จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,342



จอมอสูรลำดับ 17 มีร่างกายสูงใหญ่เกือบสิบเมตร


ม่านหมอกพลังอสูรดูราวกับเป็นโพรงถ้ำขนาดมหึมา หากหลงเข้าไปด้านในก็ไม่ต้องหวังหาทางออก


กริดที่กระโจนเข้าไปจึงดูไม่ต่างจากคนเสียสติ


= ลุยเข้าไปคนเดียว? บ้าไปแล้วรึไง!


= ทำไมเขาไม่รอกำลังเสริม?


คนอ่อนแอมักชอบปรามาส และผู้ที่ถูกปรามาสมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ความจริงให้ประจักษ์


อย่างไรก็ตาม กริดเคยพิสูจน์มาแล้วหลายหนว่าตนยอดเยี่ยมที่สุด


“เฮ้! กริด! รอให้กองทัพมาถึงก่อน! ได้โปรด!”


ทั้งผู้ชมและผู้เล่นในสนามรบต่างไม่ปลื้มกับพฤติกรรมของกริด


หากชายหนุ่มพลาดพลั้งจนตายหรือต่อสู้ไม่ได้ ความเสียหายจะยิ่งขยายเป็นวงกว้างมากกว่าเดิม


หลายฝ่ายอาจไม่ทราบว่ากริดมาทำอะไรในไททัน แต่พวกมันล้วนปรารถนาให้กริดเป็นหัวหอกในการผ่านพ้นสถานการณ์ตรงหน้า


ดังนั้น กริดต้องต่อสู้ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ดีที่สุด


ชายหนุ่มควรรอให้กองทัพจักรวรรดิส่งกำลังเสริมมาสนับสนุน ไม่มีใครอยากเห็นกริดทำได้เพียงยื้อเวลาและตายไปเหมือนกับศึกบีเลธ


ขณะทุกคนกำลังกระวนกระวาย


กริดทะยานขึ้นฟ้าประหนึ่งมังกร ทะลวงร่างกายอันใหญ่โตของโบทิสจนทะลุผ่านไปด้านหลัง


สายตาแสนเย็นชาขณะยืนบนหลังอสรพิษยักษ์กำลังถูกถ่ายทอดไปยังทุกประเทศทั่วโลก


สังหาร


ท่ารำดาบอันโด่งดัง ไม่สิ ผู้คนมักเรียกมันว่าวิชาดาบ


การโจมตีอันดุดันสร้างบาดแผลลงบนผิวหนังจอมอสูรได้อีกครั้ง


“ฟ่อ!”


ขณะชายหนุ่มเตรียมทำคอมโบต่อเนื่อง หางของโบทิสพลันกระแทกใส่จากด้านข้างจนกระเด็น


โบทิสตามโจมตีซ้ำโดยไม่รอช้า มองยังไงกริดก็ยากจะหลบพ้น เพราะมือทั้งสองข้างของจอมอสูร กำลังควงง้าวคู่ด้วยความเร็วสูงจนชายหนุ่มหมดสิทธิ์คาดเดาทิศทาง


『อันตราย…』


ผู้ชมต่างพากันเย็นสันหลังวาบ


กึก


เพียงพริบตา โล่ใหญ่ปรากฏขึ้นบนมือซ้ายกริด


การโจมตีดุดันของโบทิสที่ฟันใส่เป็นรูปตัว X ถูกโล่ป้องกันไว้ได้


= โดนเข้าไปขนาดนั้น… ถึงตายไหม?


ผู้เล่นที่เคยใช้โล่ล้วนทราบดี โล่มิได้อรรถประโยชน์


ไอเท็มประเภทโล่จะดูดซับความเสียหายได้เพียงส่วนหนึ่ง และไม่ใช่แค่นั้น การโจมตีธาตุพิษสามารถกัดกร่อนความคงทนของโล่ การป้องกันจึงไม่มีทางสมบูรณ์แบบ


เหนือสิ่งอื่นใด นี่คือการโจมตีจากจอมอสูรโดยตรง!


