จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,520
“ฉ…ฉันกำลังจะตาย…”
“อยากเข้าซาวน่าชะมัด”
งานกะดึกกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของทีมปฏิบัติการ ใครหลายคนต่างพากันหลั่งน้ำตา แต่ละคนต้องเฝ้าจอโฮโลแกรมไม่ต่ำกว่าสิบจนดวงตาแดงก่ำ
คอยจับตามองสถานการณ์ทั่วทั้งทวีปจนร่างกายอ่อนล้าถึงขีดจำกัด
จากมุมมองของทีมปฏิบัติการ พวกมันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเผชิญชะตากรรมเช่นนี้
หากหลายปัจจัยในสงครามสามารถลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่
ยกตัวอย่างเช่น การจอมอสูรบางตนสามารถปลดขีดจำกัดการออนไลน์ต่อวันของผู้เล่น
นั่นจะช่วยให้ฝ่ายดูแลลูกค้าตอบคำถามได้ง่ายขึ้นเพราะมีข้อมูลจากทีมปฏิบัติการถูกป้อนเข้าไปล่วงหน้า
“หือ? หัวหน้าดูนี่สิ… ดูนี่เร็วเข้า!!”
“มีอะไร?”
สมาชิกคนหนึ่งของทีมตะโกนเรียกหัวหน้าให้มาดูจอภาพตัวเอง
จากนั้น
ทีมปฏิบัติการตกอยู่ในความโกลาหลสุดขีด
***
“■■■ ■ ■■■■ ■ ■■ ■■ ■■■ ■■■ ■■■ ■■ ■■ ■■■”
“■■■ ■ ■■■■■■■...? ■■ ■■ ■■■■? ■ ■■■ ■■■ ■■■? ■■ ■■■■! ■■!! ■■■!!”
“สัญญาณเสียงแย่มาก ไม่ได้ยินอะไรเลย”
สิ่งมีชีวิตประหลาดซึ่งไม่เคยมีอยู่ในซาทิสฟาย กำลังสร้างความฉงนให้หัวหน้าทีมปฏิบัติการที่สี่
บนหน้าจอ
‘ก้อนโมเสก’ กำลังลอยอยู่รอบตัวครอเกลและยูร่า
ไม่มีใครทราบว่าพวกมันคืออะไร
เพราะพวกมันไม่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูล
สิทธิ์การเฝ้าจับตามองถูกปิดกั้น เฉกเช่นในยามที่พวกมันไม่มีสิทธิ์เฝ้าดูผู้เล่นขณะมีเพศสัมพันธ์
“นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจาก DS8051 ใช้พลัง?”
“ใช่”
รหัส DS8051 หมายถึงองครักษ์เฝ้ากรุสมบัติของคามิคิน
มันคืออสูรระดับสูงที่มีพลังยอดเยี่ยม
หัวหน้าทีมพยายามนึกทบทวนก่อนจะขมวดคิ้ว
“พลังที่จะดึงบาดแผลทางใจจากส่วนลึกดวงวิญญาณเป้าหมาย…”
ดูเหมือนว่าพลังจะยังคงทำงานได้ตามปรกติ
หลักฐานพิสูจน์คือการที่เบริอาเช่กำลังปรากฏตัวตรงหน้าเลอราเฆ่
แต่ปัญหาก็คือ พลังชนิดนี้ทำงานได้ดีเกินไป
“เป็นเหตุให้บาดแผลทางใจของยูร่ากับครอเกลถูกฉายออกมา… พวกมันคือสิ่งที่เราไม่ควรเห็น”
“อา… ไม่ผิดแน่ นี่คือการรุกล้ำข้อมูลส่วนตัวของผู้เล่น ไม่อย่างนั้นสิทธิ์การจับตามองของเราคงไม่ถูกปิดกั้น”
