จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,331
การล่าบอสซึ่งมอบความรู้สึกยาวนานเป็นพิเศษ ในที่สุดก็จบลงด้วยความสำเร็จ
ยูร่าฉีกยิ้มกว้างพลางแบ่งปันความสุขกับกริด จากนั้นก็ทิ้งตัวนั่ง
อาการอ่อนเพลียทางจิตไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เหตุการณ์ชวนให้ตึงเครียดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและยาวนานจนสภาพจิตใจของหญิงสาวอยู่ในระดับต่ำกว่ามาตรฐาน
แต่เหนือสิ่งอื่นใด ยูร่ากำลังเป็นห่วงกริดที่ต้องสู้กับมาโชซิอัสตามลำพังตั้งแต่ต้นจนจบ
‘…หรือว่าเราควรทำตัวน่ารัก ๆ เพื่อให้เขาอารมณ์ดี?’
หญิงสาวซุ่มฝึกทำท่าทางน่ารักอยู่นาน เพื่อเตรียมรับมือเหตุการณ์ทำนองนี้โดยเฉพาะ
แต่เมื่อถึงเวลาจริง เธอกลับประหม่าจนเกิดความลังเล
“…?”
ขณะทำแก้มป่องเพื่อเตรียมใจ ยูร่าหันไปมองกริดด้วยสีหน้าสุดฉงน เนื่องจากชายหนุ่มยังคงทำตัวผ่อนคลายตามปรกติ ปราศจากท่าทางอ่อนเพลีย คล้ายกับคนที่กำลังสดชื่นหลังจากตื่นนอน
สิ่งนี้มิใช่เรื่องแปลก สภาพจิตใจของกริดยอดเยี่ยมกว่าใครเสมอ แม้กระทั่งในยามที่ยังเป็นเพียงคลาสนักรบเลเวล 73 สุดอ่อนแอ
ชายหนุ่มเคยหลงทางหนแล้วหนเล่าขณะพยายามตามหาถ้ำสุดเขตแดนเหนือ และไม่คิดล้มเลิกภารกิจกลางคันแม้จะตายไปหลายสิบหน
ไม่ว่าจะเป็นงานที่ยากสักเพียงใด แต่พลังใจของชายหนุ่มจะพื้นตัวอย่างรวดเร็วหากผลลัพธ์ออกมาประสบความสำเร็จ
และถึงจะล้มเหลวก็มิได้จมปลักอยู่กับความเศร้านานนัก
‘ไม่ได้รู้สึกดีแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว?’
กริดกำลังยิ้มแฉ่ง
มาโชซิอัสเป็นศัตรูที่สามารถทนรับท่าไม้ตายได้ครั้งแล้วครั้งเล่า และยังสามารถอัญเชิญสัตว์อสูรนับแสนมาแจก EXP เพื่อส่งเสริมให้ระบบบรรลุเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เรียกได้ว่า ไม่มีกระสอบทรายใดจะตรงตามอุดมคติของกริดไปมากเท่านี้อีกแล้ว
‘ไอเท็มดรอปก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน’
สิ่งที่มาโชซิอัสดรอปก็คือ <โล่ที่ถูกสาปหิน> ไม่เพียงพลังป้องกันจะสูงมาก แต่ยังมีเอฟเฟคทำให้ร่างกายส่วนหนึ่งของผู้ถือกลายเป็นหิน เพิ่มพลังป้องกันในบริเวณนั้นเป็นเปอร์เซ็นต์
เหนือสิ่งอื่นใด หากหันโล่เข้าหาเป้าหมาย มีโอกาสสูงที่จะทำให้ศัตรูถูกสาปเป็นหิน จึงไม่เกินจริงไปนักหากจะขนานนามมันว่า อาวุธและโล่ที่แข็งแกร่งที่สุด
‘คุณภาพสูงสมกับเป็นไอเท็มดรอปจากจอมอสูร’
กริดต้องการนำโล่นี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์