ไม่ใช่เรื่องแปลกหากโล่จะชำรุดหลังจากรับความเสียหายเมื่อครู่เข้าไป


และนั่นคือเหตุผลที่ทุกคนตกตะลึง เมื่อพบว่าโล่ของกริดปราศจากรอยขีดข่วนโดยสิ้นเชิง


ดวงตาเรียวยาวของโบทิสเริ่มหรี่ลง


“ฟ่อ! ข้าได้ยินว่ามาโชซิอัสเพิ่งตายไป… เป็นฝีมือเจ้าเองหรือ”


“อยากแก้แค้นให้เพื่อนรึไง”


“ฟ่อ! ฟ่อ! ข้าชอบอารมณ์ขันของเจ้า!”


โล่สาปหิน


ดรอปจากจอมอสูรลำดับ 29 มาโชซิอัส มีโอกาสสูงที่จะสาปเป้าหมายด้านหน้าให้กลายเป็นหิน แต่แน่นอน ตัวตนระดับจอมอสูรไม่มีทางติดอาการผิดปรกติทั่วไปอย่าง ‘สาปหิน’


โบทิสจ้องโล่สาปหินพลางควงง้าวคู่


ยิ่งคมง้าวปะทะกับเป้าหมาย ความเร็วในการฟันของมันก็ยิ่งทวีคูณ เวลาผ่านไปจนกระทั่งกริดมิอาจมองทันด้วยตาเปล่า


ผู้ชมรู้สึกราวกับกำลังดูเทศกาลดอกไม้ไฟ โล่ของกริดที่ถูกง้าวฟันจะสร้างประกายไฟเล็ก ๆ อย่างต่อเนื่อง


‘เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่…’


หลังจากตรวจสอบจนพอใจ กริดฉากถอยหลัง


ความเร็วโจมตีของโบทิสจะเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่โจมตีโดนเป้าหมาย ยิ่งการต่อสู้ดำเนินไป สัญชาตญาณเหนือมนุษย์ก็ยิ่งร้องเตือนถึงอันตราย


จริงอยู่ หากใช้ ‘โลกของเหนือมนุษย์ที่แท้จริง’ กริดอาจมองทันการโจมตี แต่พลังดังกล่าวก็แลกมาด้วยค่าเรี่ยวแรงมหาศาล ประหยัดได้ก็ควรประหยัดไว้ก่อน


“ยังอ่อนหัด! ฟ่อ! โดนแค่นี้ก็เผ่นหางจุกก้นแล้วหรือ”


โบทิสยั่วยุกริดพลางแลบลิ้นสองแฉก


แน่นอน ชายหนุ่มไม่แยแส


กริดใช้ชีวิตร่วมกับถ้อยคำดูแคลนมาตลอด และก้าวข้ามจุดนั้นมาได้นานแล้ว หากหวังยั่วยุให้เกิดผลลัพธ์ หนทางเดียวคือการลงมือกับพวกพ้องคนสำคัญ


แต่โบทิสเพิ่งเคยพบกริด มันย่อมไม่ทราบเรื่องนี้


“หัตถ์เทวะ”


ฝ่ามือสีดำสิบข้างโผล่จากความว่างเปล่ารอบตัวชายหนุ่ม


พร้อมกันนั้น พวกมันกางมือออกและเล็งไปทางโบทิส


“ศรเวท”


ศรลำแสงสิบนัดพุ่งโจมตีจากทุกทิศ จอมอสูรโยกตัวหลบนัดที่อ่านทางได้ง่าย ใช้ง้าวฟันทำลายนัดที่ยากจะหลบพ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังปล่อยให้เล็ดลอดเข้าไปปะทะร่างกายสองสามนัด


โบทิสที่เคยกังวลพลันเปลี่ยนสีหน้า


“เวทมนตร์กระจอก…”


พลังทำลายของศรเวทจะแปรผันตามค่าสติปัญญาของกริด ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงมีเพียงหลักพัน สำหรับโบทิสซึ่งมีพลังชีวิตเกือบสองพันล้าน สิ่งนี้เรียกว่ารอยขีดข่วนยังไม่ได้


แน่นอน กริดทราบดี แต่ศรเวทมีเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ


“…!”