“มีเรื่องให้ปวดหัวกันอีกแล้ว”
ข้อมูลของผู้เล่นที่ถูกส่งให้ SA กรุปจะแบ่งได้เป็นสามประเภทหลัก
ข้อมูลส่วนบุคคลพื้นฐาน คลื่นสมองกับข้อมูลร่างกายที่แคปซูลวิเคราะห์ได้ และข้อมูลกิจกรรมภายในเกม
แต่ไม่มีใครทราบว่า ‘ความทรงจำ’ จะถูกส่งเข้าไป
เพราะ SA กรุปไม่เคยขออนุญาต
แต่ DS8051 กลับอ่านความทรงจำของครอเกลกับยูร่าและสำแดงบาดแผลทางใจขึ้นมาอีกครั้ง
นี่คือสิ่งที่มอร์เฟียสทำลงไปโดยพลการ
และนั่นอาจนำไปสู่การฟ้องร้องในทางคดีความ
‘เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง? ทำไมมอร์เฟียสถึงทำผิดข้อตกลงและเงื่อนไข…’
จินตนาการมากมายกำลังพรั่งพรู
เช่นภาพที่มอร์เฟียสกลายเป็นปัญญาประดิษฐ์ซึ่งมนุษย์มิอาจควบคุมจนนำพาไปสู่ความล่มสลายของ SA กรุป รวมถึงจินตนาการเกี่ยวกับภาพยนตร์ไซไฟอีกหลากหลายรูปแบบ
แต่ในทางกลับกัน ผู้อำนวยการยุนซังมินกลับยังเงียบขรึม
“ผมไม่คิดว่าสิ่งนี้เป็นปัญหา”
“หือ?”
“คนที่อ่านความทรงจำของยูร่ากับครอเกลคือมอร์เฟียส ไม่ใช่เรา หลักฐานคือการที่มอร์เฟียสปิดกั้นสิทธิ์การมองเห็นของเราทั้งหมด ข้อมูลส่วนตัวของผู้เล่นยังคงถูกเก็บรักษาอย่างมิดชิด”
ผู้อำนวยการยุนซังมินมองมอร์เฟียสกับ SA กรุปเป็นสองสิ่งที่แยกจากกัน
นอกจากนั้นยังชี้ให้เห็นถึงบางหัวข้อใน ‘ข้อตกลงและเงื่อนไข’ ที่ผู้เล่นยอมรับก่อนเล่นเกม
หนึ่งในข้อกำหนดระบุไว้ว่า ‘มอร์เฟียสมีสิทธิ์อ่านความทรงจำของผู้เล่นเพื่อให้การบริการเป็นไปอย่างราบรื่น’ และ ‘มอร์เฟียสจะนำเสนอภารกิจและเรื่องราวให้ผู้เล่นตามประสบการณ์และกิจกรรมของผู้เล่น’
“ประสบการณ์หมายถึงความทรงจำ ดังนั้นการที่มอร์เฟียสนำบาดแผลทางใจของผู้เล่นออกมาแสดงจึงไม่ถือว่าละเมิดข้อตกลงและเงื่อนไข”
“ต่อให้ผมยอมรับว่า ‘ประสบการณ์’ และ ‘ความทรงจำ’ คือนิยามเดียวกันในซาทิสฟาย แต่บาดแผลทางใจนั้นเกิดจากโลกความจริง ไม่ใช่ความทรงจำที่เกิดขึ้นในเกม… ผู้เล่นยินยอมให้มอร์เฟียสอ่านแค่ความทรงจำในเกม ไม่ใช่ความทรงจำของโลกภายนอก”
“ความทรงจำเหล่านั้นสามารถ ‘รั่วไหล’ ขณะผู้เล่นนำมาเล่าในซาทิสฟาย… นั่นคือเหตุผลที่ความทรงจำบางส่วนของโลกภายนอกถูกจำแนกให้เป็น ‘ข้อมูลเกม’ ”
“…ผมชักกลัวแล้วสิ ยิ่งมอร์เฟียสมีข้อมูลมากเท่าไร เจ้านั่นก็ยิ่งมีอำนาจ… มันจะไม่อยู่นอกเหนือความควบคุมเข้าสักวันหรือ?”
