จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,192



ห้าอาวุโสจัดการประชุมขึ้น


ฝั่งซ้ายของประธานคือ พุงซา (เทพวายุ)


ฝั่งขวาคืออึนซา (เทพเมฆา)


ถัดจากอึนซาคืออูซา (เทพพิรุณ)


ฮานึล (เทพนภา) มิได้เข้าร่วม ผู้ดำรงตำแหน่งประธานแทนคือซอบยอล (เทพดารา)


(อ่านว่า ซอ-บยอล)


ซอบยอลคือบุตรชายของฮานึล มันกล่าวเปิดการประชุมหารือระหว่างห้าอาวุโส


“เทพฟินิกซ์แดงคืนชีพแล้วสินะ… มาถึงขั้นนี้คงย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้”


ซอบยอลเชิดคางขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย เป็นท่าทีตอบสนองอันไม่รู้สึกรู้สา แม้เพิ่งจะได้รับแจ้งข่าวว่า หนึ่งในอดีตเทพผู้ปกครองดินแดนทางตอนใต้ คืนชีพกลับมาอีกครั้ง


พุงซาขมวดคิ้ว


“เราสูญเสียศรัทธาทางใต้ไปมากมาย แถมยังสูญเสียเด็กๆ ไปจำนวนหนึ่ง แล้วเหตุใดท่านถึงมิได้รู้สึกรู้สาเลยสักนิด!”


“ท่านกำลังหมายถึงยังบัน พวกเด็กอ่อนหัดและไร้ประโยชน์ ครึ่งเทพผู้พ่ายแพ้ต่อมนุษย์ธรรมดาใช่ไหม”


“ซอบยอล ระวังคำพูดด้วย! ฮานึลรักเด็กพวกนั้นมาก ท่านไม่ควรพูดจาว่าร้าย”


“ข้าแค่พูดเรื่องจริง ฟังดูเป็นการว่าร้ายตรงไหนหรือ ท่านลองคิดตามให้ดี ยังบันอ่อนแอจนถูกมนุษย์สังหาร และล้มเหลวในภารกิจยับยั้งการคืนชีพของฟินิกซ์แดง นี่คือข้อเท็จจริง ไม่มีเหตุผลให้ต้องเอาฮานึลมาบังหน้า”


“ท่านเองก็อย่าได้ลืมว่า ทั้งฮานึลและพวกเราทุกคน ต่างก็เคยทำผิดพลาดจนต้องถูกขับไล่มายังดินแดนแห่งนี้ ทุกคนเคยผิดพลาด และใช้บาดแผลเป็นแรงกระตุ้นในการพัฒนาตัวเอง เด็กพวกนั้นตายไปแล้ว ไม่ใช่เวลาผลักความรับผิดชอบ แต่พวกเราควรมาหารือกันว่า ต้องจัดการกับฟินิกซ์แดงอย่างไรต่างหาก”


“หืม… ตอนนี้พวกเราสามารถพูดคุยเรื่องการกำจัดฟินิกซ์แดงได้ด้วยหรือ”


ซอบยอลมองไปยังหน้าทางเข้าโถงประชุม


กรุ้งกริ้ง~


ซือโหยวกำลังนั่งรับสายลมอบอุ่นจากทิศใต้


สีหน้าของมันเผยความผ่อนคลายและสงบนิ่ง


ทันใดนั้น เหล่าห้าอาวุโสพลันตระหนักได้ทันทีว่า ตนกำลังถูกแผ่จิตสังหาร ‘สะกดข่ม’


ใบหน้าพุงซาเริ่มบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ แต่ทางด้านซอบยอลยังคงเรียบเฉย


“อย่าได้ลืมสัญญาเด็ดขาด ไม่ว่าจะผ่านไปนานสักเพียงใด แต่พวกเราได้รับปากไว้แล้วว่า หากซือโหยวยอมร่วมมือ เราจะมอบความตายให้กับมัน”


“…”


“ซือโหยว… หากข้าเข้าใจไม่ผิด มนุษย์ผู้ดับลมหายใจการัมย่อมได้รับคุณสมบัติสังหารเทพ ฉะนั้น เจ้าคงไม่ปล่อยให้พวกข้าลงไปจัดการมันด้วยตัวเอง ข้าพูดถูกหรือไม่”


กรุ้งกริ้ง.


