จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 863



อดีตข้ารับใช้ลำดับแปด  ยูร่า—คนทรยศ 
อดีตข้ารับใช้ลำดับเจ็ด  ดาร์คบัส—เสียชีวิตระหว่างภารกิจาำคัญในจักรวรรดิซาฮารัน
อดีตข้ารับใช้ลำดับหก  มาลาคัส—เสียชีวิตระหว่างประกอบพิธีกรรมในวินสตัน 
อดีตข้ารับใช้ลำดับสี่  เนบีเรียส—เสียชีวิตระหว่างนำกองทัพบุกถล่มไบรัน
อดีตข้ารับใช้ลำดับหนึ่ง  ทัลลอส—เสียชีวิตโดยจอมเวทปริศนาที่บุกรุกวิหารหลักยาธาน 

    นี่คือบันทึกของอดีตข้ารับใช้ยาธาน  เป็นความอับอายที่วิหารยาธานต้องการเก็บซ่อนให้มิดชิด

    บุคคลฝีมือเยี่ยมที่ถูกเลือกสรรโดยอาโมแร็ค  จอมอสูรผู้รับใช้เทพมาร  ยาธาน  ได้ถูกสังหารโดยบุคคลที่ไม่ทราบฝ่าย

    นับเป็นความเสื่อมเกียรติอย่างมาก

    ในภายหลัง ‘ไลคาออส’ ถูกแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ ‘ตัวแทนอาโมแร็ค’ แทนทัลลอสที่ตายไป  เบื้องหน้าคือข้ารับใช้ยาธานอันดับหนึ่ง  คอยออกคำสั่งและบงการข้ารับใช้คนที่เหลือ

    “สัตว์ป่าที่รับใช้รีเบคก้าและเหล่าสาวกที่ศรัทธาหล่อนอย่างไม่ลืมหูลืมตา  พวกมันจะรวมตัวที่วาติกันในอีกไม่ช้า  นี่คือโอกาสทองสำหรับการกวาดล้าง  จงทำลายวาติกันให้สิ้นซากและกอบกู้ชื่อเสียงวิหารยาธานที่ถดถอย!”

    ไลคาออสมั่นใจ  บุตรีแห่งรีเบคก้าต้องมีสภาพร่อแร่เจียนตายเต็มที

    คำสาปของศาสตราเทพรีเบคก้าคือสิ่งที่ล่วงรู้กันทั่ว  ปัจจุบัน  หญิงสาวทั้งสามคงเป็นเพียงซากตุ๊กตาที่ใกล้หมดลมหายใจ  

    แต่ข้ารับใช้ยาธานชุดใหม่ทั้งวัยเยาว์และเปี่ยมด้วยพละกำลัง

    ขณะเกิดความคิดเช่นนี้  ไลคาออสเล็งเห็นช่องทางสำหรับก่อความโกลาหล

    นอกจากโบสถ์รีเบคก้าแล้ว  การลงมือคราวนี้จะสร้างหายนะใหญ่แก่ทั้งจักรวรรดิและอาณาจักรที่เหลือ  

    ดังนั้น  ไลคาออสจึงส่งข้ารับใช้ยาธานมากถึงห้าคนเข้าร่วมภารกิจ  พร้อมกับร้องขอให้ผู้ทำพันธสัญญาบาเอลร่วมมือ

    “พวกสัตว์ประหลาดเริ่มรวมตัวกันแล้วสินะ  คิคิก!”

    เหนือยอดเขาเคย์ที่ปกคลุมด้วยเมฆฝน  จอมเวทมืดอันดับหนึ่งและข้ารับใช้ยาธานลำดับแปด  โรส  พร้อมด้วยผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล  รวมถึงข้ารับใช้ยาธานอีกสี่คน  พวกมันกำลังจ้องมองลงมายังวาติกันเป็นตาเดียว
    
    ราชาโอเวอร์เกียร์ผู้โด่งดังแล้วอย่างไร?  ชายคนนั้นอาจก่อหายนะในวาติกันมาแล้วสองครั้ง  แต่วิหารยาธานไม่มีวันหวาดกลัวบุคคลเพียงผู้เดียวแน่

