จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,345



“นี่มัน…”


สภาพอากาศพลันแปรเปลี่ยนกะทันหัน


ท้องฟ้าที่เคยปลอดโปร่งกลายเป็นมืดสนิท เหล่าจอมเวทที่กำลังแหงนมองท้องฟ้าต่างพากันหน้าซีด ยิ่งเป็นจอมเวททรงพลังเพียงใด ความหวาดผวายิ่งเผยออกมาชัดเจน


‘มันอยู่ที่ไหน?’


ปฏิเสธไม่ได้ว่า จักรวรรดิมีกองทัพทรงพลังอยู่ในมือ


แต่จุดอ่อนก็คือ พวกมันต้องกระจายกำลังพลออกไปให้ทั่วอาณาดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาล กองทัพที่ประจำการในเมืองหลวงจึงมีเพียงไม่ถึงหนึ่งในสิบของทั้งหมด


จากบรรดาองครักษ์เมืองหลวง บุคคลแข็งแกร่งอันดับหนึ่งคือไคล์ เจ้าของสมญานามเทพสายฟ้า


ถ้าไม่นับไคล์ กองทัพเมืองหลวงยังมีสองจากสิบมหาจอมเวท และสามจากเก้าอัศวินสีชาดหลักเดียว


อัศวินสีชาดส่วนใหญ่จะกระจายตัวออกไปทำภารกิจตามชายแดนและด้านนอกอาณาจักร ส่วนดยุคอย่างเรเชลและมอริสมักพักอาศัยภายในดินแดนของตน


ถ้าวันนี้กริดมิได้แวะมาเยี่ยมเยียนไททัน?


ถ้าเรเชลและมอริสไม่เข้าเมืองหลวงเพราะต้องการเจอหน้ากริด?


กรุงไททันอาจถูกโบทิสทำลายจนพินาศ ในกรณีเลวร้าย จักรพรรดินีบาซาร่าอาจต้องสละเมืองหลวงและหลบหนีเข้าเขตปลอดภัย และนั่นจะทำให้เธอกลายเป็นจักรพรรดิที่น่าอับอายที่สุดในประวัติศาสตร์ราชวงศ์ซาฮารัน


ใช่แล้ว เพียงการรุกรานของจอมอสูรลำดับสิบเจ็ด โบทิส กรุงไททันก็เกือบต้องเผชิญโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่


แต่ตอนนี้กลับมีจอมอสูรที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าโบทิสปรากฏกาย


ไม่ต้องสงสัยเลยว่า สถานการณ์กำลังเลวร้ายถึงขีดสุด


เรื่องดี ๆ เพียงสิ่งเดียวก็คือ อีกฝ่ายมิได้โผล่ขึ้นใจกลางเมืองหลวง ยังพอมีเวลาให้เตรียมตัวรับมือ


“ฝ่าบาท ขออภัยที่ต้องแจ้งเช่นนี้ แต่ดูเหมือนว่าจะมีจอมอสูรตนใหม่ปรากฏกาย ได้โปรดสั่งอพยพชาวเมืองและอัญเชิญกองทัพกลับมาคุ้มครองวังหลวงด้วย”


ภายในท้องพระโรง คนผู้หนึ่งกำลังรายงานข่าวด่วนแก่บาซาร่า


ชายคนนี้มีนามว่ารีซิเลีย เป็นไม้เบื่อไม้เมากับโกลด์ฮิตผู้เรียกตัวเองว่าราชาจอมเวท 

รีซิเลียคือหนึ่งในสิบมหาจอมเวทของทวีป และยังเป็นผู้ปกครองหอคอยพิสุทธิ์


รีซิเลียจงรักภักดีต่อจักรวรรดิเป็นอันมาก คอยรับใช้มหาจักรพรรดิมาแล้วสามรุ่น ขณะเดียวกันก็เป็นนักปราชญ์ที่ตรวจพบการทดลองชั่วร้ายภายในหอแห่งนิรันดร์ และเป็นหนึ่งในคนที่ยืนกรานให้ยุบหอแห่งนิรันดรทิ้งโดยเร็ว


เมื่อรีซิเลียกล่าวจบ เหล่าจอมเวทต่างพากันกระวนกระวาย


“ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ คิดยังไงถึงบอกให้องค์จักรพรรดินีคอยปกป้องวังหลวง? ใครจะรับผิดชอบหากพระองค์มีอันเป็นไป!”


