แต่ในความเป็นจริง มานาของลิชมีวันหมด เช่นเดียวกันกับเรี่ยวแรงของแวมไพร์ทายาท


ต้องไม่ลืมว่าเลือดของอสูรมีคุณภาพต่ำเป็นทุนเดิม ทุกครั้งที่ดูดเลือด บราฮัมจะรู้สึกขยะแขยงจนอยากอาเจียน ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงการทำให้ท้องอิ่ม


บราฮัมจึงไม่มีทางเลือกนอกจากพึ่งพาพวกพ้อง


มันยอมพึ่งพาคนอื่น


เป็นสิ่งที่บราฮัมไม่เคยคิดได้ในตอนที่อยู่ร่วมกับพี่น้องร่วมสายเลือด อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่เพราะนิสัยส่วนตัว หากแต่เป็นข้อบกพร่องเชิงทัศนคติและค่านิยมของแวมไพร์


เพราะต้องไม่ลืมว่าบราฮัมเคยมองแพ็กม่าเป็นพวกพ้องและเลือกที่จะพึ่งพา


เมอร์เซเดส ยูเฟอมิน่า ไคล์ ดยุคแห่งจักรวรรดิ และสิบวีรชนฯ อย่างพีคซอร์ด ทุกคนล้วนแข็งแกร่งพอที่จะให้บราฮัมพึ่งพา


จากบรรดาทั้งหมด บราฮัมสนใจไคล์เป็นพิเศษ


ทำไมหมอนี่ถึงกลัวเรานัก?


มนุษย์ผู้เกิดมาพร้อมการกลายพันธุ์ซึ่งเป็นพรสวรรค์อันหายาก แถมยังเป็นพลังสายฟ้าที่เรียกได้ว่าแข็งแกร่งในทุกมิติ ไม่เกินจริงไปนักหากจะถูกผู้คนเชิดชูให้เป็นเทพ


นอกจากนั้นยังสั่งสมระดับเหนือมนุษย์จนควรค่าแก่การถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ชายคนดังกล่าวกลับแสดงความกลัวต่อบราฮัมมากจนเกินพอดี


แต่แม้จะงงงวย บราฮัมก็ไม่เก็บเอามาใส่ใจ เพียงกล่าวชมอีกฝ่ายว่า ‘สายตาเฉียบแหลม’ แล้วผ่านไป


แขนของไคล์ที่ถูกทำลายไปจากการปะทะกันระหว่างตนกับลิชมูมัด ไม่ถือเป็นเหตุการณ์ใหญ่ในชีวิตบราฮัม มันจึงคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะหวาดกลัวตนจากเรื่องดังกล่าว แค่แขนขาดมันเป็นเรื่องใหญ่ตรงไหน? นอกจากนั้น แขนของไคล์ในปัจจุบันก็ยังดูปรกติดี


‘เมื่อเทียบกับสายตาที่เฉียบแหลมและทักษะ พลังทางกายภาพของหมอนี่ค่อนข้างอ่อนแอ’


ไคล์จ้องคามิคินด้วยดวงตาเบิกโพลง


แม้จะโล่งใจ แต่ขาของมันยังคงสั่นระริกเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำสั่งถอย


บราฮัมประเมินอีกฝ่าย


‘เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่เกินตัว’


การที่เหล่าเหนือมนุษย์เหนื่อยง่ายกว่าคนปรกติ เป็นเพราะพวกมันมักเคลื่อนไหวเกิดขีดจำกัดของมนุษย์ แม้ร่างกายจะถูกปรับแต่งให้ก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์แล้วก็ตาม แต่นั่นยังคงไม่พอ


ตัวอย่างที่ชัดเจนคือชุนโป


ทักษะเคลื่อนที่ประเภทนี้จะสร้างภาระอย่างใหญ่หลวงแก่ร่างกายและสมอง


ยิ่งไปกว่านั้น ระดับเหนือมนุษย์ของไคล์ก็ยังไม่สูงสักเท่าไร พลังสายฟ้าของไคล์จึงถือว่าทรงพลังเกินตัวจนสร้างความขัดแย้งและเกิดเป็นความเหนื่อยล้า


เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง การแก้ไขไม่ใช่เรื่องง่าย


แต่บราฮัมรู้วิธีแก้ไข


“ไคล์… ตรึงคามิคินไว้ในตอนที่พวกเราหนี”


