จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,332



สาเหตุที่ ‘ห้าปาฏิหาริย์’ ถูกเรียกเช่นนั้นเพราะพฤติกรรมของพวกมันอยู่นอกเหนือการคำนวณของมอร์เฟียส แต่ในความเป็นจริง อันดับ ‘แรงกิ้ง’ ต่างหากที่ตัวชี้วัดความแข็งแกร่งปัจจุบันของผู้เล่น


“แอ็กนัสสสสสสส!!”


ในยุคสมัยครอเกล คริสคือผู้เล่นอันดับสามของโลก


ในยุคของกริด คริสคืออันดับสอง และเคยเป็นอันดับหนึ่งในช่วงสั้น ๆ


หรือก็คือ นับตั้งแต่ซาทิสฟายเปิดตัว คริสไม่เคยพลาดการอยู่ในลำดับท็อป


ย้อนกลับไปในตอนนั้น ครอเกลซึ่งแทบไม่แยแสผู้เล่นคนอื่น รวมถึงกริดที่กำลังลำพองในฝีมือของตน ต่างก็ยกย่องชื่นชมคริสเหมือน ๆ กัน


ครืนนนนน!


เมื่อเจ้าของฉายา ‘ผู้เล่นที่มีพละกำลังมากที่สุดในโลก’ ผสานเข้ากับสมญานาม ‘ทรราช’ พลังอันยิ่งใหญ่จึงบังเกิด


ทุกครั้งที่คริสแกว่งดาบ พายุหิมะตามธรรมชาติมีอันต้องถูกฟันขาดครึ่ง เศษหิมะบนพื้นล้วนถูกกวาดหายเป็นทางยาวในพริบตา แอ็กนัสตกตะลึงในฝีมือของคริสที่สามารถโค่นทหารโครงกระดูกของตนได้ด้วยแรงปะทะของอากาศเพียงอย่างเดียว


ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลรีบอัญเชิญลิชมูมัดและบินขึ้นไปในอากาศ


“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมแกถึงอยากมีเรื่องนัก… มั่นใจในฝีมือตัวเองขนาดนั้นเชียว?”


ขณะก้มหน้ามองคริสที่ดูเหมือนจะเก่งขึ้นเล็กน้อย แอ็กนัสเหยียดหยันพร้อมกับดีดนิ้ว


ทันใดนั้น เวทมนตร์สีรุ้งพลันผุดขึ้นกึ่งกลางฝ่ามือทั้งสองของลิชมูมัด


ในวินาทีเดียวกัน ดวงตาของคริสพลันเปล่งแสงสีน้ำตาลแดงพลางตะโกนกึกก้อง


“ควบคุมท้องฟ้า!”


“…?!”


ลิชมูมัดสูญเสียพลังในการบินทันที


เมื่อถูกแรงโน้มถ่วงเล่นงานจนเสียสมดุล วิถีเวทมนตร์จึงเปลี่ยนทิศทาง


คริสอาศัยแรงระเบิดของสะเก็ดเวทมนตร์ที่พลาดเป้าเพื่อเร่งความเร็วให้ตัวเอง เป้าหมายคือแอ็กนัสซึ่งกำลังร่วงหล่นลงมายังทุ่งหิมะสีขาวโพลน


‘พลังของอักขระกลบจุดอ่อน? น่ารำคาญชะมัด…’


แอ็กนัสซึ่งกระเด็นไปไกลถึงขอบหน้าผา อาศัยเล็บที่ยาวและแข็งแกร่งผิดปรกติของคลาสรองที่สอง ‘ขุนนางแห่งโลกอสูร’ คว้าขอบหน้าผาได้ทันฉิวเฉียด


จากนั้น มันรีบดึงตัวขึ้นพร้อมกับอัญเชิญอัศวินความตายคาโฮ


คาโฮคำรามลั่นทันทีที่ปรากฏกาย


ในฐานะนักรบออร์คอันดับหนึ่งสมัยยังมีชีวิต เสียงแผดร้องของคาโฮมีอำนาจทำให้สิ่งมีชีวิตรอบตัวเกิดอาการหวาดกลัวจากก้นบึ้ง