ซือโหยวหันหลังกลับมาจ้องซอบยอล


“ถูกต้อง ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าเข้าไปแทรกแซงเด็ดขาด”


คำพูดคำจาสั้นห้วนคล้ายกับห้าอาวุโสเป็นเพียงเบี้ยล่าง


ทุกครั้งเมื่อได้ฟัง พวกมันจะออกอาการหงุดหงิดและไม่คุ้นเคยเสมอ


ใบหน้าพุงซากำลังแดงก่ำ ส่วนอูซาและอึนซากำลังปิดปากปิดตาเงียบเชียบ


พุงซาแผดเสียงด้วยโทสะ


“เจ้าคิดจะให้ข้ายอมปล่อยมนุษย์ผู้ลงมือทำร้ายเด็กๆ ไปอย่างนั้นหรือ!”


“ถูกต้อง”


ซือโหยวตอบห้วน น้ำเสียงไม่แยแส


พุงซาหมดคำพูดไปหลายวินาที ก่อนจะขบกรามเค้นเสียงซักถาม


“…ก็ได้! ชายคนนั้นจะไม่ถูกลงโทษ แต่พวกเราต้องผนึกเทพฟินิกซ์แดงกลับไปอีกครั้ง เรื่องนี้คงไม่ว่ากันใช่ไหม”


“นั่นก็ไม่ได้”


“…?”


พุงซาแทบไม่เชื่อหู


มันไม่เคยคิดมาก่อน ว่าซือโหยวจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ แม้ว่าตนจะถอยกลับมาแล้วหนึ่งก้าว


พุงซาเข้าใจว่า ซือโหยวต้องปกป้องมนุษย์ผู้มีคุณสมบัติสังหารเทพ แต่มันยังไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด อีกฝ่ายถึงไม่อนุญาตให้พวกตนลงไปผนึกเทพฟินิกซ์แดง


“จงอธิบายเหตุผลของการคัดค้านมาเดี๋ยวนี้! ถ้าฟังขึ้น พวกข้าจึงจะยอมถอยให้!”


“มนุษย์ผู้มีคุณสมบัติสังหารเทพ กำลังถือครองหัวใจลำดับเก้าของฟินิกซ์แดง”


“อะไรนะ…!?”


แม้แต่พวกตนยังไม่มีโอกาสได้ครอบครองหัวใจหลักเดียว แล้วทำไมมนุษย์ถึง…?


ถ้อยคำดังกล่าวไม่เพียงสร้างความประหลาดใจให้พุงซา แต่รวมไปถึงอูซาและอึนซาซึ่งเงียบงันมานาน


แม้แต่ซอบยอลผู้มีสีหน้าเรียบเฉย ก็ยังเริ่มออกอาการให้เห็น


ซือโหยวกล่าวต่อไป


“การผนึกเทพฟินิกซ์แดงจะทำให้มนุษย์อ่อนแอลง ข้าจึงไม่ยินยอมให้พวกเจ้าลงไปแทรกแซง”


“…”


พุงซาทำได้เพียงปิดปากเงียบ


แต่ผ่านไปไม่นาน มันจ้องหน้าซือโหยวพลางซักถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์


“แล้วถ้าส่งยังบันลงไปจัดการแทน แบบนี้คงไม่เป็นอะไรใช่ไหม”


มนุษย์ผู้ครอบครองคุณสมบัติสังหารเทพ ย่อมมีสิทธิ์กลายเป็น ‘เทพแท้จริง’ ได้ในอนาคต และถ้าวันนั้นมาถึง ซือโหยวก็จะไม่มีสิทธิ์ขัดขวางห้าอาวุโสอีก


