จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,349


หากทหารสามัญตกเป็นเป้าการโจมตีของดราเชี่ยน พวกเขามีโอกาสรอดมากน้อยแค่ไหน?


คำตอบคือไม่มีเลย


ต่อให้ดราเชี่ยนเมินเฉยโดยสมบูรณ์ แต่โอกาสรอดชีวิตของทหารสามัญนั้นแสนริบหรี่ คล้ายกับหนูที่ถูกวัวเหยียบขณะเดินเล่นไปบนทุ่งหญ้าโดยมิได้สนใจสิงที่อยู่บนพื้น เพียงการกระทำเล็กน้อยของดราเชี่ยน อาจทำให้พวกเขาหายไปจากโลกโดยไม่รู้ตัว


ไม่ว่าจะกริด ขุนพลโอเวอร์เกียร์ จักรพรรดินีบาซาร่า หรือบรรดาขุนนางของจักรวรรดิต่างก็ทราบเรื่องนี้ดี แต่ถึงอย่างนั้น ทหารจักรวรรดิกลับได้เป็นส่วนหนึ่งของสงครามเข่นฆ่าดราเชี่ยน เหตุผลก็คือ พวกเขามีจิตใจอันเด็ดเดี่ยว มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะปกป้องแผ่นดินเกิด


นอกจากนั้น บาซาร่าตัดสินใจให้คนเหล่านี้ร่วมทัพเพราะพวกเขาจำเป็นต่อแผนการ


“ยิง!”


ในวินาทีที่แผ่นดินสั่นสะเทือนและเกิดความเปลี่ยนแปลงภายในเวิ้งนรกอันมืดมิด ศรนับหมื่นดอกถูกยิงขึ้นฟ้าอย่างพร้อมเพรียงหลังจากแม่ทัพออกคำสั่ง


เหนือปากหลุมเวิ้งนรกขนาดใหญ่ ฝนธนูตกลงจากฟากฟ้าสีแดงฉาน  ภาพดังกล่าวกำลังสำแดงความน่าเกรงขามของกองทัพจักรวรรดิ


ศรหลายพันดอกปะทะใส่ร่างดราเชี่ยนที่ปรากฏตัวขึ้น แต่ทั้งหมดทำได้เพียงกระเด้งกลับโดยไม่แม้แต่จะสร้างรอยขีดข่วนบนตัวจอมอสูร


เหล่าทหารหาญยังไม่สิ้นหวัง ดวงตาของทหารนับหมื่นนายซึ่งกำลังขึ้นสายธนูระลอกใหม่ เปี่ยมด้วยแสงแห่งความหวังและเชื่อใจ


ในวินาทีดังกล่าว เหล่าจอมเวทต่างถ่ายพลังมานาเคลือบหัวศรในมือพลแม่นธนู บ้างเคลือบด้วยไฟ บ้างเคลือบด้วยน้ำแข็งหรือศิลา และบ้างเคลือบด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์จากนักบวชรีเบคก้า


“ยิง!”


แม่ทัพตะโกนสั่งยิงระลอกใหม่


ศรจำนวนมากลอยขึ้นฟ้าก่อนจะโค้งกลับมาตกลงหลุมยักษ์


แตกต่างจากศรชุดแรกซึ่งเป็นการยิงดักในจังหวะดราเชี่ยนโผล่ตัว ศรระลอกใหม่ถูกยิงหลังจากมองเห็นเป้าหมายอย่างชัดเจน อัตราการเข้าเป้าจึงแม่นยำจนน่าตกใจ


ดราเชี่ยนแหงนมองฟ้าและพบกับห่าฝนลูกศรนานับชนิด


จุดแตกต่างจากครั้งแรกก็คือ หนนี้มีศรบางกลุ่มสามารถเจาะทะลุผิวหนังของดราเชี่ยนสำเร็จ แต่ก็ยังเป็นจำนวนน้อยมาก


จากกว่าหมื่นดอก มีเพียงหนึ่งร้อยสิบดอกที่ปักลงบนร่างกายดราเชี่ยนสำเร็จจนดูคล้ายกับหนามเม่น


ไม่สนว่าจะเป็นธาตุใด แต่ดอกที่ปักลงบนร่างดราเชี่ยนล้วนเป็นฝีมือการยิงของพลแม่นธนูตำแหน่งหัวหน้ากองร้อยขึ้นไป


ได้เห็นเช่นนั้น จอมเวทและนักบวชมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนจะทุ่มความสนใจไปยังพลแม่นธนูระดับสูงเป็นพิเศษ


“จงเผยโทสะจากส่วนลึก”


ดราเชี่ยนพึมพำพลางเบือนสายตาออกจากท้องฟ้า


เวทมืดปริมาณมหาศาลแผ่ขยายไปทุกทิศทางในลักษณะของหมอกดำ


[คำสาปของดราเชี่ยนกำลังแพร่กระจาย!]


