จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 823



    ขวานโรเล็กซ์เริ่มละลายเมื่ออุณภูมิเตาหลอมสูงถึงจุดเดือดของดีบุกโรซ่า  
    แต่รูปทรงของเกราะสีชาดยังรักษาสภาพไว้ครบถ้วน  
    
    ‘ขออีกนิด’

    สายตาของชายหนุ่มจดจ้องเตาหลอมอย่างตั้งใจ
    เขาไม่ต้องการพลาดเสี้ยววินาทีที่อุณหภูมิเตาหลอมถึงจุดสมบูรณ์แบบ

    ‘ตอนนี้แหละ!’

    กริดฉวยโอกาสในจังหวะที่ขวานใหญ่เริ่มละลายได้ที่  และส่วนหัวไหล่ของชุดเกราะสีชาดเริ่มบิดเบี้ยวผิดรูป

    เตาหลอมกำลังปลดปล่อยอุณหภูมิอันร้อนแรงจนดอกไม้และหญ้าโดยรอบเหี่ยวเฉา
    ชายหนุ่มใช้คีมเหล็กยาวยื่นเข้าไปด้วยสีหน้าสุขุม

    “ดอกไม้แสนสำคัญ…”

    เอลฟ์สาวบางตนแสดงสีหน้าเจ็บปวด
    แต่ไหนแต่ไร  เอลฟ์มักเกลียดมนุษย์ที่ใช้เทคโนโลยีเบียดเบียนธรรมชาติ
    
    ปิอาโร่ปีนลงจากต้นไม้ต้นที่ 1,753 พลางกล่าวโน้มน้าว

    “มนุษย์คือเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอ  พวกเรามิอาจดำรงชีวิตได้โดยปราศจากเทคโนโลยี  การตีเหล็กอยู่คู่กับมนุษย์มานาน  ชุดเกราะคืออาภรณ์คุ้มกายในยามเผชิญโลกกว้าง  ไม่เหมือนกับสายพันธุ์ที่แข็งแกร่งอย่างเอลฟ์ซึ่งพึงพาเพียงเศษใบไม้ปกปิดร่างกาย”  

    ปิอาโร่ถอยหายใจเล็กน้อย

    “สิ่งนี้ถือเป็นครรลองของธรรมชาติในรูปแบบหนึ่ง  ได้โปรดพยายามเข้าใจพวกเราแทนที่จะเกลียดชังอย่างไร้เหตุผล”

    “เหลวไหล”

    เอลฟ์สาวส่งเสียงคันค้าน  แม้พวกเธอจะชื่นชอบชื่นชอบในตัวปิอาโร่มากก็ตาม
    
    “มนุษย์มิได้สร้างเทคโนโลยีเพื่อให้เผ่าพันธุ์อยู่รอด  ไม่จริงเลยสักนิด  เทคโนโลยีมนุษย์เกิดความจากโลภภายในจิตใจที่ต้องการไขว่คว้าในสิ่งที่ตนไม่มี  ทุกครั้งที่มนุษย์พัฒนา  สาเหตุล้วนเกิดจากความเกียจคร้านหรือความโลภทั้งสิ้น  ช่างเป็นเผ่าพันธุ์ที่น่าขยะแขยง  การกระทำเช่นนี้ขัดต่อเจตนารมณ์ธรรมชาติ  คำพูดของคุณไม่มีเหตุผลรองรับเลยสักนิด”

    “ฮะฮะ…”

    ปิอาโร่ทำได้เพียงหัวเราะอย่างขื่นขม
    ถ้อยคำจากปากเอลฟ์ไม่มีสิ่งใดผิด
    
    ตัวเขาเองก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ดำรงตนด้วยการฆ่าแกงเผ่าพันธุ์ที่ต่ำกว่า

    “เข้าใจแล้ว…ตัวฉันคงละโมบเกินไปที่ต้องการให้พวกเธอยอมเข้าใจ”

    “แต่ว่า…”
    
    “หืม?”