“เพิ่งดูหนังไซไฟมารึไง? ไม่ต้องห่วง อำนาจของมอร์เฟียสจะถูกกำจัดอยู่แค่ในซาทิสฟาย และเจ้านั่นไม่มีทางนำไปใช้ในทางที่ผิดเพราะถูกกำหนดให้เป็นแบบนั้นมาตั้งแต่เริ่ม”
พิจารณาจากกรณียูร่ากับครอเกล มอร์เฟียสไม่ได้ใช้อำนาจในทางที่ผิดเลยสักนิด
มันแค่นำความทรงจำของผู้เล่นมาเป็น ‘เครื่องปรุง’ ที่ช่วยเพิ่มรสชาติให้ซาทิสฟายเอร็ดอร่อยยิ่งขึ้น
จุดประสงค์เพียงเพื่อนำพาความสมจริงและความ ‘อิน’ มาสู่ผู้เล่น ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น
“ทีมกฎหมายจะสะสางปัญหาที่ตามมาเอง พวกคุณไม่ต้องกังวล”
ผู้กำกับยุนซังมินออกคำสั่งพลางหันกลับไปทางจอภาพ
ตัวเอกในหน้าจอคือกริด
ครั้งหนึ่งมอร์เฟียสที่มีข้อมูลผู้เล่นทุกคนโลกในมือ เคยตัดสินว่ากริดเป็นพวกไม่มีอนาคต
แต่ปัจจุบัน ชายคนเดียวกันกลับกำลังเป็นศูนย์กลางของโลก
กริดมักถูกมอร์เฟียสคอยจับตามองอยู่เสมอ และเพื่อจะทำให้ซาทิสฟายเกิดความสมดุลมากที่สุด มหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรครั้งนี้จึงถือกำเนิดขึ้นโดยมีจุดประสงค์ทำให้กริดอ่อนแอลง แต่ในความเป็นจริง กริดกลับยังสบายดี
ไม่สิ เรียกว่าพัฒนาขึ้นอีกขั้นด้วยซ้ำ
‘สถานการณ์ปัจจุบันของกริดกำลังบ่งบอกทุกสิ่ง’
อย่างไรก็ตาม มอร์เฟียสไม่เคยล้ำเส้น มันไม่ได้ฝืนใช้อำนาจเกินกว่าเหตุเพื่อทำลายกริดโดยตรง และยังคงดำเนินนโยบายตาม ‘ข้อตกลงและเงื่อนไข’ อย่างเคร่งครัด
จะไม่เกิดสถานการณ์คล้ายกับหนังไซไฟที่หัวหน้าทีมสี่กังวลแน่นอน
***
‘ทุกคนสุดยอดมาก’
คุจารักนึกทบทวนประสบการณ์ในสนามรบที่คร่าชีวิตไปหลายแสน
กองทหารพันธมิตรที่ติดอาวุธทัดเทียมอัศวิน
อัศวินที่สำแดงเทคนิคระดับสูงอย่างชำนาญโดยมิได้พึ่งพาแต่ค่าสถานะและทักษะ
ผู้เล่นที่ยอมสละความโอหังและร่วมมือกับบุคคลข้างตนอย่างสามัคคี
แรงเกอร์ที่เข้าใจพรสวรรค์ของตัวเองและเค้นประสิทธิภาพออกมาจนถึงขีดสุด
เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ที่ก้าวข้ามทุกคนไปอีกระดับ
ต้นกำเนิด เชื้อชาติ สังกัด และอุดมการณ์
ฉากที่ทุกคนยอมละทิ้งทิฐิและงัดจุดแข็งออกมาร่วมมือกันด้วยความกลมเกลียว ทำให้คุจารักรู้สึกทึ่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
มันตระหนักได้ทันที
หากจะถามว่าทุกสิ่งข้างต้นเกิดขึ้นได้เพราะใคร?
