จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,333
คริสกำหนดจุดคืนชีพไว้ที่ฟรอนเทียร์
มันตัดสินใจย้ายบ้านมายังเมืองนี้เพื่อหมกตัวเก็บเลเวลบนเทือกเขาเคอัสโดยเฉพาะ
“อะไรนะ? เป็นความจริงหรือ…”
หลังจากคืนชีพและรีบวิ่งกลับไปยังเทือกเขาเคอัสด้วยความร้อนใจ คริสตกตะลึงอยู่พักใหญ่
แผนการล้อมโจมตีแอ็กนัสเป็นไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งแอ็กนัสถูกสังหารโดยการผนึกกำลังระหว่างเซ็ดนอส ลาเอลล่า เฟคเกอร์ และแค็ทซ์ นอกจากนั้นยังมีแวนเนอร์และป็อนที่มาถึงสนามรบช้ากว่าคนอื่นหนึ่งก้าว
แต่สิ่งที่ทำให้คริสประหลาดใจก็คือ เซ็ดนอสยอมรับโดยไม่อ้อมค้อมว่า หากพวกตนไม่แสดงฝีมืออย่างเต็มความสามารถ เกรงว่าคงไม่สามารถสังหารแอ็กนัสให้ตายคาที่ได้
‘มันยังเหลือเขี้ยวเล็บมากขนาดนี้หลังจากฆ่าเรา?’
คริสกัดฟันกรอด
ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล
แตกต่างจากคลาสอื่นในเกม คลาสลับชนิดนี้เกิดมาพร้อมความชั่วร้ายโดยไม่ถามความสมัครใจของผู้เล่น แน่นอน คริสเคยอ่านบทวิเคราะห์ ‘สาเหตุที่ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลอาจเป็นคลาสที่แข็งแกร่งที่สุดในซาทิสฟาย’ มาแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าแอ็กนัสจะทรงพลังถึงเพียงนี้
‘มันเพิ่งกลายเป็นตำนานไม่ใช่รึไง…’
ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลคือคลาสที่ต้องวิวัฒนาการอย่างใจเย็น แตกต่างจากคลาสตำนานอื่นที่ได้รับพลังของตำนานมาตั้งแต่ต้น
แอ็กนัสต้องเสียเวลาพัฒนาคลาสนานกว่าใคร แลกมากับการไม่ต้องถูกรีเซตเลเวลใหม่
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงได้ทั้งหมด อย่างน้อยก็ต้องถูกลดเลเวลให้เหลือประมาณสามร้อยตอนต้น
เมื่อพิจารณาจากทุกปัจจัยรวมกัน แอ็กนัสไม่น่าจะมีเลเวลสูงถึงสามร้อยตอนปลาย
ไม่สิ ถ้าคำนึงถึงอุปนิสัยส่วนตัวของอีกฝ่ายด้วยแล้ว เลเวลของแอ็กนัสไม่น่าจะถึงสามร้อยตอนกลางด้วยซ้ำ
แต่ในทางกลับกัน เลเวลของคริสสูงเกินกว่าสี่ร้อย แม้จะเป็นเพียงคลาสสามัญ แต่ค่าสถานะทุกชนิดล้วนผ่านระบบการตื่นครั้งที่สี่ ยังไม่รวมถึงทักษะพิเศษอีกหลายชนิดซึ่งได้รับมาพร้อมกับเลเวลที่เพิ่มขึ้น คริสสัมผัสถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจนระหว่างช่วงที่ตนยังเลเวล 399 และช่วงเลเวลปัจจุบัน
แข็งแกร่งขึ้นราวสามเท่าเห็นจะได้
ไม่ผิดไปจากคำกล่าวอันโด่งดังของประธานลิมชอลโฮ
คลาสสามัญจะยิ่งทรงคุณค่าเมื่อเวลาผ่านไป
