จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,348
เมฆสีทองลอยล่องบนท้องฟ้าหลากสีสัน
ท่ามกลางทัศนียภาพอันงดงามซึ่งทำให้ผู้คนแตกตื่น ดราเชี่ยนบรรจงลืมตาอย่างเงียบงันพลางใช้หลังมือเช็ดแก้ม
ของเหลวสีใสซึ่งไหลอาบสองแก้ม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้คือน้ำตา
“…”
ดวงตาดราเชี่ยนกำลังสั่นระริกหลังจากลืมขึ้น
โลกที่มันเห็นในความฝันเมื่อครู่นั้นมืดมนเสียจน ความหวาดกลัวและอ้างว้างก่อตัวภายในใจอย่างรุนแรง
เสียงประหลาดซึ่งแฝงความคุ้นเคยกำลังดังกังวานในหัว
“ดวงตาอัปลักษณ์ที่ฉาบด้วยแสงแห่งความหลงใหลของเจ้า… ข้าไม่อยากเห็นมันอีกแล้ว”
“อะ… อา….”
ตนฟื้นฟูความทรงจำกลับมาแล้วไม่ใช่หรือ
เหตุใดสมองถึงจินตนาการฉากและเสียงที่ไม่เคยมีอยู่ในความทรงจำ
เหตุใดหัวใจถึงหนาวเหน็บและเจ็บปวด
ความรู้สึกโดดเดี่ยวอันน่าสะพรึงเหล่านี้คืออะไร?
ดราเชี่ยนจับศีรษะด้วยท่าทีเจ็บแปลบ ในใจหวนนึกถึงบทสนทนากับมนุษย์คนหนึ่งสมัยตนเป็นบีฟรองเซ่
“ทำไมเจ้าถึงมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้?”
มนุษย์ผมขาวที่ดูเหมือนจะรู้จักอดีตของตน
เขาจ้องกลับมาด้วยสายตาแฝงความสมเพชและเหยียดหยัน
‘เขาพูดถึงตัวเราในอดีต… หรือในปัจจุบัน?’
เมื่อคำถามเหลวไหลผุดขึ้น ดราเชี่ยนเริ่มหงุดหงิด
ความว้าวุ่นถาโถมจิตใจจนเกิดอารมณ์สับสนปนกระสับกระส่าย
ความรู้สึกดังกล่าวทำให้มันไม่อยากอยู่นิ่ง ๆ
ตนต้องทำอะไรสักอย่าง เช่นการฉาบโลกนี้ให้เต็มไปด้วยคำสาปและมอบความปั่นป่วนโกลาหลแก่จิตใจผู้คน
นี่คือสัญชาตญาณ
สัญชาตญาณจากก้นบึ้งซึ่งยากจะขัดขืน
‘ก่อนอื่น… เราต้องออกจากที่นี่’
เวิ้งแห่งความมืดนิด
สถานที่แห่งนี้มีทั้งปากทางเข้านรกและทางออกไปยังโลกกึ่งกลาง
แน่นอน ดราเชี่ยนมองเพียงทางออก มันเป็นจอมอสูรผู้เคยเผชิญความเจ็บปวดบนโลกกึ่งกลาง ถึงจะมีอุปสรรคนามว่ากริดคอยขัดขวาง แต่โลกที่มันปรารถนาคือโลกมนุษย์ หาใช่นรก
เพราะเหตุใด?
ดราเชี่ยนเองก็ไม่เข้าใจความหมกมุ่นของตน
พรึ่บ!
ดราเชี่ยนเหยียดตัวตรงจากท่าหมอบ
ขนนกสีดำกระพือทุกทิศทางขณะสยายปีกกว้าง
ในวินาทีที่เตรียมบินขึ้น ข้อเท้าของมันถูกใครบางคนคว้าไว้
ดราเชี่ยนก้มมองและพบดวงตาสีแดง
“ประหม่าขนาดนั้นเชียว?”
เจ้าของดวงตามีพลังเวทมหาศาลจนแม้แต่ดราเชี่ยนยังผงะ
พลังอสูรของอีกฝ่ายเข้มข้นเสียจน สามารถฉาบทุ่งเมฆทองสุดลูกหูลูกตาในความฝันก่อนหน้าให้กลายเป็นสีดำสนิท
“บาเอล…”
จอมอสูรลำดับหนึ่ง
ดราเชี่ยนไม่มีวันลืมตัวตนสุดชั่วร้ายผู้ปกครองขุมนรกในนามเทพมารยาธาน
“มาหาข้าทำไม?”