    มีอัศวินสีชาดเป็นหน่วยคุ้มกันองค์ชายจักรวรรดิแล้วอย่างไร?  พวกมันก็แค่กลุ่มคนที่สูญเสียความเชื่อมั่นจากจักรพรรดิ  เป็นเพียงหน่วยอัศวินที่ใกล้สาปสูญ

    มีสามบุตรรีเบคก้าแล้วอย่างไร?  พวกเธอเป็นเพียงตุ๊กตาไร้วิญญาณที่ถูกศาสตราเทพสูบชีวิต  สภาพคงร่อแร่ไม่ต่างจากซากศพเดินได้

    “ก็แค่พวกมดปลวก”

    ไลคาออสและเหล่าข้ารับใช้ยาธานต่างแสยะยิ้มเหยียดหยัน  

    ซึ่งแอ็กนัสก็เห็นด้วย  

    พลังอำนาจฝ่ายวิหารยาธานน่ากลัวยิ่งกว่าที่มันเคยคิดไว้  

    แอ็กนัสประเมินขุมกำลังจากกลุ่มเงาดำที่ลอบเคลือนไหวอยู่ด้านหลัง  จำนวนของจอมเวทมืดระดับสูงที่เป็นกองทัพหลัก  มีมากเกินกว่าหนึ่งพันคนเลยสีเดียว

    ***

    “ฮะฮะ  เข้าใจแล้ว”
    
    “สมกับเป็นองค์ชายดูรันดัล”
    
    “ช่างน่าเลือมใส”

    ภาพบรรยากาศงานเลี้ยงอาหารค่ำไม่ผิดเพี้ยนไปจากที่คนทั่วไปคาดคิด

    ตระกูลราชวงศ์เกือบทั้งหมดล้วนยืนรายล้อมรอบตัวองค์ชายจักรวรรดิลำดับสอง  

    ดูรันดัล

    ถึงจะห่างไกลจากตำแหน่งสืบบัลลังก์มาก  เพราะองค์ชายลำดับหนึ่งและลำดับสี่มีโอกาสสูงกว่า  แต่ชื่อเสียงของดูรันดัลก็ยังยิ่งใหญ่บนทวีปตะวันตก

    มันครอบครองพลังอำนาจที่สามารถบดขยี้อาณาจักรเล็กให้ราบคาบภายในค่ำคืนเดียว  ไม่แปลกที่เหล่าราชวงศ์เล็กจากทั่วทั้งทวีปพยายามเอาอกเอาใจดูรัลดัล

    “หืม…”

    สายตาดูรันดัลเบนจากกลุ่มราชวงศ์น่าเบื่อหน่ายไปยังมุมห้อง  มันเหลือบเห็นสตรีผมสีเงินส่องประกายจากแสงไฟ

    ความงดงามของเธอหาได้ยากยิ่ง  แม้จะเป็นจักรวรรดิที่เปี่ยมด้วยหญิงงามก็ตาม  เธอดึงดูดสายตาดูรันดัลได้ไม่น้อย

    มันหลงไหลในสตรีที่มีบุคคลิกอ่อนโยนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

    “นั่นใครกัน?”

    เมื่อดูรันดัลเกิดความสนใจ  ตระกูลราชวงศ์อื่นรีบขานรับอธิบาย

    “ราชินีโอเวอร์เกียร์ขอรับ”

    “โฮ่…ภรรยาของราชาโอเวอร์เกียร์สินะ?”