คริสเชื่อว่าช่องว่างระหว่างคลาสสามัญกับคลาสลับจะลดลงอย่างมากเมื่อพัฒนาไปถึงช่วงเลเวลห้าร้อย มันคาดหวังว่าจะได้รับความเท่าเทียมกลับคืน หลังจากถูกคลาสลับเอาเปรียบด้วยจุดเริ่มต้นที่สูงกว่ามาเป็นระยะเวลานาน
ทุกคลาสจะต้องสมดุล มีแพ้ทางและชนะทาง มีจุดแข็งและจุดอ่อน
นั่นคือเหตุผลที่คริสยังคงยึดติดกับคลาสสามัญ
นอกจากนั้น ในช่วงปลายปีหลัง คริสค้นพบคลาสลับมากมาย ประกอบด้วยเกรดอีปิกจำนวนแปดคลาส ยูนีคอีกสาม แต่มันก็ปฏิเสธทั้งหมดด้วยเหตุผลที่ว่า ‘ไม่มีคลาสใดใช้ดาบใหญ่’
อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้คริสเลือกเดินบนเส้นทางคลาสสามัญก็คือ หากตนสามารถก้าวขึ้นไปเคียงบ่าเคียงไหล่กริดและครอเกลได้ด้วยคลาสธรรมดา นั่นจะยิ่งเกิดเป็นความภาคภูมิใจในระดับทวีคูณ
คริสวาดฝันอนาคตไว้สวยหรู และใช้สิ่งนั้นเป็นแรงผลักดันในการเอาชนะความเบื่อหน่ายอันเกิดจากวังวนการเก็บเลเวลไม่รู้จบ
แต่ในวินาทีนี้ ความฝันของคริสพลันแปรเปลี่ยนเป็นความสิ้นหวัง
อนาคตซึ่งตนเคยวาดภาพออกแบบ กลายเป็นเพียงวิมานที่จมลงไปในบ่อโคลน
ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล
คลาสซึ่งถูกยกย่องว่าแข็งแกร่งที่สุดในโลกได้ทำลายมโนภาพของคนคนหนึ่งจนพังพินาศ
“ฮะฮะ… ฮะฮะฮะ!”
ยังหรอกน่า… ไม่จริงเสมอไปสักหน่อย!
คริสระเบิดเสียงหัวเราะ
คลาสเกรดเลเจนดารีแล้วไง?
มันไม่ได้อยากได้เลยสักนิด
เราจะดึงความฝันขึ้นมาจากบ่อโคลนด้วยมือคู่นี้!
‘ต้องฝึกให้หนักขึ้น… ฉันจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าตัวแกในปัจจุบันให้ได้… แอ็กนัส!’
หากสามารถแซงหน้าแอ็กนัสได้หนึ่งก้าว ตนก็จะกลายเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของโลกเคียงข้างกริดทันที
‘จากนั้น… ฉันจะถีบแกกลับลงไป’
ด้วยความสัตย์จริง สำหรับคริส มันไม่เคยนึกอยากแข่งขันกับกริด
สายสัมพันธ์ในอดีตทำให้คริสมองกริดเป็นไอดอลมากกว่าคู่แข่ง และนั่นคือบ่อเกิดของความเฉื่อยชาและไม่ตั้งใจพัฒนาตัวเอง
แต่ในตอนนี้ คริสมีเป้าหมายใหม่ที่มั่นคงนามว่าแอ็กนัส
สำหรับคริส คู่แข่งคืออีกหนึ่งแรงกระตุ้นที่ช่วยให้มันเข่นฆ่ามอนสเตอร์ได้อย่างไม่เบื่อหน่าย
ความฮึกเหิมในใจคริสซึ่งปรารถนาจะเป็นผู้เล่นอันดับหนึ่งของโลกด้วยคลาสธรรมดา บัดนี้กำลังลุกโชนยิ่งกว่าครั้งใดที่ผ่านมา
“ฉันขอตัวไปเก็บเลเวล…”
หลังจากตรวจสอบความเสียหายในเมืองฟรอนเทียร์เสร็จ คริสกลับขึ้นไปบนเทือกเขาเคอัสตามลำพังโดยทิ้งให้พวกพ้องปรึกษาหาหรือถึงจุดอ่อนที่แอ็กนัสเผยออกมา ในอนาคตจะได้เตรียมรับมือและแก้ทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตราบใดที่คริสยังอยู่บนเทือกเขาเคอัส แอ็กนัสย่อมไม่มีทางเพ่นพ่านในแถบนี้ได้ตามอำเภอใจ
