จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,526
คลังวิญญาณของคามิคิน
สถานที่ซึ่งกว้างขวางและใหญ่โตยิ่งกว่าปราสาทบาเอล เป็นสัญลักษณ์แห่งการโอ้อวดของคามิคิน ปัจจุบันถูกทำลายจนพังพินาศ
อาคารที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ขุมนรก อาคารที่โอ่อ่าและน่าเกรงขาม ยามนี้กลายเป็นเพียงซากปรักหักพังเสื่อมโทรม
“เท่านี้ก็คงจะพอ”
ณ ใจกลางซากปรักหักพัง
เลอราเฆ่กำลังยืนเหยียบแอ่งเลือด
เลือดจากบาดแผลของเธอเอง
ไม่ใช่พวกมันไม่อยากห้ามเลือด แต่ครอเกลกับยูร่าไม่มีวิธีช่วยเธอ
กายาจอมอสูรนั้นไม่เหมือนกับมนุษย์
และไม่ได้แตกต่างแค่รูปลักษณ์ แม้แต่โครงสร้างของหลอดเลือดและอวัยวะภายในก็ไม่เหมือนกัน
เมือกสีใสที่ขับออกจากต่อมเหงื่อและรูขุมขนเพื่อคอยห่อหุ้มผิวหนัง คือเครื่องพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าเธอแตกต่างจากมนุษย์ ดังนั้น วิธีรักษาตามแบบฉบับมนุษย์จึงใช้ไม่ได้ผลกับเลอราเฆ่
“หึหึ… สีหน้าของพวกเจ้าช่างแปลกมาก… ทำไมความตายของข้าถึงทำให้เศร้าเสียใจ? …พวกเจ้าควรจะยินดีถึงจะถูก”
เลอราเฆ่ที่ทรุดลงกับพื้นรำพันติดตลกเจือขื่นขม
บนกระจกตาเลอราเฆ่กำลังสะท้อนภาพครอเกลและยูร่ากำลังทำสีหน้าหม่นหมอง
คล้ายกับพวกมันพยายามกล้ำกลืนความเจ็บปวด ภาพดังกล่าวทำให้เลอราเฆ่ประหลาดใจ แถมทั้งสองยังเป็นพวกเก็บอารมณ์ไม่เก่ง นั่นยิ่งทำให้หัวใจเธอสัมผัสถึงความอ่อนโยนแผ่วเบา จนกระทั่งเลอราเฆ่ฉุกคิดบางสิ่ง
“แค่ก… แค่ก… พวกเจ้ากลับไปก่อน… อยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น… สำหรับตอนนี้…”
นรกทุกขุมที่สามารถครอบครองได้ก็ถูกจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว ขุมนรกกว่าครึ่งตกอยู่ในความดูแลของเลอราเฆ่ ส่งผลให้อำนาจของบาเอลถูกบั่นทอนไปหลายส่วน
และในที่สุด
เลอราเฆ่ไม่เพียงจะทำลายบริวารทั้งหมดของคามิคิน แต่ยังรวมไปถึงหัวใจภายนอก
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เธอสามารถทำลายการเชื่อมต่อระหว่างตัวคามิคินกับต้นกำเนิดพลังงานของคามิคิน – เหล่าดวงวิญญาณที่ถูกกักขัง และนั่นจะทำให้คามิคินอ่อนแอลงอย่างมาก
เลอราเฆ่ทำทุกสิ่งเท่าที่เธอสามารถทำได้แล้ว
แต่จะให้เรียกว่าเป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบก็คงไม่ได้
ก่อนที่หัวใจจะถูกทำลาย วิญญาณบางส่วนหลั่งไหลไปหาคามิคิน
สามดวงในนั้นคือตำนาน
เป็นผลงานที่น่าผิดหวังสำหรับเลอราเฆ่ผู้ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้กับภารกิจนี้
