จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,334
> ขอบคุณมาก… ข้าหวังว่าความรู้เพียงหางอึ่งที่ส่งผ่านไปถึง จะเป็นประโยชน์กับผู้มีพระคุณได้ไม่มากก็น้อย
ร่างกายซูบผอม หลังค่อมเล็กน้อย ดวงตาสีดำแวววาวและผิวพรรณขาวเนียน
ดวงวิญญาณของมูมัดกลับคืนร่างเดิมสมัยยังมีชีวิตอยู่ กล่าวทักทายยูเฟอมิน่าด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน จากนั้นก็สลายไป
ยูเฟอมิน่ากล่าวคำอำลาอย่างเงียบงัน
[ท่านซึมซับองค์ความรู้มหาศาลจากจอมเวทอัจฉริยะ มูมัด]
[ท่านสามารถเปลี่ยนเป็นคลาสเกรดเลเจนดารีประเภทเติบโต ‘ผู้สืบทอดมูมัด’]
[คลาสเดิมของท่าน ‘นักคัดลอก’ จะหายไป ทักษะพิเศษของคลาสนักคัดลอกจะถูกลบออก ค่าสถานะจะถูกรีเซต]
[แต่ทักษะบางชนิด รวมไปถึงค่าสถานะที่ได้รับจากภารกิจของคลาสนักคัดลอก จะยังคงอยู่เช่นเดิม หากท่านต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณากดปุ่มขยายเนื้อความ]
[คลาสรองในปัจจุบัน ‘มือระเบิดป่าเถื่อน’ จะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของคลาสหลัก]
[ท่านต้องการเปลี่ยนคลาสเป็น ‘ผู้สืบทอดมูมัด’ หรือไม่]
“…”
นักคัดลอก - คลาสลับที่เต็มไปด้วยข้อบกพร่องและจุดอ่อน
หากต้องการคัดลอก จำเป็นต้องหลอกล่อให้เป้าหมายใช้ทักษะ นอกจากนั้นยังมีขีดจำกัดการคัดลอกในแต่ละวัน
ทุกครั้งที่เธอใช้ทักษะต่างธาตุอย่างต่อเนื่อง จิตใจยูเฟอมิน่าจะอ่อนล้าอย่างหนัก
สามารถกล่าวได้ว่า สำหรับนักคัดลอก ยิ่งกระหน่ำทักษะที่แข็งแกร่งออกไปมากเพียงใด ก็ยิ่งต้องใช้เวลาพักฟื้นนานเป็นเท่าตัว
แต่ถึงอย่างไร คลาสนักคัดลอกก็มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง
แนวทางการต่อสู้จะขึ้นอยู่กับทักษะที่คัดลอกมาเกือบทั้งหมด สามารถเป็นยอดนักรบครบเครื่องซึ่งมีทั้งการโจมตีอันหนักหน่วง สุดยอดเวทฮีล สุดยอดบัฟและดีบัฟ ทั้งหมดในคนเดียวโดยไม่ต้องพึ่งพาปาร์ตี้
อาจมีบางวันที่แข็งแกร่งอย่างสุดโต่ง และบางวันที่อ่อนแอจนน่าสมเพช
แม้ยูเฟอมิน่าจะเคยหงุดหงิดกับความไม่แน่นอนบ่อยครั้ง แต่อีกใจหนึ่งก็ค่อนข้างชอบ
“ตกลง ฉันจะเปลี่ยนคลาส”
ถึงจะชอบ แต่เธอก็ฉลาดพอจะชั่งน้ำหนักระหว่างสองสิ่ง จึงโยนคลาสนักคัดลอกทิ้งอย่างไม่อาลัยอาวรณ์
นักคัดลอกอาจมีศักยภาพสูง แต่ก็เป็นเพียงเศษฝุ่นเมื่อเทียบกับผู้สืบทอดมูมัด
ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น มูมัดคือจอมเวทอัจฉริยะที่แม้แต่บราฮัม - มหาจอมเวทในตำนานผู้โด่งดัง – ก็ยังริษยาในพรสวรรค์
การได้เป็นผู้สืบทอดมูมัด มีค่าเท่ากับการได้รับพลังของตำนานเหนือตำนาน
[ท่านกลายเป็นผู้สืบทอดมูมัด]