แต่สำหรับปัจจุบัน ซือโหยวไม่มีสิทธิ์ขัดขวางยังบันซึ่งเป็นเพียง ‘เทพเทียม’ เพราะถึงอีกฝ่ายจะยังเป็นมนุษย์ แต่ก็ถือครองคุณสมบัติสังหารเทพ จึงนับว่าอยู่ในระดับสูสีกัน ไม่ใช่การรังแกระหว่างเทพกับมนุษย์ตามปรกติ


และคำตอบก็ไม่ผิดคาด


“…ถ้าเป็นยังบันก็ไม่มีปัญหา”


พุงซากำลังรอคำตอบเช่นนี้ มุมปากของมันยกโค้งอย่างมีเลศนัย


“ค่อยน่าฟังหน่อย”


ทุกชนชั้นย่อมมีการแบ่งลำดับขั้นภายใน แม้แต่มนุษย์ก็ยังมีการแบ่งลำดับ บ้างมีอำนาจเหนือกว่า บ้างมีต่ำกว่า


เทพก็เช่นกัน


เทพจะถูกแบ่งเป็นระดับสูงและต่ำ หรือแม้แต่ยังบันเองก็มีระดับสูงต่ำ


และการัม ผู้ถูกสังหารโดยมนุษย์ ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ของยังบันระดับสูง


จากบรรดายังบันในวัยเดียวกัน การัมมีพรสวรรค์โดดเด่นเตะตาห้าอาวุโสอยู่เสมอ


แต่ก็ยังไม่ใช่อันดับหนึ่ง


การัมยังใจเย็นไม่พอ และมีวินัยไม่มากพอ


มันเพิ่งจะฝึกฝนตัวเองอย่างหนักเมื่อไม่กี่ปีก่อนเท่านั้น แต่ยังบันอีกมากมายซึ่งยังมีชีวิตอยู่นั้นไม่เกเรเหมือนกับการัม


พวกมันพรสวรรค์เท่าการัม แต่ฝึกฝนตัวเองอย่างหนักมาตั้งแต่เด็ก


โดยเฉพาะมีร์ (มังกร) หนึ่งในขุนศึกสวรรค์


มีร์คือยังบันพิเศษ ถูกวางแผนให้ต่อกรกับอัครเทวทูตไลฟาเอลในอนาคต


‘ฮานึลสร้างยังบันขึ้นมาเพื่อต่อกรกับเหล่าอัครเทวทูตทั้งเจ็ด และจากบรรดาพวกมัน ไลฟาเอลรับมือได้ยากจนน่าปวดหัว’


พุงซา ผู้ยังไม่ลืมความยอดเยี่ยมของอัครเทวทูตไลฟาเอล กำลังจินตนาการถึงอนาคตอันรุ่งโรจน์ของมีร์พลางส่ายหน้า


“ถ้ามนุษย์ผู้มีคุณสมบัติสังหารเทพเกิดพ่ายแพ้ต่อยังบัน พวกเราห้าอาวุโสก็ไม่จำเป็นต้องออกโรงด้วยตัวเอง”


“นั่นสินะ พวกเราไม่ควรไปกังวลกับสัตว์ชั้นต่ำมากเกินไป ชายคนนั้นไม่มีค่ามากพอ”


กรุ้งกริ้ง


เสียงกระดิ่งตรงคอซือโหยวกำลังดังกังวาน สุ้มเสียงแฝงความเศร้าหมองอย่างบอกไม่ถูก


‘ข้าอยู่ตรงนี้… ได้โปรดมอบจุดจบให้ที’


ซือโหยวพึมพำพลางหายตัวไปจากหน้าโถงประชุม


***


“…?”