การล่าบอสของจริงเริ่มต้นขึ้นแล้ว


คำสาปของดราเชี่ยนจะมองเห็นโทสะและความคับแค้นภายในใจเป้าหมายและกระตุ้นมันออกมา ผลลัพธ์คือความสับสนและเกรี้ยวกราด


“ว๊ากกกก!”


เสียงแหกปากดังมาจากฝั่งกองทัพจักรวรรดิ


ทหารต้องคำสาปบางนายเริ่มเสียสติและโจมตีใส่พวกเดียวกันเอง


ในทางกลับกัน กองทัพโอเวอร์เกียร์มีความระส่ำน้อยกว่า เพราะคำสาปกระตุ้นโทสะของดราเชี่ยนจะส่งผลต่อผู้เล่นได้ไม่รุนแรงเท่า NPC


การที่ลอเอลเจาะจงเลือกกองทัพผู้เล่นล้วนเพื่อล่าดราเชี่ยน ดูราวกับเป็นกลยุทธ์อันหลักแหลมของกุนซือระดับปรมาจารย์ก็มิปาน


‘โชคเข้าข้างเรา…’


เหตุผลที่ลอเอลเลือกกองทัพผู้เล่นล้วนนั้นไม่ซับซ้อน เลเวลเฉลี่ยของผู้เล่นยุคปัจจุบันได้แซงหน้าทหารสามัญเรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้น ผู้เล่นแต่ละคนยังมีวิธีเพิ่มค่าต้านทานอาการผิดปรกติตามเงื่อนไขของคลาส


กล่าวโดยสั้น หากเป็นการล่าบอส กองทัพผู้เล่นล้วนจะมีประโยชน์มากกว่ากองทัพ NPC ในหลาย ๆ แง่มุม


นั่นคือทั้งหมดที่ลอเอลคิด มันย่อมคาดไม่ถึงว่าแผนดังกล่าวจะช่วยบรรเทาคำสาปของดราเชี่ยน


“ว๊ากกกกก! ฉันจะฆ่าทุกคน! ฆ่าทุกคนให้หมด!”


อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ผู้เล่นทุกคนที่ต้านทานสำเร็จ โดยเฉพาะกลุ่มซึ่งมีค่าต้านทานธาตุมืดและอาการสับสนต่ำ สติของพวกมันหลุดลอยพร้อมกับเริ่มโจมตีใส่พวกเดียวกันเอง


แต่ก็เป็นแค่ส่วนน้อย


“จู๊ด… แสบ… หู…”


เปรี้ยง!


“ผลึกน้ำแข็ง”


แกร่ก!


เพียงไม่นานก็ถูกกำราบเรียบ


ในกองทัพโอเวอร์เกียร์เต็มไปด้วยยอดฝีมือ ไม่ว่าจะจู๊ด มาร์ควิสอัชเชอร์ รวมถึงอเมลด้าและดันเต้ อดีตอัศวินสีชาด นอกจากนั้นยังมีผู้เล่นระดับหัวกะทิของกิลด์โอเวอร์เกียร์อีกหลายคน การที่ไม่สามารถเข้าร่วมปาร์ตี้หลักมิได้หมายความว่าพวกเขาอ่อนแอ เพียงแต่ปาร์ตี้หลักนั้นเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด


“ย๊ากกกก!”


เสียงคำรามของแวนเนอร์ดังสนั่นสนามรบ


ในวินาทีที่ดราเชี่ยนปรากฏตัวและถูกทหารจักรวรรดิโจมตีเบี่ยงเบนความสนใจ นั่นคือโอกาสทองสำหรับทุกคน


ท่าไม้ตายถูกประเคนใส่อย่างไร้ความปรานีเพื่อมิให้การเสียสละของทหารจักรวรรดิสูญเปล่า เหล่ายอดขุนพลฝั่งโอเวอร์เกียร์กระโจนขึ้นฟ้าเพื่อเตรียมเข้าประชิดดราเชี่ยนจากมุมอับ


‘ไปได้สวย’


แม้ต้องสังเวยชีวิตทหารมากมาย แต่แผนการก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น


ขณะยืนอยู่บนหอสังเกตการณ์หลังรถม้า ลอเอลเผยสีหน้าโล่งใจ


แต่ทันใดนั้น แสงหนึ่งสว่างวาบและหายไปในพริบตา


“…!”