แต่นั่นมิได้ส่งผลใดกับคริส


เป็นอีกหนึ่งพลังจาก ‘อักขระกลบจุดอ่อน’ ที่จะช่วยให้คริสแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้งหลังจากปราบบอสพิเศษสำเร็จ


หลังจากได้ครอบครองอักขระชนิดนี้ คริสก็เอาแต่มุ่งหน้าล่าบอสกับพวกพ้องอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ผ่านมาแล้วเก้าปีเต็มในเกม บอสพิเศษที่มันฆ่าไปมีไม่ต่ำกว่าร้อยตัว ส่งผลให้อักขระกลบจุดอ่อนพัฒนาขึ้นจากเดิมหลายเท่า


แน่นอน สำหรับคลาสดาบใหญ่อย่างมัน ศัตรูประเภทบินและอาการ ‘หวาดกลัว’ คือจุดอ่อนสำคัญที่คริสต้องการก้าวข้ามมาตลอด


ขณะเดียวกัน ‘ออร่า’ ที่มีรูปทรงคล้ายใบเลื่อยพุ่งตรงมาทางคริสด้วยความเร็วสูง


การปะทะกันระหว่างคลื่นดาบสีม่วงของคาโฮและดาบใหญ่ของคริสที่สามารถผ่าได้แม้กระทั่งหินและเหล็กกล้า ก่อให้เกิดคลื่นกระแทกปริมาณมหาศาลแผ่ออกไปทุกทิศทาง


ผืนหิมะในจุดที่คริสและคาโฮยืนอยู่เริ่มเกิดรอยแตกคล้าย ‘ใยแมงมุม’ กระจายทั่ว


ภูเขาหิมะลูกใหญ่ที่ดูหนักแน่นประหนึ่งไม่มีวันถูกทำลาย เริ่มส่งเสียงคำรามตามธรรมชาติพร้อมกับออกอาการลาดเอียง


ทว่าทั้งคริสและคาโฮยังคงเผชิญหน้ากันโดยมิได้แยแส


เมื่อสองผู้ทรงพลังแลกดาบดุเดือด รอยแตกของหิมะบนพื้นก็ยิ่งขยายวงกว้าง


ยิ่งลายใยแมงมุมกระจายออกไปไกล ภูเขาหิมะสูงชันก็ยิ่งลาดเอียงหนักข้อ


อย่างไรก็ตาม ถึงจะเกิดการปะทะอย่างหนักหน่วงเช่นนี้ ดาบใหญ่ของคริสซึ่งควรจะหักเป็นสองท่อนกลับมิได้ส่งสัญญาณใกล้ชำรุด


นี่คือสุดยอดผลงานของกริด ‘ดาบใหญ่พญาเสือขาว’ ที่โด่งดังในด้านความทนทาน


“…ชิ”


เมื่อเห็นว่าอัศวินความตายเริ่มรับแรงกระแทกจากการปะทะไม่ไหว แอ็กนัสส่ายหน้าอย่างหงุดหงิดพร้อมกับยกเลิกการอัญเชิญคาโฮ


คริสเผยสีหน้าประหลาดใจหลังจากเห็นแอ็กนัสอัญเชิญอัศวินความตายตนใหม่ออกมาพร้อมกับเหล่าโครงกระดูกนักธนู


จุดประสงค์เพื่อขัดขวางมิให้คริสพุ่งเข้าประชิดตัวได้ง่ายนัก


‘มันกำลังใช้กลยุทธ์…?’