“มาแสดงความยินดีกับอดีตพวกพ้องที่เพิ่งลืมตาขึ้น”
“พวกพ้อง?”
โดยทั่วไปแล้ว จอมอสูรจะใช้คำว่า ‘พวกพ้อง’ ไม่บ่อยนัก ระหว่างพวกมันมักมีความสัมพันธ์เป็นเพียงสองรูปแบบ ไม่คู่แข่งก็นายบ่าว
ในกรณีดราเชี่ยนคืออย่างแรก มันไม่เคยยอมจำนนต่อจอมอสูรที่มีลำดับสูงกว่าตน ไม่เว้นแม้แต่บาเอล
แต่บาเอลกลับเรียก ‘พวกพ้อง’ อย่างง่ายดาย ราวกับไม่เคยมองอีกฝ่ายเป็นคู่แข่งมาตั้งแต่แรก
ขณะเผยร่างสมบูรณ์ต่อหน้าดราเชี่ยนผู้กำลังขมวดคิ้ว บาเอลกลอกตามองไปรอบตัว
ดวงตาของมันหมุนเร็วประหนึ่งลูกข่าง เพียงไม่นานก็มองเห็นทุกสิ่งภายในเวิ้งนรกซึ่งปกคลุมด้วยความมืดมิดเข้มข้น
เห็นทั้งหมดโดยไม่ปล่อยให้สิ่งใดเล็ดลอด
จากนั้น บาเอลดีดนิ้ว เสียงระเบิดดังขึ้นภายในเวิ้งนรก
เป็นเสียงซึ่งทำให้สิ่งมีชีวิตในบริเวณใกล้เคียงตายสนิท
เหลือเพียงบาเอลและดราเชี่ยนตามลำพัง
หมายความว่า จะไม่มีใครได้ยินบทสนทนาระหว่างพวกมัน
“ข้าจะบอกอะไรให้”
“...?”
“เจ้าจะตายในสงครามครั้งนี้… ลำพังพลังจอมอสูรลำดับสิบเอ็ด ยังไม่มากพอจะยึดครองโลกกึ่งกลางหรอกนะ”
“…”
เป็นทั้งคำทำนายและเย้ยหยัน
นิสัยบาเอลมิได้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลยสักนิด หลังจากได้ยิน ดราเชี่ยนตัดสินใจเบือนหน้าหนี
ทันใดนั้น
“แต่คราวนี้… จงอย่าปฏิเสธความตาย… อ้าแขนรับมันไว้”
“…?”
ถ้อยคำดังกล่าวแฝงความนัยบางอย่าง
เมื่อดราเชี่ยนหันกลับมามอง บาเอลอันตรธานหายไปโดยสมบูรณ์
***
จอมเวทมืดอันดับหนึ่ง โรส
ในฐานะข้ารับใช้ยาธาน เธอได้รับวิวรณ์จากจอมอสูรอาโมแรค
เป็นคำสั่งซึ่งไม่แตกต่างจากในอดีตสักเท่าไร : จงคอยจับตามองจอมอสูรแห่งคำสาป ผู้กำลังจะคืนชีพในอนาคตอันใกล้
โรสค่อนข้างฉงนเมื่อพบว่าเป็นคำสั่ง ‘จับตามอง’ มิใช่ ‘สนับสนุน’
แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพ เธอลงมือทำภารกิจโดยไม่ตั้งแง่ โรสส่งสัตว์รับใช้ไปยังคุกนรกและประจักษ์การคืนชีพของจอมอสูรแห่งคำสาป
เธอดีใจเมื่อได้เห็นกริดเผ่นหนีหางจุกก้น และผิดหวังที่ดราเชี่ยนมิได้ไล่ตามขึ้นไปบนผืนโลกแม้จะเป็นฝ่ายได้เปรียบ
แต่ถึงอย่างนั้น โรสยังคงตั้งใจทำภารกิจต่อไป
จนกระทั่งบาเอล จอมอสูรลำดับหนึ่ง ปรากฏกาย
จอมอสูรผู้มีอำนาจสูงสุดในนรก โฉมหน้าที่แท้จริงซึ่งเคยได้ยินเพียงในข่าวลือ ทำให้หญิงสาวถึงกับตะลึงนานหลายวินาที
สัตว์รับใช้ ‘ค้างคาวสนธยา’ เกรดยูนีค
พวกมันหวาดกลัวจนคิดหนีออกจากจุดดังกล่าวโดยเร็ว แต่โรสก็ไม่อนุญาตแม้จะเข้าใจหัวอกเป็นอย่างดี