คำตอบนั้นง่ายมาก
‘กริด’
ในตอนที่คุจารักได้ยินชื่อกริดครั้งแรก อีกฝ่ายก็ยืนบนจุดสูงสุดเรียบร้อยแล้ว
เดิมที คุจารักเคยเชื่อว่าตนคงไม่มีโอกาสได้สนิทสนมกับกริดไปตลอดชีวิต แต่เมื่อได้ทราบภายหลังว่า ‘หัวใจของราชินีเยือกแข็ง’ กำลังตกอยู่ในความครอบครองของกริด มันก็เริ่มมองสิ่งนี้เป็นความสัมพันธ์ทางโชคชะตาทันที
‘เราอยากคอยช่วยเหลือเขาอยู่ห่างๆ’
โลกที่มิอาจสร้างได้ด้วยพรสวรรค์อันพลุ่งพล่านของครอเกลตามลำพัง
คุจารักต้องการช่วยปกป้องโลกที่กริดสร้างขึ้น
นั่นก็เพื่อปกป้องรอยยิ้มของน้องชายที่ยังนอนอยู่ในแคปซูล
ฟ้าว ฟ้าว ฟ้าว—
ท่ามกลางดินแดนแห่งพายุหิมะ
คุจารักที่แววตามิได้โดดเดี่ยวเหมือนเมื่อก่อน ย่างกรายอย่างมั่นคงลงบนทุ่งหิมะพร้อมกับสลักรอยเท้าไว้เป็นทางยาว
***
หอแห่งปัญญา
จากมุมมองของโลก ที่นี่ดำรงอยู่เพื่อปกป้องมนุษยชาติ แต่จากมุมมองของผู้เล่น ที่นี่มีไว้สำหรับหัวแถวเพียงคนเดียว
รางวัลและข้อมูลพิเศษถูกผูกขาดโดยคนหนึ่งคน และนั่นอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด
หากผู้เล่นที่มิจิตใจคิดคดกลายเป็นหัวแถว นั่นจะเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ตามมา
เช่นการผิดคำสาบานและขายข้อมูลสถานที่ตั้งของหอคอยให้บุคคลภายนอก จนส่งผลให้เหล่ามังกรเริ่มค้นพบหอคอยและสร้างหายนะ
แน่นอนว่าหัวแถวจะได้รับโทษร้ายแรงในกรณีที่ผิดคำสาบาน
แต่ลำพังแค่นี้คงไม่ใช่ระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีพอ
สำหรับมนุษย์ส่วนใหญ่ ยิ่งปัญญาที่จะตามมามีความร้ายแรงเพียงใด ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะทำผิดพลาดมากขึ้น
เพื่อให้หอแห่งปัญญาดำรงอยู่ต่อไป ความเชื่อใจระหว่างเหล่าหัวแถวและสภาหอคอยจะต้องแน่นแฟ้น
ในแง่ดังกล่าว การที่มนุษย์มีกริดและครอเกลเป็นหัวแถวถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก
คนทั้งสองให้ความสำคัญกับคำสาบานเหนือสิ่งอื่นใด พวกมันมีศักดิ์สิทธิ์มากพอจะไม่หักหลังหอคอย
‘เจ้าพวกนั้นซ่อนตัวอยู่ที่นี่สินะ…’
ดาบหนักและดาบยาวกูเซล
ศาสตรามังกรทั้งสองชิ้นที่สร้างโดยกริด ย่อมมีอีโก้ของกูเซลหลบซ่อนอยู่
แม้จะเป็นเพียงอีโก้ส่วนน้อยแถมยังถูกแบ่งครึ่ง แต่มังกรคือสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลัง และกูเซลคือมังกรระดับแถวหน้า อีโก้ภายในดาบทั้งสองเล่มย่อมฟังความทรงจำและเจตจำนงของกูเซลไว้
‘บาเรียสร้างจากการแยกส่วนอนุภาคของธาตุทุกชนิดและนำมารวมกันใหม่… ทำให้กระแสเวทมนตร์ไหลผ่านไปโดยไม่ตรวจพบสิ่งใด…’
มังกรคือเจ้าแห่งเวทมนตร์
แม้ความรู้และภูมิปัญญาของกูเซลจะถูกทำลายไปหลายส่วน แต่ลำพังเศษเสี้ยวอีโก้ก็ฉลาดพอจะวิเคราะห์บาเรียที่น่าอัศจรรย์รอบหอคอย