“ความสำเร็จของพวกเราอาจทำให้คามิคินสูญเสียความแข็งแกร่งส่วนใหญ่ไปก็จริง… แต่นั่นก็ยังไม่รับประกันว่าเธอจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับจุดสูงสุดของตัวเอง… พวกเจ้าก็คงได้เห็นไปแล้ว… อสูรสังกัดบาเอลทั้งหมดล้วนถูกปกป้องด้วยพลังที่มองไม่เห็น… อาจเป็นพรจากเซราทุล… โลกมนุษย์… โลกของพวกเจ้ากำลังเป็นอันตราย…”
“หยุดพูดก่อน”
ครอเกลพูดแทรกเลอราเฆ่ขณะอุ้มเธอลงไปนอนบนพื้น
เลือดที่ทะลักจากบาดแผลกึ่งกลางหน้าอก ทำการยอมเมือกสีใสให้กลายเป็นสีแดง
เธอกำลังจะตายในอีกไม่ช้า
ความตายของจอมอสูร
แถมยังเป็นจอมอสูรลำดับสิบ
เดิมที มันควรเป็นเหตุการณ์ที่มนุษย์โลกยินดีปรีดา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า จอมอสูรคือศัตรูตัวฉกาจของมนุษยชาติ
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม หัวใจครอเกลและยูร่ากำลังหนักอึ้ง ปะปนความเศร้าเจือจาง
เลอราเฆ่เป็นมิตรสหายที่ยอดเยี่ยม
การได้พบเธอเปรียบดังวาสนาที่ยิ่งใหญ่ของชีวิต คนทั้งสองได้รับหลายสิ่งจากการใช้ชีวิตร่วมกับเลอราเฆ่ ระหว่างการเดินทางเต็มไปด้วยบทสนทนาอันแสนล้ำค่า
จนถึงจุดหนึ่ง ครอเกลและยูร่าสังเกตเห็น
สายตาเลอราเฆ่ที่จ้องไปยังอสูรและสัตว์อสูรมักแฝงไปด้วยอารมณ์อันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความเศร้า หดหู่ และเห็นใจ
และไม่เฉพาะในยามจ้องมองศัตรู เลอราเฆ่ยังมีสายตาแบบเดียวกันขณะเฝ้ามองบริวารของตน
ความแน่วแน่ที่จะแก้แค้นบาเอลและนรกคือของจริง เป็นเจตจำนงจากก้นบึ้งของดวงวิญญาณ
“ฉันเชื่อใจยองวู”
เสียงของยูร่าปลุกครอเกลให้ตื่นจากภวังค์
“โลกกึ่งกลางจะปลอดภัย ต่อให้พวกเราไม่กลับไป”
ครอเกลเห็นด้วย
แม้ฝ่ายกองทัพอสูรจะได้รับความช่วยเหลือจากยูดาห์ แต่ทั้งสองก็จินตนาการไม่ออกว่ากริดกับกิลด์โอเวอร์เกียร์จะพ่ายแพ้
แน่นอนว่าความเสียหายคงใหญ่หลวง
นอกจากชาวโอเวอร์เกียร์และไฮแรงเกอร์ คนทั่วไปคงยากที่จะโจมตีผ่านพรป้องกันของยูดาห์
พรป้องกันของยูดาห์ช่วยให้เป้าหมายแทบจะคงกระพัน
ต่อให้โจมตีใส่ ‘จุดอ่อน’ บนร่างกายเป้าหมายก็ยังยากที่จะปลิดชีพสำเร็จ
แถมจุดอ่อนของแต่ละตัวก็ยังแตกต่างกันไป ยิ่งเป็นจุดอ่อนที่เข้าถึงยาก การโจมตีด้วยทักษะธรรมดาก็แทบไม่เกิดประโยชน์
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ายูร่าและครอเกลต้องรีบร้อนเดินทางกลับ
มนุษย์มีกำลังคนจำกัด จำเป็นต้องใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ต่อให้ทั้งสองกลับไปสนับสนุนกองทัพโลก แต่ขอบเขตการทำงานก็จะถูกจำกัดอยู่แค่สนามรบสักแห่ง
