จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,191

『มาดูกันอีกครั้งนะครับ』

งานแข่งนานาชาติจบลงไปแล้วสองวัน

โดยตลอดทั้งวัน ผู้เล่นจำนวน 129 คนได้ลงชิงชัยในการแข่ง 13 ประเภท แต่ความสนใจของผู้ชมกลับมีเพียงผู้เล่น 4 คนหลัก

ยูร่า จิสึกะ คริส และอริยดาบครอเกล

ในบรรดาพวกมัน ยูร่าโดดเด่นกว่าใคร

『ลองดูตำแหน่งการยืนของทีมเกาหลีให้ดีสิครับ พวกเขาถูกต้อนให้โดดเดี่ยว แถมยังสูญเสียทัศนวิสัยของทีมจีนไปแล้ว』

『ยิ่งดูอีกรอบก็ยิ่งทำให้มั่นใจครับว่า ตำแหน่งการบุกของทีมจีนสมบูรณ์แบบจนน่ากลัว ทีมเกาหลีไม่มีทางมองเห็นได้เลย』

『ถูกต้องครับ ถ้าเป็นในสถานการณ์ปรกติ การลอบจู่โจมของทีมจีนจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน… แต่ปัญหาอยู่ตรงนี้ครับ』

ภาพรีเพลย์

ทีมเกาหลีใต้ถูกต้อนให้จนมุมน้ำตก และทีมจีนกำลังลอบเข้าไปหาจากมุมอับ

ตำแหน่งการบุกของทีมจีนสมบูรณ์แบบมาก ไม่มีใครปฏิเสธความจริงข้อนี้ได้

จนกระทั่งท้องฟ้ากลายเป็นสีดำ

『ถ้ามองจากตรงนี้นะครับ พฤติกรรมของนักกีฬายูร่าคือ เธอหลับตาลงสักพัก ก่อนจะอัญเชิญหลุมดำเหมือนกับในการแข่งทำลายวัตถุ และปิดท้ายด้วยการลั่นไกโดยปราศจากความลังเลครับ』

กระสุนทะลุศีรษะของผู้เล่นจีนในมุมอับได้อย่างน่าอัศจรรย์

มาถึงจุดนี้ ทีมงานหยุดภาพและซูมเข้าไปยังจันทร์ขุมนรกกึ่งกลางท้องฟ้า

『ลองตรวจสอบจันทร์ขุมนรกดูให้ดีครับ จากดวงตานับหมื่นของมัน คุณคิดว่า 4ดวงนี้กำลังมองไปทางไหน』

『…!』

ใบหน้าพิธีกรพลันขาวซีด

ตาของจันทร์ขุมนรกจำนวน 4 ดวงกำลังมองไปยังตำแหน่งของผู้เล่นจีนพอดิบพอดี!

คำอธิบายเดียวในหัวทุกคนคือ

『ยูร่ามองเห็นผ่านจันทร์ขุมนรก…? 』

ขณะซักถาม สีหน้าของมันกำลังตกตะลึง

ผู้ชมทางบ้านก็ไม่ต่างกัน

ท่ามกลางบรรยากาศตื่นตัว ผู้เชี่ยวชาญกล่าวเน้นย้ำอย่างมั่นใจ

『ถูกต้องครับ ต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน』

นรกมีดวงจันทร์ไว้เพื่อสิ่งใด…

แล้วทำไมดวงจันทร์ถึงยอมร่วมมือกับผู้หวังทำลายขุมนรก…

『ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่า นักกีฬายูร่าแตกต่างจากเมื่อก่อนจนเทียบไม่ติดครับ เธอกำลังแสดงความยอดเยี่ยมของคลาสระดับตำนานให้ทุกคนประจักษ์เหมือนกับครอเกลและกริด』

แม้ยูร่าจะทำได้ค่อนข้างดีในปีก่อน แต่เธอยังคงถูกเสียงวิจารณ์แง่ลบโจมตีในหลายประเด็น

ทั้งการความพ่ายแพ้ต่อครอเกล ผู้เป็นตำนานเหมือนกันแต่เลเวลต่ำกว่า ทั้งความพ่ายแพ้ต่อซีบาล ผู้ไม่ได้ใกล้เคียงคลาสตำนาน สิ่งเหล่านี้ทำให้ยูร่าถูกประเมินฝีมือต่ำกว่าความเป็นจริงมาตลอด