ถึงมันจะฆ่าคริสได้ แต่หลังจากคริสคืนชีพและกลับขึ้นไปใหม่ แอ็กนัสคงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบและอาจถึงขั้นต้องแลกด้วยชีวิต
***
<ปลดปล่อยดวงวิญญาณมูมัด>
★ภารกิจลับ★
ในฐานะศิษย์ของมหาจอมเวทบราฮัม มูมัดคือยอดอัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยาก
แต่น่าเสียดาย คนเก่งมักอายุสั้น
หัวใจของมูมัดไม่แข็งแรงมาตั้งแต่เกิด จึงถูกวินิจฉัยว่าจะตายก่อนอายุสามสิบ
มูมัดไม่เคยนำเรื่องโรคประจำตัวไปเล่าให้ใครฟัง เพียงก้มหน้าทุ่มเทให้กับการค้นคว้าสูตรเวทมนตร์ที่คนส่วนใหญ่สามารถใช้งานได้ นั่นคือความฝันในฐานะจอมเวทคนหนึ่ง
อาจเป็นช่วงชีวิตที่แสนสั้น แต่มูมัดก็มีความสุขและอิ่มเอมใจที่ได้เป็นส่วนสำคัญในการยกระดับเทคโนโลยีเวทมนตร์ให้โลกมนุษย์ เขายินดีจะจากโลกนี้ไปอย่างสงบและถูกเติมเต็ม
แต่สิ่งนั้นกลับไม่เกิดขึ้น
ความสำเร็จของมูมัดถูกผู้เป็นอาจารย์ ‘บราฮัม’ พรากไปอย่างคาดไม่ถึง
โทสะของมูมัดสุมแน่นอยู่ในอก เขาสาบานว่าจะต้องแก้แค้นบราฮัมให้จงได้
มูมัดวางแผนสร้างสูตรเวทมนตร์ชนิดใหม่ที่เหนือกว่าเวทมนตร์ของบราฮัมขึ้น จึงเดินทางไปยังอาณาจักรไซเรนเพื่อครอบครองลูกแก้วทรงพลัง
แต่ในภายหลัง มูมัดเริ่มตระหนักว่าความแค้นในใจเขาคงไม่มีวันถูกสะสาง
อายุขัยของตนสั้นเกินไป
เขาตัดสินใจใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุขแทนที่จะปล่อยให้ความเกลียดชังกัดกิน
มูมัดตกหลุมรักหญิงสาวเผ่าวารีผู้หนึ่งที่ได้พบกันในไซเรน จากนั้นก็จบชีวิตลงอย่างมีความสุข
ทว่าแม้จะตายไป แต่มูมัดกลับยังต้องทุกข์ทรมาน
ศพของเขาถูกผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลช่วงชิงไปเพื่อกระทำในสิ่งที่ขัดแย้งกับเจตจำนงของตน
ไซเรนคืออาณาจักรที่มูมัดทั้งรักและหวงแหน ในฐานะที่ท่านปกป้องดินแดนแห่งนี้ได้สำเร็จ และยังเป็นคนที่ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับมูมัดทั้งหมด จงนำพลังใหม่ที่เพิ่งได้รับ ไปใช้เพื่อปลดปล่อยดวงวิญญาณซึ่งกำลังทุกข์ทรมานของมูมัดให้เป็นอิสระ
เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ : ทำลายลิชมูมัดซึ่งอยู่กับผู้ทำพันธสัญญาบาเอล ‘แอ็กนัส’ และปลดปล่อยดวงวิญญาณให้เป็นอิสระ
รางวัลภารกิจ :
- คลาสเกรดเลเจนดารีประเภทเติบโต ‘ผู้สืบทอดมูมัด
- เวทมนตร์ทั้งหมดของมูมัดถูกเปิดใช้งาน
เธอได้รับภารกิจนี้มานานแค่ไหนแล้ว?