หญิงสาวฝืนควบคุมค้างคาวสนธยาเพื่อให้เฝ้าสังเกตบาเอลได้ต่อไป
แต่ผลลัพธ์คือความเจ็บปวด
เพียงบาเอลกลอกตามอง ค้างคาวสนธยาก็สิ้นใจในพริบตา
[สัตว์รับใช้ของท่าน ‘ค้างคาวสนธยา’ ถูกทำลาย]
“เขารู้ตัว…”
สัตว์รับใช้สามารถอยู่ห่างจากเจ้านายโดยที่ยังแบ่งปันการมองเห็นร่วมกัน ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวคือการมีอายุขัยสั้น ความตายถือเป็นจุดจบ มิอาจอัญเชิญได้ใหม่ แตกต่างจากสัตว์เลี้ยงที่คืนชีพได้นับไม่ถ้วน
การสูญเสียสัตว์รับใช้เกรดยูนีคจึงถือเป็นความเสียหายใหญ่หลวงสำหรับโรส
ขณะกำลังโศกเศร้า อาโมแรคเผยวิวรณ์ถัดไป
> ลูกสาวของข้า จงรีบเดินทางไปยังจักรวรรดิซาฮารัน
คำสาปของจอมอสูรกำลังจะถูกนำขึ้นมายังพื้นพิภพ
ในไม่ช้า จักรวรรดิซาฮารันจะกลายเป็นสนามนองเลือด
อาโมแรคจะต้องบอกให้เราคอยสนับสนุนดราเชี่ยนแน่…
โรสคิดเช่นนี้อย่างมีความหวัง
‘ถ้าเป็นคราวนี้ล่ะก็… เราชนะแน่’
จวบจนปัจจุบัน โรสเคยต่อสู้ร่วมกับจอมอสูรมาแล้วหลายหน แต่น่าเสียดายที่ไม่เคยมีครั้งใดได้รับชัยชนะ
เป็นเพราะจอมอสูรอ่อนแอ?
ผิดแล้ว มนุษยชาติแข็งแกร่งเกินไปต่างหาก
ทุกครั้งเมื่อคนแปลก ๆ มารวมตัวรอบกริด พลังต่อสู้ของทุกคนจะสูงขึ้นจากเดิมอย่างเหนือความคาดหมาย และมักจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของฝ่ายจอมอสูรอยู่ร่ำไป
แต่ไม่ใช่กับคราวนี้
โรสได้ประจักษ์ ‘ดูม’ ของดราเชี่ยนกับตาตัวเอง
เหตุผลสำคัญซึ่งทำให้ผู้เล่นสามารถล่าจอมอสูรไหว คือความสามารถในการฮีลและฟื้นฟูพลังชีวิต
แต่ดูมคือพลังที่แก้ทางความสามารถเหล่านั้นได้ชะงักงัน
ตราบใดที่มีดูม มนุษยชาติไม่มีวันโค่นดราเชี่ยนลงได้
มุมปากโรสยกโค้งอย่างความสุขขณะจินตนาการถึงความสำเร็จ
หญิงสาววาดฝันภาพการคืนชีพของวิหารยาธาน รวมไปของรางวัลซึ่งตนจะได้รับหากจอมอสูรสามารถตั้งรกรากบนโลกกึ่งกลางสำเร็จ
‘ไม่มีฝ่ายไหนแข็งแกร่งได้ตลอดไป’
ในเกม MMORPG ส่วนใหญ่ที่ผ่านมา กิลด์ใหญ่ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของผู้เล่นระดับท็อปมักไม่ยั่งยืน อาจปกครองเกมได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดภายในระยะสั้น แต่เพียงไม่นานก็จะล่มสลายไปด้วยหลากหลายเหตุผล ทั้งการถูกรุมโจมตีจากผู้เล่นฝ่ายที่เหลือทั้งหมด หรือไม่ก็แตกแยกกันเองเนื่องจากต่างฝ่ายต่างมีความทระนง
‘ยุคสมัยของวิหารยาธานกำลังจะเริ่มต้นขึ้น!’