กริด ผู้กำลังเพ่งสมาธิทุบค้อนพลางจินตนาการภาพของเกราะไหล่ในหัว พลันชะงักมือกะทันหัน


มันได้ยินเสียงแว่วมาจากจุดห่างไกล


แต่เนื่องจากต้นเสียงเต็มไปด้วยด้วยความเศร้าโศก ชายหนุ่มจึงจับใจความใดไม่ได้เลย


“นายได้ยินไหม”


กริดหันไปถามบราฮัมด้วยสีหน้าสับสน


บราฮัม ผู้มีประสาทสัมผัสเฉียบแหลมเกินมนุษย์เนื่องจากควบคุมละอองมานารอบตัวไว้ทั้งหมด ย่อมต้องได้ยินเสียงชัดเจนกว่ากริด


แต่บราฮัมกลับขมวดคิ้ว


“นายกำลังพูดถึงอะไร”


“ไม่ได้เสียงคนพูดเลยหรือ”


“ไม่เลย”


‘บราฮัมแอบงีบหรือไง…’


กริดหันไปทางสัตว์จักรราศี


แต่เสือคราม คยองจา โทซุน ล้วนตอบสนองไปในทิศทางเดียวกัน


“พวกเราก็ไม่ได้ยิน”


“ท่านเหนื่อยจนหูแว่วแล้วหรือ”


บรรดาสัตว์จักรราศีต่างเป็นห่วงกริด


ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น ชายหนุ่มก้มหน้าสร้างไอเท็มอย่างไม่หยุดพักมานานสองวันติดต่อกันแล้ว


ตลอดสองวันผ่านมา เหงื่อไคลกริดไหลเปียกชุ่มร่างกาย แถมยังทำหน้าเครียดเป็นระยะ


ชายหนุ่มส่ายหน้า


“ไม่ใช่… ช่างมันเถอะ”


กริดมั่นใจ เมื่อครู่ไม่ใช่อาการหูแว่ว


ใครบางคน กล่าวบางสิ่งกับตน


แต่ปัจจุบันไม่ใช่เวลาหามัวคำตอบ มันต้องเร่งมือจัดการงานตรงหน้าให้จบ กริดสลัดความคาใจและก้มหน้าก้มตาทุบค้อน


ทักษะ <ความอดทนของช่างเหล็กในตำนาน> และ <ลมหายใจของช่างเหล็กในตำนาน> ซึ่งเกิดใหม่กลายเป็นทักษะติดตัว รวมถึงเอฟเฟคจากสมญานาม <ดยุคแห่งไฟ> กำลังแสดงผลพร้อมกัน ทั้งหมดช่วยส่งเสริมให้ประสิทธิภาพการทำงานของกริดสูงขึ้นหลายเท่า


เคร้ง!


สายฟ้าฟาดใส่ลมหายใจเสือขาวชนิดใหม่ ซึ่งผสานเป็นเนื้อเดียวกับละโมบอย่างสมบูรณ์


สิ่งนี้คือการทุบค้อนธรรมดา แต่รวดเร็วดุจดังสายฟ้า ของช่างเหล็กผู้มีขีดจำกัดทัดเทียมเทพชั่วคราว


เคร้ง!


ละโมบแบ่งออกเป็น 2ส่วนอย่างเท่าเทียม


กริดแบ่งหนึ่งก้อนโยนเข้าไปในเตาหลอมเพื่อลงมือถลุง จากนั้นก็ทำซ้ำขั้นตอนแยกโลหะ ทำให้เย็นตัว และใช้ค้อนทุบนวด


เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!!


ยิ่งจำนวนครั้งการทุบเพิ่ม รูปทรงของละโมบก็ยิ่งเปลี่ยนไป กลายเป็นแผ่นเหล็กแปดเหลี่ยมสมมาตรอย่างสวยงาม


มองผิวเผินจะเหมือนกับเกล็ดมังกร


‘ของจริงหลังจากนี้ต่างหาก…’


แผ่นเหล็กต้องถูกพับให้เข้ากับรูปทรงและสรีระของหัวไหล่กริด


คล้ายกับการปั้นกระดาษให้เป็นลูกบอล


ทว่า นี่ไม่ใช่กระดาษ แต่เป็นแผ่น ‘ละโมบ’ โลหะผิวแข็งอันดับหนึ่งของโลกมนุษย์


เคร้ง! เคร้ง!


