จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,337



‘เมื่อกี้… มันว่ายังไงนะ…’


ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา กริดไม่เคยสื่อสารกับเอลฟิน·สโตนเลยสักครั้ง อีกฝ่ายเอาแต่ปฏิเสธการอัญเชิญและไม่คิดสนทนาด้วย


ในตอนแรก ชายหนุ่มเข้าใจว่าระบบเกมอาจขัดข้อง แต่ภายหลัง กริดเริ่มมองว่าอาจเป็นเพราะเอลฟิน·สโตนเข้าใจตนผิด คิดว่าเป็นบราฮัม


และนั่นคือเหตุผลที่ยอมรับได้


แต่ในความเป็นจริง


> ลอร์ดกริด! กริด! ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าจะยอมสวามิภักดิ์! ช่วยหยุดนังปีศาจนี่เร็วเข้า!


“…หุบปาก”


เอลฟิน·สโตนไม่เคยเข้าใจผิด


มันรู้มาตลอดว่ากริดคือกริด แต่เลือกจะไม่แยแส


‘ไอ้สารเลว…’


เมื่อความหงุดหงิดทวีคูณ ชายหนุ่มขมวดคิ้วและหันไปถามเบ็ตตี้


“ผมเป็นราชาโลหิต แวมไพร์ทุกตนยกเว้นแมรี่โรสล้วนต้องศิโรราบ แล้วเหตุใดเอลฟิน·สโตนถึงสามารถขัดขืนได้?”


“ไม่มีอะไรซับซ้อน เจ้าเข้าใจผิดไปเอง แวมไพร์ทายาทจะไม่ก้มหัวเพียงเพราะมนุษย์เป็นราชาโลหิต ต้องยอมรับนับถือด้วยตัวเองเท่านั้น”


“หือ…?”


“ลองนึกดูให้ดี ไม่ใช่ว่าแวมไพร์ทายาทบางตน ติดสอยห้อยตามเจ้าตั้งแต่ก่อนเป็นราชาโลหิตหรอกหรือ? โดยเฉพาะพวกเด็ก ๆ ที่เจ้าฆ่าไปกับมือ”


“…”


เธอพูดไม่ผิด


ทีราเม็ทยอมเชื่อฟังกริดก่อนที่จะเป็นราชาโลหิต เพียงแต่ไม่สุภาพนอบน้อมเหมือนในปัจจุบัน


“ไม่ใช่ว่าพวกเขายอมจำนนเพราะว่า ดวงวิญญาณที่ผนึกอยู่ในสิ่งของอ่อนแอลงหรอกหรือ?”


“ไม่เลย ขณะต่อสู้ ยิ่งเจ้ามอบเลือดให้ดวงวิญญาณพวกเขามากเท่าไร ความเร็วในการคืนชีพก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น พวกเขาจึงเลือกติดตามเจ้า ส่วนหนึ่งก็เพื่อประโยชน์ของตัวเอง”


หรือกล่าวได้ว่า ในเมื่อมีอิสระทางความคิด ย่อมมีแวมไพร์บางตนปฏิเสธการยอมจำนน และเอลฟิน·สโตนคือตัวอย่าง


แม้จะได้ฟังเช่นนั้น กริดยังคงคลางแคลง


“ไม่สมเหตุสมผล… ไม่ใช่ว่าราชาโลหิตมีอำนาจบัญชาแวมไพร์ทุกตนยกเว้นแมรี่โรสหรือ? ทำไมเอลฟิน·สโตนถึงเป็นข้อยกเว้น?”


“ข้าบอกไปแล้ว เจ้าเข้าใจผิดไปเอง แวมไพร์ทายาทไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังราชาโลหิต ตรงข้ามกับแวมไพร์ทั่วไปที่มิอาจขัดขืน แวมไพร์ทายาทสามารถมีความคิดเป็นอิสระ นั่นคือเหตุผลว่าทำไม พวกเขาถึงมีสิทธิ์ต่อสู้ท้าชิงตำแหน่งราชาโลหิต”


“แล้วทำไมทีราเม็ทถึง…”


“หากแวมไพร์ทายาทเชื่อฟังเจ้าก่อนจะเป็นราชาโลหิต นั่นคงเป็นเพราะเหตุผลอื่น ตัวอย่างเช่น… เจ้าสามารถคลายคำสาปเกียจคร้าน”


“อะ…”