“ผมต้องการจะสื่อว่า หากหวังรับมือจอมอสูรที่แข็งแกร่ง พวกเราจำเป็นต้องมีปราณสีชาดของฝ่าบาท และเมื่อผนวกเข้ากับความสง่างามของพระองค์ ขวัญกำลังใจทหารจะเพิ่มพูนขึ้นหลายเท่า อัศวินจะฮึกเหิม… เพื่อให้วังหลวงอยู่รอด พวกเราไม่เหลือทางอื่นอีกแล้ว”


“หยุดพล่ามไร้สาระสักที! ในเมืองหลวงมีทหารไม่ถึงสองแสน อัศวินไม่ถึงห้าร้อย จอมเวทอีกแค่ราวสามร้อย จะเอาอะไรไปรับมือกับจอมอสูร?”


“ขอคัดค้าน! พวกเราจะใช้ทหารเป็นโล่มนุษย์เพื่อยื้อเวลา ระหว่างนั้นก็เปิดทางให้ฝ่าบาทหลบหนี!”


ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน บรรดาขุนนางเริ่มเปิดเผยธาตุแท้ หลายคนเพียงต้องการหนีเอาตัวรอดโดยใช้จักรพรรดินีเป็นข้ออ้าง


รีซิเลียมองพวกมันด้วยสายตาสมเพช ไม่อยากจะเชื่อว่าคนเหล่านี้ยังกล้าพูดจาให้ตัวเองดูดีต่อหน้าองค์จักรพรรดินี


“นับตั้งแต่อดีต ไม่เคยมีผู้ปกครองคนใดทอดทิ้งกรุงไททันมาก่อน พวกท่านอยากให้จักรพรรดินีบาซาร่าถูกตราหน้าว่าเป็นคนขี้ขลาดใช่ไหม!”


“ผิดแล้ว! เป็นเพราะเมื่อก่อนไม่เคยมีจอมอสูรปรากฏตัวใจกลางเมืองต่างหาก จะนำเหตุการณ์ในวันนี้ไปเทียบกันไม่ได้! เหนือสิ่งอื่นใด จอมอสูรปรากฏกายกลางเมืองก็เพราะฝีมือองค์ชายเสียสตินั่น…”


มาร์ควิสคนหนึ่งที่กำลังตะโกนด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน พลันปิดปากมิดชิดเมื่อตระหนักว่า ตนเพิ่งกล่าวในสิ่งไม่สมควรออกไป


เบนัวต์อาจก่อบาปร้ายแรงจนถูกคุมขังในคุกนรก แต่จะดีจะร้ายอย่างไรก็มีสายเลือดแท้ของซาฮารัน การที่ไปอีกฝ่ายว่า ‘คนเสียสติ’ อาจทำให้คนของราชวงศ์โกรธเคือง


รีซิเลียมิได้แยแส


“ในวังหลวงมีท่านไคล์ หากพวกเราผนึกกำลังกันอย่างสามัคคีโดยมีท่านไคล์เป็นแกนนำ ถึงศัตรูจะเป็นจอมอสูรหลักเดียวก็มีโอกาสรับมือไหว”


รีซิเลียมีอายุเกือบร้อยปี ความรู้ของมันย่อมกว้างขวาง ถึงจะไม่ทราบพลังที่แน่ชัดของจอมอสูรหลักเดียว แต่การที่มุลเลอร์สามารถผนึกเฮลกาโอได้ตามลำพัง ก็มากพอจะทำให้ชายคนนี้มีความหวัง


รีซิเลียซึ่งรับใช้มหาจักรพรรดิมาแล้วสามรุ่น ย่อมทราบถึงความแข็งแกร่งของกองทัพเมืองหวง มันเชื่อว่าทุกคนมีดีพอที่จะต่อกรกับจอมอสูร