แน่นอนว่าการทำเช่นนั้นอาจช่วยชีวิตเพิ่มขึ้นได้มาก แต่ก็ยังไม่ใช่เหตุผลที่หนักแน่นพอในการทอดทิ้งเลอราเฆ่
ถูกต้อง
ครอเกลและยูร่าต้องการอยู่ในนรกต่อ
เพื่อคอยปกป้องเลอราเฆ่ในยามที่เธอฟื้นฟูร่างกาย
ครึ่งหนึ่งเป็นความต้องการส่วนตัว แต่อีกครึ่งก็ทำไปเพราะส่วนรวม
เลอราเฆ่คือบุคคลสำคัญของมนุษยชาติ
เมื่ออยู่ในนรก เธอเปรียบดังมะเร็งร้าย
หากยังมีชีวิตรอดต่อไป ก็นับวันรอความพินาศของนรกได้เลย
เหนือสิ่งอื่นใด เลอราเฆ่ล่วงรู้อดีตและความจริงของนรก
เธอต้องรอดเพื่อให้ภารกิจเนื้อเรื่องลับเกิดขึ้นในอนาคต
“ข้าเองก็… เชื่อในพลังของกริด…”
เลอราเฆ่ยังไม่ลืม
วิชาดาบของกริดทำให้เธอต้องยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาป้องกัน
“จากบรรดามนุษย์มากมาย… เขาเป็นคนเดียวที่สามารถกระตุ้นสัญชาตญาณการเอาตัวรอดในตัวข้า… แต่นั่นยังไม่พอ… คามิคินอาจสูญเสียพลังไปหลายส่วน แต่ด้วยพรจากเซราทุล หล่อนจะกลายเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทาน… ไฟแห่งชีวิตของหล่อนจะลุกโชติช่วงโดยไม่ดับมอดจนกว่าโลกมนุษย์ถูกทำลาย… กริดเพียงลำพังคงมิอาจยับยั้งเธอได้…”
ดังนั้น ได้โปรดกลับไปเป็นพลังให้กริด…
เสียงของเลอราเฆ่หายไปกลางคัน
นั่นเพราะบาดแผลภายในแย่ลงจนลุกลามไปถึงกล่องเสียง การที่หัวใจยังเต้นอยู่ก็นับว่าอัศจรรย์มากแล้ว
“…”
ครอเกลและยูร่าลุกขึ้นยืน
พวกมันยืนหันหลังชนกันประหนึ่งกำลังคุ้มกันให้เลอราเฆ่
เหล่าอสูรที่สัมผัสกลิ่นอายความตายกำลังย่างกรายเข้ามา
พวกมันไม่ใช่บริวารของคามิคิน
ลูกน้องคามิคินซึ่งถูกสั่งให้คุ้มกันคลังวิญญาณ ปัจจุบันถูกกำจัดจนสิ้นซากไปนานแล้ว
“นายจะไม่… เสียใจภายหลังใช่ไหม…”
เป็นคำถามจากยูร่า
ครอเกลกำลังเผชิญทางแยกที่ยากจะตัดสินใจ
เดิมทีอริยดาบก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนรกอยู่แล้ว และเหนือสิ่งอื่นใด หากฝ่ายมนุษย์ได้รับชัยชนะในมหาสงคราม นั่นหมายความว่านรกจะไม่สามารถรังควานมนุษย์ไปได้อีกนาน
หากพิจารณาให้เป็นเหตุเป็นผล ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการฆ่าเลอราเฆ่ด้วยมือตัวเอง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ผลตอบแทนจากการสังหารจอมอสูรลำดับสิบจะยิ่งใหญ่เพียงใด
“ไฮยีน่าชั้นต่ำมีอยู่ทุกที่”
ครอเกลพึมพำ
เป็นถ้อยคำติเตียนฝูงอสูรที่เข้ามารุมทึ้งเลอราเฆ่ผู้กำลังจะตาย
คำตอบชัดเจนแล้ว
ชิ้ง!