แอ็กนัสดึงคาโฮกลับก็เพื่อฟื้นฟูร่างกาย แน่นอนว่าอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะขจัดบาดแผลที่คริสสร้างได้หมด แต่คาโฮสามารถถูกใช้เป็นกำลังเสริมหากศึกดวลเกิดยืดเยื้อ


ยิ่งไปกว่านั้น อัศวินความตายตัวใหม่ที่แอ็กนัสเพิ่งอัญเชิญออกมาเป็นประเภทใช้ออร่า สามารถโจมตีได้ทั้งระยะกลางและใกล้ เหมาะแก่การใช้งานร่วมกับเหล่าโครงกระดูกนักธนู


จริงอยู่ สิ่งเหล่านี้อาจไม่ใช่กลยุทธ์ซับซ้อนอะไรนัก ค่อนไปทางพื้นฐาน


แต่แค่การที่แอ็กนัสทำตัวตาม ‘พื้นฐาน’ ก็มากพอจะทำให้คริสประหลาดใจ


แอ็กนัสถูกเรียกว่า ‘หมาบ้า’ ด้วยเหตุใด?


เพราะมันมักลืมใช้สมองในยามที่ได้เข่นฆ่าผู้คน


นอกจากการบดขยี้ศัตรูตรงหน้าให้ราบคาบ ในหัวของมันแทบไม่มีสิ่งอื่นหลงเหลือ ไม่มีการคำนึงถึงผลข้างเคียงหรือศีลธรรมขั้นต่ำ


อย่างน้อยคริสก็เข้าใจเช่นนี้มาตลอด


‘แล้วทำไมถึงกำลังวางกลยุทธ์เหมือนคนปรกติ?’


คริสที่ฉงนกับพฤติกรรมสุดพิสดารของแอ็กนัสรีบยกดาบใหญ่ปัดป้องฝนธนูที่ระดมยิงเข้าใส่


เชิงดาบของคริสถือว่าเป็นเลิศ ถึงจะมีความว่องไวต่ำก็ไม่ใช่อุปสรรคในการรับมือ


เพียงการเคลื่อนไหวร่างกายเล็กน้อยก็มากพอจะปัดกวาดลูกธนูกลุ่มใหญ่ในคราวเดียว แต่ถึงอย่างนั้น การโจมตีตอบโต้เริ่มกลายเป็นเรื่องยาก เพราะออร่าที่อัศวินความตายระดมยิงกลับมาล้วนสร้างผล ‘กระเด็น’


จริงอยู่ คริสสามารถแหวกทะลวงเข้าไปด้วยการคอมโบระหว่างทักษะพุ่งหลายชนิด พลังทรราช และการขยับร่างกายหลบหลีก แต่ท้ายที่สุด มันตัดสินใจจะดูเชิงไปอีกสักพัก


ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือด ภูเขาหิมะเริ่มส่งสัญญาณใกล้พังทลาย


อีกไม่นานรูปแบบของภูมิประเทศจะเปลี่ยนไป และกลยุทธ์ก็ต้องปรับเปลี่ยนตาม


คริสคาดการณ์ว่า ถึงตนจะฝืนขยับเข้าไปใกล้สำเร็จ แต่ถ้าภูเขาพังลง ระยะห่างจะกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งและความพยายามของตนก็จะสูญเปล่า จึงเป็นการดีกว่าหากจะรอลงมือหลังจากที่ภูมิประเทศเปลี่ยนแปลงแล้ว


ขณะคริสเหลือบมองระยะเวลาคงเหลือของบัฟ


ภูเขาหิมะถล่มลงด้วยความเร็วสูงกว่าที่คริสคาดเดา


อัศวินความตายและโครงกระดูกนักธนูซึ่งกำลังระดมยิงต่างเสียหลักและเริ่มลอยตัว


‘ตอนนี้แหละ!’