    “พวกเราพอจะรู้จักมนุษย์ที่นิสัยดีอยู่บ้าง  เฉกเช่นสหายตัวน้อยที่จะกลับมาถึงในอีกไม่ช้า…มนุษย์ยังพอเชื่อใจได้ในบางคน”

    เบเนียลูทราบดี  
    หากกริด  ปิอาโร่  และเมอร์เซเดสร่วมมือกัน  เอลฟ์ทุกตนในที่นี้สามารถถูกกำราบในพริบตา
    
    แต่ทั้งสามก็มิได้ทำร้ายเอลฟ์
    ถึงแม้จะเป็นฝ่ายถูกลอบโจมตีก่อนก็ตาม

    คนเหล่านี้แตกต่างจากมนุษย์ชั่วร้ายในอดีตที่พวกเธอรู้จัก
    มนุษย์ที่ทำลายผืนป่าแสนอุดมสมบูรณ์ของเอลฟ์เพื่อประโยชน์ส่วนตัว
    มนุษย์ที่จับเอลฟ์สาวสวยเป็นเชลยเพื่อสนองตันหาราคะอุบาทว์

    “พวกเรายอมรับว่ามนุษย์มีทั้งดีและชั่ว  ในอนาคต  ชาวเอลฟ์อาจมีวาสนาได้พบมนุษย์ที่ดีเฉกเช่นพวกคุณก็จริง…”

    เบเนียลูชะงักเล็กน้อย

    “แต่พวกเราก็ไม่ได้ตั้งความหวังมากนัก  เพราะบางที…ก่อนจะได้พบมนุษย์ที่ดี  เอลฟ์อาจต้องสูญสิ้นเผ่าพันธุ์เพราะมนุษย์ชั่วร้ายก็เป็นได้”

    แม้เอลฟ์จะปิดกั้นตัวเองจากมนุษย์มานานหลายร้อยปี  แต่แผลใจในอดีตยังคงอยู่จวบจนปัจจุบัน
    ความทรงจำเหล่านั้นเจ็บปวดและทุกข์ทรมาณแสนสาหัส
    
    เอลฟ์ไม่ต้องการเข้าใจมนุษย์  
    หรือถูกมนุษย์เข้าใจ

    เคร้ง!  เคร้ง!  เคร้ง!

    ความมืดเริ่มคืบคลานเข้าหาฝืนป่าต้นไม้โลก
    เสียงทุบค้อนใสกังวาลของกริดคือสิ่งเดียวที่ได้ยินท่ามกลางบรรยากาศเงียบงัน

    พื้นหลังมีเสียงเจือจางของเมอร์เซเดส  แรนดี้  และโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์กำลังต่อสู้กับหมีหมาป่า
    แต่การต่อสู้มิได้ดุเดือดเหมือนช่วงต้น
    เมอร์เซเดสควบคุมให้หมีหมาป่าปรากฏตัวคราวละเพียงสองตน
    
    แต่เมื่อถึงยามท้องฟ้ามืดสนิท
    ในที่สุดหมีหมาป่าก็เลิกปรากฏตัว

    เบเนียลูอธิบายแก่เมอร์เซเดสที่แสดงสีหน้างุนงง

    “หมีหมาป่าอ่อนแอในยามค่ำคืน  พวกมันจะหลับพักผ่อนจนกว่าดวงตะวันส่องแสงอีกครั้งในยามรุ่งเช้า”

    “แบบนั้นก็ดี”

    อัศวินในตำนานแสดงสีหน้าโล่งใจ    
    การต่อสู้อันยาวนานได้สร้างภาระทางร่างกายให้เมอร์เซเดสไม่น้อย

    ขณะเดียวกัน  โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์แสดงสีหน้าผิดหวังชัดเจน
    พวกมันทำตาทรง  ‘  ิ  ิ’  พลางทิ่มแทงอาวุธใส่หมีหมาป่า

    ทั้งสองยังต้องการสู้และอัพเลเวลอย่างต่อเนื่อง
    และเหนือสิ่งอื่นใด  อันเดดไม่มีหลอดเรี่ยวแรงเป็นขีดจำกัดเหมือนสิ่งมีชีวิตอื่น

    ‘เจ๋ง!’