ค้อนของในมือกริดเริ่มเพิ่มความระมัดระวัง มันบรรจงทุบอย่างละเมียดละไม ประหนึ่งกำลังลูบไล้ไปบนผิวหนังไอรีน


หัตถ์เทวะเองก็กำลังยุ่ง


บนทั่งเหล็กอีกอัน พวกมันช่วยกันฟอกหนังเฟย์ริสซึ่งเหลือจากการสร้างเกราะกางเกง


ฝีมือฟอกหนังของหัตถ์เทวะซึ่งสืบทอดค่าพละกำลังและความชำนาญของกริดไป 50% รวมถึงสืบทอดทักษะการตีเหล็กขั้นสูง จะมีความประณีตทัดเทียมกับช่างเหล็กระดับช่างฝีมือ


ยิ่งไปกว่านั้น กริดในปัจจุบันยังมีฝีมือเพิ่มขึ้นจากผลของทักษะ <การผลิตของช่างเหล็กทัดเทียมเทพ> ส่งผลให้หัตถ์เทวะได้รับแต้มสถานะเพิ่มขึ้นอีก 20%


ตึก! ตึก! กึก! กึก!


หลังจากฝ่ามือทั้งสี่ข้างสลับกันทำงานอย่างขยันขันแข็งเป็นเวลานาน หนังเฟย์ริสเริ่มคืนสภาพด้วยความเร็วสูง


จนกระทั่งกริดขึ้นรูปเกราะไหล่เสร็จ หนังเฟย์ริสก็ใกล้พร้อมใช้งานเต็มที


แน่นอน มันยังไม่สมบูรณ์แบบ


เป็นคุณภาพระดับเดียวกับช่างฝีมือ


แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว


กริดรับหนังเฟย์ริสมาจากหัตถ์เทวะ ตามด้วยการลงมือฟอกต่อด้วยตัวเอง


ผ่านไปเพียงสิบนาที หนังเฟย์ริสก็อยู่ในสภาพสมบูรณ์แบบพร้อมใช้งาน


เมื่อเทียบกับการฟอกด้วยตัวเองตั้งแต่แรก วิธีนี้ช่วยให้กริดฟอกได้เร็วขึ้นถึงสิบเท่า


สรุปได้ว่า หัตถ์เทวะนั้นมีประโยชน์อย่างมากในฐานะลูกมือ


“ละโมบ…”


บราฮัมพึมพำ


ตัวมันคือผู้สร้าง <พาเฟรเนียม> โลหะซึ่งเป็นต้นแบบของละโมบ


บราฮัมทั้งดีใจและเสียใจ เมื่อพาเฟรเนียมของตนและแพ็กม่า สาบสูญไปจากโลกนี้อย่างสมบูรณ์


เรื่องดีก็คือ ผลงานของไอ้ระยำแพ็กม่าจะไม่ได้เหลือทิ้งไว้คอยกวนใจ แต่เรื่องน่าเสียดายคือ ความสำเร็จครั้งใหญ่ของตนได้หายไปเช่นกัน


ขณะยืนจ้องหัตถ์เทวะอย่างเหม่อลอย เสียงของกริดดังแว่วเข้ามาในหูบราฮัม


“เดิมที ฉันจะตั้งชื่อมันว่า ‘กราเวียเนียม’ ”


“…?”