‘เป็นภารกิจจากหนังสือเวทมนตร์สักเล่มที่เราพบในไซเรน… ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะประมาณ…’
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกะเกณฑ์ว่าผ่านมาแล้วกี่ปี
ภารกิจดังกล่าวค้างอยู่ในหน้าต่างนานเสียจนต้องตั้งใจเค้นสมองทบทวน
ยูเฟอมิน่าเคยถอดใจกับภารกิจนี้อยู่หลายหน
แทบไม่มีโอกาสที่แอ็กนัสจะปล่อยให้ใครทำลายลิชมูมัด - หนึ่งในพลังที่มันหวงแหนมากที่สุด เมื่อผนวกเข้ากับทักษะ ‘ยกเลิกอัญเชิญ’ ซึ่งสามารถใช้งานตอนไหนก็ได้ โอกาสสำเร็จภารกิจของยูเฟอมิน่าจึงแทบเป็นศูนย์
จริงอยู่ หากกิลด์โอเวอร์เกียร์ใช้พลังอำนาจทั้งหมดรวมถึงตัวกริด การกำราบแอ็กนัสและจับมาขังคงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร แต่นั่นเป็นคนละส่วนกับการทำลายลิชมูมัด
หากแอ็กนัสไม่ต้องการ เกรงว่าคงไม่มีใครในโลกสามารถพรากลิชมูมัดไปจากมันได้
ยูเฟอมิน่าจึงเริ่มปลงกับชะตากรรม
แม้ว่ากริดจะเคยเสนอตัวช่วยหลายหน แต่เธอก็ปฏิเสธไปทุกครั้ง เพราะยูเฟอมิน่ารู้ดีว่าภารกิจนี้ไม่มีทางสำเร็จ จึงไม่ต้องการให้กริดเสียเวลาเปล่าไปกับตน
เธอตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการพยายามทำดีกับอีกฝ่าย จนกระทั่งได้ล่วงรู้อดีตอันขมขื่นของแอ็กนัสเข้าและเกิดเป็นความสงสาร
หลังจากนั้น หลายสิ่งหลายอย่างก็เริ่มผิดเพี้ยน
‘…แต่ในท้ายที่สุด ผลลัพธ์ก็ออกมาตรงตามที่เราต้องการ’
ขณะยืนจ้องดวงวิญญาณสีฟ้าใส รอยยิ้มเจือความเศร้าถูกฉาบบนใบหน้าหญิงสาว
ยูเฟอมิน่ายังไม่ลืมภาพสุดท้ายของแอ็กนัส ชายผู้เลือกเดินบนเส้นทางเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย
สำหรับเธอ แอ็กนัสยังคงเป็นบุคคลน่าสงสารและต้องได้รับการเยียวยา แต่ขณะเดียวกันก็เป็นผู้ชายที่มีหัวใจบริสุทธิ์อย่างมาก
แอ็กนัสยอมปล่อยมูมัดให้เป็นอิสระเพียงเพราะมันต้องการตัดความสัมพันธ์กับยูเฟอมิน่า โดยเชื่อว่าสิ่งนี้สามารถทดแทนบุญคุณในอดีตได้ครบถ้วน
บางที สาเหตุที่แอ็กนัสมักแสดงอาการแปลก ๆ ทุกครั้งที่เธอปรากฏตัว อาจไม่เกี่ยวกับเรื่องที่มันเป็นชายเสียสติ
แต่เพราะหัวใจของแอ็กนัสบริสุทธิ์จนซึมซับอิทธิพลจากสิ่งรอบข้างได้ง่าย
‘ไม่สิ… ห้ามคิดแบบนั้นเด็ดขาด’
เธอไม่ควรให้ความสำคัญกับแอ็กนัสมากนัก และไม่ต้องพยายามคิดในแง่บวก
แอ็กนัสคือศัตรูตัวฉกาจของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ นั่นคือสิ่งที่มันเลือกด้วยตัวเอง
ยูเฟอมิน่าคอยย้ำเตือนกับตัวเองเสมอว่า ตนคือหนึ่งในสมาชิกโอเวอร์เกียร์ มีหน้าที่ต้องจัดการแอ็กนัสให้เด็ดขาดโดยปราศจากความลังเล แม้ภายในใจจะรู้สึกสงสารอีกฝ่ายมากก็ตาม
ย้อนกลับไปเมื่อสิบนาทีก่อน ยูเฟอมิน่าเตรียมใจที่จะปลิดชีวิตแอ็กนัสด้วยสายตาแน่วแน่
มาถึงตรงนี้ คงต้องยอมรับกันตามตรงว่า หากแอ็กนัสไม่ยอมปล่อยมูมัดด้วยตัวเอง การจะเอาชีวิตมันคงเป็นไปได้ยากมากแม้ทุกคนจะร่วมมือกัน
ยูเฟอมิน่าคือสมาชิกของโอเวอร์เกียร์ สำหรับเธอกิลด์ต้องมาก่อนเสมอ