กริดตรวจสอบรายละเอียดของสมญานามราชาโลหิตอีกครั้ง


<ราชาโลหิต>

ประเภท : ติดตัว

★ เวทโลหิตจะเบ่งบานเมื่อเงื่อนไขบางอย่างถูกบรรลุ

เวทโลหิตจะจะมีลักษณะตรงตามนิสัยของท่าน

★ หากเกิดเหตุการณ์ตรงตามเงื่อนไข ท่านสามารถปลดปลดแวมไพร์ทายาทให้เป็นอิสระ

* แวมไพร์ที่เป็นอิสระจะหลุดพ้นจากคำสาปเกียจคร้าน


ไม่ได้เขียนเอาไว้ว่า แวมไพร์ทุกตนต้องยอมจำนนต่อราชาโลหิต


ย้อนกลับไปในตอนที่กริดล่าเฟนเรียร์และกลายเป็นราชาโลหิต ข้อความระบบแจ้งขึ้นมาว่า ‘นับแต่นี้ไป แวมไพร์ทุกตนยกเว้นแมรี่โรสจะยอมศิโรราบต่อท่าน’


นั่นเป็นเพราะกริดโค่นแวมไพร์ที่แข็งแกร่งอย่างเฟนเรียร์ลงได้ มิใช่เพราะสมญานามราชาโลหิต


อำนาจที่แท้จริงของราชาโลหิต คือการปลดปล่อยแวมไพร์ทายาทให้หลุดพ้นจากคำสาปเกียจคร้าน


แวมไพร์บางตนอาจติดตามและเชื่อฟังกริด เพราะหวังว่าชายหนุ่มจะทำให้ตนหลุดพ้นจากคำสาปที่น่าเวทนาได้ในสักวัน แต่ก็ไม่ใช่ทุกตนที่คิดเช่นนี้


กริดเริ่มเข้าใจสถานการณ์ สายตาเหลือบมองวิญญาณเอลฟิน·สโตน


“ฉันสามารถปลดผนึกคำสาปให้แกได้ แล้วทำไมถึงยังเพิกเฉยทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ? หรือการหลุดพ้นจากคำสาปไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับแก?”


เอลฟิน·สโตนตอบ


> เจ้าฆ่าข้า


กริดผงะเล็กน้อย


> แถมเจ้ายังเป็นสหายของบราฮัม ผู้ที่จะถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ในอนาคต ไม่มีเหตุผลใดให้ข้าต้องสนทนาด้วย


“…”


คำพูดของเอลฟิน·สโตนไม่มีส่วนใดผิด ไม่มีเหตุผลให้มันต้องคุยกับกริดมาตั้งแต่แรก


ในสายตาเอลฟิน·สโตน กริดเป็นได้เพียงเป้าของความเกลียดชัง ไม่ใช่การยอมจำนน


ชายหนุ่มอ่านรายละเอียดของแหวนเอลฟิน·สโตนอีกครั้ง


* หากแหวนพัฒนาไปเป็นเกรดเลเจนดารี ผู้สวมสามารถอัญเชิญแวมไพร์เอิร์ล เอลฟิน·สโตน ออกมาได้


‘เพิ่งสังเกตเห็นว่าเป็นการเล่นคำ’


แหวนระบุว่า ผู้สวม ‘สามารถ’ อัญเชิญออกมาได้ แต่ไม่ได้แปลว่าอีกฝ่ายจะตอบสนองและออกมารับใช้ดั่งบริวาร


ทุเรศฉิบ…


มีแวบหนึ่งที่กริดนึกอยากติดต่อศูนย์บริการลูกค้าของ SA กรุปเพื่อซักถามสักสองสามประเด็น แต่หลังจากไตร่ตรอง กริดเชื่อว่า SA กรุปคงเพิกเฉยข้อเรียกร้องของผู้เล่นเหมือนทุกที และแนะนำให้แก้ปัญหาในเกมแทน


ใช่แล้ว เพิกเฉย เหมือนกับที่เอลฟิน·สโตนทำกับตน


‘…ยิ่งคิดก็ยิ่งพบความทุเรศ’


กริดพอจะเข้าใจหัวอกเอลฟิน·สโตนอยู่บ้าง หากตนตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ก็อาจทำในสิ่งที่คล้ายกัน


แต่การเข้าใจไม่ได้แปลว่าเห็นพ้อง


“ในตอนแรกที่เราพบกัน… แกโผล่ออกมาทุก ๆ ยี่สิบสี่ชั่วโมงและเล็งโจมตีใส่ฉันคนเดียว”