บางที… คงต้องหาเวลาฝึกฝนวิธีใช้โล่ให้ชำนาญ…
‘อันที่จริง แค่รู้ว่าเซตแสงศักดิ์สิทธิ์ถูกอัปเกรดเราก็ดีใจมากแล้ว… ยิ่งดรอปโล่นี้มาเพิ่ม เรายิ่งดีใจจนพูดไม่ออก’
เนื่องจากกริดยอมรับแพ็กม่าในฐานะวีรบุรุษ ตำนานลับ ๆ ของแพ็กม่าจึงถูกเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง ส่งผลให้ผลงานทั้งหมดของแพ็กม่าทุกชิ้นถูกอัปเกรดหนึ่งขั้น
ไม่ต้องดูที่ไหนไกล ปืนวิศวกรรมเวทมนตร์ของยูร่าทรงพลังขึ้นชนิดที่เมื่อก่อนเทียบไม่ติด
ขณะกริดอมยิ้มด้วยสีหน้าพึงพอใจ ข้อความหนึ่งปรากฏตรงมุมสายตา
ข้อความโลก
[จอมอสูรลำดับ 29 มาโชซิอัส ถูกสังหารในนรก]
เหตุผลที่ต้องเน้นหนักคำว่า ‘ในนรก’ นั้นง่ายมาก
แม้กระทั่งอริยดาบมุลเลอร์ก็ไม่เคยฆ่าจอมอสูรในนรกสักครั้งเดียว
หากไม่นับนักล่าอสูรอเล็กซ์ นี่คือหนแรกที่มนุษย์สามารถโค่นจอมอสูรในนรกสำเร็จ
[เป็นความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ของราชาโอเวอร์เกียร์ กริด ดวงประทีปแห่งมวลมนุษย์]
[ผลงานของเขาทำให้ศัตรูในนรกเกิดความหวาดผวา วีรกรรมครั้งนี้สมควรได้รับการสรรเสริญจากมนุษย์ทุกคนบนโลก]
เมื่อข้อความโลกจบลง
[เชื่อเสียงระดับทวีปเพิ่มขึ้น 1,000,000 แต้ม]
ดวงตาชายหนุ่มพลันเบิกกว้างเมื่อได้เห็นค่าชื่อเสียงจำนวนมหาศาลถูกเพิ่มเข้ามา เป็นปริมาณที่มากกว่าชื่อเสียงซึ่งกริดเคยสั่งสมมาตลอดชีวิตถึงสามเท่า
‘ถ้าเพิ่มมาหนึ่งล้าน… แปลว่าสามารถสุ่มรางวัลได้ 1,001 ครั้ง!’
ไม่ว่ามือของตนจะอัปมงคลสักเพียงใด แต่การเสี่ยงโชคพันครั้งย่อมไม่มีทางจบลงด้วยมือเปล่า
กริดไตร่ตรองสักพัก ก่อนจะส่ายหน้า
‘ไม่ได้… ห้ามเสี่ยงดวงเด็ดขาด’
หากหลงเข้าไปในวังวนการพนันเมื่อไร ชีวิตจะมีเพียงความทุกข์ระทมรออยู่
การคาดหวังรางวัลใหญ่ซึ่งมีโอกาสออกเพียง 1% 0.1% หรือ 0.0001% นั้นไม่ต่างอะไรกับการนั่งรถไฟความเร็วสูงดิ่งลงไปในหุบเหวแห่งความหดหู่
กริดขจัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปอย่างเด็ดขาด พลางทบทวนความทรงจำในอดีต
‘ถ้าจำไม่ผิด… มีข่าวลือว่าร้านค้าชื่อเสียงเพิ่มไอเท็มใหม่เข้ามา’
ด้วยกระเป๋าสตางค์ที่บวมพองเช่นนี้ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะราคาสูงเพียงใด แต่ตนสามารถซื้อได้ทันทีแน่
กริดรีบเปิดร้านค้าชื่อเสียงด้วยสีหน้าคาดหวัง แต่น่าเสียดายที่ในนรกไม่เปิดให้ใช้งานระบบนี้
[ท่านมิอาจอัญเชิญราชรถทองคำในดินแดนปัจจุบัน]
“คงต้องเลื่อนออกไปก่อนสินะ”
กริดที่ผิดหวังเล็ก ๆ หันมาจ้องยูร่า
ตนสามารถโค่นมาโชซิอัสลงได้เพราะมียูร่าคอยสนับสนุนอย่างใกล้ชิด