    ราชาโอเวอร์เกียร์—บุคคลเดียวในประวัติศาสตร์ที่กดดันให้จักรวรรดิ ‘ทำสัญญาสงบศึก’ สำเร็จเป็นครั้งแรก

    มหาจักรพรรดิฮวนเดอร์ผู้ไม่เคยเกรงกลัวผู้ใด  เกิดความกังวลใจจนกระทั่งออกปากเชิญราชาโอเวอร์เกียร์ให้เข้าเฝ้าในฐานะแขกพิเศษ

    “ช่างน่าเสียดาย”

    มันกล่าวพลางจัดการกับเครื่องดื่มที่เหลือในแก้ว  โชคตะชาช่างเล่นตลกที่นำพาให้สตรีเลอโฉมผู้นี้หลงรักราชาโอเวอร์เกียร์

    ความสนใจดูรันดัลเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง  

    คราวนี้เป็นเด็กหนุ่มผู้มีแววตาสีฟ้าครามราวผืนสมุทรเฉกเช่นราชินีโอเวอร์เกียร์

    เส้นผมสีดำขลับตัดกันผิวพรรณขาวนวลจนเกิดออร่าความสง่างาม

    “แล้วเด็กคนนั้นล่ะ?”

    “องค์ชายโอเวอร์เกียร์ขอรับ”

    “โฮ่…”

    บุตรชายแห่งราชาโอเวอร์เกียร์สินะ…? จะมีสติปัญญาล้ำเลิศขนาดไหนกัน?  

    เมื่อความสงสัยบังเกิด  ดูรันดัลจึงขยับเท้าเข้าไปใกล้
    
    ‘ไชนนิ่ง’ องค์ชายแห่งโฟลด์ซึ่งยืนไม่ห่างจากลอร์ดมากนัก  เขาต้องผงะทันทีเมื่อเห็นดูรันดัลเดินเข้าใกล้

    ‘ไม่นึกว่าองค์ชายจักรวรรดิจะมาร่วมงานด้วย…’

    ในพิธีก่อตั้งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์  อาณาจักรโฟลด์ประกาศเลิกส่งบรรณาการให้จักรวรรดิและเข้าร่วมกับโอเวอร์เกียร์เป็นการถาวร

    พวกเขาหยุดสัมพันธ์ทางการเมืองทั้งหมดกับจักรวรรดิ  ปล่อยให้โชคชะตาของตนอยู่ในกำมือโอเวอร์เกียร์แต่เพียงผู้เดียว

    ทว่า  ความเป็นทาสที่ฝังรากลึกในสายเลือดมิอาจถอนรากถอนโคนได้ชั่วข้ามคืน  

    องค์ชายลำดับหนึ่งแห่งโฟลด์ทำได้เพียงแข้งขาสั่น  เขาจินตนาการไม่ออกว่าดูรันดัลคิดทำสิ่งใดกับตน

    ชายคนนี้หลงลืมจนหมดสิ้นว่าตนมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างโอเวอร์เกียร์  ภายในหัวเอาแต่หวาดกลัวว่าจักรวรรดิอาจออกคำสั่งให้ทำอาณาจักรโฟลด์ทิ้งเสีย  

    ฝ่ามือของเขาสั่นระริกจนหยุดไม่ได้

    “ถอยไป”

    องค์ชายลอร์ดจับแขนองค์ชายแห่งโฟลด์พลางดึงไปด้านหลัง

    แล้วสิ่งที่น่าทึ่งก็เกิดขึ้น  องค์ชายโฟลด์สงบจิตใจลงในพริบตา

    เสียงของลอร์ดหนักแน่นจนสลายความกังวลเป็นปลิดทิ้ง  ฝ่ามือของลอร์ดมอบความอบอุ่นและความกล้าหาญที่ยิ่งใหญ่

    “ไม่ได้  ผมจะปกป้องท่านเอง”

    องค์ชายไชนนิ่งกำมือลอร์ดแน่นพลางขบกราม  เขาไม่คิดหนีจากดูรันดัลอีก  

    “องค์ชายลำดับหนึ่งแห่งอาณาจักรโฟลด์  ไชนนิ่ง  เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบองค์ชายแห่งจักรวรรดิ”

    “โฮ่…”

    ดูรันดัลประหลาดใจกับท่าทีอ่อนน้อมแต่องอาจไม่สั่นคลอนของไชนนิ่ง

    เป็นแค่ตระกูลราชวงศ์ต่ำต้อย  แต่กล้าทำตัวองอาจต่อหน้าองค์ชายแห่งจักรวรรดิเชียวหรือ?  