ลอเอลยืนตัวแข็งทื่อ


ความผิดปรกติแรกที่มันพบก็คือ เมอร์เซเดสซึ่งกางปีกสีเงินและเตรียมโจมตีในระยะใกล้ พลันชะงักและรีบพุ่งถอยหลังอย่างลนลาน


ถัดมาราวหนึ่งอึดใจ กริดชะงักการรำดาบผสานสี่ชนิด ส่วนปิอาโร่รีบล้วงหยิบเมล็ดพันธุ์หนึ่งกำใหญ่พร้อมกับโปรยหว่าน


“แรงโน้มถ่วง”


ไม่มีใครทราบว่าบราฮัมเริ่มร่ายคาถาตอนไหน แต่ด้วยพลานุภาพของเวทมนตร์สุดทรงพลัง สมาชิกโอเวอร์เกียร์เกือบทุกคนซึ่งพยายามเข้าใกล้ดราเชี่ยน ล้วนถูกกดกระแทกพื้นในพริบตา รอดเพียงกริด เมอร์เซเดส และปิอาโร่ที่ถอยออกจากระยะไปก่อน


“นายคิดจะทำอะไร!”


แวนเนอร์ผู้ถือขวานด้วยมือข้างหนึ่ง โล่ในมืออีกข้างหนึ่ง ถูกกดให้หมอบติดพื้นขณะเตรียมหมุนตัวโจมตี


หลังจากพยุงตัวลุกขึ้น แวนเนอร์หันกลับมาตะโกนตำหนิและเตรียมสบถใส่บราฮัมอย่างโกรธเคือง แต่ทันใดนั้นกลับต้องชะงัก เพราะศีรษะที่ล้านเหมือนเห็ดของมันถูกของเหลวสีแดงเย็นราดใส่


“…!!”


“…!!”


แวนเนอร์และขุนพลโอเวอร์เกียร์ต่างรีบแหงนไปมองข้างบน


ภาพตรงหน้าคืออัศวินสีชาดหลักเดียวจำนวนหนึ่ง ถูกบางสิ่งที่มองไม่เห็นฟันจนร่างกายขาดครึ่งท่อน


“อ…อะไรกัน?”


ถึงจะอ่อนแอกว่าอัศวินสีชาดยุคฮวนเดอร์ แต่พวกมันคือยอดนักรบซึ่งถูกคัดสรรมาจากอัศวินนับหมื่นของจักรวรรดิ


อัศวินสีชาดหลักเดียวล้วนมีเลเวลสูงกว่า 450 แต่การโจมตีเพียงหนเดียวกลับทำลายชุดเกราะจนแหลก พร้อมกับสะบั้นลำตัวจนขาดสองท่อนในพริบตา


“กรอด…”


อัศวินลำดับหนึ่งถึงสี่ร่อนลงพื้นพลางโอดครวญในลำคอ


พวกมันรักษาชีวิตรอดมาได้อย่างหวุดหวิด แต่อัศวินสีชาดหลักเดียวลำดับตั้งแต่ห้าลงไปล้วนตายเรียบ


อีกฟากหนึ่งของขบวนรบ เสียงโลหะประหลาดดังขึ้นพร้อมกับเสียงเลือดกระเซ็นลงพื้น


ทุกคนหันไปมองโดยมิได้นัดหมาย


เรเชล มอริส และเกล็นฮาล สามดยุคแห่งจักรวรรดิกำลังตั้งรับการโจมตีจากชายแปลกหน้าคนหนึ่งแบบหลังชนหลัง 


แม้ว่าขาทั้งสองข้างจะถูกล่ามด้วยโซ่ แต่บุรุษปริศนากลับคล่องแคล่วจนเหล่าดยุคทำได้เพียงป้องกันอย่างเต็มกลืน


สามดยุคสุดแกร่งกำลังเสียเปรียบแม้จะเป็นฝ่ายรุม?