โบทิสพลันผงะเมื่อพบว่า มนุษย์ตรงหน้าหายตัวไปในจังหวะที่ตนจดจ่อสมาธิอยู่กับศรเวท ในพริบตานั้น จอมอสูรรีบเหวี่ยงง้าวไปด้านข้างทันทีที่สัมผัสถึงตัวตนของมนุษย์


เป็นเวท ‘เป้าลวง’


นกมานาที่สร้างจากกลิ่นอายเวทมนตร์ของกริด ถูกง้าวยักษ์ฟันขาดสองท่อนจนเหลือเพียงละอองแสง


ขณะร่างกายโบทิสเอนไปยังทิศทางที่ออกแรงฟัน อาศัยการมองเห็นหนึ่งร้อยแปดสิบองศา มันพบตัวจริงของกริดอีกครั้ง


“ฟ่อ! ข้ามองออกตั้งแต่แรกแล้ว!”


น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความเย้ยหยัน มุมปากโบทิสยกขึ้นคล้ายกับมนุษย์ในยามที่เป็นฝ่ายเหนือกว่า ง้าวในมือฟันสับเป็นวงโค้งอย่างแม่นยำ


“วังวน”


วิถีของง้าวที่ดูราวกับจะบั่นเศียรกริดออกจากบ่า สะท้อนกลับไปยังโบทิสและสร้างบาดแผลแนวนอนบนหน้าอกของมันแทน


ดวงตาจอมอสูรเผยความประหลาดใจแกมตะลึง พลางใช้มือข้างหนึ่งดึงง้าวออกจากเกล็ดตัวเอง


แต่ขณะเดียวกัน บางสิ่งเฉือนเข้าใส่กระดูกไหปลาร้าและหน้าอกกริด


“…!!”


โบทิสมิได้ใช้ง้าวคู่อย่างไร้จุดหมาย ง้าวในมือซ้ายจะฟันเป็นแนวนอน ส่วนมือขวาจะฟันเป็นแนวตั้ง ง้าวที่กริดสะท้อนกลับคือการโจมตีของมือซ้าย มือขวาซึ่งฟันสับเป็นแนวตั้งจึงหลุดพ้นรัศมีสะท้อนของวังวน


เป็นการโจมตีที่พร้อมเพรียงจนยากจะรับมือได้ทัน


โงนเงน


พลังชีวิตกริดลดฮวบ ร่างกายเริ่มทรุดลงกับพื้นอย่างไร้ทางป้องกัน


โบทิสไม่ตามโจมตีซ้ำ เพียงลอยไปในอากาศพลางอ้าปากกว้าง


“ฟ่อ! ตายไปซะ!”


ละอองมนต์ดำเริ่มควบแน่นระหว่างซี่ฟันแหลม


เวทมนตร์ชนิดนี้มีระดับสูง พลังทำลายรุนแรงจนสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศรอบตัวไปชั่วขณะ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เมื่อใดที่ปะทะใส่ร่างกาย กริดคงไม่แคล้วถูกส่งไปเกิดใหม่


ผู้ชม ผู้บรรยาย และทุกคนล้วนคิดเช่นนั้น


“มังกรทำลายล้าง…”


ในเวลาเดียวกัน กริดอีกคนโผล่ขึ้นเหนือศีรษะโบทิส ตามด้วยการพุ่งลงพื้นประหนึ่งมังกรโฉบ


ศีรษะโบทิสถูกกระแทกจนแบนราบ ดวงตาสองข้างบิดเบี้ยว ปากอ้ากว้าง ลิ้นยาวสองแฉกถูกเขี้ยวตัวเองเสียบทะลุ


“โฮกกกกกก!”