    ดวงตาไชนนิ่งปราศจากความสั่นกลัว

    กระนั้น  ดูรันดัลมิได้แสดงออกถึงความไม่พอใจผ่านสีหน้า  ตัวมันเป็นถึงองค์ชายแห่งจักรวรรดิที่ต้องรักษาภาพลักษณ์

    ดูรันดัลฉีกยิ้มพลางตบบ่าไชนนิ่งเล็กน้อย  มันตอบโต้อีกฝ่ายด้วยแรงกดดันทางการเมือง  มิใช่พละกำลังหรือความรู้สึกส่วนตัว

    “อาณาจักรโฟลด์ประกาศว่าจะไม่พึงพาจักรวรรดิแล้วใช่ไหม?”

    “ขอรับ…อาณาจักรเล็กอย่างพวกเรามิกล้ารบกวนจักรวรรดิผู้ยิ่งใหญ่  การอ้าแขนปกป้องพวกเรารังแต่จะทำให้จักรวรรดิขาดแคลนทรัพยากรอย่างสูญเปล่า  พระบิดาจึงตัดสินใจที่จะไม่เป็นภาระกับจักรวรรดิอีก…”

    “กับแค่อาณาจักรเล็ก  จะสิ้นเปลืองทรัพยากรเท่าไรนักเชียว?”
    
    “…”

    “การแยกตัวเป็นอิสระต้องให้องค์จักรพรรดิเป็นผู้ตัดสินใจ  มิใช่พ่อของเจ้า”

    “…”

    “ฝ่าบาทมหาจักรพรรดิทรงกริ้วกับเรื่องนี้มาก  ฉันได้แต่นึกสงสัย  อาณาจักรโฟลด์หลงลืมบุญคุณพวกเราจนหมดสิ้นแล้วหรือ?”

    “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร?  พวกเราไม่มีวันลืมบุณคุณที่จักรวรรดิคอยสนับสนุน…”

    สีหน้าของไชนนิ่งเริ่มขาวซีดอีกครั้ง  สุ้มเสียงและร่างกายสั่นเทา

    อาณาจักรโฟลด์ก่อตั้งบนดินแดนรกร้างแห้งแล้ง  แต่ปณิธานของราชาแห่งโฟลด์ที่ต้องการเติมเต็มชาวเมืองให้อิ่มท้องไม่เคยบรรลุผล  สาเหตุสำคัญมาจากจักรวรรดิ

    จักรวรรดิซาฮารันอันยิ่งใหญ่ที่มีพลังทำลายอาณาจักรโฟลด์ได้ทุกเมื่อ  มันย่ำยีและขูดรีดภาษีของอาณาจักรโฟลด์มานานกว่าสองร้อยปีเต็ม  

    เมื่อต้องนำกำไรเกือบทั้งหมดมอบให้จักรวรรดิ  อาณาจักรโฟลด์จึงมิอาจพัฒนาตัวเองได้มากเท่าที่ควร  ผู้คนเริ่มขาดแคลนอาหารมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

    ใช่แล้ว  ตลอดสองร้อยปีที่ผ่านมา  อาณาจักรโฟลด์กำลังก้าวถอยหลังและใกล้ล่มสลายเต็มที

    ยิ่งเวลาผ่านไป  การดิ้นรนขัดขืนก็ยิ่งทำได้ยาก

    จากที่เคยกล่าวไปนานแล้ว  อาณาจักรโฟลด์เป็นอาณาจักรแห่งวิญญาณ  เพราะเกิดการนองเลือดภายในบ่อยครั้ง  

    สิ่งนี้เป็นฝีมือการแทรกแซงจากจักรวรรดิที่ต้องการให้อาณาจักรโฟลด์เกิดสงครามบ่อยครั้งจนขาดความมั่นคง

    ชาวเมืองโฟลด์ส่วนใหญ่จงเกลียดจงชังจักรวรรดิมาก  พวกเขาโกรธแค้น  แต่ก็หวาดกลัวในเวลาเดียวกัน  องค์ชายไชนนิ่งคือเหยื่อของสายเลือดที่ถูกหล่อหลอมด้วยความหวาดกลัวจากก้นบึ้ง