แต่ไม่ใช่กับวินาทีนี้

เธอล้างแค้นซีบาลได้ตั้งแต่รายการแรก แถมยังบดขยี้ทีมจีนซึ่งเป็นตัวเต็ง ภายในศึกกลยุทธ์ช่วงชิงหุบเขา

= มองเห็นผ่านดวงจันทร์ ㅡ ㅡ; หลักการเดียวกับดาวเทียมเลยไม่ใช่หรือ

= คงเป็นทักษะประจำคลาสกระมัง… ครอเกลเชี่ยวชาญการดวลหนึ่งต่อหนึ่ง ส่วนพลังของยูร่ามีประโยชน์มากในการรบแบบกองทัพ

= ด้วยทัศนวิสัยกว้างเช่นนี้ ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่า กองทัพศัตรูจะเกิดความเสียเปรียบมากเพียงใด

= แล้วกริดถนัดแบบไหน

= ยังต้องถามอีกหรือ กริดถนัดแม่งทั้งหมดนั่นแหละ!

= อยากเห็นกริดสู้จัง

= จริงด้วย…

ไม่ว่าพิธีกรของแต่ละประเทศจะปลุกเร้าอารมณ์คนดูด้วยวิธีใด แต่ไม่ก็มีใครทำสำเร็จ

เมื่อเริ่มยกย่องนักกีฬาสักคน ผู้คนก็จะเริ่มวกกลับไปเปรียบเทียบกับกริด และนักกีฬาดังกล่าวจะดูด้อยค่าลงทันที

คงช่วยไม่ได้ ฉากการต่อสู้ของราชาอสูรในปีก่อนยังคงติดตราตรึงใจทุกคน

ในมุมมองสาธารณชนส่วนมาก แม้ว่ายูร่ากับครอเกลจะทำได้ไม่เลวในปีนี้ แต่พวกมันก็ยังไม่ถูกเติมเต็ม

ผู้ชมต้องการความน่าตื่นเต้น… มากกว่านี้

ช่างน่าเศร้า กริดสร้างบรรทัดฐานของความ ‘ตกตะลึง’ เอาไว้สูงเกินไป ยากจะมีใครเลียนแบบหรือขึ้นมาเทียบเคียงได้สำเร็จ

แม้กระทั่งเหล่าแอนตี้แฟน ผู้เกลียดชังกริดและคอยตามแช่งในการแข่งทุกรายการ ปีนี้ก็ยังต้องห่อเหี่ยวและเหงาปากเมื่อไม่มีกริด

แต่ทุกคนยังเหลือความหวัง

= ดาเมี่ยนคือความหวังสุดท้ายของมวลมนุษย์!

= เห็นด้วย

ใครหลายคนกำลังคาดหวังความสนุกสุดยอดของการแข่งตะลุมบอนราชาอสูร

ตัวละครสันตะปาปาของดาเมียนจะได้รับประโยชน์อย่างมากเมื่อถือครองบัฟ ‘ราชา’ โดยเฉพาะทักษะฮีลสุดโกงซึ่งคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์จากค่าพลังชีวิตสูงสุด

นอกจากนี้ยังมีสี่ราชันสวรรค์ใหม่

สามบุตรีแห่งรีเบคก้า และหัวหน้าหน่วยลับเท็มพล่าซึ่งเป็นปริศนาในเงามืดมานาน

= ได้โปรด ดาเมี่ยน เก่งสัก 0.5 ของกริดก็ยังดี

= แค่เก่งสัก 0.1 ก็น่าดูเกินพอแล้ว

จนแล้วจนรอด ไม่มีใครหนีพ้นการถูกนำไปเปรียบเทียบกับกริด

***

กริดเพิ่งตระหนักถึงความสำคัญของการควบคุมลมหายใจเข้าออกเมื่อไม่นานมานี้

มันเกิดความกระจ่างด้วยตัวเองโดยไม่ต้องให้ใครสอน และหมั่นฝึกฝนจนกระทั่งชำนาญ

เคร้ง—!

กริดใช้เวลาเพียง 27 วินาทีในการผสานลมหายใจเทพสองชนิดเข้าด้วยกัน

ถือเป็นสถิติอันเหนือความคาดหมาย

ชายหนุ่มทำเสร็จเร็วกว่าการวิเคราะห์ของระบบเกมซาทิสฟายถึง 2 วินาที

ผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมในคราวนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากเทคนิคซึ่งถูกยกระดับ และอีกส่วนหนึ่งคือสมาธิเหนือขีดจำกัดมนุษย์

“ฟู่ว…!”