“…”


สีหน้าไคล์พลันแข็งทื่อ


ในปัจจุบัน คนที่มี ‘สภาพ’ ดีที่สุดคือบราฮัม นอกจากนั้นยังแข็งแกร่งที่สุดเป็นทุนเดิม


ไม่มีใครเหมาะแก่การตรึงคามิคินมากไปกว่าบราฮัมอีกแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับโยนความรับผิดชอบ


“ต…แต่ว่า สัตว์อสูรนับหมื่นตัวกำลังหลั่งไหลราวกับคลื่นยักษ์ ผมเหมาะแก่การเปิดทางหนีและให้คุณคอยดึงความสนใจจากคามิคินมากกว่า”


“ใช้คำฟุ่มเฟือยจังนะ”


‘หมอนี่มันแวมไพร์ชั่ว’


เพราะพวกมันคือเผ่าพันธุ์ที่ดูดเลือดมนุษย์เป็นอาหาร?


บ่อยครั้งบราฮัมจะแสดงความเห็นที่ไร้หัวใจ ค่อนข้างชัดเจนว่าชายคนนี้มองมนุษย์เป็นเพียงปศุสัตว์ มิใช่เท่าเทียม ดังนั้นกริดที่สามารถฝึกสัตว์ร้ายตนดังกล่าวให้เชื่องได้ จึงน่ากลัวยิ่งกว่าหลายเท่า


ไคล์ถอนหายใจอย่างกล้ำกลืนก่อนจะมองไปทางคามิคิน


หล่อนกำลังยืนสี่ขาบนพื้นอย่างเด่นสง่าประหนึ่งต้นไม้ใหญ่ที่หยั่งรากลึกลงบนโลก ทุกย่างก้าวที่เดินไปจะทำให้พื้นดินแตกเป็นทางยาว


‘บ้าจริง’


โอกาสตายสูงมากในครั้งนี้


ไคล์ก้าวไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกดังกล่าว


แต่แทนที่จะตอบปฏิเสธและถูกประหารคาที่ มันขอเสี่ยงเอาตัวรอดในการเผชิญหน้ากับคามิคินดีกว่า


‘ระหว่างสู้ต้องเปิดทางหนีให้ตัวเอง…’


บึ้มมมมม!


“…”


ความคิดไคล์พลันหยุดนิ่ง


เป็นเพราะมันเห็นไฟบอลลูกหนึ่งพุ่งทะลุพื้นเป็นเส้นตรง


ทะลวงลึกลงไปถึงแกนโลกเลยหรือไง?


ไคล์เงยหน้าขึ้นด้วยความกังวลอันเปี่ยมล้น จากนั้นก็ประสานสายตากับทหารวิญญาณที่สวมเสื้อคลุม


สิ่งมีชีวิตที่ร่างกายเป็นสีฟ้าโปร่งแสง


แม้รูปลักษณ์จะพร่ามัว แต่ไคล์ก็จดจำได้ทันที


ตัวตนที่สามารถระเบิดพลังเวทได้ทัดเทียมกับบราฮัม


ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์มีเพียงสองคน


ฮัคเซ่นแห่งสุดยอดอาคม และเจสซิก้าแห่งเวทกังวาน


พวกมันคือมหาจอมเวทในตำนานที่โลดแล่นในยุคสมัยก่อนบราฮัม


‘ประเมินจากความเข้มข้นของเวทมนตร์ หมอนี่คงเป็นฮัคเซ่น… เราคงถูกมันฆ่าตายก่อนจะได้ดึงความสนใจจากคามิคิน’


นอกจากนั้นยังมีอีกสองตัวตนที่แข็งแกร่งทัดเทียมฮัคเซ่น


ชายผู้แบกดาบยักษ์ไว้บนบ่า โดยดาบดังกล่าวยาวกว่าตัวไคล์เสียอีก และคนยักษ์หนึ่งตนที่ตัวใหญ่กว่าคามิคิน สูงเกือบสี่เมตร


‘ไม่คิดไม่ฝันว่าชีวิตนี้จะได้เห็นคนยักษ์’


ถึงจะเป็นแค่วิญญาณก็เถอะ


เปรี้ยง!