หญิงสาวไม่ต้องการทำให้กริดผิดหวัง ขณะเดียวกันอยากเป็นพลังให้กริดในอนาคต
‘เราต้องตอบแทนบุญคุณของกริดให้ได้…’
แต่ไหนแต่ไร กริดยกย่องยูเฟอมิน่าอย่างออกนอกหน้ามาตลอด
มันเชื่อโดยไม่เคลือบแคลงว่า สตรีผู้นี้คือยอดขุนพลที่ฝีมือแข็งแกร่งกว่าตนมาก
ความเชื่อดังกล่าวแสดงออกอย่างชัดเจนทางสีหน้าและการกระทำ และนั่นกลายเป็นภาระอันใหญ่หลวงที่หญิงสาวต้องแบกรับมานาน
ในอดีต กริดมองว่าคลาสที่สามารถคัดลอกทักษะของผู้อื่นได้ดังใจนึก จะแข็งแกร่งชนิดไม่มีใครเทียบได้หากเตรียมตัวล่วงหน้าเป็นอย่างดี
แต่ยิ่งเวลาผ่านไป ยูเฟอมิน่าก็เริ่มเห็นช่องว่างระหว่างคลาสนักคัดลอกและคลาสลับระดับสูง
นักคัดลอกเต็มไปด้วยขีดจำกัด สามารถคัดลอกทักษะได้ไม่กี่ครั้งต่อวัน แถมยังมีโอกาสล้มเหลว
ดังนั้น การได้ครอบครองเวทมนตร์ ‘บางส่วน’ ของมูมัดจึงช่วยกลบจุดอ่อนของคลาสนักคัดลอกที่เคยเป็นปัญหามานาน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เพียงพอจะต่อกรกับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า
เมื่อเทียบกับชื่อเสียงและความคาดหวังจากกริด ยูเฟอมิน่าพบว่าตนยังห่างไกลไปมาก
แต่วินาทีนี้ ทุกสิ่งเริ่มพัฒนาไปในทิศทางที่ดี อีกไม่นานคงระเบิดปะทุอย่างก้าวกระโดด
“มูมัด… คุณทรมานมาพอแล้ว”
ณ ชายแดนฟรอนเทียร์ ท่ามกลางพายุหิมะโหมกระหน่ำ
ยูเฟอมิน่าซึ่งยืนบนกำแสงสูง เริ่มส่งดวงวิญญาณของมูมัดลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าสีหม่น
“หวังว่าคุณจะได้ขึ้นสวรรค์และพักผ่อนไปตลอดกาลร่วมกับภรรยา”
มูมัดอาจตายไปตั้งแต่ยังหนุ่มโดยไม่โอกาสได้เติมเต็มความทะเยอทะยาน แต่ถึงอย่างนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า บั้นปลายชีวิตของมูมัดล้วนเต็มไปด้วยช่วงเวลาแห่งความสุข
อย่างน้อยก็ได้อยู่ร่วมกับคนรักที่ไซเรนและจากไปอย่างสงบ
ขณะยูเฟอมิน่ากำลังเผยรอยยิ้มอ่อนโยน หญิงสาวพลันประหลาดใจ
เหตุเพราะดวงวิญญาณของมูมัดที่ได้รับอิสระ ปฏิเสธการลอยขึ้นไปบนสวรรค์ แต่เลือกจะหยุดค้างกลางอากาศในตำแหน่งเดิมเป็นเวลานาน
เพียงไม่นานก็ทราบสาเหตุ
“บราฮัม!”
อาจารย์ของมูมัด
ชายผู้ริษยาในความอัจฉริยะของศิษย์จนต้องพรากมันไป
และเหนือสิ่งอื่นใด มูมัดต้องกลายเป็นลิชด้วยฝีมือของบราฮัม ความจริงข้อนี้ถูกเผยออกมาในบทสนทนาระหว่างภารกิจ <บราฮัมและมูมัด>
มูมัดถูกผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลขโมยศพ ส่งผลให้ดวงวิญญาณที่ติดอยู่ภายในศพ ทำได้เพียงเชื่อฟังคำสั่งที่ขัดแย้งกับจิตใต้สำนึกโดยมิอาจโต้แย้ง – ข้อความเหล่านี้ถูกเขียนไว้ในคำอธิบายภารกิจของยูเฟอมิน่า และเป็นสิ่งที่คนทั่วไปได้รับรู้
แต่ในความเป็นจริง นั่นมิใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ถูกต้อง คนสร้างลิชมูมัดไม่ใช่แอ็กนัส
มันมิได้ใช้พลังของคลาสเปลี่ยนให้ศพคนธรรมดากลายเป็นลิช แต่แอ็กนัสทำการขโมยลิชที่ถูกใช้เป็นเครื่องจักรสังหารอยู่ก่อนแล้วมาครอบครอง
‘บราฮัมมาทำอะไรที่นี่?’