คริสที่มองเห็นช่องว่างรีบเปิดใช้พลัง ‘ทรราชรุกคืบ’


การตัดสินใจอันฉับไวของมันมิได้ช้าไปแม้แต่ 0.1 วินาที


คริสพุ่งลอดผ่านกลุ่มอัศวินความตายและโครงกระดูกนักธนูที่ยังคงลอยอยู่กลางอากาศเนื่องจากพื้นทรุดตัว สายตามองตรงไปยังขอบหน้าผาชันทำมุมเก้าสิบองศาที่แอ็กนัสเสียหลักตกลงไปจนต้องใช้มือข้างหนึ่งคว้าขอบเหวอีกครั้ง


ขณะคริสพุ่งมาถึงขอบผาและเตรียมแทงดาบลงไป


ระเบิดทรงอานุภาพพลันผุดขึ้นใต้ฝ่าเท้าคริสพร้อมกับเวทมนตร์สีรุ้งที่แตกแขนงออกเป็นหลายร้อยหลายพันกิ่งก้าน ทั้งหมดเล่นงานคริสในระยะประชิดจนยากจะหลบพ้น


เวทมนตร์ของมูมัด – ช็อตไมน์ (Shot Mine)


โลหิตไหลซึมออกจากทวารทั้งเจ็ดบนร่างกายคริส


ผู้เล่นอันดับสองของโลกทิ้งตัวล้มลงพร้อมกับสำรอกเลือดคำใหญ่สีแดงเข้มจนเกือบดำ


ขณะเดียวกัน เหตุภูเขาถล่มยังคงไม่สิ้นสุด ร่างของคริสถูกพัดกวาดตกลงไปยังผาลึก


แอ็กนัสเชื่อว่าคริสคงตกเขาตายไปเอง จึงเลิกแสดงละครอันน่าอับอายและบินขึ้นฟ้าอีกหน


กึ่งกลางแผ่นหลังของมันมีปีกอสูรคู่หนึ่งสยายกว้าง


“ไอ้กระทิงนี่…”


คริสต่อสู้อย่างบ้าบิ่นตั้งแต่ต้นจนจบ


ไม่เพียงจะเป็นต้นเหตุของดินถล่ม แต่ยังวิ่งใส่ศัตรูอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนผลลัพธ์ที่ตามมา


หรือมันกำลังถูกความโกรธเข้าครอบงำเหมือนกับเราในอดีต…?


แอ็กนัสทำได้เพียงตั้งคำถาม


‘มันโมโหเรื่องอะไร? …ทำไมถึงได้ลงมือปุบปับนัก?’


แอ็กนัสครุ่นคิดถึงสาเหตุที่จู่ ๆ คริสก็บ้าบิ่นหลังจากเห็นทหารโครงกระดูกของตน


ขณะแอ็กนัสยกเลิกอัญเชิญอัศวินความตายที่เสียชีวิตจากหินถล่ม


“ควบคุม…”


“…!”


“…ท้องฟ้า”


ปีกของแอ็กนัสหยุดกระพือทันที


มูมัดซึ่งลอยอยู่ด้านข้างพลันแข็งทื่อราวกับรูปปั้น ร่างของพวกมันทั้งสองถูกแรงโน้มถ่วงเล่นงานจนเริ่มร่วงหล่นลงพื้น


‘ไอ้ระยำนั่น…!’


ขณะร่างกายกำลังทิ้งดิ่ง แอ็กนัสเหลือบไปเห็น


ดวงตาสีน้ำตาลแดงกำลังส่องแสงท่ามกลางซากหิมะและก้อนหินถล่ม


ช็อตไมน์ของมูมัดไม่จำเป็นต้องให้เหยื่อเหยียบโดนกับระเบิดก็จริง แต่เวทมนตร์ชนิดดังกล่าวก็ทรงพลังพอจะฆ่ามนุษย์ที่แข็งแกร่งได้ในคราวเดียว


เมื่อได้เห็นการดิ้นรนของคริส แอ็กนัสเย็นสั่นไปถึงกระดูก


“แกกล้าดียังไง… ถึงทำกับ… ทหารของโอเวอร์เกียร์… แบบนี้…”


คริสซึ่งแทบไม่มีแรงพูด กล่าวด้วยเสียงคล้ายกับคนใกล้ตาย


ทันใดนั้นดาบใหญ่พุ่งออกจากซากหินถล่ม ตรงขึ้นมาทางแอ็กนัสด้วยจิตสังหารท่วมท้น


เมื่อพบว่าวิถีของดาบใหญ่กำลังพุ่งมาหาตน แอ็กนัสรีบใช้เวทมนตร์โดยไม่ลังเล


“บาเรียมืด!”