    เมื่อดูรันดัลกล่าวอ้างถึงองค์จักรพรรดิ  ตัวตนของไชนนิ่งหดลืบลงทันตาเห็น  เขากังวลว่านี่อาจเป็นจุดจบราชวงศ์โฟลด์อันยาวนาน

    ทันใดนั้น  องค์ชายลอร์ดออกแรงบีบข้อมือไชนนิ่งจนแน่น  

    องค์ชายโฟลด์พลันหลุดพ้นจากอาการหวาดกลัวอีกระลอก  หัวใจกลับมาเต้นปรกติ  ความกล้าหาญไหวเวียนภายในร่างกายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

    ไชนนิงรู้สึกราวกับร่างกายของตนถูกสำแลงอบอุ่นห่อหุ้มจนทั่ว

    เขาทราบได้ทันที…นี่คือพลังอวยพร

    ‘เด็กคนนี้มีเวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์…?’

    ลอร์ดอมยิ้มให้กับไชนนิ่งที่กำลังสับสน

    “สันตะปาปาดาเมี่ยนเป็นคนสอนผม”

    “…?”

    สันตะปาปาผู้ยิ่งใหญ่แห่งโบสถ์รีเบคก้ากลับถ่ายทอดเวทศักดิ์สิทธิ์ให้องค์ชายจากอาณาจักรทั่วไป?

    เหลวไหลสิ้นดี  คงเป็นการยากที่จะใช้ไชนนิ่งเชื่อคำพูดลอร์ด  สิ่งนี้เกินจริงไปมาก

    แต่ไชนนิ่งมิได้มองว่าลอร์ดมีเจตนาร้าย  เด็กคนนี้คงเข้าใจผิดไปเอง

    ขณะเดียวกัน  ดูรันดัลสัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากล

    ‘เกิดอะไรขึ้น?’

    นี่คือหนที่สอง

    เจ้านี่ชื่อไชนนิ่งสินะ?  องค์ชายจักรวรรดิอย่างมันไม่ค่อยจดจำชื่อบุคคลมากนัก  เกรงกว่าพรุ่งนี้คงหลงลืมทุกคนในวันนี้เสียสนิท

    ‘ของวิเศษ?’

    ทันใดนั้น  ประกายเปลวเพลิวสีแดงเริ่มไหลเวียนรอบดวงตาดูรันดัล 

    สิ่งนี้คือ ‘ปราณสีชาด’ พลังเฉพาะสายเลือดราชวงศ์ซาฮารันเท่านั้น

    ผลลัพธ์จากการตรวจสอบด้วยเนตรสีชาดทำให้ดูรันดัลต้องทึ่ง  

    บุคคลที่น่าตกตะลึงมิใช่ไชนนิ่ง  หากแต่เป็นเด็กตัวน้อยที่ยืนอยู่ด้านข้าง

    ‘พลังศักดิ์สิทธิ์?’

    ‘ทุกสิ่งนอกจากข้าล้วนเป็นพวกมาร’  นี่คือสิ่งที่พลังศักดิ์สิทธิ์จากลอร์ดกำลังกู่ร้อง
    
    หากเด็กคนนี้หมั่นฝึกฝนพลังศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่อง  ภายในสิบปี  เขาจะมีพลังศักดิ์สิทธิ์เทียบเท่าสันตะปาปาดาเมี่ยนแน่นอน

    ‘ใช่บุตรชายของราชาโอเวอร์เกียร์จริงหรือ?’

    ดูรันดัลคงไม่ปฏิเสธหากลอร์ดมีทักษะการตีเหล็กเข้าขั้นอัจฉริยะ  แต่นี่พลังศักดิ์สิทธิ์?

    ‘หรือจะเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นในตอนที่เด็กคนนี้เกิดมา?’