ชายหนุ่มรู้สึกหดหู่ที่ข้อความโลกกล่าวถึงเพียงตน
ยูร่าผู้อ่านความกังวลใจออก กล่าวกลับไปอย่างอ่อนโยน
“นักล่าอสูรมีหน้าที่ต้องปราบจอมอสูรอยู่แล้ว ความสำเร็จครั้งนี้ทำให้ฉันได้รับค่าสถานะเพิ่มขึ้นจากเดิมมาก รวมไปถึงทักษะชนิดใหม่”
เฉกเช่นที่กริดโค่นมาโชซิอัสได้เพราะยูร่า ยูร่าสามารถโค่นมาโชซิอัสได้เพราะกริด เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้หญิงสาวเคลียร์หนึ่งในสามสิบภารกิจประจำคลาสแสนโหดหินลงได้
ได้ยินเช่นนั้น กริดรู้สึกเหมือนถูกชกเข้าเบ้าตาอย่างจัง
‘ทั้งที่เธอต้องทำภารกิจฆ่าบอส… แต่เรากลับเห็นแก่ตัวและพยายามล่าบอสตามลำพัง’
ในอนาคต เราต้องเรียกยูร่ามาช่วยล่าจอมอสูรทุกครั้ง…
ขณะกริดสาบานกับตัวเองหนักแน่น ยูร่าส่ายศีรษะ
“นายไม่จำเป็นต้องกังวลแทนฉัน ตามปรกติแล้ว ตำแหน่งของจอมอสูรจะว่างลงไม่นาน ถึงนายจะฆ่ามาโชซิอัสได้ตามลำพัง แต่ก็จะมีจอมอสูรลำดับ 29 ตนใหม่ถือกำเนิดขึ้นแทนอยู่ดี”
ขณะเดียวกัน บรรยากาศภายในนรกขุม 29 เริ่มปั่นป่วน
กองทัพปีศาจที่ยังรอดชีวิตต่างมองหาผู้นำคนใหม่และจับกลุ่มรวมตัว แต่ละกลุ่มนำโดยอสูรผู้ท้าชิงตำแหน่งจอมอสูร เป้าหมายเดียวคือการแก่งแย่งชิงบัลลังก์ที่ยังว่างอยู่
“ตำแหน่งต้องเป็นของข้า!”
กลุ่มอสูรที่มีทรงเขาและสีผิวแตกต่างกัน เริ่มปะทะตามจุดต่าง ๆ ภายในนรกขุมที่ 29
แต่กลุ่มอสูรที่อยู่ใกล้กริดกับยูร่า เลิกทะเลาะกันเองชั่วคราวและหันมารุมมนุษย์สองคนแทน
“งานหนักอยู่นะ…”
ค่าเรี่ยวแรงและอาการอ่อนเพลียทางจิตถือเป็นคนละส่วนกัน
ตรงข้ามกับอารมณ์ยิ้มแย้มแจ่มใส กริดซึ่งแทบไม่เหลือเรี่ยวแรง ยากจะขจัดกลุ่มอสูรจำนวนมากตรงหน้าที่กำลังกรูเข้าใส่
เหนือสิ่งอื่นใด ทักษะสำคัญของทั้งคู่ล้วนอยู่ในระยะหน่วง การดิ้นรนเอาตัวรอดจึงเป็นเรื่องยาก
ขณะชายหนุ่มและหญิงสาวเริ่มถูกผลักให้ถอยหลังทีละนิด แกลนท์ผิวแดงปรากฏตัวขึ้นตรงกลางระหว่างคนทั้งสอง
“ทำไมถึงไม่บอกเขาไปตรง ๆ? ภารกิจของเจ้าคือการกวาดล้างจอมอสูรทุกตัวไม่ใช่หรือ?”
อสูรที่มีอายุยืนยาวนับพันปี
จากบรรดาอสูรมากมาย มีเพียงหยิบมือที่อายุขัยยาวนานเช่นนี้ และเหตุผลก็ไม่ซับซ้อน
แกลนท์แข็งแกร่งมาก
มันระเบิดคลื่นสายฟ้าสีแดงออกไปทุกทิศทาง
ขณะยืนจ้องเหล่าอสูรที่กำลังฉงน แกลนท์กล่าวต่อ
“นี่กริด… ทุกครั้งที่เจ้าล่าจอมอสูร อย่าลืมพาเจ้านายข้าไปด้วย หากหล่อนพลาดตนใดไป ต้องรอนานไม่ต่ำกว่าร้อยปีจึงจะมีจอมอสูรตนใหม่ดำรงตำแหน่งแทน อายุขัยของมนุษย์คงไม่ยาวนานขนาดนั้นกระมัง?”