หลังจากระบบตอบสนองความมุ่งมั่นของยูเฟอมิน่า เวทมนตร์สีรุ้งซึ่งเป็นตัวแทนของ ‘ทุกธาตุ’ เริ่มแผ่ออกจากร่างกายหญิงสาว
ขณะทุกคนกำลังสนใจแสงออร่าสุดตระการตาที่กำลังแผ่ปกคลุมท้องฟ้าเหนือเมืองฟรอนเทียร์
[บุคคลนิรนามผู้หนึ่ง ได้ครอบครองพลังที่มีศักยภาพไร้ขีดจำกัด]
ข้อความสั้นกระชับแต่อัดแน่นด้วยความหมาย ถูกถ่ายทอดไปถึงผู้เล่นทุกคนที่กำลังออนไลน์ทั่วโลก
***
[บุคคลนิรนามผู้หนึ่ง ได้ครอบครองพลังที่มีศักยภาพไร้ขีดจำกัด]
ศักยภาพไร้ขีดจำกัด
คำนิยามเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่แม้กระทั่งในยามที่ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลของแอ็กนัส ถูกยกระดับกลายเป็นคลาสเกรดตำนาน หรือในยามที่ครอเกลได้รับคลาสอริยดาบ หรือแม้แต่ในยามที่กริดเขียนมหากาพย์
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากสำนักข่าวทั่วโลกจะเกิดความโกลาหลวุ่นวาย
“เป็นใครกัน? บุคคลนิรนามคือใคร!?”
“กริดหรือครอเกล?”
“แอ็กนัสรึเปล่า?”
“เจ้าพวกบ้า! จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง!”
ซาทิสฟาย หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า ‘โลกอีกใบ’ ดินแดนแห่งนี้มีประชากรกว่าสองพันล้านคน
นิกสัน ผู้เป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการของนิตยสาร S และคอยรับผิดชอบข่าวเกี่ยวกับซาทิสฟายหลายหมื่นสกู๊ปต่อวัน
นิกสันเกิดความเชื่อหนึ่งซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากสัญชาตญาณ – ความเชื่อที่ว่า เจ้าของข้อความโลกในคราวนี้มิใช่ผู้เล่นโด่งดังคนใด หากแต่เป็นบุคคลหน้าใหม่โดยสิ้นเชิง
‘ถ้าเป็นกริด ครอเกล หรือแอ็กนัส ข้อความต้องระบุชื่อออกมาแล้ว ไม่ใช่เขียนว่านิรนาม...’
จริงอยู่ คำนิยามซึ่งระบุว่า ‘ศักยภาพไร้ขีดจำกัด’ สามารถหมายถึงกริด ครอเกล และแอ็กนัสได้เช่นกัน ในกรณีที่คนใดคนหนึ่งพัฒนาคลาสของตนไปอีกขั้นและเข้าสู่ช่วงเวลา ‘เอนด์เกม’ อย่างแท้จริง
แต่พิจารณาจากกรณีของกริด มหากาพย์ช่วงแรกอาจมีการใช้คำว่า ‘บุคคลนิรนาม’ ให้เห็นอยู่บ้าง แต่เมื่อกริดพัฒนาไปถึงจุดหนึ่ง ในภายหลังข้อความดังกล่าวก็ถูกแทนที่ด้วยชื่อ ‘ราชาโอเวอร์เกียร์ กริด’ หรือสามารถกล่าวได้ว่า หากผู้ที่ได้ครอบครอง ‘ศักยภาพไร้ขีดจำกัด’ เป็นใครสักคนจากกริด ครอเกล และแอ็กนัส ข้อความโลกจะต้องไม่ใช้คำว่า ‘นิรนาม’
‘ตัวเอกคนใหม่ของโลก… จะเป็นใครกันนะ…’
หลากหลายรายชื่อผุดขึ้นในใจนิกสัน