จักรวรรดิซาฮารันจะถูกดราเชี่ยนทำลาย
วิหารยานจะถึงคราวผงาด
มีความเป็นไปได้มากว่า กองกำลังฝ่ายศัตรูของโอเวอร์เกียร์จะร่วมมือกับวิหารยาธานเพื่อกำจัดโอเวอร์เกียร์
หรือกล่าวได้ว่า ขั้วอำนาจใหม่ที่ทรงพลังที่สุดกำลังจะถือกำเนิดขึ้นโดยมีจอมอสูรอยู่เบื้องหลัง
“ค่ะ! รับทราบ…”
ขณะโรสเตรียมตอบตกลงภารกิจ
> จงไปช่วยมนุษย์กำจัดดราเชี่ยน
สิ้นเสียงอาโมแรค วิมานในอากาศของโรสพลันแหลกเป็นผุยผง
“ทะ…ทำไมกัน? ทำไมเราต้องช่วยมนุษย์?”
โรสเคลือบแคลงในสิ่งที่ได้ยิน
เธอเชื่อว่าอาโมแรคอาจจะพูดผิด
แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่
[ท่านได้รับวิวรณ์ใหม่]
[กำจัดอสูรแห่งคำสาป]
ระดับความยาก : SSS+
อาโมแรค ตัวแทนเทพยาธาน ต้องการทำลายดราเชี่ยน อสูรแห่งคำสาป
จงทำตามความประสงค์ของเธอ ร่วมมือกับมนุษย์เพื่อขจัดดราเชี่ยน
รางวัลสำเร็จวิวรณ์ :
- เลเวลเพิ่มขึ้นสองระดับ
- เปลี่ยนเผ่าพันธุ์เป็นอสูร
‘ความสัมพันธ์ระหว่างจอมอสูรช่างซับซ้อน…’
โรสเคยทราบว่า จอมอสูรมักแข่งขันกันเป็นใหญ่ แต่ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีการร่วมมือกับมนุษย์เพื่อกำจัดอีกฝ่ายทิ้ง
“…เข้าใจแล้วค่ะ”
แต่กิลด์โอเวอร์เกียร์จะยอมให้เธอเป็นพวกจริงหรือ?
ความสัมพันธ์ของโรสกับโอเวอร์เกียร์เข้าขั้นเลวร้าย
หากเสนอตัวช่วยเหลือ มีโอกาสสูงมากที่จะโดนดาบเสียบทะลุหลัง
อย่างไรก็ตาม โรสไม่มีทางเลือกอื่น รางวัลตอบแทนที่จะเปลี่ยนเผ่าพันธุ์ให้กลายเป็น ‘อสูร’ ถือเป็นสิ่งล้ำค่ามาก เพราะนั่นไม่ใช่การเป็นเพียง ‘เผ่าอสูร’ แต่หมายถึง ‘อสูรแท้’ ตัวจริงเสียงจริง
รางวัลตอบแทนมีค่ามากมายเสียจน โรสจำเป็นต้องขจัดอารมณ์ส่วนตัวทิ้งและคิดหาทางบรรลุภารกิจให้ได้
***
จักรพรรดินีบาซาร่าซึ่งเตรียมทำสงครามกับดราเชี่ยน ตัดสินใจอพยพชาวเมืองเป็นอันดับแรก กรุงไททันอันว่างเปล่าจึงเหลือเพียงเสียงฝีเท้าของทหารและอัศวิน
“ด้วยขุมกำลังขนาดนี้ พวกเราคงชนะได้แม้กระทั่งบาเอล!”
ขณะเคลื่อนพลไปทางเวิ้งนรก แวนเนอร์จงใจพูดเสียงดังเพื่อทำลายบรรยากาศตึงเครียด
“หากโอเวอร์เกียร์และจักรวรรดิร่วมมือกัน จอมอสูรลำดับสิบเอ็ดจะสักเท่าไรกันเชียว!?”