แกลนท์โพล่งความจริงที่ยูร่าพยายามปกปิดเพียงเพราะเธอไม่อยากฉุดรั้งกริด
ขณะยูร่าจ้องแกลนท์ด้วยสายตาไม่พอใจ กริดวางมือลงบนไหล่หญิงสาวอย่างอ่อนโยน
“ไม่ต้องห่วง ฉันมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่กับยูร่า”
ชายหนุ่มตระหนักดีว่า ตนเพียงลำพังมิอาจเอาชนะมาโชซิอัสได้ ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงจอมอสูรที่แข็งแกร่งกว่ามาโชซิอัส ยูร่าจำเป็นต่อกริดมากหากชายหนุ่มหวังกวาดล้างนรกอย่างจริงจัง
เพียงเพราะต้องการวัดฝีมือระหว่างตนและอีกฝ่ายให้แน่ใจ กริดจึงอยากดวลกับมาโชซิอัสตามลำพังในตอนแรก มิได้คิดกอบโกยผลประโยชน์เข้าตัวแต่อย่างใด และไม่มีเหตุผลให้ต้องดื้อรั้นโซโล่บอสที่ตนมองว่าไม่มีทางเอาชนะได้ตามลำพัง
“ฉันเองก็มีความสุขเหมือนกัน”
ประหนึ่งบุปผากำลังบานสะพรั่งในขุมนรก รอยยิ้มยูร่ากำลังผลิบานด้วยความสุข
จากนั้น หญิงสาวเปิดใช้พลัง ‘สยบขุมนรก’ ‘ทำลายดินแดน’ และ ‘ชำระล้างขุมนรก’
นรกขุม 29 ซึ่งสูญเสียผู้ปกครอง มิอาจต้านทานพลังอำนาจอันล้นพ้นของนักล่าอสูร พลังอสูรจึงเริ่มเสื่อมถอยอย่างรวดเร็ว
“บ้าจริง! ช้าไปแค่ก้าวเดียว!”
“ไอ้ระยำแกลนท์! เล่นสกปรก! ขึ้นสวรรค์ไปซะไอ้ขี้หมา!”
นรกที่สูญเสียพลังอสูรไม่มีคุณค่าใดให้เหล่าอสูรพักอาศัย
เมื่อปราศจากแรงจูงใจในการต่อสู้ เหล่าอสูรเริ่มทยอยหนีออกจากนรกขุมที่ 29 โดยปราศจากความลังเล กองทัพอสูรที่ขาดผู้นำย่อมกระเจิดกระเจิงอย่างไร้ทิศทาง
ขณะเห็นผืนนภาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีฟ้าคราม กริดตั้งคำถามอย่างสงสัย
“พวกเราทำอะไรกับขุมนรกที่ถูกชำระล้างได้บ้าง?”
“สามารถเปลี่ยนให้เป็นเขตปลอดภัยและนำเผ่าอสูรมาอยู่อาศัย หลังจากนั้นจะเกิดเป็นอารยธรรมของเมือง มีการเก็บภาษี และถือกำเนิดผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน”
“จอมอสูรตนอื่นจะยอมหรือ?”
ยูร่าตอบ
“ตามที่เคยเล่าไปแล้ว ในหมู่จอมอสูรจะมีกฎลับ ๆ ที่ห้ามแตะต้องเขตเป็นกลาง”
แกลนท์รีบพูดแทรก
“กริด หากใช้สมองสักนิด เจ้าสามารถอนุมานเหตุผลได้ไม่ยาก”
“…?”
“เห็นรูปปั้นในแต่ละเมืองของเขตเป็นกลางไหม?”
“หมายถึงรูปปั้นของเทพยาธาน?”