ไม่มีใครอยากเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น


“นี่แก…”


สีหน้ากริดพลันดำมืดเมื่อมองเห็นสถานการณ์ชัดเจน


ชายหนุ่มเป็นเพียงคนเดียวที่รู้จักแขกไม่ได้รับเชิญซึ่งกำลังโจมตีใส่ดยุคแห่งจักรวรรดิทั้งสาม


ดวงตาถูกผ้าคาดปิดสนิท แขนสองข้างถูกใส่กุญแจมือแผ่นหนา ข้อเท้าทั้งสองข้างถูกล่ามด้วยโซ่ยาว


รูปลักษณ์แสนพิสดารเช่นนี้ ในความทรงจำกริดมีเพียงคนเดียว


ลีจอง - หนึ่งใน ‘สามยอดนักรบ’ และเป็นสาวกเทพสงครามที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่กริดรู้จัก


“บราฮัม!”


ชายหนุ่มหันไปตะโกนเรียกบราฮัมอย่างกระวนกระวาย


สามดยุคไม่มีพลังในการบิน และไม่แข็งแกร่งพอจะหนีรอดจากการโหมบุกของลีจอง ใครสักคนจำเป็นต้องยื่นมือเข้าช่วย


“ชิ…”


บราฮัมไม่ชอบสีหน้าวิตกกังวลของกริด จึงทำการเหยียดปลายนิ้วไปทางลีจอง


“กีก้าไลท์นิ่ง” (Giga Lightning)


ลีจองผู้กำลังรุกหนักใส่สามดยุค อาศัยเทคนิคการเปลี่ยนทิศทางด้วยความเร็วสูงเพื่อมิให้ศัตรูคาดเดาตำแหน่งได้ ทำให้เป็นการยากที่จะเล็งโจมตีจากระยะไกลอย่างแม่นยำ


แต่บราฮัมมิได้แยแส มันไม่คิดเล็งอะไรทั้งนั้น เพียงปลดปล่อยกระแสไฟฟ้าปริมาณมหาศาลไปยังทุกทิศทางที่ลีจองจะเคลื่อนไหว


แน่นอน ลีจองผงะพร้อมกับถอยหลังตั้งหลัก สามดยุคจึงมีเวลาพักหายใจหายคออีกครั้ง


พวกมันเงยหน้าขึ้นพร้อมกับโค้งศีรษะให้บราฮัมอย่างนอบน้อม


“ขอบคุณที่ช่วยเหลือ”


ข่าวการคืนชีพของมหาจอมเวทในตำนาน แพร่กระจายไปทั่วทวีปตะวันตกได้สักพักใหญ่แล้ว เกือบทุกคนบนทวีปล้วนรับทราบ เว้นเสียแต่มหาจอมเวทผู้เอาแต่หมกตัวอยู่ในหอคอย


“สะ…อึก!”


ดวงตาของหนึ่งในสิบมหาจอมเวท รีซิเลีย พลันเบิกโพลง


มันกำลังประจักษ์ความยอดเยี่ยมของเวทมนตร์บราฮัมซึ่งสามารถปลดปล่อยมวลมานามหาศาลได้ในพริบตาโดยไม่ต้องร่าย


แม้จะมีความรู้กว้างขวางสักเพียงใด แต่รีซิเลียก็มิอาจทำความเข้าใจรากฐานของเวทมนตร์บราฮัม ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด


“มองอะไร?”


บราฮัมถามเย็นชา มันรู้สึกอึดอัดเมื่อถูกรีซิเลียและจอมเวทของหอคอยจ้องอย่างไม่กะพริบตา


ได้ยินเช่นนั้น พวกมันตื่นจากภวังค์พร้อมกับรีบก้มศีรษะคำนับ


“ข…ขออภัยที่เคยล่วงเกินท่าน ผมไม่ทราบจริง ๆ ว่าท่านเป็นใคร จึงริอ่านออกคำสั่งด้วยความโง่เขลา”


รีซิเลียและสมาชิกหอคอยพิสุทธิ์ล้วนเป็นกลุ่มจอมเวทที่แข็งแกร่ง หยิ่งผยองในศักดิ์ศรี แต่ถึงอย่างนั้นกลับยอมศิโรราบต่อบราฮัมอย่างไร้เงื่อนไข


เห็นเช่นนั้น บราฮัมเผยสีหน้าพึงพอใจพลางหันมาเตือนกริด


“มีใครบางคนพยายามช่วยดราเชี่ยน”


“เห็นแล้วล่ะ”


เกิดอะไรขึ้นกันแน่…


ทำไมสาวกเทพสงครามถึงพยายามช่วยดราเชี่ยน?