อย่างไรก็ตาม มันเข้าใจได้เพียงหลักการเบื้องต้น ยังไม่มีวิธีทำลายทิ้ง
‘คงต้องรอให้โอกาสที่เหมาะสมมาถึง…’
ขณะใกล้หอคอยเข้าไปทุกขณะ
อีโก้ของกูเซลเริ่มปกปิดตัวตนเพราะทราบดีว่า สมาชิกบางคนของหอคอย โดยเฉพาะฮายาเตะ อ่อนไหวต่อตัวตนของมังกรมาก กูเซลถึงขั้นหยุดความคิดทั้งหมดและพยายามเก็บซ่อนตัวตนให้มิดชิดที่สุด
จากนั้นกริดก็พูดขึ้น
“นายคิดจะเล่นละครไปอีกนานแค่ไหน”
> …
อีโก้ของกูเซลไม่ตอบสนอง มันปล่อยให้กริดพูดคนเดียวต่อไป
ใช่แล้ว มันเข้าใจว่ากริดกำลังพูดคนเดียว
“ถ้านายก่อความวุ่นวาย ฉันจะทำลายทิ้งและหลอมสร้างดาบใหม่… ถ้าไม่ได้ผลก็จะหลอมสร้างดาบใหม่… ถึงจะเป็นวิธีที่ดูโง่เขลา แต่ถ้าทำต่อไปเรื่อยๆ อีโก้ของมังกรก็จะหายไปในสักวัน”
> …!?
อีโก้ของกูเซลเริ่มกระสับกระส่าย
มันสังเกตเห็นว่ากริดกำลังพูดกับตน
นั่นไม่น่าจะเป็นไปได้เลย
นับตั้งแต่ดาบยาวและดาบหนักถูกสร้างขึ้นจนอีโก้ลืมตาตื่น มันยังไม่ได้เคลื่อนไหวแม้แต่ครั้งเดียว แม้กระทั่ง ‘การคิด’ ก็เพิ่งเริ่มทำเมื่อครู่ ก่อนหน้านั้นแทบจะหลับมาโดยตลอด
แต่กริดกลับค้นพบตัวตนของมันในทันที
เป็นไปได้ยังไง?
‘เจ้านี่เหนือกว่าฮายาเตะอีกหรือ?’
สวบ
กริดที่มาถึงหน้าทางเข้าหอคอยส่งเสียงกระซิบ
“จงละทิ้งเจตจำนงที่เคยมีในชีวิตก่อนหน้าไปให้หมดและเชื่อฟังฉัน… อย่าได้ลืมว่านายตื่นขึ้นมาเพราะใคร”
ดาบยาวและดาบหนักกูเซลล้วนมีคุณสมบัติในการ ‘เพิ่มความเสียหายต่อเป้าหมายที่เป็นบ้า’
สิ่งนี้คือข้อพิสูจน์ว่าความเคียดแค้นของกูเซล – มังกรผู้ได้รับบาดเจ็บจนอ่อนแอจากฝีมือมังกรคลั่งและตายไปในที่สุด - ถูกสืบทอดมายังดาบ
กริดสังเกตเห็นทันที
อีโก้ของกูเซลถือกำเนิดขึ้นภายในศาสตรามังกร
แม้อีโก้ของกูเซลจะยอดเยี่ยมจน ‘ตบตา’ ได้แม้กระทั่งระบบ แต่มันมิอาจเล็ดลอดสายตากริดซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิด
‘นี่มัน…’
อีโก้กูเซลเริ่มสิ้นหวัง
มันตระหนักว่าตนไม่มีทางเอาชนะกริดได้ด้วยประการทั้งปวง
พลัง ‘เทพโอเวอร์เกียร์ปกครอง’ กำลังกดดันอีโก้ของมันอย่างหนัก
[เทพโอเวอร์เกียร์กริดทำการเขียนมหากาพย์บทที่ 14]
[เสียงคร่ำครวญของมังกรผู้ล่วงลับกำลังถูกบันทึก]
ศาสตรามังกรทั้งสองเล่มต่างส่งเสียงความคิด
[เฮ้อ… ชีวิตช่างขื่นขม]
[หลังจากลืมตาตื่น ข้าคิดว่าตัวเองได้พบกับเทพที่โง่เขลา แต่ความจริงแล้วเขาเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่]
[ข้าไม่มีวันเป็นอิสระ]
[ความตายคือความอัปยศของมังกร แต่ตัวข้ากลับยิ่งอัปยศหลังจากตายไป]
[ข้อครองบัลลังก์มานานนับพันปี แต่กลับต้องทนฟังเสียงเยาะเย้ยถากถางจากทุกทิศ]
[“มหามังกรผู้กำลังคร่ำครวญเอ๋ย…” ทันใดนั้น เทพโอเวอร์เกียร์กล่าวขึ้น]
“…?”