สิบวีรชนฯ แห่งโอเวอร์เกียร์, ออร่ามาสเตอร์ ฮูเร็น, เทพสงคราม อาเรส, เจ้าจักรกลเวทมนตร์ ซีบาล, สันตะปาปา ดาเมี่ยน, เจ้าศาสตรา อาสึกะ, สองพี่น้องแบล็กไวท์, ยมทูต ไนท์, ข้ารับใช้ยาธาน โรส เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ชื่อของจอมปราชญ์สีชาด เฮสเตอร์ ไม่ถูกนับรวมเข้าไปด้วย เพราะตั้งแต่ปาร์ตี้ของฮาลล์โพสต์วิดีโอการ ‘ล่า’ เฮสเตอร์บนอินเทอร์เน็ต ผู้คนจำนวนมากก็เริ่มประเมินค่าของเฮสเตอร์ต่ำลง โดยเฉพาะเมื่อมีข้อเปรียบเทียบกับเนี๊ยวมงในเวลาถัดมา
‘ผู้เล่นแข็งแกร่งมีมากเกินไป… การเดาให้ถูกเป็นเรื่องที่ยากมาก…’
นอกเหนือจากรายชื่อข้างต้น ยังมีอาวุธลับแห่งโอเวอร์เกียร์ โค้ก, มือปราบจอมเวท นิโคล, พายุลูกใหม่ที่สั่นคลอนจักรวรรดิซาฮารัน ชีย่า, ผู้อ้างตัวว่าเป็นพลเมืองสามัญของอาณาจักรฮวาน บิลเทรด และอีกมากมาย
ซาทิสฟายเต็มไปด้วยผู้เล่นพรสวรรค์ หากเจ้าของข้อความโลกคนล่าสุดคือหนึ่งในรายชื่อข้างต้น ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดแต่อย่างใด
ถ้านิกสันเป็นเพียงผู้เล่นคนหนึ่ง มันคงตั้งตารอความลับถูกเปิดเผยอย่างตื่นเต้น แต่ในฐานะหัวหน้ากองบรรณาธิการของนิตยสารชื่อดัง มันจำเป็นต้องวิเคราะห์ตัวจริงของบุคคลนิรนามให้แม่นยำ จากนั้นก็ป่าวประกาศออกไปโดยเร็ว
‘อันดับแรก… ตัดคนของโอเวอร์เกียร์ออกไปก่อน’
กิลด์โอเวอร์เกียร์ล้วนเต็มไปด้วยตำนานอยู่แล้ว แถมยังเพิ่งมีสองตำนานใหม่ถือกำเนิด จึงน่าจะเข้าสู่ภาวะสงบนิ่งไปอีกพักใหญ่ โอกาสที่เจ้าของข้อความโลกล่าสุดจะเป็นสมาชิกโอเวอร์เกียร์นั้นต่ำมาก
ขณะค่อย ๆ ตีกรอบรายชื่อให้แคบลง ดวงตานิกสันพลันเบิกโพลงเมื่อได้รับโทรศัพท์
“อะไรนะ? จอมอสูรลำดับ 33!?”
หัวหน้าบรรณาธิการแห่งนิตยสาร S ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้
ถ้าจำไม่ผิด ข้อความโลกเพิ่งแจ้งข่าวการตายของจอมอสูรลำดับ 29 ไปไม่ใช่หรือ?
แล้วทำไมตอนนี้ถึงมีข้อความโลกแจ้งเข้ามาว่า… จอมอสูรลำดับ 33 ถูกปราบสำเร็จอีกแล้ว?
แถมยังเป็นในนรก…
“กริด…!”
กล่าวกันว่า จอมอสูรในนรกจะแข็งกว่าบนโลกมนุษย์หลายเท่า เพราะมีละอองพลังอสูรมากมายให้ดูดซับมาใช้งาน การบุกถล่มนรกจึงไม่เคยเป็นเรื่องง่ายสำหรับมนุษย์
อย่างไรก็ตาม แม้จอมอสูรลำดับ 29 จะถูกฆ่าในนรก แต่หลายฝ่ายยังคลางแคลงว่า การล้มมาโชซิอัสของกริดอาจเป็นเพียงเหตุการณ์บังเอิญ หรือไม่ก็มีระบบภารกิจคอยช่วยเหลือ ยากจะให้เชื่อว่าผู้เล่นในปัจจุบันมีศักยภาพมากพอที่จะล้มจอมอสูรในนรกลงได้จริง
แต่เมื่อจอมอสูรลำดับ 33 ตายตามกันไปในเวลาไล่เลี่ย ข้อกังขาในใจพลันสูญสลาย
นิกสันไม่สนใจเรื่องอื่นอีก รีบลบบทความที่กำลังเขียนอยู่ - ตัวจริงของผู้ครอบครองศักยภาพไร้ขีดจำกัด – ทิ้งไปโดยไม่ลังเล จากนั้นก็เริ่มต้นเขียนใหม่โดยใช้ชื่อบทความที่เร้าใจและปลุกปั่นยิ่งกว่าเดิม
“ราชาโอเวอร์เกียร์ กริด ก้าวข้ามอริยดาบมุลเลอร์เรียบร้อยแล้ว!”