ละอองพลังอสูรพลันหลั่งไหลมารวมตัวกันรอบแอ็กนัส


นับเป็นมวลพลังงานอันเข้มข้นจนดูคล้ายกับม่านบาเรียของบาเอล


ชิ้ง!


บาเรียเวทมนตร์ของมูมัดปกคลุมร่างกายแอ็กนัสซ้ำอีกชั้น


ไม่กี่อึดใจถัดมา ดาบใหญ่ของคริสพุ่งปะทะแอ็กนัสที่รายล้อมด้วยบาเรียคุ้มกาย


“แค่ก!”


เลือดแดงฉานกระอักออกจากซากหินจนเปื้อนเปรอะหิมะขาวโพลน


เป็นเลือดของคริสที่ถูกน้ำหนักตัวแอ็กนัสกระแทกใส่จากด้านบน


กึก


ร่างของคริสหยุดเคลื่อนไหวโดยสมบูรณ์


เมื่อเห็นว่าคริสเริ่มกลายเป็นละอองแสงสีเทา แอ็กนัสพยุงตัวขึ้นยืนพร้อมกับหายใจหอบ


‘ทุกคนเปลี่ยนไปมาก… ยกเว้นเรา’


คริสมิได้เก่งกาจเช่นนี้ในความทรงจำเดิมของมัน


จริงอยู่ อีกฝ่ายอาจรั้งตำแหน่งระดับท็อปได้เสมอมา แต่ความบ้าบิ่นและฝีมือที่คริสแสดงให้เห็นเมื่อครู่นับว่าผิดจากความคาดหมายไปไกล


คริสทำให้แอ็กนัสตกที่นั่งลำบากได้ด้วยตัวคนเดียว


จริงอยู่ที่มันอาจยังเหลือไพ่ตายอย่าง ‘อักขระความตาย’ และ ‘อัญเชิญคนตาย’ แต่การที่คลาสลับสุดโกงซึ่งถูกพัฒนาจนถึงระดับสูงสุด - ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล – ถูกคลาสธรรมดาลูบคมได้ถึงเพียงนี้ สำหรับแอ็กนัสแล้วยากจะให้ทำใจยอมรับ


มันเริ่มตระหนักว่า ตนอ่อนแอลงเพียงใดหลังจากปล่อยให้ ‘ผี’ ของคนรักครอบงำจิตใจมานานถึงสามปีเต็ม


‘ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้…’


ไฟแห่งความปรารถนาในใจแอ็กนัสเริ่มลุกโชน


มันกำลังปรารถนาพลังและความแข็งแกร่ง


กริด - บุคคลที่ไต่เต้าไปถึงระดับสูงสุดด้วยเส้นทางแตกต่างจากตน


แอ็กนัสต้องการบดขยี้กริดให้แหลกคามือ เพราะนั่นคือวิธีเดียวที่จะพิสูจน์ว่าเส้นทางของตนถูกต้องและกำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่สั่นคลอน


แอ็กนัสทิ้งร่างกายอันอ่อนเพลียลงบนซากก้อนหินพลางหยิบโพชั่นออกมาถือ


มันเตรียมพักผ่อนให้ทรัพยากรฟื้นคืนมา จากนั้นค่อยปืนกลับขึ้นไปบนภูเขาสูง


แต่สิ่งที่มันหวังกลับไม่เกิดขึ้น ขวดโพชั่นในมือแตกละเอียดคาตา


เงาดำจำนวนมากพลันสะท้อนบนผิวเศษแก้วและของเหลวสีแดงที่กระจัดกระจาย


“ละโมบ”


เงาดำปริศนาพวยพุ่งขึ้นและล้อมกรอบกักขังผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลอย่างสมบูรณ์


แอ็กนัสตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ตรงหน้าและพยายามสลัดให้หลุด แต่เงาดำกลับมีแต่จะยิ่งรัดแน่นขึ้นทุกขณะ