ไคล์ผู้ได้รับบัฟจากรูบี้และยูเฟอมิน่า กลายร่างเป็นสายฟ้าและยิงตัวเองออกไป


มันแหวกผ่านการกระหน่ำยิงจากเวทมนตร์และใช้ความแข็งแกร่งปัดป้องดาบใหญ่ที่สับเข้าใส่จากด้านข้าง จากนั้นก็ใช้ชุนโปเพื่อหลบหลีกดงกระสุนที่คนยักษ์ยิงออกจากถุงมือ


หัวซุกหัวซุนเยี่ยงสุนัข


มันไม่อยากใช้ชุนโปสักเท่าไร ไม่อย่างนั้นเรี่ยวแรงจะหมดเร็วเกินไป แต่ท้ายที่สุดกลับต้องงัดออกมาใช้อย่างมิอาจเลี่ยง


แม้จะเสียดายแต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น


ใครจะไปคิดว่าถุงมือนั่นคือปืนกล?


ไคล์เริ่มกังวลว่าอีกฝ่ายอาจงัดจักรกลเวทมนตร์ออกมาใช้


‘เจ้านั่นน่าจะมีวัตถุวิเศษจำนวนมาก’


ข้อสันนิษฐานของไคล์ถูกต้อง


พลังของคามิคินคือการครอบงำและบงการวิญญาณ


ดวงวิญญาณจะแสดงพลังในยุครุ่งเรืองที่สุด รวมไปถึงเครื่องมือที่วิญญาณใช้งาน


ไม่อย่างนั้นคงไม่เกิดประโยชน์หากจะคืนชีพขึ้นมาด้วยร่างกายเปลือยเปล่า


การที่คามิคินสั่งให้อสูรบริวารซึ่งสามารถ ‘อ่านความทรงจำ’ คอยดูแลคลังสมบัติ ก็เพื่อดึงศักยภาพของวิญญาณออกมาจนถึงขีดสุด


ฟ้าว—!!


มหาจอมเวทฮัคเซ่น คนยักษ์ และนักดาบผู้ควงดาบใหญ่


หลังจากแหวกผ่านวิญญาณตำนานทั้งสามและเข้าใกล้คามิคิน ร่างไคล์ทะยานขึ้นฟ้าทันที


แต่เมื่อพุ่งกลับลงไปด้วยชุนโป มันถูกคามิคินถีบด้วยเท้าหลัง


เป็นเรื่องธรรมดาที่จอมอสูรลำดับสี่จะอ่านทิศทางของชุนโปออก แม้แต่บราฮัมก็ยังต้องชิงความได้เปรียบเหนือคามิคินด้วยการยอมผลาญมานาปริมาณมหาศาลเพื่อกระหน่ำเวทเทเลพอร์ต


‘เฮ้อ… สภาพเหมือนหมา’


จบสิ้นแล้ว


ไม่มีทางรอดเลยสักนิด


บางทีเราควรลองต่อต้านบราฮัมดูสักครั้ง…


ไคล์เกลือกกลิ้งอย่างหมดสภาพก่อนจะแหงนหน้ามองฟ้า


มันเริ่มนึกเสียดายกับทางเลือกของตน


จากนั้นก็บังเกิดความรู้สึกประหลาด


เป็นความรู้สึกคล้ายกับได้ยินเสียงจิตใจผู้คนคอยให้กำลังใจตน


และไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองจิตใจ


แต่เป็นเจตจำนงของผู้คนนับหมื่น


เนื่องจากมีร่างกายพิเศษ มันจึงถูกพ่อแม่ทอดทิ้งตั้งแต่ยังเด็ก นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ไคล์ตัดขาดตัวเองจากโลกภายนอก แต่ปัจจุบัน หัวใจของมันกลับกำลังเอ่อล้นไปด้วยความสุขที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน


“เจ้าควรมาเป็นทหารของข้า”


คามิคินที่ไล่ตามมาโผล่ขึ้นเบื้องหน้าไคล์ เป้าหมายคือการดับลมหายใจ


สีหน้าไคล์พลันบิดเบี้ยว


‘อย่างน้อยในวาระสุดท้ายของชีวิตก็ได้รู้สึกแบบนี้…’


มันไม่อยากอยู่บนโลกตามลำพัง


ไคล์ต้องการอยู่ร่วมกับผู้คนอย่างสงบสุขและแบ่งปันความอบอุ่น


มันอยากจะสลัดความรู้สึกดังกล่าวทิ้งไป แต่สิ่งนั้นกลับสลักลึกลงไปในจิตใต้สำนึก หรือแท้จริงแล้ว นี่คือความต้องการจากก้นบึ้ง?