    กริดฉีกยิ้มกว้างขณะวางโครงชุดเกราะสีชาดสองตัวลงบนทั่ง
    เขาเริ่มทุบท้อน
    
    ชายหนุ่มสำเร็จขั้นตอนถุงมิธริลนิลออกจากกระดูกยักษ์และดีบุกโรซ่า
    ปัจจุบัน  แผ่นโลหะสีดำที่เป็นโครงชุดเกราะกำลังแดงระเรื่อเพราะผลจากความร้อน

    วัสดุดั้งเดิมที่ใช้เป็นโครงด้านในของชุดเกราะสีชาดคือ ‘มิธริลนิล’
    เกราะสีชาดล้วนถูกสร้างจากช่างฝีมือของจักรวรรดิที่เก่งกาจ  
    แต่สำหรับกริด  มันยังไม่ดีพอ
    
    ชายหนุ่มบรรจงวางโครงเกราะโลหะแดงลงบนทั่งและเริ่มทุบค้อนเพื่อดัดแปลงรูปทรง
    
    เคร้ง! เคร้ง!

    ‘พลังแฝงของชุดเกราะเหล่านี้มาจากปราณสีชาด  เราจะทำให้มันสูญหายไปไม่ได้’

    แต่แผ่นโลหะจำเป็นต้องถูกเสริมแกร่งให้ทนทานยิ่งกว่าเดิม
    แถมยังต้องถูกดัดแปลงเค้าโครงให้เป็นอุดมคติของเกราะหนัก
    
    กริดครุ่นคิดด้วยหลักการดังกล่าวขณะเพ่งสมาธิไปที่การลงน้ำหนักค้อน

    เวลาสิบนาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว
    จนกระทั่งครบหนึ่งชั่วโมง

[ สมาธิของท่านกำลังจดจ่อ  ทักษะความอดทนของช่างตีเหล็กในตำนานแสดงผล ]
[ ทักษะลมหายใจของช่างตีเหล็กแสดงผล ] 
… 
… 
[ สมาธิของท่านกำลังจดจ่อ  ทักษะความอดทนของช่างตีเหล็กในตำนานแสดงผล ]
[ ทักษะลมหายใจช่างตีเหล็ก… ] 
[ ทักษะลมหายใจช่างตีเหล็กเพิ่มระดับเป็น Lv.7 ]



    ข้อความระบบนานาชนิดปรากฏขึ้นคล้ายคลึงกับเมื่อครั้งที่ลงมือสร้างดาบอัสนีฯ  
    
    ปรากฏการณ์ข้างต้นมิได้เกิดจากการจดจ่อของสมาธิเพียงอย่างเดียว
    กริดต้องมีโชคด้วย

    ‘เริ่มต้นได้สวย!’

    ถือเป็นนิมิตหมายอันดี

    ขณะชายหนุ่มรวมรวบพลังสมาธิให้จดจ่อยิ่งขึ้น

[ ปราณต่อสู้ของท่านกำลังผสานเข้ากับมิธริลนิล ]

    “…!!”

    ต้องขอบคุณเบเนียลู  ปราณต่อสู้ของกริดจึงคงสภาพสูงสุดไว้ตลอดเวลา
    
    ปราณสีม่วงเข้มกำลังไหลซึมเข้าไปในมิธริลนิลตรงหน้า
    นี่คือวินาทีที่คุณสมบัติพิเศษของมิธริลนิล ‘ดูดซับปราณรอบตัวได้ง่าย’ แสดงเอกลักษณ์ของมันอย่างชัดเจน 
    
    ปัจจุบัน  แผ่นโลหะที่เป็นเค้าโครงเกราะสีชาดดัั้งเดิม  กำลังถูกเปลี่ยนเนื้อสีให้เป็นแดงม่วง
    
    ‘หรือว่า…’

    เขาจะให้กำเนิดไอเท็มที่ยอดเยี่ยมกว่าทุกครั้ง?
    แต่ไหนแต่ไรมา  กริดไม่เคยทราบว่าปราณต่อสู้สามารถนำมาใช้สร้างไอเท็มได้

    เคร้ง!  เคร้ง!  เคร้ง!
    