ทว่า แผ่นของรีซิเลียมีช่องโหว่อยู่หนึ่งเรื่อง


“แล้วท่านคิดว่า… ไคล์จะยอมช่วยพวกเราหรือ”


สายตาเหล่าขุนนางพลันหันไปทางดูรันดัล


ถูกต้อง ไคล์คือผู้ใต้บังคับบัญชาขององค์ชายสอง ดูรันดัลเป็นเพียงไม่กี่คนในจักรวรรดิที่มีสิทธิ์ออกคำสั่งไคล์ เหล่าขุนนางจึงพากันเคลือบแคลงว่า ในฐานะคู่แข่งแย่งชิงบัลลังก์ ดูรันดัลจะยอมช่วยบาซาร่าจริงหรือ


ไม่น่าเป็นไปได้…


ดูรันดัลคงทำตัวเป็นไทยมุงที่ยืนมองคนจมน้ำโดยไม่เข้าไปช่วย


ชายคนนี้ปรารถนาความตายของบาซาร่ามากกว่าใคร


ขณะขุนนางกำลังคิดเช่นนั้น


“พวกเราต้องร่วมมือกับไคล์”


ดูรันดัลเปิดปากพูดหลังจากนั่งหน้าขรึมมานาน


องค์ชายสองยืนขึ้นและกล่าวกับทุกคน


“หากเป็นคนของจักรวรรดิ เราก็ต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาของจักรวรรดิ”


“…”


“…”


บุคคลที่เคยตั้งตัวเป็นศัตรูกับจักรพรรดินี ปรารถนาในบัลลังก์ยิ่งกว่าใคร กล้าพูดเรื่องความสามัคคีและช่วยเหลือบ้านเมือง?


ขณะขุนนางพากันเหยียดหยันในใจ ดูรันดัลกล่าวต่อหน้าทุกคน


“ไคล์จะช่วยฝ่าบาทอย่างแน่นอน หากพระองค์สั่งให้ทุกคนสู้จนตัวตาย ทั้งไคล์และอัศวินทมิฬก็จะไม่ออกจากวังหลวงแม้แต่ก้าวเดียว ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ไปพร้อมกับทุกคนอย่างห้าวหาญ!”


“…!”


“…!”


ได้ยินเช่นนั้น ดวงตาเหล่าขุนนางพลันเบิกโพลง


ดูรันดัลเพี้ยนไปแล้วหรือ?


ทั้งเรเชล มอริส และองค์ชายหนึ่ง โรแลนด์ต่างก็ประหลาดใจ


มีเพียงบาซาร่าที่อมยิ้ม


ดูรันดัลหันไปออกคำสั่งกับเลซี่


“ไปพาไคล์มา”


“ขอรับ!”


เลซี่ตอบสนองอย่างกระตือรือร้น


จริงอยู่ เลซี่คลั่งไคล้ในอาชีพอัศวินมาก แต่มันก็ไม่มีความสุขนักเมื่อตระหนักว่า เจ้านายของตนไม่ใช่คนที่น่าเคารพนับถือสักเท่าไร


นั่นคือเรื่องราวในอดีต ตอนนี้ดูรันดัลเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด


คงเป็นผลมาจากความดีที่ท่านบาซาร่าพยายามทำมาตลอด…


ทุกครั้งที่ดูรันดัลแสดงท่าทีไม่เป็นมิตร บาซาร่าจะทำเพียงเพิกเฉยและไม่เคยมอบบทลงโทษ นั่นอาจทำให้ดูรันดัลเริ่มใจอ่อนทีละนิด


ทั้งที่องค์ชายสองไม่เคยคิดจะนับญาติกับหล่อน…


‘แต่ในช่วงเวลาสำคัญ เขากลับเลือกต่อสู้ไปพร้อมครอบครัว’


เลซี่เคยกังวลมาตลอดว่า อุปนิสัยของดูรันดัลอาจต่ำทรามยิ่งกว่าสัตว์ป่า แต่โชคดีที่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น


อัศวินหนุ่มเดินออกจากท้องพระโรงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ตรงไปยังคฤหาสน์ส่วนตัวของไคล์ เกลี้ยกล่อมเทพสายฟ้าที่หัวเสียสักพัก จากนั้นจึงนำทางมายังวังหลวง


“เรียกหาข้า มีอะไร?”