“ก็ไม่เลวนักหรอก…”


ฉึก!!


ไคล์ฉีกยิ้มขณะถูกกรงเล็บคามิคินทะลวงร่าง


“ไคล์!!”


บรรดาผู้เล่นต่างพากันแหกปากขณะล่าถอยไปพร้อมกับบราฮัม


สำหรับพวกมัน ไคล์คือเพื่อนร่วมรบที่เคียงบ่าเคียงไหล่กันมานานสิบวันสิบคืน


มีหลายคนเป็นหนี้ชีวิตไคล์


หรือแม้แต่กระทั่งตอนนี้ เป็นเพราะไคล์คอยดึงความสนใจ พวกมันจึงถอยกลับไปได้อย่างปลอดภัย


แม้จะมีนิสัยเย็นชา แต่ก็มีผู้เล่นไม่น้อยที่รู้สึกผูกพันกับไคล์


หลายคนสัญญาว่าจะตอบแทนคืนในอนาคต แต่กลับกลายเป็นว่า ไคล์ต้องด่วนจากไปเสียก่อน


ผู้เล่นบางคนโกรธจัดจนหน้าแดง บ้างขบกรามด้วยโทสะ บ้างเริ่มหลั่งน้ำตา


โฮกกกกกกกกก!!


แต่ทันใดนั้นเอง มังกรปรากฏกายบนท้องฟ้าพร้อมกับเสียงคำราม


เหตุการณ์อันน่าเหลือเชื่อได้สร้างความสิ้นหวังเป็นทวีคูณ


เมื่อตระหนักว่าคงไม่มีใครที่นี่รอดชีวิตกลับไปได้ ทุกคนจดจ้องไปทางไคล์โดยหวังจะสลักภาพสุดท้ายของผู้มีพระคุณไว้ในใจ


เปรี้ยะ!


คามิคินผู้ถูกภาพมายามังกรดึงดูดความสนใจไปครู่หนึ่ง รีบถอนสายตากลับมายังเบื้องล่าง


ความเจ็บปวดกำลังแผ่ซ่านไปยังทุกปลายนิ้วของเธอ


“…นี่เจ้า?”


เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันทยอยเกิดขึ้นต่อหน้าคามิคิน


ร่างไคล์ซึ่งถูกทะลวงด้วยกรงเล็บกำลังส่องสว่างอย่างเจิดจ้า หลังจากรอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์ ไคล์รีบคว้าแขนคามิคินข้างที่แทงเข้ามา


ทั่วโลกต่างพากันตกตะลึง


[นักรบสายฟ้าในตำนานถือกำเนิด]


หลายแสน


นั่นคือจำนวนอสูรและสัตว์อสูรที่ไคล์ฆ่าไปในสงคราม เป็นความสำเร็จในระดับทัดเทียมบราฮัม ไคล์สามารถพุ่งตัวเข้าไปยังใจกลางสนามรบด้วยความเร็วแสงพร้อมกับยิงสายฟ้าออกไปทุกทิศเพื่อสร้างความเสียหายหนักหน่วงแก่ทัพอสูร


การลงมือของไคล์ทุกครั้งล้วนอลังการและตื่นตาตื่นใจ


ใครหลายคนเรียกไคล์ว่าวีรบุรุษ และอีกหลายคนเรียกว่าผู้มาโปรด


ความสำเร็จ ฝีมือ และชื่อเสียง


ไม่ว่าจะในมิติใด ไคล์ก็เหมาะสมที่จะถูกยกย่องในฐานะตำนาน


ความเสียสละครั้งสุดท้ายคือการจุดประกาย


“รอดมาได้แบบฉิวเฉียด”


บราฮัมหัวเราะ


มันจดจ้องแผ่นหลังของไคล์ด้วยสายตาให้กำลังใจ ในเวลาเดียวกัน ไคล์กำลังแผดเผาเส้นเลือดของคามิคินด้วยสายฟ้าสีขาวโพลน


จากนั้น บราฮัมแหงนมองฟ้าและกล่าว


“กริด… ลงมือได้”