    ยิ่งชายหนุ่มเข้าใกล้ภาวะไร้ตัวตน  
    เสียงทุบค้อนก็ยิ่งใสกังวาลจนน่าทึ่ง

    ‘นั่นใช่มนุษย์จริงหรือ…’

    เหล่าเอลฟ์ต่างเฝ้ามองกริดรังสรรค์ผลงานอย่างไม่เชื่อสายตา
    พวกเธอไม่อยากเชื่อว่ามนุษย์แสนละโมบจะมีความชำนาญและสมาธิมากเพียงนี้
    
    โดยเฉพาะเบเนียลู    

    ‘ทำไมมนุษย์ถึง…’

    เธอไม่ต้องการยอมรับ
    ในฐานะที่เอลฟ์ที่มีอายุยืนยาวหลายร้อยปี  แถมยังมีความช่วยเหลือจากพลังธรรมชาติและภูติธาตุ
    
    แต่ด้วยเหตุผลบางกระการ  
    กริดกลับก้าวไปถึงภาวะทางจิตขั้นสูง  ซึ่งเป็นระดับที่ชาวเอลฟ์เอื้อมไม่ถึง

    แม้แต่สิบสองผู้พิทักษ์ก็ไม่สามารถ

    ‘บางที  แม้แต่ไฮเอลฟ์ก็อาจทำไม่ได้’

    มนุษย์คนนี้ต้องเติบโตในสภาพแวดล้อมเช่นไร
    เหตุใดเขาถึงบรรลุจิตวิญญาณอันสูงส่งได้ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่สิบปี
    
    เบเนียลูมิอาจหาคำตอบให้ตัวเองได้

    แน่นอน  ชาวเอลฟ์ที่หมกตัวอยู่แต่ในป่าหนาทึบ  ย่อมไม่ทราบถึงความยิ่งใหญ่ของราชาวีรบุรุษแห่งโลกมนุษย์

    เกี๊ยก! เกี๊ยก!

    หมีหมาป่าสองตัวสุดท้ายถูกดับลมหายใจลง
    
    ทันใดนั้น  โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์รีบวิ่งมานั่งข้างกริดเหมือนกับลูกสุนัขเฝ้าเจ้าของ
    พวกมันต่างหยิบหินก้อนเล็กมาวางตรงหน้า  จากนั้นก็ใช้ดาบฟันใส่หินโดยเลียนแบบท่าทางทุบค้อนจากกริด

    “น่ารักจัง”

    “ฮะฮะ!  เด็กพวกนี้คงต้องการเรียนรู้จากเจ้านายสินะ”

    เมอร์เซเดสและปิอาโร่ต่างชื่นชมในความน่าเอ็นดู
    พวกเขากำลังอมยิ้มอย่างมีความสุข

    ภาพของโครงกระดูกที่พยายามเลียนแบบท่าทุบค้อนกริด 
    ใครผ่านมาเห็นต่างต้องชื่นชมในความน่ารัก    

    ทว่า  ฉากดังกล่าวมิใช่เรื่องน่าอภิรมณ์สำหรับกริดเลยสักนิด
    
    หากไม่ได้อยู่ในภาวะไร้ตัวตน  กริดคงรีบตวาดพวกมันให้หยุดโดยพลัน
    เขาไม่ต้องการให้โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์เลียนแบบท่าทางตีเหล็ก

    ไม่อย่างนั้น  การเลื่อนระดับคลาสรอบต่อไปอาจมีรายชื่อของ ‘โครงกระดูกนักตีเหล็ก’ ปรากฏให้เลือก    
    
    แต่กริดทำได้เพียงคิด
    เขามิอาจแบ่งสมาธิออกจากภาวะไร้ตัวตนได้
    ชายหนุ่มจำยอมปล่อยเหตุการณ์ให้ดำเนินไปตามธรรมชาติ

    โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์เลียนแบบท่าทางกริดจนกระทั่งพวกมันทำได้อย่างสมบูรณ์