หลังจากกลั้นหายใจตลอด 27 วินาทีเต็ม กริดรีบปล่อยลมหายใจออกมาหนึ่งเฮือกใหญ่ด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ

เส้นขนทั่วร่างกำลังชูชัน กล้ามเนื้อตามลำตัวสั่นกระตุกในหลายจุด

‘เดิมที… ผลลัพธ์ควรต้องออกมาล้มเหลว’

ขณะผสานลมหายใจสองชนิดเข้าด้วยกัน กริดเริ่มตระหนักถึงความจริงบางสิ่ง

ในทางทฤษฎี การผสานลมหายใจเทพสองชนิดเข้าด้วยกันนั้น ‘ไม่มีทางสำเร็จ’

ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงเทคนิค เพราะต่อให้เป็นเฮ็กเซเทีย เทพแห่งการตีเหล็ก ก็ยังต้องล้มเหลว

กริดเริ่มเข้าใจว่าทำไมในตอนนั้น เฮ็กเซเทียถึงพยายามห้ามไม่ให้ตนใช้ลมหายใจหลายชนิดสร้างไอเท็ม

เมื่อลมหายใจต่างชนิดกัน อยู่ในสภาพกึ่งของเหลวและเริ่มถูกกวนให้เป็นเนื้อเดียวกัน พวกมันจะเกิดการ ‘ต่อต้าน’ อย่างรุนแรงในรูปแบบของตัวเอง

ลมหายใจฟินิกซ์แดงจะเผาตัวเองจนมอดไหม้ ส่วนลมหายใจเสือขาวจะแปรสภาพกลายเป็นก้อนหิน ไม่สามารถนำมาใช้งานใดได้อีก

นี่คือ ‘กฎ’ อันมิอาจแปรเปลี่ยน

ทว่า

[ท่านสร้างไอเท็ม <ลมหายใจเสือขาวดูดกลืนลมหายใจฟินิกซ์แดง> สำเร็จ!]

กริดผสานลมหายใจเทพสองชนิดเข้าด้วยกัน

สำเร็จเพราะเทคนิคการตีเหล็กของกริดก้าวข้ามเฮ็กเซเทียไปแล้ว?

คำตอบคือไม่ใช่

เป็นไปตามคำกล่าวข้างต้น การผสานลมหายใจเทพไม่มีโอกาสสำเร็จได้ในทางทฤษฎี

แล้วทำไมกริดถึงทำได้?

นั่นเพราะมันคือผู้ครอบครองหัวใจฟินิกซ์แดงลำดับเก้า

‘…ลมหายใจฟินิกซ์แดงยอมเสียศักดิ์ศรีเพื่อช่วยเรา’

ขณะกำลังจะเผาตัวเองให้มอดไหม้ ลมหายใจฟินิกซ์แดงเกิดหยุดกลางคัน และปล่อยให้ตัวเองถูกลมหายใจเสือขาวดูดกลืนเข้าไป

ลมหายใจฟินิกซ์แดงละทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อกริด ยอมตกเป็นเบี้ยล่าง ให้ลมหายใจเสือขาวดูดกลืนเข้าไปเป็นหนึ่งเดียว

เมื่อเห็นลมหายใจฟินิกซ์แดงยอมจำนน ลมหายใจเสือขาวจึงล้มเลิกการแข็งเป็นหิน และลงมือกลืนกินอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจ

เป็นเหตุผลว่าทำไม ไอเท็มถึงได้มีชื่อว่า ‘ลมหายใจเสือขาวดูดกลืนลมหายใจฟินิกซ์แดง’

ผลลัพธ์ก็คือ กริดได้รับก้อนไข่มุกสีขาวขนาดครึ่งฝ่ามือ ด้านในมีเปลวไฟไม่มีวันมอดลุกโชน

ไอเท็มชนิดนี้ถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ของ ‘ลมหายใจเสือขาว’

‘ไม่ใช่การผสานอย่างสมบูรณ์’

เดิมที ผลลัพธ์ในอุดมคติของกริดคือการสร้างลมหายใจชนิดใหม่ ซึ่งอัดแน่นไปด้วยพลังธาตุทั้งสองเทพอย่างเต็มเปี่ยม และไม่ถูกลดทอนคุณสมบัติเดิมลง