ทั้งสองชักดาบออกมาถือในท่าหันหลังเข้าหากัน
พวกมันกลายเป็นปราการที่คอยปกป้องเลอราเฆ่
บรรดาปีศาจล้วนปราศจากความกลัว
เลอราเฆ่สูญเสียตำนานไร้พ่ายไปนานแล้ว
แทนที่จะให้ค่าความสำเร็จในการทำลายคลังวิญญาณคามิคิน บรรดาอสูรให้ความสนใจกับพฤติกรรมน่าสมเพชของเลอราเฆ่ที่ล่าถอยออกมาหลายครั้งมากกว่า
นั่นเพราะชื่อเสียงและความน่าเกรงขามของเลอราเฆ่ทั้งหมดถูกผูกไว้กับตำนานไร้พ่าย
บรรดาอสูรต่างหวาดกลัวเพราะเข้าใจว่าเธอไร้เทียมทาน
แต่ปัจจุบัน ความไร้เทียมทานดังกล่าวไม่หลงเหลืออีกต่อไป แถมเธอยังอยู่ในสภาพปางตาย เลอราเฆ่จึงเป็นไม่มากไปกว่าอาหารแสนโอชะ พวกมันไม่แยแสอริยดาบและนักล่าอสูรที่กำลังยืนขวางทางแม้แต่น้อย
เปรี้ยง!!
การต่อสู้อันดุเดือดเริ่มต้นขึ้น
ครอเกลและยูร่าตอบโต้กลุ่มอสูรที่กรูเข้ามาอย่างเข้มแข็งจนจำนวนของพวกมันลดลงไปมาก
แม้ด้านหลังกลุ่มอสูรจะยังมีกองทัพสัตว์อสูรอีกนับพัน แต่ยูร่าและครอเกลก็มิได้หวั่นไหว จิตใจพวกมันกระจ่างใสราวกับกระจกเงาที่ถูกขัด
“ข้าบอกให้… พวกเจ้า… กลับไป…”
เสียงเลอราเฆ่ที่เปล่งอย่างยากลำบากทีละคำ ดังกังวานเข้าไปในโสตประสาทคนทั้งสอง
“กริด… จะตาย… ไม่ได้…”
การที่เลอราเฆ่ไม่อยากให้กริดตาย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับความชื่นชอบส่วนตัว แต่เป็นเพราะกริดคือราชาโลหิต
ชายหนุ่มเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเหล่าทายาทเบริอาเช่และเป็นผู้เสียบมีดเข้าไปในหัวใจบาเอล
เลอราเฆ่ต้องการรักษากุญแจดอกนั้น
นั่นเพราะจุดประสงค์เพียงหนึ่งเดียวในชีวิตคือการแก้แค้นให้เบริอาเช่
แต่ยูร่าและครอเกลไม่ทราบเนื้อหาลับเหล่านี้
‘เขาแอบหว่านเสน่ห์ใส่จอมอสูรตั้งแต่ตอนไหน’
‘หมอนั่นจะเป็นเสือผู้หญิงในชีวิตจริงด้วยไหม…’
แม้คนทั้งสองจะเข้าใจผิด แต่ท่าทีก็ยังไม่แปรเปลี่ยน
พวกมันเชื่อใจกริดและยืนกรานที่จะปกป้องเลอราเฆ่ เป้าหมายคือการพาเธอกลับไปยังปราสาทผลึกดำ
ทันใดนั้น เบื้องหน้าของคนทั้งสอง
“ที่นี่ให้พวกเราจัดการเอง”
อสูรผิวแดง แกลนท์ ปรากฏกาย
หัวหน้ากิลด์โอเวอร์เกียร์สาขานรก
ผู้ดูแลปราสาทผลึกดำทำการเคลื่อนกองทัพมาสนับสนุนเจ้านาย
ในฐานะผู้ทำพันธสัญญากับยูร่า แกลนท์ไว้ใจได้เสมอ