“ถูกต้อง”
“เข้าใจแล้ว… แบบนี้นี่เอง”
หนึ่งในมหาเทพต้นกำเนิด
หรือกล่าวได้ว่า มหาเทพไม่จำเป็นต้องอาศัยแรงศรัทธาและบารมีเทพเพื่อดำรงสถานะ
แต่รีเบคก้ากลับยังคงปรารถนาแรงศรัทธาจากมนุษย์ นั่นเพราะยิ่งได้รับความศรัทธามากเพียงใด อิทธิฤทธิ์ก็ยิ่งเพิ่มพูนตามจำนวน
‘ยาธานก็เช่นกัน…’
เผ่าอสูรธรรมดา (ชาวนรก) ที่อาศัยในเขตเป็นกลางคือสาวกของยาธาน และเป็นรากฐานที่ทำให้เทพยาธานแข็งแกร่งขึ้น
เมื่อยาธานมีพลังมากขึ้น สิ่งมีชีวิตที่ยาธานสร้าง (อสูร) ก็จะแข็งแกร่งขึ้นตามไปด้วย
นั่นคือเหตุผลหลักที่ทำให้บรรดาจอมอสูรไม่กล้าแตะต้องเขตเป็นกลาง
กริดซึ่งเริ่มเข้าใจเบื้องลึกของขุมนรก ผุดแนวคิดใหม่ได้ทันที
“มาชำระล้างขุมนรกหลักสามสิบกันเถอะ! ในเมื่อพวกเราสามารถโค่นลำดับ 29 ลงได้ หลักสามสิบก็ไม่น่าจะยากอะไร”
ย้อนกลับไปในตอนแรก กริดมิได้ให้ความสำคัญกับคำพูดของยูร่าที่กล่าวว่า เธอจะเปลี่ยนนรกขุมที่ 32 ให้กลายเป็นกิลด์โอเวอร์เกียร์สาขา
ในตอนนั้น ชายหนุ่มมองไม่เห็นประโยชน์ของดินแดนอันว่างเปล่าที่แทบไม่มีอสูรอยู่อาศัย
แต่สำหรับปัจจุบัน เรื่องราวต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เมื่อตระหนักว่านรกเป็นดินแดนที่สามารถสร้างเมืองโดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกจอมอสูรรุกราน กริดเริ่มต้องการขยายสาขาของกิลด์โอเวอร์เกียร์ลงมายังนรกให้มากที่สุด
“อา… แต่ตอนนี้ขอกลับโรงตีเหล็กก่อน”
กริดค่อนข้างหงุดหงิดที่ตนมักถูกค่าเรี่ยวแรงเหนี่ยวรั้งศักยภาพบ่อยครั้ง ภายในใจลึก ๆ นึกอยากสร้างไอเท็มสำหรับแก้ปัญหาด้านค่าเรี่ยวแรงโดยเฉพาะ
ขณะชายหนุ่มเตรียมกลับ ยูร่าแนะนำ
“ในนรกก็มีโรงตีเหล็ก”
‘เฮลมิส!’
ช่างตีเหล็กเพียงหนึ่งเดียวในขุมนรก
ดวงตากริดพลันลุกวาวเมื่อหวนนึกถึงชื่อของเผ่าอสูรที่ตนเคยพบเมื่อไม่กี่ปีก่อน
“เธอรู้ไหมว่าอยู่ที่ไหน?”
“แน่นอน ฉันแวะเข้าไปประจำ”
“…!!”
***
หนึ่งในข้อเสียของการเป็นผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลก็คือ มันมิอาจเก็บเลเวลภายในนรกได้ เว้นเสียแต่จะมีเงื่อนไขพิเศษ
สัตว์อสูรเกือบทั้งหมดในนรกล้วนรับใช้บาเอลและเป็นมิตรกับผู้ทำพันธสัญญา หรืออีกนัยหนึ่ง แอ็กนัสจะมองเห็นอสูรเหล่านั้นเป็น NPC มิใช่มอนสเตอร์ ส่งผลให้มันต้องเก็บเลเวลบนโลกมนุษย์เท่านั้น
[มีข่าวใหม่ จอมอสูรลำดับ 29 มาโชซิอัส ถูกฆ่าโดยฝีมือมนุษย์]
ขณะเพิ่งเดินทางมาถึงเทือกเขาเคอัส แอ็กนัสได้รับข่าวที่เหนือความคาดหมาย
อย่างไรก็ตาม มันมิได้ออกอาการสั่นกลัว
ย้อนกลับไปในตอนที่เห็นกริดสู้กับอันดราส แอ็กนัสเชื่อว่าฝีมือของกริดก้าวข้ามจอมอสูรบางตนเรียบร้อยแล้ว ยิ่งมียูร่าคอยสนับสนุนก็ยิ่งง่ายไปใหญ่
[เขาเคยเป็นไอ้ขี้แพ้ที่โดนผู้คนดูถูกและเหยียดหยัน]
[ไอ้ขี้แพ้ที่ถูกกลั่นแกล้งและมิอาจยืนหยัดได้ตามลำพัง]
แอ็กนัสหวนนึกถึงมหากาพย์บทแรกของกริดที่เคยดังกึกก้องไปทั่วหุบเขา
ปัจจุบัน สีหน้ามันของกำลังเย็นชายิ่งกว่าพายุหิมะซึ่งพัดผ่านทางเดินเบื้องหน้า
‘นายเคยมีชีวิตแบบเดียวกับฉัน…’
แล้วทำไมกริดถึงกล้าเชื่อใจผู้คนรอบตัว?