    … 

    …

    เป็นครั้งแรกที่โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์เลิกส่งเสียง ‘แกร่ก’ หรือ ‘เกี๊ยก’
    พวกมันต่างเงียบงันและจดจ่อกับหินก่อนตรงหน้า

    สิ่งนี้คือสัญลักษณ์ของการเข้าสู่ภาวะ ‘เพ่งสมาธิ’

[ หมายเลขหนึ่งได้รับทักษะ ‘ความอดทนของโครงกระดูก’ ]
[ หมายเลขสองได้รับทักษะ ‘ความอดทนของโครงกระดูก’ ]

    ข้อความระบบปรากฏขึ้นที่มุมสายตากริด

    เคร้ง!

    เคร้ง!

    ‘ต้องอย่างนั้น…อีกนิดเดียว’

    แต่กริดมิได้สนใจข้อความแม้แต่น้อย
    เขากำลังจดจ่ออยู่กับมิธริลนิลที่อัดแน่นด้วยปราณต่อสู้

    ขณะเดียวกัน  
    เอลฟ์สาวตนหนึ่งเดินไปกระซิบข้างหูเบเนียลู

    “เคียร์ถึงหมู่บ้านแล้ว”

    “ในที่สุด…!”

    ต้นไม้โลกจะได้กลับเป็นปรกติอีกครั้ง

    เบเนียลูที่กำลังตื่นเต้นได้หันไปกล่าวกับปิอาโร่
    
    “พวกเราต้องกลับหมู่บ้านก่อน  คุณจะมากับเราไหม?  จะได้เตรียมที่พักและอาหารไว้รองรับ”
    
    “ขอบคุณ  แต่ฉันจะอยู่ที่นี่”

    “ทำไมกัน?  ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว  มีโอกาสที่สัตว์ดึกดำบรรพ์ซึ่งแข็งแกร่งกว่าหมีหมาป่าจะปรากฏตัว  ป่าในยามค่ำคืนอันตรายเกินไปสำหรับมนุษย์”

    “ฉันคงขัดจังหวะการตีเหล็กของเจ้านายไม่ได้  ฉันจะอยู่ที่นี่และคอยอารักขาเขา”

    “…กว่าจะเสร็จก็คงรุ่งเช้าสินะ”

    “ไม่เลย  คงอีกหลายวัน  แต่จะนานแค่ไหนก็ไม่สำคัญ”

    ต่อให้ร้อยปีหรือพันปี  ปิอาโร่ก็จะยืนหยัดปกป้องเคียงข้างกริดตราบจนตัวเขาทำไม่ไหว

    หลังจากกล่าวจบ  ปิอาโร่หันไปมองเมอร์เซเดส

    “เธอนอนพักก่อน”

    “งั้นจะตื่นมาเปลี่ยนกะตอนรุ่งสาง”

    เธอได้ออกศึกเคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกับปิอาโร่อีกครั้ง
    ภาพบรรยากาศของวันวานได้กระตุ้นให้เมอร์เซเดสมีความสุขกว่าปรกติ

    เมื่อกลุ่มเอลฟ์จากไป  โนเอะและแรนดี้ก็เริ่มถึงเวลานอน
    ปิอาโร่กับเมอร์เซเดสคอยสับเปลี่ยนเวรอารักขากริดตลอดทั้งวัน

    ***

    “โอ้…!”

    ภายในหมู่บ้านเอลฟ์  
    สีหน้าของเหล่าเอลฟ์ต่างชื่นมื่นขณะรวมตัวกันใต้ต้นไม้โลก—ต้นไม้ดึกดำบรรพ์ที่คอยค้ำจุนโลกกึ่งกลางมานาน
    
    สาเหตุของความตื่นเต้นเกิดจากการกลับสู่ภาวะสู่ปรกติของต้นไม้โลก
    หลังจากเคียร์รดน้ำปริศนาลงไปบนรากได้เพียงห้านาที  ต้นไม้โลกก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
    เคียร์กล่าวอ้างว่า  นี่คือน้ำมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ที่มันหาซื้อมาในราคาแสนแพง    