เฉกเช่นซัคคิวบัสที่มันพามาด้วย พวกหล่อนเป็นบริวารของกริด การที่ชายหนุ่มไม่พาขึ้นไปบนโลกด้วยกัน เป็นเพราะไม่ว่าพวกหล่อนจะแต่งกายในชุดแบบใด ออร่าความลามกก็จะแผ่ออกมาอย่างท่วมท้นเสมอ
“พวกเราเจ๋งพอจะเก็บกวาดมดปลวกเหล่านี้”
อสูรที่เก่งกาจซึ่งเป็นทัพหน้าล้วนถูกยูร่ากับครอเกลสังหารไปแล้ว
นอกจากนั้น ในฐานะผู้ดูแลปราสาท แกลนท์ยังศึกษาคัมภีร์ที่ดันทาเลี่ยนเหลือทิ้งไว้ในปราสาทผลึกดำ
ส่วนหนึ่งเป็นงานที่ได้รับมอบหมายให้แปลความหมายจากภาษาอสูรเป็นภาษามนุษย์ ความรู้ที่สั่งสมในช่วงเวลาดังกล่าวช่วยยกระดับแกลนท์ขึ้นไปอีกขั้น เทียบไม่ได้เลยกับตอนที่เคยร้องขอชีวิตจากยูร่า
“ได้โปรด… ช่วยกริด…”
เลอราเฆ่ที่ถูกแกลนท์แบกขึ้นหลังหมดสติไปกลางคัน
เธอเป็นห่วงกริดจนวินาทีสุดท้าย
เป็นความห่วงใยที่ชวนให้ยูร่าและครอเกลเริ่มกังวล
‘คามิคินแข็งแกร่งขนาดไหนกัน…’
ในอดีต คามิคินเคยพ่ายแพ้ต่อบราฮัมและไคล์
แต่เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน คามิคินในช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีดวงวิญญาณตำนานคอยสนับสนุน และไม่มีพรจากยูดาห์เหมือนในปัจจุบัน
‘ทำไมเลอราเฆ่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้น… หรือว่าพรยูดาห์ที่คามิคินได้รับจะทรงพลังเป็นพิเศษ?’
ทั้งสองวิเคราะห์อย่างสมเหตุสมผลก่อนจะหันมามองหน้ากัน
เหนือสิ่งอื่นใด พวกมันไม่มีเหตุจำเป็นให้ต้องแช่อยู่ในนรกนานกว่านี้
แกลนท์ที่แบกเลอราเฆ่ไว้บนหลังสามารถตีฝ่าวงล้อมสัตว์อสูรออกไปอย่างง่ายดาย
และพวกมันก็ไม่มีเหตุผลที่จะสำรวจนรกในจุดที่เลอราเฆ่ปล่อยผ่าน บางทีอาจถึงเวลาต้องกลับโลกแล้วจริงๆ
เมื่อกลับมาถึง
“…เรานี่ช่างยุ่งไม่เข้าเรื่อง”
คามิคินใกล้ตายเต็มทีแล้ว
เจ็ดนาที สามสิบเอ็ดวินาที
กริดสามารถเชือดจอมอสูรลำดับสี่ผู้ได้รับพรจากยูดาห์ด้วยเวลาที่เป็นสถิติใหม่
ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า เลอราเฆ่ยังไม่รู้จักพลังที่แท้จริงของกริดดีพอ
‘นั่นสินะ เธอเป็นแค่จอมอสูรลำดับสิบ’
อาจแตกต่างออกไปในตอนที่พบกันครั้งแรก แต่กริดในปัจจุบันก้าวข้ามเลอราเฆ่มาไกลแล้ว
จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เลอราเฆ่จะมิอาจกะเกณฑ์ฝีมือกริด
บางที เลอราเฆ่อาจไม่เคยทราบว่ากริดคือสิ่งมีชีวิตที่สามารถถีบตัวเองอย่างก้าวกระโดดได้ในชั่วข้ามคืน