บราฮัมมีหูตาอยู่ทุกที่


มันเป็นสัตว์ประหลาดที่สามารถใช้ประโยชน์จากมานาบนชั้นบรรยากาศ


ตลอดสงครามที่ผ่านมา มันได้ยินเรื่องซุบซิบนินทามากมายเกี่ยวกับประเด็นที่กริดหายตัวไป


คนส่วนใหญ่ยังเชื่อใจกริด แต่ก็มีหลายคนคาดเดาว่า กริดคงไม่กล้าปรากฏตัวบุ่มบ่ามเพราะเกรงว่าจะเอาชื่อเสียงมาทิ้ง


นี่คือสงครามที่คนทั้งโลกกำลังจับตามอง หากกริดเผชิญความพ่ายแพ้ นั่นจะหมายถึงความเสียหายใหญ่หลวง อาจตีความได้ทางอ้อมว่ากริดกำลังหดหัวในกระดอง


เป็นการคาดเดาที่ฟังขึ้น ยิ่งคนเรามีตำแหน่งสูง ก็ยิ่งต้องรอบคอบและมีสิ่งให้สูญเสียมากขึ้น


แต่บราฮัมทราบดี


ศัตรูระดับเพียงเท่านี้ไม่มีทางคณนามือกริด


“แสดงให้ทุกคนเห็นว่าผู้แข็งแกร่งที่สุดเป็นอย่างไร”


ครืนนนน!


ท้องฟ้าพลันปั่นป่วน


บรรยากาศที่ผันผวนราวกับคลื่นแพร่กระจายไปทุกทิศ เมฆบนท้องฟ้าเริ่มลดระดับ ภาพมายาของมังกรสีเทาเริ่มเลือนหาย ความชื้นสัมพัทธ์ที่เพิ่มขึ้นช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ไคล์


ไคล์คิดไวทำไว


ช่วงเวลาห้าวินาทีที่เป็นอภิสิทธิ์แห่งตำนาน


ท้องฟ้าพลันสว่างจ้า ไคล์ไม่มัวเสียเวลาขอบคุณสวรรค์เหมือนไอ้งั่ง ในหัวของมันมีเพียงการเค้นพลังไฟฟ้าเพื่อถาโถมเข้าใส่คามิคิน


พร้อมกันนั้น


เทพเสด็จเยือน


[เทพโอเวอร์เกียร์กริด ปรากฏกาย]


“เจ้า!”


คามิคินขบกรามแน่น


เธอสัมผัสถึงความรู้สึกไม่น่าอภิรมย์อีกครั้ง


เป็นประสบการณ์แย่ๆ ในอดีตที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันทยอยอุบัติ


ไม่เพียงเธอจะพ่ายแพ้ต่อบราฮัม แต่ยังสูญเสีย ‘หัวใจภายนอก’ ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนคลังวิญญาณ


จากเหตุการณ์ดังกล่าว คามิคินสูญเสียวิญญาณตำนานไปมากถึงหกดวง


เธอกำลังมองหาเหยื่ออารมณ์สำหรับระบาดความเคียดแค้นดังกล่าว


ปึด!


บาดแผลอันเกิดจากวิชาดาบที่อัญเชิญภาพมายาของมังกร มิได้อุกฉกรรจ์สักเท่าไร


คามิคินเองก็ได้รับพรจากยูดาห์ เป็นพร ‘พลังป้องกันสัมบูรณ์’


แต่แน่นอน ประสิทธิภาพยังไม่ยอดเยี่ยมเท่ากับกายามังกร มีหลายจุดยังไม่สมบูรณ์แบบ เพราะการป้องกันสัมบูรณ์จะส่งผลเฉพาะจุดสำคัญของร่างกาย


แต่เท่านี้ก็มากพอจะทำให้คามิคินในปัจจุบันกลายเป็นสิ่งมีชีวิตคงกระพัน เธอไม่หวาดกลัวเทพหรือมังกรอีกต่อไป แม้จะผงะกับภาพลวงตามังกรเมื่อครู่ แต่ก็อยู่ในขอบเขตของอาการตกใจ


ต่อให้เป้าหมายเป็นเทพผู้สามารถโค่นเศษเสี้ยวอีโก้ของบาเอล แต่นั่นก็ไม่ทำให้คามิคินตื่นกลัว


ฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บ!!