ไคล์เดินเข้าท้องพระโรงด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์


มันไม่ชายตามองเหล่าขุนนาง ไม่แม้กระทั่งเรเชลและมอริส


กับบาซาร่าและดูรันดัลก็มิได้แสดงความนอบน้อมสักเท่าไร


ในฐานะห้าเสาหลักคนสุดท้าย มันผยองว่าตนไม่จำเป็นต้องเกรงใจใคร


ค่อนข้างน่าเศร้าที่คนแบบนี้คือความหวังสุดท้ายของจักรวรรดิ


แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน พวกเขาจะเลือกอะไรได้?


วิกฤติตรงหน้าร้ายแรงจนอาจถึงขั้นสละเมืองหลวง บาซาร่าและเหล่าขุนนางจำเป็นต้องพึ่งพาไคล์อย่างไม่มีทางเลือก ไม่มีใครกล้าตำหนิท่าทีจองหองของเทพสายฟ้า ไม่มีใครอยากทำให้ไคล์ขุ่นเคืองโดยไม่จำเป็น


ดูรันดัลกล่าว


“คงสัมผัสได้ใช่ไหม จอมอสูรตนใหม่ปรากฏตัวใกล้กับเมืองหลวง”


“อา… ลำดับสูงกว่าโบทิสเสียอีก”


ขุนนางต่างพากันอ้าปากค้าง


พวกมันโกรธมากที่ไคล์รู้เรื่องทุกอย่าง แต่กลับไม่คิดจะยื่นมือช่วยเหลือ


ตอนโบทิสอาละวาดใจกลางเมือง ไคล์มัวทำอะไรอยู่?


หมอนี่เป็นของคนจักรวรรดิจริงหรือ? เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน?


ทุกคนต่างตั้งคำถาม


เช่นเดียวกันกับดูรันดัล ถึงมันจะเป็นเจ้านาย แต่ก็ไม่เคยเชื่อใจไคล์เต็มร้อยสักครั้ง อีกฝ่ายยอมรับใช้เพียงเพราะมันสัญญาว่าจะมอบความมั่งคั่งให้


เหนือสิ่งอื่นใด ดูรันดัลเคยรับปากว่า หากตนได้เป็นจักรพรรดิ ไคล์จะกลายเป็นหมายเลขสองผู้กุมอำนาจล้นมือ


ดูรันดัลคอยตั้งคำถามกับตัวเองมาตลอด ถ้าตนกลายเป็นจักรพรรดิเพราะไคล์จริง หลังจากนั้นจะไม่ตกเป็นหุ่นเชิดของอีกฝ่ายเอาหรือ


ตลอดเวลาที่ผ่านมา องค์ชายสองใช้ไคล์อย่างหวาดระแวง เอาแต่กังวลว่าตนอาจสร้างแกรนมาสเตอร์คนที่สองขึ้น


เมื่อตระหนักถึงความโง่เขลาที่เคยหวังยืมมือไคล์ ดูรันดัลถอนหายใจยาว


“รู้ก็ดี จะได้คุยกันง่าย ข้าอยากให้เจ้าช่วยฝ่าบาทปกป้องวังหลวง”


“ช่วยฝ่าบาท?”