และนี่เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มบรรลุผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่
[เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ]
[เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ]
[เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น…]
เลเวลกริดเพิ่มขึ้นยี่สิบหกระดับ
หลอดค่าประสบการณ์ซึ่งเคยค้างไว้ที่เก้าสิบเปอร์เซ็นต์เมื่อครั้งสร้างดาบกูเซล ปัจจุบันกำลังส่องแสงแพรวพราวงดงามตระการตา
ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า ไม่มีใครเคยเห็นภาพนี้นอกจากกริด
สำหรับผู้เล่นทั่วไป หลอดค่าประสบการณ์จะค่อยๆ ถูกเติมเต็มอย่างเชื่องช้าผ่านการ ‘ฟาร์มมอน’
จริงอยู่ เลเวลของผู้สามารถเพิ่มขึ้นหลายระดับได้จากรางวัลภารกิจ
แต่นั่นก็แค่ ‘ไม่กี่’ เลเวล ไม่มากไปกว่าตัวเลขหลักเดียว
ประสบการณ์ถูกเลเวลถาโถมทีละ ‘หลายสิบ’ ถือเป็นอภิสิทธิ์ของกริดเพียงคนเดียวมาตั้งแต่ซาทิสฟายเปิดตัว
เป็นประสบการณ์ที่ไม่มีแชโบลคนใดเคยสัมผัส หรือแม้กระทั่งพ่อแม่กริดที่ได้สวมไอเท็มเกรดเลเจนดารีตั้งแต่เลเวลหนึ่ง แต่ค่าประสบการณ์ที่ได้รับจากการฆ่ามอนสเตอร์ข้ามเลเวลนั้นมีขีดจำกัด
มีเพียงการ ‘ล่าบอส’ เท่านั้นที่ปราศจากขีดจำกัดตรงนี้
ไม่ใช่เพราะบอสดังกล่าวมีระดับตัวตนสูงกว่า หรือเลเวลมากกว่า
แต่เป็นเพราะบอสเหล่านั้นคือส่วนสำคัญของเรื่องราวภูมิหลังซาทิสฟาย
คามิคินที่เพิ่งตายไปก็เช่นกัน
ดวงวิญญาณยอดวีรชนกว่าสามร้อยดวง รวมถึงวิญญาณอดีตตำนานอีกเก้าดวงล้วนถูกคามิคินจองจำ
วิญญาณยังคงมีอิทธิพลแม้จะตายไปแล้ว
จะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเขาเหล่านั้นได้รับอิสระ?
โลกจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ไม่มีใครจินตนาการออก
เฉกเช่นในตอนนี้
[ความตายของคามิคินช่วยให้ดวงวิญญาณอดีตตำนาน ‘ซีดาน’ ถูกปลดปล่อย]
[ซีดานรู้สึกขอบคุณท่าน และยินดีที่จะมอบข้อมูลล้ำค่าให้ท่าน]
[ภารกิจลับ <ตำนานห้าก้าว> ถูกสร้างขึ้น ของรางวัลภารกิจคือสมุดเปลี่ยนคลาสระดับตำนาน]
[ซีดานต้องทนทุกข์เป็นเวลานาน ตอนนี้เขาต้องการพักผ่อน แต่เนื่องจากเคยถูกจับขณะกำลังข้ามแม่น้ำคืนชีพ ซีดานจึงยังไม่วางใจว่าตนจะได้คืนชีพหรือไม่… แม้แต่คนที่ตายไปแล้วก็ไม่มีสิทธิ์ได้พักผ่อนหรือ?]