กริดแหงนมองลีจองบนท้องฟ้าสักพัก ก่อนจะหันไปทางไคล์ ผู้เป็นอีกหนึ่งสาวกของเทพสงคราม


ไคล์ตอบกระอักกระอ่วน


“พ…พระองค์เพิ่งแจ้งวิวรณ์ใหม่เข้ามา”


“แจ้งว่า?”


“ห…ให้กวาดล้างมนุษย์ทั้งหมดที่พยายามฆ่าดราเชี่ยน”


“อะไรนะ?”


กวาดล้างมนุษย์ ไม่ใช่ช่วยเหลือ?


กริดไม่อยากรู้เหตุผลเบื้องหลัง ภายในใจมีเพียงความขยะแขยง


“สวะยิ่งกว่าหมา…”


เฮือก!


ได้ยินคำสบถของกริด แผ่นหลังไคล์พลันชุ่มเหงื่อ


กริดมอบโอกาสให้ไคล์ผู้กำลังทำตัวไม่ถูก


“แสดงจุดยืนให้ฉันเห็น”


นี่คือบททดสอบ


หากไคล์ฝ่าฝืนวิวรณ์และสู้กับลีจอง หมายความว่าคำสาบานซึ่งเคยให้ไว้กับกริด คือสิ่งที่ออกมาจากก้นบึ้ง


“จ…จะให้ข้าสู้กับหนึ่งในสามยอดนักรบ?”


สามยอดนักรบคือจุดสูงสุดของสาวกเทพสงคราม ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีข่าวลือว่าลีจองได้ครอบครองสุดยอดศิลปะการต่อสู้เรียบร้อยแล้ว


“…”


ไคล์ทำได้เพียงยืนตะลึง


ขณะประสานสายตากับกริด มันรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายต้องการทดสอบตน


หากที่นี่มีเพียงกริด ไคล์ไม่คิดลังเลแม้แต่น้อย สัญชาตญาณส่วนลึกกำลังร่ำร้องให้เลือกข้างเทพสงคราม


แต่ไม่ใช่กับตอนนี้


ไคล์กวาดตาไปทางกองทัพนับหมื่นรอบตัว


ต่อหน้าทหารกว่าหมื่นชีวิต มันไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่สำคัญว่าทหารเหล่านี้จะมากมายสักเพียงใด พวกมันไม่เคยเป็นภัยคุกคามต่อสาวกเทพสงคราม


ไคล์มองไปทางสามดยุคและอัศวินหลักเดียว


มันไม่รู้สึกหวาดกลัว ไคล์เชื่อว่าตนสามารถจัดการทั้งหมดได้ตามลำพัง


ไคล์มองไปทางเมอร์เซเดสและปิอาโร่


มันค่อนข้างประหม่า เรียกได้ว่าความวิตกเล็ก ๆ เริ่มก่อตัว


แม้จะได้ครอบครองเทคนิคลับหลายชนิดในช่วงหลายปีหลัง แต่การเอาชนะคนทั้งสองก็ยังเป็นห่างไกล


ทว่า หากเป็นการหนีเอาชีวิตรอดก็คงไม่ยากเย็นอะไร


ท้ายที่สุด ไคล์หันไปทางบราฮัม


ในวินาทีที่สบตากัน ‘เทพสายฟ้า’ รีบเบือนหน้ากลับด้วยร่างกายสั่นเทา


ความลังเลภายในใจเลือนหายเป็นปลิดทิ้ง


“ข…เข้าใจแล้ว ถึงจะเอาชนะไม่ได้ แต่ข้าคงพอยื้อเวลาได้บ้าง”


ไคล์ตอบทั้งน้ำตาพร้อมกับทะยานขึ้นไปในอากาศ


นี่คือวินาทีที่หนึ่งในสามสิบสาวกบนทวีปตะวันตก ตัดสินใจหันหลังให้กับเทพสงครามเซราทุล


ต้องขอบคุณไคล์ ทีมล่าดราเชี่ยนจึงกลับมามีสมาธิได้อีกครั้ง


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,824
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ไคล์กลัวโดนฆ่าขี้หดตดหายเลย55555

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00