ยูเฟอมิน่าไม่ต้องการให้บราฮัมและมูมัดเผชิญหน้ากัน
เหตุการณ์มีแต่จะยิ่งบานปลายหากคนทั้งสองหวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ความเกลียดชังที่มูมัดมีต่อบราฮัมนั้นยิ่งใหญ่ดุจดังขุนเขา เป็นเหตุผลว่าทำไมยูเฟอมิน่าถึงเลือกปล่อยดวงวิญญาณมูมัดที่ชายแดนฟรอนเทียร์แทนเมืองหลวงอย่างไรนฮาร์ท
แต่จนแล้วจนรอด บราฮัมกลับปรากฏตัว
มหาจอมเวทในตำนานมิได้ชายตามองหญิงสาวแม้แต่น้อย เพียงเดินผ่านไปโดยเอาแต่จดจ้องดวงวิญญาณของมูมัดอย่างไม่ละสายตา
ขณะบราฮัมก้าวผ่านยูเฟอมิน่า
“…!”
ดวงตาหญิงสาวพลันเบิกโพลง
แม้จะเป็นเสียงบางเบาจนฟังได้ยาก แต่ยูเฟอมิน่าสามารถจับใจความได้ว่า ‘ขอบคุณ’
[บรา…ฮัม…]
ในฐานะลิช มูมัดฆ่าคนไปมากมาย
เหตุผลที่มันต้องทุกข์ทรมานนานกว่าร้อยปี เพราะมูมัดมีพลังใจอันเข้มแข็งในระดับเหนืออัจฉริยะจนไม่สูญเสียสติสัมปชัญญะแม้จะเวลาจะผ่านไปนาน หากเปลี่ยนเป็นคนธรรมดาคงเสียสติและเป็นบ้าไปนานแล้ว
บราฮัมลอยขึ้นไปในอากาศ
ดวงตาของมหาจอมเวทเริ่มพร่ามัวขณะหันไปทางมูมัดซึ่งจดจำตนได้และกำลังแผ่จิตอาฆาต
“ศิษย์เอ๋ย”
[บราฮัม!]
“ข้าขอโทษ”
[…!]
“…เรื่องที่เคยพรากผลงานของเจ้า ข้าสำนึกผิดมาตลอด… เพื่อจะแก้ไขบาป ข้าตัดสินใจเปลี่ยนเจ้าให้กลายเป็นลิชซึ่งมีชีวิตนิรันดร์ ผู้คนจะได้ยกย่องในความอัจฉริยะของเจ้าไปตลอดกาล”
[……]
“…แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าสิ่งที่ทำมันเลวร้ายเพียงใด”
ต้องขอบคุณกริด บราฮัมเริ่มเข้าถึงความเป็นมนุษย์มากขึ้น
มันเริ่มตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเอง เริ่มเกิดความสำนึกจากก้นบึ้ง
“ข้าจะไม่ขอให้เจ้ายกโทษ… แต่หากเรามีวาสนาต่อกันและได้พบกันอีกในชีวิตถัดไปของเจ้า ถึงตอนนั้นข้าจะอุทิศชีวิตให้แก่การชดเชยบาปทั้งหมด”
[……]
ดวงวิญญาณของมูมัดที่กำลังส่องแสงอย่างเงียบงัน เริ่มไหววูบประหนึ่งเปลวไฟร้อนแรง
คล้ายกับอารมณ์โกรธ เกลียด โมโห ว่างเปล่า และโศกเศร้ากำลังขัดแย้งภายในใจ
ดวงวิญญาณมูมัดเงียบงันเป็นเวลานาน ก่อนจะกระจัดกระจายกลายเป็นละอองแสง
ในวินาทีนี้ ยูเฟอมิน่ากลายเป็นผู้สืบทอดองค์ความรู้ของมูมัดโดยสมบูรณ์ตามระบบภารกิจ
Comments
Post a Comment