ไคล์เริ่มพบความเปลี่ยนแปลงในตัวองค์ชายสอง


มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยพลางหัวเราะในลำคอพร้อมกับยักไหล่


“บางที… การหนีไปอาจฉลาดกว่าก็ได้นะ”


“ไททันคือหัวใจสำคัญของจักรวรรดิ เราจะไม่หนีเด็ดขาด”


บาซาร่าที่เงียบงันมานานเปิดปากพูด


หญิงสาวสนทนากับไคล์อย่างสุภาพ


“ท่านไคล์ เราจะไม่ขอร้องให้ท่านสู้เพื่อตัวเอง แต่ได้โปรดนึกถึงบุญคุณเก่าของอดีตจักรพรรดิฮวนเดอร์ พิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่าควรปกป้องวังหลวงแห่งนี้หรือไม่… เราทำได้เพียงขอความกรุณา”


แต่ไหนแต่ไร ไคล์คือห้าเสาหลักที่อ่อนแอที่สุด บางช่วงอ่อนแอยิ่งกว่าอัศวินสีชาดหลักเดียว แต่ถึงอย่างนั้น ฮวนเดอร์ไม่เคยเคลือบแคลงในฝีมือของไคล์เลยสักครั้ง อดีตจักรพรรดิเพิกเฉยต่อเสียงคัดค้านรอบข้างและยืนกรานว่าไคล์เหมาะสมกับตำแหน่งเสาหลัก


จนกระทั่งพลังของไคล์เบ่งบานถึงขีดสุด มันพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า ฝีมือตนมิได้ด้อยไปกว่าห้าเสาหลักคนใด


“…”


ไคล์หุบยิ้มเมื่อได้ยินชื่อฮวนเดอร์


มันครุ่นคิดสักพักก่อนจะมอบคำตอบ


“ไม่ล่ะ… ข้าไม่อยากเข้าร่วมศึกที่มีความเสี่ยง”


“อะไรนะ!?”


เหล่าขุนนางต่างเดือดดาล ใบหน้าบางคนแดงก่ำ


ไม่มีใครคิดยกโทษให้ไคล์ที่บังอาจปฏิเสธคำขอร้องของจักรพรรดินี


เหนือสิ่งอื่นใด มันยังไม่ได้ใช้หนี้ที่ติดค้างกับฮวนเดอร์เลยสักนิด ตำแหน่งในปัจจุบันก็ได้รับค่าตอบแทนมหาศาล แลกมากับการช่วยปกป้องบ้านเมือง


มอริสแผ่จิตสังหารโดยไม่ปิดบัง


ขณะบรรยากาศเริ่มคุกรุ่น เสียงหนึ่งดังขึ้น


“ถ้าไม่เต็มใจก็ไม่ต้องทำ ไสหัวออกไป ฉันจะสู้กับมันเอง”


กริดที่หายตัวไปอย่างเป็นปริศนาจนถึงเมื่อครู่ เดินเข้ามาในท้องพระโรง


หลังจากหนีออกจากคุกนรกอย่างยากลำบาก ชายหนุ่มส่งข้อความเสียงไปคุยกับเลซี่และรีบตรงมายังวังหลวง


“โฮ่! ราชาโอเวอร์เกียร์!!”


บรรดาขุนนางต่างส่งเสียงต้อนรับด้วยสีหน้าชื่นมื่น


ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น กริดคือผู้มีพระคุณที่ต่อสู้กับโบทิสเพื่อปกป้องจักรวรรดิ


ขณะชายหนุ่มถูกเชิญให้ไปนั่งพักบนบัลลังก์พิเศษข้างบาซาร่า


“ข…ขอคารวะราชาโอเวอร์เกียร์!!”


ไคล์หมอบกราบกริดด้วยความนอบน้อมเป็นล้นพ้น


ทั้งที่มันไม่แม้แต่จะโค้งศีรษะทักทายบาซาร่าหรือดูรันดัล


ขณะศีรษะโขกกับพื้น เทพสายฟ้าตะโกนเสียงดังขึงขัง


“หากฝ่าบาทปรารถนาสงคราม ข้าก็จะทำสงคราม! ถ้าฝ่าบาทไม่ไปไหน ข้าก็จะไม่ไปไหนเช่นกัน!”


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,818
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. สรุปไคล์เป็นลูกน้องกริดใช่มะ

    ReplyDelete
  2. ลูกน้องแหละ 555

    ReplyDelete
  3. คนอื่นมอง มันย้ายข้างตั้งแต่ตอนไหน
    ไคล์บอก :กรูย้ายตั้งนานละ
    5555+

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00