แต่ในความเป็นจริง มันได้รับลมหายใจเสือขาวรูปแบบใหม่

ถึงคุณสมบัติหลักของลมหายใจเสือขาวจะยังคงอยู่ครบถ้วน แต่ฝั่งลมหายใจฟินิกซ์แดงนั้นแสดงประสิทธิภาพได้แค่ครึ่งเดียว

<ลมหายใจเสือขาวดูดกลืนลมหายใจฟินิกซ์แดง>

ลมหายใจเสือขาวทำการดูดกลืนลมหายใจฟินิกซ์แดงเข้าไปจนทรงพลังกว่าเดิม

* หากเก็บไว้ในช่องสัมภาระ ท่านจะได้รับค่าต้านทานธาตุดิน 60% ค่าต้านทานธาตุไฟ 20% และเพิ่มอัตราการฮีล 10%

* นำไปใช้เป็นวัสดุสร้างไอเท็มพลังเสือขาวได้

ผลลัพธ์ผิดไปจากความคาดหมายพอสมควร

แต่กริดมิได้เศร้าเสียใจ

‘นี่ไม่ใช่ความล้มเหลว…’

ค่อนข้างดีด้วยซ้ำ เพราะหากเป็นลมหายใจเทพผู้พิทักษ์ตามปรกติ ฟินิกซ์แดงจะช่วยเพิ่มค่าต้านทานธาตุไฟ 40% และเสือขาวจะช่วยเพิ่มค่าต้านทานธาตุดิน 40%

จริงอยู่ ค่าต้านทานธาตุไฟของลมหายใจผสานอาจค่อนข้างต่ำ แต่ก็ถูกทดแทนด้วยอัตราการฮีลเพิ่มขึ้นอีก 10%

‘ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ค่าพลังป้องกันไอเท็มคงเพิ่มขึ้นจากเดิมมาก’

คิดถึงตรงนี้ กริดเริ่มคาดหวังค่าพลังป้องกันของลมหายใจผสานระหว่างมังกรครามกับเต่าดำ

‘เราติดหนี้บุญคุณฟินิกซ์แดงหลายเรื่อง…’

หากกริดคืนชีพฟินิกซ์แดงไม่สำเร็จ มันคงไม่มีโอกาสผสานลมหายใจเทพสำเร็จไปชั่วชีวิต

ขณะรู้สึกขอบคุณเทพฟินิกซ์แดง ชายหนุ่มเริ่มกระบวนการถลุง หวังให้ลมหายใจเสือขาวก้อนใหม่ ผสานเข้ากับละโมบภายในเตาหลอมจนเป็นเนื้อเดียวกัน

ถัดจากนี้จะเป็นการแสดงฝีมือตีเหล็ก

‘เกราะไหล่มีสองประเภท…’

แบ่งเป็นเกราะไหล่ปีก และเกราะไหล่กลม

ประเภทแรกจะคอยป้องกันส่วนหัวไหล่และต้นแขนอีกเล็กน้อย เป็นการ ‘ทาบ’ ลงไปบนผิวหนังด้วยเทคนิคซ้อนแผ่นโลหะ ส่วนประเภทหลังจะคอย ‘ห่อหุ้ม’ หัวไหล่ไว้อย่างแน่นหนา

เกราะไหล่ส่วนใหญ่ในตลาดคือประเภทปีก

ไม่ใช่เพราะประสิทธิภาพสูง

แต่เพราะสร้างได้ง่าย

ในทางกลับกัน เกราะไหล่ประเภทหุ้มต้องอาศัยเทคนิคซับซ้อน ยิ่งถ้าอยากให้มีคุณภาพสูง ก็ยิ่งต้องใช้วัสดุเกรดเยี่ยมมาชดเชย

มีเพียงช่างเหล็กช่างฝีมือเท่านั้น จึงจะสร้างเกราะไหล่แบบหุ้มได้กระชับ และคล่องจนตัวเหมาะแก่การต่อสู้

แน่นอน กริดคิดจะสร้างแบบหุ้ม

ประโยชน์ใช้สอย พลังป้องกัน ความทนทาน และอีกมากมาย

เมื่อเทียบกับเกราะไหล่แบบปีก แบบกลมแทบจะดีกว่าในทุกด้าน

‘ข้อเสียอย่างเดียวก็คือ… มันไม่เท่’

บรรดาขุนนางและเชื้อพระวงศ์ส่วนใหญ่เลือกสวมเกราะไหล่แบบปีกทาบ ไม่เน้นการใช้งาน แต่เน้นหรูหราอลังการเพื่ออวดโอ่

แต่กริดมิใช่ราชาสายวางแผน งานของมันคือการออกรบในแนวหน้า ประจัญบานเข่นฆ่าศัตรูให้พินาศ เกราะไหล่ในลักษณะสมบุกสมบันจึงเหมาะสมมากกว่า

เป้าหมายเดียวของกริดคือความแข็งแกร่ง

เคร้ง—!