ทำไมถึงกล้าพูดออกมาว่า ตัวเองมีทุกวันนี้ได้เพราะคนรอบข้าง?
เช่นนั้นแล้ว ชีวิตอันโดดเดี่ยวของเราคือทางเดินที่ล้มเหลว?
กึก
แอ็กนัสชะงักฝีเท้าขณะเดินขึ้นหน้าผาลาดชัน
ชายคนหนึ่งซึ่งกำลังแบกดาบใหญ่ไว้บนบ่า จ้องลงมาจากจุดกึ่งกลางยอดเขา
ไม่ใช่ใครนอกจากคริส ผู้เล่นอันดับสองของโลก ขุนพลคนสำคัญของโอเวอร์เกียร์
“แอ็กนัส?”
“น่ารำคาญฉิบ ไปไหนก็เจอแต่พวกโอเวอร์เกียร์… ถ้าแกไม่มีธุระอะไรก็รีบไสหัวไปจากฉัน”
“…!”
ขณะคริสเตรียมรับมือการจู่โจมจากอัศวินความตายและลิช สายตาของมันเผยความประหลาดใจเมื่อเห็นแอ็กนัสเดินผ่านไปโดยไม่โจมตี
หมาบ้าซึ่งเคยกัดทุกคนที่หันมาสบตา ยามนี้กลับเงียบสงบจนผิดวิสัย
คริสผงะเล็กน้อย ก่อนจะหันไปตะโกนเรียก
“แอ็กนัส นายมาทำอะไรที่นี่?”
“ทำไมฉันต้องบอก…”
“ที่นี่คือดินแดนของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ ฉันจำเป็นต้องทราบจุดประสงค์ของผู้มาเยือน จะได้ตัดสินใจถูกว่าควรอนุญาตให้ผ่านทางหรือไม่”
มีหลากหลายสาเหตุที่กิลด์หรืออาณาจักรต้องควบคุมการผ่านเข้าออกของแม็ปใดแม็ปหนึ่ง
ในบางกรณี พวกมันทำไปเพื่อผูกขาดจุดเก็บเลเวล แต่ก็มีบางกรณีที่ทำไปเพื่อรักษาความปลอดภัยให้ชาวเมือง
แน่นอน การเฝ้าระวังแอ็กนัสถือเป็นอย่างหลัง
แอ็กนัสคือตัวอันตรายที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อชาวเมืองโอเวอร์เกียร์ได้ทุกเมื่อ
“อนุญาต? คนอย่างฉันจำเป็นต้องขออนุญาตจากแกด้วยหรือ”
เมื่อเห็นชุดเกราะของทหารโครงกระดูก ดวงตาคริสพลันเบิกโพลง
ผืนหิมะในจุดที่แอ็กนัสยืนเริ่มสั่นสะเทือน
“ไอ้บัดซบ…”
ชุดเกราะของทหารโครงกระดูกล้วนสลักตราอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
เพียงแรกเห็นก็สามารถระบุได้ทันทีว่าเป็นของกองทัพดยุคสไตม์ สังกัดหน่วยรบฟรอนเทียร์
วิชาดาบพันชั่งจากผู้เล่นอันดับสองของโลก กำลังก่อให้เกิดเหตุการณ์หิมะถล่มครั้งใหญ่
ว่าแล้ววันนี้ต้องมา วันที่แอ็กนัสฆ่าคนขอฃโอเวอร์เกียร์ ไม่เคบชอบมันตั้งแต่แรกละ
ReplyDeleteวีธีการหยุดแอ็กนัสคือ ปลดปล่อยมูหมัด
Delete