“แต่เมื่อคิดดูให้ดี กราเวียเนียมมันออกจะเรียกยากไปสักหน่อย ก็เลยตั้งว่าละโมบเฉยๆ”


“…”


จิตใจบราฮัมถูกสั่นคลอน มันไม่เคยชินกับความรู้สึกนี้สักเท่าไร


แต่ไม่เคยชิน ไม่ได้แปลว่าไม่ชอบ


“คำว่า ‘กรา’ เกิดจาก ‘กือ’ ของกริด ผสมกับ ‘รา’ ของบราฮัม?”


“ถูกต้อง”


หรือก็คือ แร่ของพวกเรา…


หงึก.


บราฮัมยักไหล่ด้วยสีหน้าเฉยเมย แต่มุมปากกลับยังคงเผยรอยยิ้มอย่างมีความสุข


“จะตั้งชื่อว่าอย่างไรก็เรื่องของนาย แต่ในแง่ของประสิทธิภาพ ฉันยังต้องวิจัยมันอีกหลายเดือน ไม่สิ อีกสัก 10 ปี 100 ปี”


“สิบปี? ร้อยปี?”


“ถูกต้อง… อย่าเพิ่งรีบตายก็แล้วกัน”


“ด…เดี๋ยวก่อน! ร้อยปีมันออกจะ…”


เคร้ง!


พร้อมกันกับถ้อยคำสุดเหลวไหลจากบราฮัม กริดทุบค้อนจังหวะสุดท้ายลงไปพอดี


เกราะไหล่ทั้งสองข้างเสร็จสมบูรณ์


[ท่านผลิตไอเท็ม <เกราะไหล่เสือขาวซึ่งถูกฟินิกซ์แดงโอบกอด> สำเร็จ!]


[รางวัลตอบแทนจากการสร้างไอเท็มเกรดมิธ ค่าสถานะทุกชนิดเพิ่มขึ้น 30 แต้ม]


[เนื่องจาก <การผลิตของช่างเหล็กทัดเทียมเทพ> เป็นเพียงทักษะชั่วคราว ระบบจะไม่นับจำนวนการผลิตเกรดมิธ]


[พลังเสือขาวอันเข้มได้เอ่อล้นจนแผ่อาบร่างกายเสือคราม ในฐานะทายาทเสือขาว เสือครามจะยิ่งทรงพลังขึ้นกว่าเดิม]


“เสือคราม นายนี่อิ่มกว่าใครเพื่อนเลยนะ”


“โฮกกก! ข้าขอตอบแทนท่านด้วยการมอบหนังคุณภาพสูงให้! เชิญถลกได้เลย!”


“ล้อเล่นน่า… ขอแสดงความยินดีด้วย”


“ขอบคุณมาก…”


ถัดมา กริดเริ่มสร้างไอเท็มให้สัตว์เทพ


แตกต่างจากคยองจาซึ่งสวมใส่ได้สามชิ้น เสือครามใส่ได้เพียงหนึ่ง และโทซุนใส่ได้สอง


เสือครามเป็นไอเท็มประเภทชุด กริดลงมือสร้างฮันบกชายให้ ส่วนของโทซุนเป็นเสื้อฮันบกหญิงครึ่งท่อนบน และหมวกไม้ไผ่


เมื่อจัดการเสร็จสรรพ ชายหนุ่มหันไปมองทางทิศเหนือ ทิศทางของอาณาจักรชิง


อาณาจักรชิงครอบครองสมบัติแห่งชาติอย่าง <อัญมณีเต่าดำ> ซึ่งผนึกวิญญาณแท้จริงของเทพเต่าดำไว้ด้านใน


‘ระหว่างการเดินทาง เราคงต้องสร้างหมวกกับถุงมือไปพลาง’


ความขยันไม่เคยทำให้ใครจน


กริดหันไปถามเสือคราม


“พาฉันไปหาสัตว์เทพผู้รับใช้เต่าดำได้ไหม พอดีมีอะไรจะถามสักหน่อย”


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,582
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ความขยัน​ไม่เคย​ทำให้​ใคร​จน👍

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00