***
“กริด!”
“ยูเฟอมิน่า!”
จอมอสูรลำดับ 33 ทั้งก้าวร้าวและบ้าพลังยิ่งกว่าจอมอสูรลำดับ 29 มาโชซิอัส
ธรรมชาติของมันเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด ชนิดที่กริดไม่เคยพบเจอจากจอมอสูรตนใดมาก่อน
อีกฝ่ายทำให้กริดและยูร่าตกที่นั่งลำบากอยู่หลายหน
อย่างไรก็ตาม ถึงจะมีสังเวียนเป็นนรก แต่พลังทำลายของมันก็ยังไม่มากพอจะทะลวงผ่านสุดยอดปราการป้องกันของกริด ผู้ซึ่งเปิดใช้งานทั้งจิตวิญญาณเสือขาวและพลังเทพธรณีในจังหวะสมบูรณ์แบบ
ด้วยลำดับและค่าพลังป้องกันที่ต่ำกว่ามาโชซิอัสมาก หลังจากถูกยูร่ากระหน่ำยิงสักพัก จอมอสูรลำดับ 33 ก็ล้มลงอย่างหมดสภาพ
การต่อสู้อาจจบไวกว่าปรกติ แต่ก็ถือว่าค่อนข้างยาก
กริดและยูร่าประเมินว่า พวกตนลุยต่อไม่ไหวในสภาพปัจจุบัน จึงตัดสินใจกลับมายังโลกมนุษย์เพื่อเติมเสบียง (ที่ไม่มีในนรก)
แต่จากนั้นไม่นาน ทั้งสองได้รับข่าวดีว่ายูเฟอมิน่าเปลี่ยนคลาสสำเร็จ รีบเดินทางไปหาทันที
ด้วยสีหน้ายินดี ยูร่ายืนมองกริดและยูเฟอมิน่าสวมกอดกัน
กริดเปรียบดังพี่ชายตนโตที่พึ่งพาได้ ส่วนยูเฟอมิน่าคือน้องสาวคนเล็กร่างกายบอบบาง
ไม่ว่าจะมองมุมใด บรรยากาศก็เป็นไปในเชิงพี่น้องเสียมากกว่า
ยูร่าที่อ่านความสัมพันธ์ออก มิได้นึกถือสาภายในใจ
จากนั้น กริดและยูเฟอมิน่าต่างให้กำลังใจกันด้วยคำทำนองว่า ‘เธอคงผ่านอะไรมามากสินะ’ และ ‘ฉันขอโทษที่ทำให้นายเป็นห่วง’
เมื่อเห็นบทสนทนาเริ่มเงียบลง ยูร่าถือโอกาสร่วมแสดงความยินดี
“ยินดีด้วยนะ”
ยูเฟอมิน่าหันมาจับมือยูร่าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ขอบคุณมาก! หลังจากนี้ ฉันจะพยายามมีส่วนร่วมกับกิลด์ให้มากขึ้น”
“ที่ผ่านมา เธอก็ทำได้ดีมากอยู่แล้ว”
“แต่พี่สาว ถ้าเทียบกับคุณ… ฉัน…”
ยูเฟอมิน่ามองสลับไปมาระหว่างกริดกับยูร่า
ขุมนรก - สถานที่ซึ่งมนุษย์มิอาจย่างกรายเข้าไปได้ตามใจชอบ
ยูเฟอมิน่าอิจฉาคนทั้งสองที่ใช้เวลาร่วมกันภายในโลกส่วนตัว
เธออยากร่วมทางไปกับพวกเขา อยากพัฒนาตัวเองให้เป็นเสาหลักของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
เพราะในอดีต ตนเคยนึกสงสารแอ็กนัสจนทำให้กริดต้องผิดหวังมาแล้ว
ราวกับชายหนุ่มมีพลังจิต
“แล้วจะรอนะ”
กริดเผยรอยยิ้มอบอุ่นพลางลูบศีรษะอย่างทะนุถนอม
“ตั้งตารอได้เลย!”