[ความตายของคามิคินช่วยให้ดวงวิญญาณอดีตตำนาน ‘ฮัคเซ่น’ ถูกปลดปล่อย]
[ฮัคเซ่นรู้สึกขอบคุณท่าน และยินดีที่จะมอบข้อมูลล้ำค่าให้ท่าน]
[ภารกิจลับ <หอคอยเวทมนตร์ที่ถูกลืม> ถูกสร้างขึ้น ของรางวัลภารกิจคือสมุดเปลี่ยนคลาสระดับตำนาน]
[ฮัคเซ่นประหลาดใจมากเมื่อได้เห็นบราฮัม กล่าวกันว่าบราฮัมในปัจจุบันคืออุดมคติที่ฮัคเซ่นเคยปรารถนา หากยังมีโอกาส ฮัคเซ่นต้องการอยู่บนโลกต่อไปเพื่อเฝ้ามองบราฮัม]
[ความตายของคามิคินช่วยให้ดวงวิญญาณอดีตตำนาน ‘ไฟโวล์ฟ’ ถูกปลดปล่อย]
[ไฟโวล์ฟรู้สึกขอบคุณท่าน และยินดีที่จะมอบข้อมูลล้ำค่าให้ท่าน]
[ภารกิจลับ <เหล็กที่อาบแสงจันทร์> ถูกสร้างขึ้น ของรางวัลภารกิจคือเหล็กแสงจันทร์]
[ไฟโวล์ฟเฝ้ามองโลกที่ปราศจากร่องรอยคนยักษ์ เพื่อให้ลืมความเหงาและเดียวดาย เขาปรารถนาการพักผ่อนอันเป็นนิรันดร์ อย่างไรก็ตาม เขายังคงหวาดกลัวแม่น้ำแห่งการคืนชีพ]
[วิญญาณของเหล่าวีรชนที่ถูกลืมรู้สึกขอบคุณท่าน ความทรงจำของพวกเขาสมัยยังชีวิตช่างเลือนราง ทุกคนเสียใจที่ไม่มีข้อมูลล้ำค่ามาบอกท่าน ดังนั้นหากเป็นไปได้ พวกเขาต้องการอยู่เคียงข้างท่านเพื่อตอบแทนบุญคุณด้วยการทำประโยชน์แม้เพียงเล็กน้อย]
ราชาวิญญาณ
ของรางวัลการโค่นบอสในคราวนี้มากมายเหนือจินตนาการกริด สมกับฉายาอันน่าสะพรึงของผู้ถูกโค่น
เรื่องราวในอดีตที่เคยสูญหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ถูกเปิดเผยอีกครั้ง
และผู้ที่ผูกขาดทุกสิ่งไว้คนเดียวคือกริด
ทั้งสมุดเปลี่ยนคลาสระดับตำนานและเหล็กแสงจันทร์ที่กล่าวกันว่าสาบสูญไปแล้ว
และยังไม่จบแค่นี้
[ภารกิจลับ <ผู้ปลดปล่อยดวงวิญญาณ> ถูกสร้างขึ้น]
<ผู้ปลดปล่อยดวงวิญญาณ>
ระดับความยาก:???
ตำนานที่ถูกจองจำในคลังวิญญาณของคามิคินมีมากมายกว่าที่ท่านทราบ
จงรวบรวมดวงวิญญาณทั้งหมดที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วนรก ท่านคือที่พึ่งพาเดียวของเหล่าดวงวิญญาณผู้หวาดกลัวแม่น้ำแห่งการคืนชีพ
จำนวนดวงวิญญาณตำนานที่ถูกปลดปล่อย: 3/9
จำนวนดวงวิญญาณวีรชนที่ถูกปลดปล่อย: 100/300
<เทคนิคของเทพโอเวอร์เกียร์กริด> นับรวมไปถึงทักษะ ‘บรรจุอีโก้’
ตามชื่อของมัน ทักษะดังกล่าวสามารถบรรจุอีโก้ลงในไอเท็ม เปลี่ยนให้ไอเท็มธรรมดากลายเป็นไอเท็มอีโก้
และแน่นอน ยิ่งอีโก้มีระดับสูงเพียงใด ประสิทธิภาพของไอเท็มก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว และยิ่งถ้าเงื่อนไขสอดคล้อง ไอเท็มดังกล่าวสามารถวิวัฒนาการกลายเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมกว่าอีโก้ไอเท็ม
สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในทักษะนี้คือดวงวิญญาณ
หรือกล่าวได้ว่า กริดเพิ่งได้ครอบครองทรัพยากรล้ำค่าจำนวนมหาศาล
นอกจากนั้น ทุกครั้งที่รวบรวมดวงวิญญาณอดีตตำนาน ชายหนุ่มจะได้รับภารกิจและรางวัลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่
‘…ก่อนอื่นก็ต้องเปลี่ยนให้สิบวีรชนฯ ทุกคนกลายเป็นตำนาน’
กิลด์โอเวอร์เกียร์จะต้องไร้เทียมทาน
ขณะกริดกำลังเปี่ยมไปด้วยความทะเยอทะยาน
ฉึบ
ประสาทสัมผัสเทียมของกริดถูกกระตุ้นโดยบางสิ่ง
Comments
Post a Comment