เส้นเสียงของมันถูกกระแทกจนเพี้ยนไปแล้ว?


ร่างกายโบทิสหงิกงอประหนึ่งสปริง ปากส่งเสียงครวญครางขณะร่อนลงพื้นด้วยความเร็วที่สูงกว่าตอนกริดโฉบลงเมื่อครู่


สิบหัตถ์เทวะพุ่งตามด้วยความเร็วที่เหนือกว่า กระหน่ำแทงด้วยศาสตราอันหลากหลาย


“…คลื่นสยบสังหาร”


ท่ารำดาบของกริดยังไม่เสร็จสมบูรณ์


ดวงตาโบทิสเหลือกมองบนจนเหลือเพียงตาขาว


ความเจ็บปวดที่ร่างกายถูกถล่มด้วยรัศมีดาบฟันแทงจำนวนมหาศาล ส่งผลให้สติโบทิสเริ่มหลุดลอยชั่วคราว


ไม่ว่าจะทักษะ สมญานาม คลาส อักขระ หรือไอเท็ม ทุกสิ่งผสมผสานกันจนเกิดเป็นสถิติใหม่ในหน้าประวัติศาสตร์


[ท่านสร้างความเสียหาย 153,277,505 หน่วย]


[ภายในช่วงเวลาสั้น ๆ เป้าหมายได้รับความเสียหายรุนแรงจนมิอาจครองสติไว้ได้!]


[ท่านสร้างสถิติใหม่ในการโจมตีหนึ่งครั้ง]


[ประสิทธิภาพของสมญานาม : ‘ตายในการโจมตีเดียว’ ถูกยกระดับ ค่าความเสียหายคริติคอลเพิ่มขึ้นจากเดิม 10%]


[ท่านสร้างความเสียหายในระดับที่ยากจะหาใครเทียบ พรของเทพสงคราม ‘เซราทุล’ จะเพิ่มค่าพลังโจมตี ป้องกัน และเจาะเกราะขึ้นเล็กน้อย…]


[…!!]


[เทพสงคราม ‘ซือโหยว’ เริ่มแทรกแซง!]


[การแทรกแซงของซือโหยวได้ลบพรของเซราทุลออกจากตัวท่าน]


[สมญานาม ‘ตายในการโจมตีเดียว’ ถูกเปลี่ยนเป็น ‘ผู้เคยพบเทพสงคราม’]


[สมญานาม ‘ผู้เคยพบเทพสงคราม’ จะเพิ่มความรุนแรงคริติคอล 200% หากสมญานามแสดงผล มีโอกาสปานกลางที่จะทำให้ทักษะ ‘สุดยอดศิลปะการต่อสู้’ ทำงาน]


<สุดยอดศิลปะการต่อสู้>

ติดตัว

มีโอกาสปานกลางที่จะสร้างอาการ ‘มึนงง’ ซึ่งไม่สามารถต้านทานหรือลบล้างแก่เป้าหมาย

ผลลัพธ์ดังกล่าวจะไม่แบ่งแยกระดับตัวตน เผ่าพันธุ์ หรือเกรดของเป้าหมาย

อาการ ‘มึนงง’ จะแสดงผลต่ำสุดหนึ่งวินาที นานสุดแปดวินาที


[เทพสงคราม ‘เซราทุล’ กำลังเดือดดาล!]


[‘ข้าคือเทพสงครามตัวจริง…’ เสียงของเซราทุลดังกังวานบนสวรรค์]


[สาวกเทพสงครามจากทั่วทุกมุมโลกเริ่มข้ามทะเลแดง!]