    และนั่นคงเป็นเหตุผลที่ราชาโอเวอร์เกียร์ส่งเด็กน้อยมาร่วมงานพิธีแสนสำคัญ  

    ดูรันดัลได้ข้อสรุปของเรื่องราวทั้งหมด

    ‘บุตรชายเกิดมาพร้อมพลังศักดิ์สิทธิ์เหนือเด็กทั่วไป  ราชาโอเวอร์เกียร์จึงรีบส่งตัวให้วาติกันอบรมตั้งแต่ยังเยาว์’

    ลอร์ดอาจบกพร่องในฐานะผู้สืบบังลังก์  แต่เด็กคนนี้คือตัวตนที่ยิ่งใหญ่ลำหรับวาติกัน

    ท่าทีเอนเอียงของอาวุโสรีเบคก้าค่อนข้างแน่ชัดแล้ว  ลอร์ดจะสละสิทธิ์การสืบบัลลังก์และกลายเป็นสันตะปาปาองค์ใหม่ในอนาคต

    ‘และหากสันตะปาปามีสายสัมพันธ์โลหิตกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์…’

    ในอดีต  เหตุผลที่จักรวรรดิสนับสนุนปาสคาลคือสิ่งใดกัน? 

    คำตอบง่ายมาก  เพราะบิดาของปาสคาลเป็นขุนนางจักรวรรดิ  และหากสันตะปาปาองค์ใหม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด…

    ดูรันดัลตระหนักถึงสิ่งที่ราชาโอเวอร์เกียร์เล็งไว้  มันนึกยกย่องชื่นชมกริดในใจ 

    ‘ยอมเสียสละบุตรชายเพื่อใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง…สมกับเป็นราชาโอเวอร์เกียร์  ศัตรูคนเดียวที่ฝ่าบาทมหาจักรพรรดิให้การยอมรับ’

    ดูรันดัลฉีกยิ้มกว้างเมื่อทราบถึงความเลือดเย็นของราชาโอเวอร์เกียร์ 

    จักรวรรดิของตนมิได้เกรงกลัวมดปลวก  หากแต่เป็นพญาราชสีห์

    “ผมมีนามว่าลอร์ด  บุตรชายแห่งราชาโอเวอร์เกียร์  ยินดีที่ได้พบท่านองค์ชายแห่งจักรวรรดิ”

    ลอร์ดอายุเพียงหกขวบ

    คงเป็นการยากให้เชื่อว่า  เด็กหนุ่มแสนใสซื่อผู้นี้จะกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจในอนาคต

    ลอร์ดในปัจจุบันมีเพียงความน่ารักและน่าเอ็นดู

    “อะแฮ่ม”

    ดูรันดัลตกตะลึงเสน่ห์ดึงดูดของลอร์ดไปครู่ใหญ่  ก่อนจะดึงสติกลับมาอีกครั้ง

    มันพยายามปั้นหน้าเคร่งขรึมพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

    “ยินดีที่ได้พบ  ฉันเคยได้ยินชื่อเสียงของบิดาเจ้ามาบ้าง…”

    ยังไม่ทันที่มันจะกล่าวทักทายเสร็จ  อัศวินคุ้มกันของดูรันดัลพลันชักดาบจากฝัก

    ชิ้ง—

    “เกิดอะไรขึ้น?”

    ภายในโถงรับรองเกิดความโกลาหลเล็กน้อย  ไม่มีใครทราบถึงสาเหตุที่ดาบถูกชักออกจากฝักอัศวินสีชาด

    พาลาดินรีบกรูเข้ามาระงับเหตุ  ส่วนองค์ชายไชนนิ่งรีบโอบกอดลอร์ดหวังปกป้องจากอันตราย

    โค้ก  อัศวินซึ่งกำลังคุ้มกันไอรีน  รีบเค้นเสียงถาม

    “คิดจะทำอะไร?”

    โค้กแผ่จิตสังหารเข้มข้นใส่อัศวินสีชาดที่ชักดาบต่อหน้าลอร์ด  เขาเข้าใจผิดว่าพวกมันคิดจะทำร้ายองค์ชายโอเวอร์เกียร์

    แต่รอยแมนกลับเห็นต่าง  เธอชำเลืองมองลงไปยังเงามืดใต้ฝ่าเท้าลอร์ด

    ‘ราชันย์เงา…เจ้าบ้านี่!’