ถ่ายโอนโลหิตขั้นสูงสุด


ทักษะดูดเลือดที่มีพลังโจมตีมหาศาลในเวลาเดียวกัน


จุดอ่อนเพียงข้อเดียวก็คือ ระยะหน่วงที่นานถึงหนึ่งวันเต็ม และเมื่อวนกลับมาถึง เอลฟิน·สโตนจะโผล่ออกมาทำลายประกันชีวิตอมตะของกริด


ถึงแม้จะเริ่มเอะใจหลังจากผ่านไปหลายครั้ง แต่ในท้ายสุดที่ เอลฟิน·สโตนยังไม่หยุดทำเรื่องแบบเดิม ทั้งหมดเกิดจากความหยิ่งผยอง


“ใช่แล้ว… เอลฟิน·สโตน… แกมันโอหังมาตั้งแต่ตน”


ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่า หากร่วมมือกับกริด ระยะเวลาในการคืนชีพของตนจะสั้นลง แต่มันกลับยังเจ้าคิดเจ้าแค้นและทิ้งโอกาสนั้นไป


ช่างเป็นแวมไพร์ที่โง่เขลา


“บางที… ถ้าฉันปล่อยไว้โดยไม่ทำอะไร แกก็คงไม่ยอมโผล่หน้าออกมาเลยจนกระทั่งฉันเลิกเล่นเกมนี้”


มีหลายคำที่เอลฟิน·สโตนมิอาจทำความเข้าใจ แต่มันก็พอจะคาดเดาเจตนาของอีกฝ่ายผ่านน้ำเสียงและท่าที


> เฮ้! แต่ข้าบอกไปแล้วนี่ ว่าหลังจากนี้จะยอมสวามิภักดิ์!


“คำพูดคำจาห้วนลงเรื่อย ๆ เลยนะ”


ขณะเผชิญหน้าดวงวิญญาณเอลฟิน·สโตน ดวงตากริดแผ่จิตสังหารอันเฉียบคมประหนึ่งใบมีด


เป็นดวงตาของยอดนักรบผู้เคยทำสงครามกับศัตรูจำนวนนับไม่ถ้วน และเกือบทั้งหมดถูกฆ่าด้วยเงื้อมมือของเขา


มหากาพย์ที่ชายหนุ่มเคยเขียน แปรเปลี่ยนเป็นพลังงานที่กดดันให้เอลฟิน·สโตนหายใจลำบาก


> ม…ไม่ใช่แบบนั้น! ท่านลอร์ดกริด!


เพราะพวกมันสามารถคืนชีพได้ เหล่าจอมอสูรและแวมไพร์ทายาทจึงไม่แยแสต่อความตายสักเท่าไร


แถมยังเป็นการเกิดใหม่ด้วยความทรงจำและพลังแบบเดิมทุกประการ ดังนั้น ความตายจึงไม่ใช่จุดจบ และไม่ใช่สิ่งที่ต้องหวาดหวั่นอะไร


อย่างไรก็ตาม ตัวตนลึกลับบางคนสามารถตัดวัฏจักรการคืนชีพได้


เอลฟิน·สโตนไม่แน่ใจว่าสตรีผู้นี้เป็นนางฟ้าหรือซาตาน แต่เธอสามารถมอบความตายอันเป็นนิรันดร์ให้กับมันได้แน่นอน และนั่นกระตุ้นให้ความรู้สึกรักชีวิตเกิดตื่นตัวอย่างเต็มเปี่ยม


เมื่อเห็นว่าพลังของเบ็ตตี้ทำให้อีกฝ่ายกระวนกระวายจนออกอาการลนลาน วิญญาณกำลังไหววูบวาบประหนึ่งแสงเทียนต้องลม กริดยกมุมปากเล็กน้อย


“แกยังไม่เข้าใจสถานการณ์ดีพอ”


>?


“ฉันต่างหากที่แกต้องกลัว”


เฮือก


วิญญาณของเอลฟิน·สโตนพลันชะงัก


ก้อนวิญญาณสีเลือดเริ่มพองตัว


> ช่างไม่เจียมตัวเอาเสียเลย… เจ้ามันก็แค่มนุษย์! ได้เป็นราชาโลหิตเพียงเพราะมีบราฮัมคนทรยศคอยช่วยเหลือ! กล้าดียังไงถึงทำตัวหยิ่งผยองเช่นนี้! แค่เจ้าคนเดียวจะไปมีน้ำยาทำอะไร!


ผมสีทอง ยาวถึงเอว


เอลฟิน·สโตน แวมไพร์ผู้มีผมยาวคล้ายบราฮัม (ก่อนถูกขับไล่) ทำการปรากฏกายบนโลกมนุษย์หลังจากห่างหายไปนาน


> ข้าขอท้าชิงตำแหน่งราชาโลหิตจากเจ้า!