“…”


อาการมึนงงที่หมดสิทธิ์ต้านทานหรือลบล้าง


หมายความว่า ถึงเป้าหมายจะเป็นตำนานหรือบอสพิเศษ พวกมันก็ไม่รอดพ้นจากอาการ ‘มึนงง’ ขณะ ‘สุดยอดศิลปะการต่อสู้’ แสดงผล แถมยังมิอาจลบล้างได้ด้วยทักษะสนับสนุนอย่าง ‘รักษา’


‘ชักน่าสนุก…’


หลังจากนี้ไป กริดสามารถสร้างอาการมึนงงแก่ทุกเป้าหมายได้โดยไม่เลือกหน้า ไม่เว้นกระทั่งจอมอสูรและมังกร


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้กริดทั้งยินดีและกังวล


สิ่งนี้หมายความว่า ในอนาคตจะมีทักษะที่สร้างอาการผิดปรกติโดยไม่สนใจค่าต้านทานออกมาเรื่อย ๆ และคนที่จะเดือดร้อนไม่ใช่ใครนอกจากตัวกริดเอง


‘ช่างเถอะ… ตอนนี้เราได้ประโยชน์ อย่าเพิ่งโวยวายอะไร’


ซาทิสฟายเป็นเกมที่ไม่สนใจความเห็นของผู้เล่น ถึงตนจะพยายามประท้วงว่า คลาสตำนานไม่ควรติดอาการผิดปรกติได้ง่ายนัก ทาง SA กรุปก็คงจะตอบกลับมาว่า ‘ทุกอย่างก็เพื่อความสมดุล’


สรุปก็คือ การโวยวายรังแต่จะทำให้สุขภาพจิตอ่อนเพลียโดยไม่เกิดประโยชน์อันใด


และในปัจจุบัน ฝ่ายที่ได้ประโยชน์ยังมีเพียงตน


“คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร”


อาการ ‘มึนงง’ ระดับสูงสุดที่ทำให้เป้าหมายหมดสภาพ


สิ่งนี้คือกุญแจสำคัญซึ่งสามารถชี้วัดผลการต่อสู้ หากกริดเปิดฉากศัตรูด้วยอาการมึนงงสำเร็จ โอกาสชนะก็อยู่ในมือโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะมีฝีมือแพรวพราวเพียงใด


ดวงดาวกำลังหมุนเป็นวงกลมเหนือศีรษะจอมอสูร


มึนงง? แม้แต่จอมอสูรก็ยังมึนงง?


ไม่ใช่ว่าจอมอสูรมีค่าต้านทานโดยสมบูรณ์หรอกหรือ?


คำถามข้างต้นผุดขึ้นในใจเหล่าผู้บรรยายจากแต่ละสถานี


ท่ามกลางความกังขาของทุกฝ่าย กริดที่ทำให้โบทิสมึนงงเริ่มสาดวิชาดาบใส่อย่างคะนองมือ อย่างไรก็ตาม นั่นยังไม่เพียงพอจะทำให้ชายหนุ่มได้รับชัยชนะ


ทั้งพลังชีวิต พลังป้องกัน และอัตราการฟื้นฟูตามธรรมชาติของโบทิสล้วนอยู่ในระดับน่าทึ่ง กริดต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่กว่าจะดับลมหายใจจอมอสูรตนนี้สำเร็จ


แต่นั่นหมายถึงกรณีที่กริดต่อสู้ตามลำพัง


“ไอ้งูระยำ! กล้าสร้างความวุ่นวายที่นี่เชียวรึ!”


กรงเล็บอันแหลมคมราวกับสัตว์ป่าของมอริส ทะลวงผ่านผิวหนังของโบทิสจนเกิดเป็นบาดแผลลึก


“ฉันจะไม่ให้แกตายสบาย”


หอกของเรเชลแทงใส่ดวงตาจอมอสูร


พิษร้ายซึ่งแพร่กระจายไปทั่วกรุงไททันจนชาวเมืองและทหารต่างตกที่นั่งลำบาก มิได้เป็นอุปสรรคต่อเหล่าดยุคแม้แต่น้อย


“ฟ่อ! ฟ่อ!”