ร่างของบุคคลจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้นรอบทิศทาง นำมาโดยเซ็ดนอสและลาเอลล่า


สองสุดยอดจอมเวทอัจฉริยะแห่งโอเวอร์เกียร์กระหน่ำยิงเวทมนตร์ถล่มใส่แอ็กนัส ส่วนแค็ทซ์ใช้พลังควบคุมเลือดของคริสที่เจิ่งนองเต็มพื้น


“เข่นฆ่าทหารของพวกเราไม่พอ… ยังมาทำแบบนี้กับคริสอีก… สารเลวเอ้ย!”


ใบหน้าของแค็ทซ์พลันบิดเบี้ยวด้วยโทสะ


มันใช้ดาบสั้นซึ่งสร้างจากเลือดคริสแทงใส่แอ็กนัสที่ถูกจองจำอยู่ใน ‘ละโมบ’


อันที่จริง คริสแอบแจ้งกับสมาชิกกิลด์นับตั้งแต่เริ่มเผชิญหน้ากับแอ็กนัส


สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก


บุคคลเดียวในโลกที่สามารถเอาชนะแอ็กนัสได้ตามลำพังคือกริด


สาเหตุที่คริสเลือกเปิดฉากใส่แอ็กนัสทันทีโดยไม่รอกำลังเสริม เพราะมันเหลือบไปเห็นชุดเกราะโอเวอร์เกียร์ที่ทหารโครงกระดูกของแอ็กนัสกำลังสวม


นี่มิใช่การแก้แค้นแทนทหารแต่อย่างใด เพียงแต่คริสอยากปกป้องเกียรติยศของอาณาจักร


ด้วยความสัตย์จริง มันเชื่อว่าตนมีดีพอจะยื้อเวลาได้จนกำลังเสริมมาถึง


แต่ปัญหาคือ พลังทำลายของแอ็กนัสสูงเกินกว่าที่คาดไว้มาก


“คึคึก…! คึกฮ่าฮ่าฮ่า!”


แอ็กนัสซึ่งถูกขังอยู่ในละโมบ ระเบิดเสียงหัวเราะราวกับคนบ้า


เสียงของมันดังลอดผ่านช่องว่างของ ‘ละโมบ’ ที่ดาบเลือดแทงทะลุผ่านเข้าไป


“เป็นความจริงหรือนี่… พวกแกโกรธแค้นเพียงเพราะทหารเลวถูกฆ่า?”


ทันใดนั้น อัศวินความตายลันเทียร์พลันโผล่จากด้านหลังเซ็ดนอสและลาเอลล่า


ในเวลาเดียวกัน สีหน้าแค็ทซ์กำลังดำมืดเนื่องจากดาบเลือดของตนมิอาจทำให้แอ็กนัสถึงแก่ความตายและกลายร่างเป็นอันเดด


แม้ว่ากระดูกไหปลาร้าจะหักเพราะผลของละโมบ แต่แอ็กนัสยังมีสติมากพอจะใช้ ‘พลังเบนทาโอ’ เพื่อสลับระดับพลังชีวิตของตนและแค็ทซ์


แอ็กนัสถูกขนานนามให้เป็น ‘หายนะ’ ตั้งแต่แรกจวบจนปัจจุบัน ส่วนกริดนั้นเกิดใหม่ในฐานะดวงประทีปแห่งมวลมนุษย์ไปแล้ว


ผ่านมาหลายปี แอ็กนัสเอาแต่เถลไถลอย่างไร้จุดหมายโดยไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน


แต่ในวินาทีนี้ มันกำลังจะสร้างโศกนาฏกรรมนองเลือดอีกครั้ง


“แอ็กนัส!”