[หนึ่งในผู้มีสิทธิ์เป็นราชาโลหิต ขอท้าชิงท่าน]


[ท่านมิอาจปฏิเสธคำท้า]


> คิดว่าข้าเงียบเพราะกลัวงั้นหรือ? ไม่เลยสักนิด! หากไม่มีบราฮัมคอยช่วยเหลือ เจ้าคงตายด้วยมือข้าไปนานแล้ว!


สมกับที่เป็นแวมไพร์ทายาท เอลฟิน·สโตนยังคงสง่างามแม้จะกำลังเดือดดาลสุดขีด เฉกเช่นสมัยที่กริดได้พบกับมันครั้งแรก


> เขตแดนโลหิต!


พลังของมันยังอยู่ครบถ้วน


ห้องมืดทึบของเบ็ตตี้พลันถูกย้อมด้วยสีแดงเลือด ปริมาณพลังเวทของเอลฟิน·สโตนเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว


เพียงแต่


“ทำไมยุงสมัยนี้ถึงได้หนวกหูนักนะ”


กริดตบใส่แก้มเอลฟิน·สโตนหนึ่งฉาดใหญ่ ผิวหนังของมันพลันฉีกขาดพร้อมกับเลือดที่สาดกระเซ็น ประหนึ่งลูกโป่งน้ำถูกขว้างกระแทกกำแพงจนแตก


> อ๊ากกกกกก!


พลังของเอลฟิน·สโตนถูกแช่แข็งตามกาลเวลา


ความทรงจำสุดท้ายของมันคือ เมื่อครั้งที่กริดและสมาชิกโอเวอร์เกียร์ยังอ่อนแอกว่าตนหลายเท่า


ในฐานะแวมไพร์ มันไม่เข้าใจความแตกต่างของระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี


‘อะไรกัน…’


เอลฟิน·สโตนยังคงมึนงง ไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


ความเจ็บปวดและสับสนทำให้มันพยุงตัวอย่างยากลำบาก


ถัดมา เอลฟิน·สโตนทำการเสริมพลังเขตแดนโลหิตให้เข้มข้น ค่าพลังชีวิตของกริดจึงถูกกัดกร่อนทีละนิด


จากสิบเป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน


แต่สำหรับกริดผู้มีพลังชีวิตกว่าสี่แสน ตัวเลขแค่นี้นับว่าเล็กน้อย


> นี่เจ้า…! หลังจากกลายเป็นราชาโลหิต เจ้าคงเติบโตขึ้นนิดหน่อยเพราะมีบราฮัมคอยช่วยสินะ! แต่ว่า… เจอนี่หน่อยเป็นไง!


ถ่ายโอนโลหิตขั้นสูงสุด


สุดยอดการโจมตีที่เคยทำให้กริดเสียประกันชีวิตอมตะในพริบตา


ท่วงท่าการใช้มือกะซวกตรงมายังหัวใจ ถูกฉายซ้ำอีกครั้งด้วยบรรยากาศน่าเกรงขาม


วังวนโลหิตทวีความเกรี้ยวกราด ห้องเบ็ตตี้เริ่มได้รับความเสียหาย


สำหรับกริดในปัจจุบัน อาศัยโลกทัศน์ของเหนือมนุษย์และประสบการณ์ส่วนตัว ชายหนุ่มสามารถอ่านวิถีของ ‘โอนถ่ายโลหิตขั้นสูงสุด’ อย่างง่ายดาย


“กระจอก”


ด้วยความสัตย์จริง กริดไม่ต้องชักดาบก็ยังได้ แต่มันรู้สึกว่า ตนควรทำให้อีกฝ่ายเห็นถึงความแตกต่างที่มากมายประหนึ่งท้องฟ้ากับหุบเหว


ความโอหังของแวมไพร์อวดดีจะได้บรรเทาลงเสียบ้าง


“วังวน”


เป็นย่างก้าวอันเงียบเชียบ


ด้วยท่าทีผ่อนคลาย ดาบมังกรเพลิงสร้างวังวนพายุออกมากลืนกินกระแสเลือดปริมาณมหาศาลในพริบตา


> …?!