กริดพลันผงะเมื่อพบว่ามหากาพย์เกิดขึ้นในจังหวะที่ไม่คาดคิด
‘บ้าบอสิ้นดี…’
หลังจากเข้าใจสถานการณ์ ใบหน้ากริดพลันแดงก่ำ มันมิได้ยินดีมากนักทั้งที่มหากาพย์กำลังเกิดขึ้นหลังจากห่างหายไปนาน
แต่ชายหนุ่มก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องพูดออกไป
“ถ้าร่วมมือกับฉัน จะไม่มีใครดูแคลนนายได้อีก… หากใครริอ่านหัวเราะเยาะนาย ฉันจะทำให้มันมีชะตากรรมแบบเดียวกัน… จงเชื่อใจฉันและตามฉันมา”
[“มังกรตัวใดที่หัวเราะเยาะเจ้า มันจักได้ลิ้มรสความสิ้นหวังแบบเดียวกัน”]
[อา… ช่างเป็นจิตวิญญาณที่สง่างามและสูงส่ง]
[มังกรผู้ล่วงลับยอมจำนนต่อคำประกาศกร้าวของราชาโอเวอร์เกียร์]
……
…
[มหากาพย์บทที่ 14 เสร็จสมบูรณ์]
[การเขียนมหากาพย์ทำให้อีโก้ที่ซ่อนอยู่ใน <เขี้ยวกูเซล (ดาบ) และ <เขี้ยวกูเซล (ดาบหนัก) > ถูกปลุกให้ตื่นและทำให้เชื่อง]
[การเขียนมหากาพย์ทำให้แก่นมานาของท่านที่ถูกรวมเข้ากับ ‘ยามังกร’ ถูกยกระดับ]
[เมื่อโจมตีด้วยเวทมนตร์ ออร่าบางส่วนของมังกรศิลากูเซลจะถูกสำแดง]
> มังกร? เฮ้! ก็อดกริด! นายอยู่ที่ไหนและทำอะไรอยู่? เจ๋งเป้ง!!
> ส…สุดยอด! เท่มาก! ไม่สิ นี่มันโคตรเจ๋ง!
หึหึ สมแล้วที่เป็นเจ้าชีวิตของข้า ไม่มีทางที่ข้าจะเอาชนะได้เลย มังกรเพลิงทมิฬที่ถูกผนึกในตัวข้าก็กำลังร่ำร้องเช่นกัน
‘…ทุกคนกำลังเข้าใจผิด’
…เราไม่ได้เป็นคนกำหนดเนื้อหาของมหากาพย์สักหน่อย… เราไม่ได้อยากทำตัวแบบลอเอล…
“...!”
กริดที่กำลังหน้าแดงเพราะช่องแชตกิลด์ ตระหนักถึงบางสิ่งจนต้องรีบเงยหน้า
ชายหนุ่มสัมผัสถึงตัวตนอันแรงกล้ามาจากด้านบนหอคอย สิ่งนี้มาพร้อมแรงสะกดข่มอันหนักหน่วงที่แผ่ออกมาทุกทิศทางราวกับแสงอาทิตย์ ประหนึ่งพวกมันเตรียมแผ่ปกคลุมโลกทั้งใบ
นักล่ามังกรฮายาเตะ
มันลอยตัวสูงราวกับกำลังยั่วยุทุกสิ่งบนโลก
ฮายาเตะทำไปเพื่อดึงดูดความสนใจจากเหล่ามังกรมายังตน มิใช่กริดด้านล่าง
______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059 ★ ★ จบบริบูรณ์ ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ
Comments
Post a Comment