บาดแผลบนตัวโบทิสเริ่มคืนสภาพ สติของมันเริ่มกลับมา


ทันใดนั้น หมอกพิษเข้มข้นที่เคยปกคลุมกรุงไททัน เริ่มไหลย้อนกลับมายังร่างกายโบทิสอีกครั้ง


“พวกมดปลวก… หมดเวลาสนุกแล้ว ข้าจะฆ่าทุกคนให้หมด! ฟ่อ!”


เกล็ดที่ปกคลุมร่างกายโบทิสพลันถูกฉาบด้วยสีน้ำเงิน พิษร้ายทรงพลังและเย็นยะเยือกเริ่มกระจายปกคลุมทุกเป้าหมายรอบตัวจอมอสูร


“ชิ…!”


ไม่เพียงเรเชล กระทั่งมอริสที่อยู่ในร่างสัตว์ป่าและมีค่าต้านทานสูงมาก ก็ยังถูกพิษร้ายของโบทิสเล่นงานจนอ่อนเพลีย


กริดคงมีชะตากรรมแบบเดียวกันหากมิได้สวมชุดเกราะสั่งเสียของข่านและเอฟเฟคของกระดองเต่าดำ


ถ้าถูกพิษเล่นงานเข้า แม้แต่กริดก็ไม่มั่นใจว่าตนจะมีชีวิตรอดไปจนถึงตอนที่โบทิสล้มลง


ทว่า ด้วยความรักจากข่าน ชายหนุ่มสามารถต้านทานได้ถึงหมื่นพิษ


“ถ้อยคำนักคุณธรรม”


หอกแหลมยาวตกลงจากฟากฟ้า กระแทกเกล็ดโบทิสเข้าอย่างจัง


“?”


ยังมีมนุษย์หน้าโง่คนใดกล้าหันอาวุธใส่ตนอีกหรือ?


ต้องเสียสติขนาดไหน?


โบทิสแหงนหน้ามองฟ้า


ท่ามกลางผืนนภาเบื้องบน ยุทธภัณฑ์นับร้อยนับพันกำลังส่องแสงและโปรยปรายลงมาอย่างพร้อมเพรียง


‘เวทมนตร์อะไรกัน…’


ไม่สิ ไม่ใช่เวทมนตร์ คล้ายกับพลังบางชนิดมากกว่า


มนุษย์มีพลังระดับนี้ได้ด้วยหรือ?


โบทิสที่เผชิญกับพลังแปลกประหลาด รีบเข้าสู้สถานะป้องกันเต็มตัว


สายฝนยุทธภัณฑ์ร่วงหล่นประหนึ่งพายุฝนฟ้าคะนอง ทั้งหมดมีเป้าหมายเพียงจุดเดียวคือตัวโบทิส


จอมอสูรพยายามป้องกันเต็มกลืนด้วยง้าวคู่ แต่ร่างกายกลับถูกดันให้ถอยหลังทีละนิดอย่างมีอาจควบคุม


ทันใดนั้น พื้นดินพลันทรุดตัวกลายเป็นหลุมยักษ์อย่างไร้คำอธิบาย


แต่ถึงอย่างนั้น โบทิสมิได้พยายามดิ้นรนปืนป่าย


มันมีเวทบินให้ใช้งาน


ทว่าเวทบินของกลับไม่แสดงผล


กริดซึ่งมีพลัง ‘ถอดรหัสเวทมนตร์’ ได้ยกเลิกเวทบินของโบทิสเป็นการชั่วคราว


“…!”


ท่ามกลางหลุมยักษ์ซึ่งเกิดจากพลัง ‘เทพธรณี’ ของกริด โบทิสถูกกระหน่ำด้วยอาวุธ เวทมนตร์ และเปลวเพลิงนานาชนิด


การเรียกคืนหมอกพิษที่ปกคลุมกรุงไททัน ส่งผลให้กองทัพหลวงจักรวรรดิสามารถระดมพลและย้อนกลับมาล้อมโจมตีสำเร็จ


ผู้ชมทั่วโลกกำลังเฝ้ามองเหตุการณ์อย่างตื่นเต้นจนเกือบลืมหายใจ


______________

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,813

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00