สีหน้าของกองทหารซึ่งเคยซีดเซียว เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ปิอาโร่ อดีตเสาหลักคนสำคัญ และไคล์ เสาหลักคนปัจจุบัน
อดีตอัศวินลำดับหนึ่ง เมอร์เซเดส และอัศวินหลักเดียวรุ่นปัจจุบัน
กษัตริย์กริดแห่งโอเวอร์เกียร์ และดยุคแห่งจักรวรรดิ
หลังจากได้สติคืนมาว่าฝั่งของตนมียอดนักรบคนใดบ้าง บรรดาทหารพลันฮึกเหิมขึ้นเล็กน้อย
ถูกต้อง ฝ่ายตนต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน
ผู้ที่ต้องตายในวันนี้คือจอมอสูร
แต่ตรงข้ามกับเหล่าทหารที่ฮึกเหิม กริดกำลังวิตกหนัก
‘พวกเราจะชนะได้จริงหรือ…’
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีแก้ทางดูม
ทุกคนในกองทัพอาจทราบและคอยระวังดูมเป็นพิเศษ แต่ฝ่ายมนุษย์จะหาทางรับมือพลังอันเหนือล้ำจินตนาการด้วยวิธีใด?
ขณะชายหนุ่มกำลังประหม่า กองทัพเคลื่อนพลเข้าใกล้เวิ้งนรก
ทุกคนเริ่มมองเห็นปากทางเข้าจากระยะไกล
ทหารจักรวรรดิรอฟังคำสั่งจากดยุค ส่วนกองทัพโอเวอร์เกียร์รอฟังคำสั่งจากอัสโมเฟลและเมอร์เซเดส
พลธนูคอยยืนล้อมทางเข้าเวิ้งเอาไว้ ด้านหลังเป็นจอมเวท ต่อด้วยนักบวชและทหารซึ่งยืนด้านหลังสุด
เมื่อดราเชี่ยนปรากฏตัว พลธนูมีหน้าที่สร้างความเสียหายให้มากที่สุด ส่วนจอมเวทกับนักบวชจะคอยปกป้องทหารจากเวทมืดของอีกฝ่าย
“เฮ่อ…”
กริดสูดลมหายใจยาวขณะสองกองทัพเริ่มจัดรูปขบวน
“หากท่านเป็นจอมเวท กรุณาถอยมายืนตรงนี้ด้วย”
“หุบปาก”
มหาจอมเวทของจักรวรรดิพยายามกำหนดตำแหน่งยืนให้บราฮัม แต่ถูกอีกฝ่ายพ่นลมหายใจหงุดหงิดกลับ
ผ่านไปสักพัก
[ดราเชี่ยน จอมอสูรแห่งคำสาป ปรากฏกาย!]
ผืนดินพลันสั่นสะเทือนหนักหน่วงพร้อมกับการเผยตัวของดราเชี่ยน
ลูกธนูและลำแสงเวทมนตร์จำนวนมากศาลถูกประเคนใส่จากเบื้องล่าง อย่างไร้ความปรานี เมื่อความสนใจของดราเชี่ยนถูกเบี่ยงเบน เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ทำการปลดปล่อยท่าไม้ตายโดยไม่ลังเล
ไม่สิ ทำได้แค่พยายามจะปลดปล่อย
“แรงโน้มถ่วง”
สมาชิกโอเวอร์เกียร์ที่พุ่งขึ้นไปบนฟ้าเพื่อเตรียมโจมตีดราเชี่ยน ถูกแรงโน้มถ่วงลึกลับดึงให้ตกลงมากระแทกพื้นกะทันหัน
เป็นฝีมือของบราฮัม
“นายคิดจะทำอะไร?”
ในวินาทีที่แวนเนอร์เตรียมตำหนิบราฮัม ใบหน้าของมันพลันซีดเผือดเนื่องจากเห็นอัศวินสีชาดหลักเดียวซึ่งกระโดดขึ้นไปในเวลาไล่เลี่ยกัน ถูกคมดาบล่องหนฟันจนร่างขาดเป็นสองท่อนอย่างง่ายดาย
Comments
Post a Comment