กำปั้นคามิคินถูกประเคนใส่กริดหลายสิบครั้ง


เกิดเป็นโซนิคบูมด้านหลังกริดอย่างต่อเนื่องจนร่างกายชายหนุ่มเริ่มซวนเซ การโจมตีดังกล่าวคร่าชีวิตอสูรที่แข็งแกร่งไปหลายสิบในพริบตา


อย่างไรก็ตาม กริดยังคงปักหลักในตำแหน่งเดิม


ขณะปล่อยให้กำปั้นคามิคินปะทะร่าง ดาบในมือชายหนุ่มเองก็เฉือนลงบนหน้าอกคามิคิน


ภาพมายามังกรสีเทาพุ่งผ่านร่างคามิคินอีกครั้ง


“…!?”


เฉกเช่นคราวก่อน บาดแผลที่เกิดขึ้นมิได้อุกฉกรรจ์ แต่ถึงอย่างนั้นคามิคินก็ผงะถอยหลัง เป็นการเคลื่อนไหวที่เกิดจากสัญชาตญาณ


แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเธอหวาดกลัวต่อภาพมายามังกรสีเทา


‘อะไรกัน…’


เจ็บ


แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอกำลังเผชิญความเจ็บปวด


การโจมตีเมื่อครู่มิได้ปะทะกับจุดสำคัญ เป็นไปไม่ได้ที่จะเจ็บปวด


‘เกิดอะไรขึ้นกันแน่’


สัญชาตญาณกำลังร้องเตือนคามิคินถึงอันตราย เธอทำได้เพียงข่มความโกรธและพยายามตั้งสติ


เหตุใดพรปกป้องของยูดาห์ถึงไม่ได้ผล?


คามิคินพยายามไขข้อสงสัยให้กับตัวเอง จึงทิ้งระยะห่างจากกริดพร้อมกับสั่งให้ฮัคเซ่น ไฟโวล์ฟ และซีดานเข้าปะทะแทน


วิญญาณตำนานตอบสนองต่อเจตจำนงคามิคินทันที พวกมันเพิกเฉยห่าฝนเวทมนตร์จากบราฮัมและยูเฟอมิน่า เป้าหมายมีเพียงกริดผู้เดียว


ตึง!!


จักรกลเวทมนตร์โปร่งใสพุ่งขึ้นจากดินตามเจตจำนงของไฟโวล์ฟ มันโผล่ขึ้นใจกลางสนามรบและสะกดทุกคนด้วยขนาดอันมโหฬาร ใครก็ตามที่ได้เห็นเป็นต้องหวาดผวา


ทว่า จักรกลเวทมนตร์ตัวดังกล่าวถูกกระแทกจมดินในพริบตา


เป็นการบดขยี้จากก้อนละโมบขนาดมหึมาที่ตกลงมาจากท้องฟ้า


กริดเข้าประชิดตัวฮัคเซ่น


หลังจากสั่งให้หัตถ์เทวะสามสิบข้างคอยตรึงซีดาน ชายหนุ่มบรรจงวาดเส้นดาบนับร้อยลงบนตัวฮัคเซ่นประหนึ่งผืนผ้าใบ


หัวจรดเท้า


กริดหั่นทุกส่วนของฮัคเซ่นอย่างประณีต


ผลลัพธ์ทำให้เกิดภาพมายามังกรสีเทาปกคลุมสนามรบครู่หนึ่งก่อนจะเลือนหาย ฉากของกองทัพอสูรนับหมื่นด้านล่างรีบหมอบลงกับพื้นด้วยท่าทางหวาดผวา ใครผ่านมาเห็นคงไม่อยากจะเชื่อสายตา


เปรี้ยะ! แกร่ก—!


ดวงวิญญาณฮัคเซ่นแหลกสลายกลายเป็นเศษชิ้นส่วนนับพันก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นขี้เถ้าสีเทา ทุกสิ่งเกิดขึ้นในพริบตา


“เจอตัวแล้ว”


หมายความว่ายังไง?


‘อย่าบอกนะว่า…?’


คามิคินที่รู้สึกเย็นสันหลังวาบพลันผงะและก้าวขาถอย เธอเกิดความหวาดผวาจากก้นบึ้งจนเผลอแสดงพฤติกรรมที่น่าละอาย


______________

ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ


Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00