ยูเฟอมิน่าที่มาถึงช้ากว่าเพื่อน ส่งเสียงตะโกนเรียกแอ็กนัส


แอ็กนัสหันไปจ้องพร้อมกับขมวดคิ้ว


“นี่เธอ… อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น”


ความรู้สึกขัดแย้งเริ่มถาโถมจิตใจแอ็กนัสอย่างไม่หยุดหย่อน


สายสัมพันธ์ที่ยูเฟอมิน่าเอาแต่ตอแยอยู่ฝ่ายเดียวกำลังรบกวนจิตใจมันอย่างหนัก


แอ็กนัสพบว่า หากตนไม่ต้องการให้เกิดปัญหาเดิมซ้ำซาก ก็ต้องรีบขจัดความสัมพันธ์อันแสนน่ารำคาญนี้ทิ้งอย่างไร้เยื่อใย


“อัญเชิญลิช มูมัด”


“…!”


“…!”


ใบหน้าของเหล่าสมาชิกโอเวอร์เกียร์ซึ่งกำลังตกเป็นรองพลันดำมืด


จอมเวทอัจฉริยะที่แม้แต่บราฮัมยังยกย่อง


เมื่อลิชทรงพลังยืนเคียงข้างแอ็กนัส ทุกคนต่างพากันสั่นเทาแผ่วเบา


แอ็กนัสไม่แยแสคนของโอเวอร์เกียร์ที่เริ่มผงะถอยหลัง เพียงหันไปทางยูเฟอมิน่า


“แกเป็นอิสระแล้ว”


โงนเงน


ร่างของมูมัดพลันทรุดลงไปนั่งกับพื้นประหนึ่งตุ๊กตาชำรุด


จากนั้น ดวงวิญญาณสีฟ้าโปร่งใสเริ่มลอยออกจากร่างและส่องสว่างกลางอากาศ


“อ…แอ็กนัส?”


ยูเฟอมิน่าเผยสีหน้าประหลาดใจในตอนแรก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยินดีปรีดา


หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างพลางประดิษฐ์ถ้อยคำมากมายในใจ


แต่แอ็กนัสตอกกลับด้วยความเย็นชา


“ความสัมพันธ์จอมปลอมของพวกเราจบลงเพียงเท่านี้นี้… ในอนาคต หากเธอยังเข้ามาขัดขวางฉันไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร… จะไม่มีการปรานีอีกแล้ว”


ผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกกลั่นแกล้งมาตลอดชีวิต


มันเลือกจะเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกและโอบกอดความโดดเดี่ยว


แอ็กนัสตัดสินใจสะบั้นสายสัมพันธ์และมิตรภาพสุดท้ายทิ้ง เพื่อให้ตนเดินไปบนเส้นทางแห่งความเปล่าเปลี่ยวได้อย่างไม่สั่นคลอน


ภาพตรงหน้าทำให้ไม่มีสมาชิกโอเวอร์เกียร์คนใดคิดจะหยุดการจากไปของแอ็กนัส


นอกจากแวนเนอร์ที่มาถึงช้ากว่าใครเพื่อน


มันไม่ใช่คนที่อ่านบรรยากาศเก่งมาแต่ไหนแต่ไร และมักทำอะไรตามสัญชาตญาณเสมอ


“จะหนีไปไหนวะ! ไอ้กร๊วก!”


ขวานสองมือของแวนเนอร์สับใส่ลำคอแอ็กนัสอย่างแม่นยำ


แอ็กนัสที่เข้าสู่ร่างอันเดดรีบพยุงตัวยืน แต่ทันใดนั้นก็ถูกหอกของป็อนพุ่งเสียบจนกระเด็นถอยหลังและตายไปโดยไม่มีโอกาสตอบโต้


“วะฮ่าฮ่าฮ่า! ฉันฆ่ามันได้!”


“ฉันต่างหาก! ไอ้งั่ง!”


บรรดาสมาชิกระดับหัวกะทิของโอเวอร์เกียร์ต่างหันไปมองเป็นตาเดียว


ต่อหน้าละอองแสงสีเทาเหนือศพอันเดดแอ็กนัส สองบุรุษกำลังโต้เถียงกันว่าใครเป็นคนฆ่า


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,792
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00