ยูเฟอมิน่าฉีกยิ้มกว้างยิ่งกว่าเก่า น้ำเสียงเป็นไปอย่างกระตือรือร้น
หลังจากได้เป็นผู้สืบทอดมูมัด เลเวลของเธอลงลดเหลือสามร้อยถ้วน
หญิงสาวสูญเสียเลเวลไปเกือบ 100 ระดับ โดยนั่นเกิดจากความพยายามอย่างหนักไม่ต่ำกว่าห้าปี
อย่างไรก็ตาม ยูเฟอมิน่ามิได้นึกเสียดายแม้แต่น้อย
ถึงคลาสใหม่จะมิได้ร่ายมนตร์รวดเร็วเหมือนเวทยกระดับของบราฮัม แต่ในฐานะผู้สืบทอดมูมัด เธอเชี่ยวชาญเวทมนตร์ทำลายล้างเป็นวงกว้างในระดับสูงของทุกธาตุ หรืออาจกล่าวได้ว่า รายการทักษะล้วนเต็มไปด้วย ‘มหาเวท’ ระดับถล่มกองทัพ
เมื่อเป็นคลาสที่เชี่ยวชาญการเข่นฆ่าศัตรูกลุ่มใหญ่ การเก็บเลเวลก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
หญิงสาวเชื่อว่า ตนสามารถทวงคืนเลเวลที่หายไปได้ไม่ยาก สถานการณ์ของเธอยังดีกว่าจิสึกะและเฟคเกอร์มาก สองรายนั้นถูกรีเซตเลเวลจนต้องไปเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น
“ดีล่ะ… ฉันจะจัดงานฉลองสำหรับตำนานในกิลด์ทุกคน พรุ่งนี้ให้มารวมตัวกันที่บ้านฉัน”
เมื่อกริดประกาศออกไป สมาชิกโอเวอร์เกียร์หลายคนต่างล็อกเอาต์ทันที เพราะส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ ต้องใช้เวลาเตรียมตัวพอสมควรในการบินตรงมายังเกาหลีให้ทันงานวันพรุ่งนี้
แต่ในทางกลับกัน กลุ่มที่ย้ายมาอาศัยในเกาหลีใต้อยู่ก่อนแล้ว เช่นลอเอลและจิสึกะ ต่างตกเป็นเป้าสายตาริษยาจากมวลชนรอบตัว เพราะพวกเขายังสามารถจดจ่ออยู่กับเกมได้อีกสักพัก
***
‘เราต้องใช้หัวใจเทพอสูร…’
ก่อนจะออกล่าจอมอสูรลำดับ 33 กริดแวะพบเฮลมิส ช่างตีเหล็กแห่งขุมนรก และได้รับคำใบ้สำคัญมาหนึ่งเรื่อง
ไอเท็มที่ช่วยให้ ‘ค่าเรี่ยวแรง’ ไม่ลดลง
ลำพังการใช้ลมหายใจฟินิกซ์แดงเป็นวัตถุยังไม่เพียงพอ ต้องผสานหัวใจเทพอสูรเข้าไปด้วย
แต่การล่าเทพอสูรก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน
‘สตริโอ้…’
เทพอสูร - อีกหนึ่งเทพแห่งนรกนอกเหนือจาก ‘เทพมาร’ ยาธาน
แต่ทำไม ‘เทพ’ ถึงเป็นได้เพียงจอมอสูรลำดับสิบสอง?
ยิ่งขบคิด กริดก็ยิ่งไม่เข้าใจ
ขณะชายหนุ่มทำหน้าฉงน ยูร่าเสนอแนะ
“อันดับแรก ฉันว่าเราควรแวะไปหาอาโมแรคก่อน… ข้อมูลจากเธออาจเป็นประโยชน์”
“เธอกำลังจะบอกว่า อาโมแรคเป็นศัตรูกับบาเอล?”
“เป็นความสัมพันธ์ในเชิงหวาดระแวง”
“อา…”
กริดยังไม่ลืมว่า บราฮัมเคยสิงร่างตนและบุกถล่มวิหารใหญ่ของยาธานตามลำพัง นั่นคงทำให้อาโมแรคโกรธเคืองไม่น้อย
เมื่อเรื่องราวกำลังจะเข้าสู่บทใหญ่ของนรก ชายหนุ่มทั้งคาดหวังและค่อนข้างกังวล
ความจริงที่ไม่มีผู้ใดเคยล่วงรู้ บัดนี้กำลังรอคอยให้ตนเข้าไปตรวจสอบ
ขอบคุณที่ยังคงอัพเดทตอนใหม่เสมอมา
ReplyDelete