    คาซิม  บุคคลที่เร้นงายในเงาลอร์ดตลอดเวลา  เขาเผลอปล่อยจิตสังหารชั่วครู่ขณะลอร์ดเผชิญหน้าดูรันดัล  นี่คือสาเหตุที่แท้จริงซึ่งทำให้อัศวินสีชาดชักดาบ

    ‘กล้าดียังไงทำให้องค์ชายตกอยู่ในอันตราย…’

    ขณะบรรยากาศกำลังระอุ

    “หลวงพ่อดาเมี่ยนเสด็จ!!”

    พระเอกของพิธีการสำคัญปรากฏตัว

    ดาเมี่ยนแสร้งไม่เห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้น  เขารีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเพื่อปกป้องลอร์ดจากสถานการณ์วิกฤติ
    
    “ชิ…!”

    แม้องค์ชายลำดับสองแห่งจักรวรรดิจะถูกคุกคาม  แต่อัศวินสีชาดก็มิอาจทำตามอำเภอใจได้

    พวกมันทำได้เพียงเดือดเดือลดาลโดยไม่สามารถกล่าวสิ่งใด  ต่อให้เป็นอัศวินหลักเดียวก็หมดสิทธิ์ต่อปากต่อคำกับสันตะปาปา  

    โดยเฉพาะในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้

    “หลวงพ่อ!”

    เมื่อเห็นดาเมี่ยนกำลังจะให้สุนทรพจน์  องค์ชายดูรันดัลรีบตะโกนขัดจังหวะพลางเดินเข้าไปใกล้

    “มีหนูสกปรกซ่อนตัวอยู่  พวกเราควรรีบหามันให้พบ  เพื่อความปลอดภัยของหลวงพ่อและทุกคนในที่นี้”

    “…”

    ลอร์ดและชักสเล่ย์ต่างแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วน  ส่วนคาซิมในเงามืดกำลังสำนึกผิดต่อความผิดพลาดที่ตนก่อ

    ขณะเดียวกัน  ใครบางคนบนเพดานโถงใหญ่เกิดความประหลาดใจ

    ‘พวกมันรู้ได้ยังไง?’

    ข้ารับใช้ยาธานลำดับสี่  ซิลเวนัส  มันกำลังฉงน

    ในฐานะอสูรเผ่าความมืด  มันสามารถหลอมรวมเป็นหนึ่งกับความมืดได้สมบูรณ์  ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า  ตัวซิลเวนัสคือความมืดมิดเสียเอง

    ดังนั้นหากเป็นภารกิจแทรกซึมล่องหน  เธอมั่นใจว่าฝีมือในการลบตัวตนไม่ด้อยกว่านักลอบสังหารในตำนานอย่างลันเทียร์

    แต่กลับถูกมนุษย์สัมผัสถึงตัวตน?

    ‘หรือคนพวกนี้จะน่ากลัวกว่าที่คิด…’

    กระนั้น  แม้จะถูกสัมผัสถึงตัวตน  แต่ตำแหน่งที่แน่นอนของเธอก็ยังไม่ถูกตรวจพบ  หากเคลื่อนไหวมั่วซั่วอาจทำให้ถูกพบตัวได้

    ซิลเวนัสทำได้เพียงหยุดนิ่งกับที่โดยไม่ขยับตัวไปไหน

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,263
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. 😁👍
    สนุก​ทุกตอน
    มีความสุข​ทุกครั้ง​ที่​ได้​อ่าน​
    ขอบคุณ​มาก​ครับ​😊🙏

    ReplyDelete
  2. พิธีเริ่มแล้ว ใครจะยุใครจะไปติเตามตอนต่อไป 😊

    ReplyDelete
  3. กำลังเดือดเลยยย

    ReplyDelete
  4. ความเข้าใจผิดนี้มันอะไรกัน

    ReplyDelete
    Replies
    1. หลอดได้สกิลการเข้าใจผิดมาจากกริดชัวร์เลยแต่ระดับน่าจะไม่เท่ากริดมั้ง

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00