แต่ปัญหายังไม่ตบ ทุกการทุบค้อนเพื่อผสานให้เป็นเนื้อเดียวกับละโมบ ลมหายใจเสือขาวใหม่จะเกิดปฏิกิริยาต่อต้านอย่างรุนแรงเสมอ

ลมหายใจเสือขาว ซึ่งถูกยกระดับไปอีกครึ่งขั้นด้วยฝีมือกริด เอาแต่สะบัด ‘หนามหิน’ แหลมคมออกมาทำร้ายกริดด้วยความเกรี้ยวกราดยิ่งกว่าของเดิม

ยิ่งทุบค้อน หนามแหลมร้อนระอุก็ยิ่งทิ่มแทงร่างกายชายหนุ่มหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นข้อมือ ท่อนแขน หน้าอก หรือลำคอ

แน่นอน มันยังไม่ยอมจำนนต่อกริด

ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ขณะร่วมสร้างดาบเสือขาวกับครอเกล กริดเคยถูกลมหายใจเสือขาวเล่นงานในทำนองนี้มาแล้ว

“จงสงบ.”

ชายหนุ่มไม่โยกตัวหลบการสะบัดขนใส่ของลมหายใจเสือขาวใหม่ ไม่แม้แต่จะหลับตา

ทุกครั้งเมื่อฟาดค้อนใส่ ชายหนุ่มจะพูดคำเดิมย้ำลงไปเสมอ จนกระทั่งเรื่องมหัศจรรย์พลันบังเกิด การสะบัดหนามแหลมเริ่มแผ่วลงอย่างเห็นได้ชัด

“…”

วัสดุค่อยๆ ยอมจำนน

ลมหายใจเสือขาวใหม่เริ่มหยุดปล่อยหนามแหลม แม้จะถูกค้อนทุบใส่หนแล้วหนเล่าก็ตาม

เหตุผลเบื้องหลังของเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องสวยหรูทำนองว่า ลมหายใจเสือขาวใหม่รู้สึกทึ่งในความเด็ดเดี่ยวของกริด หรืออะไรทำนองนั้น

ปึด!

เคร้ง—!

ยิ่งกริดทุบค้อน ละโมบซึ่งอยู่ในกระบวนการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับลมหายใจเสือขาวใหม่ เริ่มแผลงฤทธิ์มากขึ้นทีละนิด

จนกระทั่ง สุดยอดโลหะอันดับหนึ่งของโลกซึ่งขึ้นชื่อด้านความทนทาน เข้าครอบงำลมหายใจผสานจนมันไม่สามารถสะบัดหนามแหลมออกมาทำร้ายกริดได้อีก

ชายหนุ่มยกมุมปากขึ้น

“ทำดีมาก”

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

ช่างตีเหล็กกริดไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

มันไม่มีวันล้มลงจนกว่างานจะสำเร็จ

กึก…! กึก!

ยิ่งกริดทุบค้อน ลมหายใจเสือขาวใหม่ก็ยิ่งอ่อนกำลังลง การดิ้นรนสูญเปล่ามากขึ้นทุกที

เมื่อเผชิญการ ‘รุม’ จากกริดและละโมบอย่างต่อเนื่อง ผ่านไปไม่นาน ลมหายใจเสือขาวใหม่ก็ถูกละโมบกลืนกินโดยสมบูรณ์

และแล้ว

“ยอดเยี่ยมมาก”

ละโมบผสานเป็นเนื้อเดียวกับลมหายใจเสือขาวดูดกลืนลมหายใจฟินิกซ์แดง

กริดฉีกยิ้มกว้างพลางเริ่มขั้นตอนสร้างเกราะไหล่ทันที

เป้าหมายของมันคือไอเท็ม ‘ตลอดชีพ’

กริดมีความตั้งใจว่า ตนจะไม่ต้องเปลี่ยนเกราะไหล่ไปอีกตลอดชีวิต

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,580

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

• Next
• Previous