ร่างปัจจุบันของเอลฟิน·สโตนเป็นเพียงภาพมายา ทั้งหมดเกิดจากความเข้มแข็งของจิตใจที่พยายามคงสภาพเอาไว้


มันย่อมไม่รู้สึกในสิ่งที่ไม่ควร แต่สำหรับวินาทีนี้ เอลฟิน·สโตนกำลังรู้สึกขนลุกไปทั้งตัวราวกับตนมีผิวหนังและร่างเนื้อ


มันเห็นเต็มสองตา


เห็นช่องว่างระหว่างตัวเองและกริด


มนุษย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้า แตกต่างจากบุคคลในความทรงจำโดยสิ้นเชิง


> ว๊ากกกกก!


เป็นช่องว่างที่ทำให้เกิดความหดหู่สิ้นหวัง


เอลฟิน·สโตนสูญเสียร่างมายาและกลับคืนสภาพดวงวิญญาณ


น้ำเสียงแฝงความสั่นเครือ


> ด…ได้ยังไง? ทำไมเจ้าถึง…


นับตั้งแต่เกิดมา มันเพิ่งเคยรู้สึกสิ้นหวังเพียงสองหน


ครั้งหนึ่งคือบราฮัม และอีกครั้งคือแมรี่โรส


แต่ปัจจุบัน เอลฟิน·สโตนกำลังหวาดกลัวกริดจนนึกถึงหน้าพวกเขา


> เจ้าเป็นแค่มนุษย์… มนุษย์ผู้กลายเป็นราชาโลหิตได้ด้วยความช่วยเหลือของบราฮัม…


กริดยกมุมปากเมื่อได้ยินเอลฟิน·สโตนพึมพำเสียงแผ่ว


“คำพูดคำจา… ไม่ขาดมารยาทไปหน่อยหรือ?”


> ข…ขอโทษ! ข้าขอโทษ! ฝ่าบาท!


เอลฟิน·สโตนได้ตระหนักแล้วว่า ตอนนี้มันควรหวาดกลัวผู้ใด


หากมีร่างเนื้อ มันยินดีจะคุกเข่าลงกับพื้นและก้มศีรษะคำนับ


กริดมองไปทางวิญญาณด้วยสายตาที่เป็นมิตรมากขึ้น


“แกไม่จำเป็นต้องยกโทษให้บราฮัม”


นั่นคือความบาดหมางระหว่างพี่น้อง


และเป็นเรื่องที่จริงบราฮัมเคยกระทำเลวทรามต่อเอลฟิน·สโตน


ชายหนุ่มเข้าใจความรู้สึกโกรธแค้นที่เกินกว่าจะให้อภัยได้ ขณะเดียวกันไม่อยากแทรกแซงปัญหาในครอบครัว


เจตจำนงของกริดมีสิ่งเดียว


“แต่ตราบใดที่อยู่กับฉัน ห้ามแทงข้างหลังบราฮัมเด็ดขาด”


> …


เอลฟิน·สโตนมีบรรดาศักดิ์เป็นแวมไพร์เอิร์ล จากเหล่าแวมไพร์ทายาททั้งหมด ความฉลาดของมันอยู่ในลำดับต้น ๆ


เอลฟิน·สโตนเข้าใจคำเปรียบเปรยของกริดได้ทันที


> ตกลง…


หลังจากนี้อีกหลายสิบปีหรือหลายร้อยปี มันจะคืนชีพใหม่ตามวัฏจักรธรรมชาติ ถึงตอนนั้นมนุษย์ตรงหน้าคงตายไปแล้ว ค่อยเลื่อนการแก้แค้นบราฮัมไปตอนนั้นก็ยังไม่สาย


‘ระหว่างรับใช้เจ้านี่ เราเองก็ต้องเร่งพัฒนาฝีมือ’


ถึงจุดประสงค์เนื้อแท้จะตรงกันข้าม แต่ความจงรักภักดีของเอลฟิน·สโตนคือเรื่องจริง


ณ วันนี้ กริดได้รับบริวารคนใหม่


เลเวลของเอลฟิน·สโตนอาจมีเพียงสามร้อย แต่กริดก็มีความสุขมาก เพราะเอลฟิน·สโตนมีฐานะค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับบรรดาทายาททั้งหมด


ขณะชายหนุ่มกำลังยิ้มแย้ม หน้าต่างข้อความปรากฏขึ้น


[ท่านบรรลุเงื่อนไขที่จะทำให้เวทโลหิตชนิดแรกเบ่งบาน]


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,802
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ได้เวทเลือด สกิลแรก จะOP แค่ไหนกันนะ อดทนรอต่อปายยย

    ReplyDelete
  2. อาจจะเป็น "เวทย์ บงการ"!!

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00