    ช่างน่าขัน
    ไม่มีเอลฟ์ตนใดนึกสงสัยถึงสาเหตุที่ต้นไม้โลกป่วยไข้ในตอนต้น
    
    เมื่อเวลาผ่านไปเล็กน้อย  
    ใบไม้เคยที่กลายเป็นสีเหลือง  ปัจจุบันกลับมาชุ่มฉ่ำอีกครั้ง
    ดูเหมือนน้ำมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ที่เคียร์อ้างจะเป็นเรื่องจริง
    
    “นั่นคือน้ำมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ของเทพธิดารีเบคก้างั้นหรือ?”

    ชาวเอลฟ์มิได้สักการะบูชาเทพ
    ต้นไม้โลกคือสิ่งเดียวที่พวกเขาเคารพนับถือ    
    แต่ไม่ได้หมายว่าเผ่าพันธุ์เอลฟ์จะปฏิเสธตัวตนของเทพ  

    โดยเฉพาะรีเบคก้า  เทพธิดาแห่งแสง
    ชาวเอลฟ์ชื่นชอบรีเบคก้าไม่น้อย

    เคียร์อธิบายกับเหล่าเอลฟ์ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าแสนอ่อนโยน
    ฟังดูน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง

    ‘หากเริ่มสนทนากับพ่อค้า  พวกมันจะทำให้คุณหลงคารมในพริบตา’

    หนึ่งในกฏเหล็กของซาทิสฟายสามารถใช้อธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ดี

    “ถูกต้องครับ  ผมรีบเดินทางไปยังวาติกันเพื่อนำเงินเก็บทั้งหมดแลกเปลี่ยนเป็นน้ำมนตร์ศักดิ์สิทธิ์”

    “ยอมเสียสละขนาดนี้เพื่อพวกเรา…”

    “พวกคุณคือผู้มีพระคุณของผม  จะให้ตอบแทนมากกว่านี้ก็ยอม…”

    จากนั้น
    เคียร์ปรบมือเพื่อดึงความสนใจจากเอลฟ์ทั้งหมด

    “เอาล่ะครับทุกคน!”

    ‘น่าแปลก  วันนี้ก็ไม่มีเอลฟ์ชายงั้นหรือ  เหตุใดถึงไม่เคยปรากฏตัวสักครั้งนะ’
    
    เคียร์ครุ่นคิดพลางนำไหที่เต็มไปด้วยของเหลวปริศนาออกมาวาง

    “ผมยังเหลือน้ำมนตร์ศักดิ์สิทธิ์อยู่อีกมาก  ทุกคนมาดื่มร่วมกันเถอะ  สิ่งนี้จะช่วยให้อายุขัยยืนยาวขึ้น  พวกเราควรร่วมฉลองในฐานะที่ต้นไม้โลกกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง!”

    “ตกลง…พวกเราจะฉลองกัน”

    ชาวเอลฟ์มิได้สนใจเรื่องอายุขัยมากนัก
    พวกเธอมีอายุยืนยาวแตกต่างจากมนุษย์มาก
    
    เอลฟ์บางตนจึงเกิดคำถาม  
    เหตุใดพวกเธอถึงต้องร่วมดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ด้วย?

    แต่เวลาให้ขบคิดก็มีไม่มาก    
    บรรยากาศกำลังไหลไปอย่างครื้นเครงและเปี่ยมสุข
    
    หลังจากใช้มารยาหลอกล่อสำเร็จ  เคียร์ยกแก้วชูขึ้นพร้อมกับกล่าว

    “แด่ต้นไม้โลกอันเป็นนิรันดร์!”

    เคียร์แสร้งดื่มน้ำมนตร์ศักสิทธิ์เข้าไป  
    แน่นอน  เอลฟ์สาวทุกตนรีบดื่มตามโดยไม่รีรอ

    และผลที่ตามมาก็คือ…
    พวกเธอได้รับพิษร้ายแสนเจ็บปวดที่ยากจะลืมเลือนไปชั่วชีวิต 
    
    นี่คือวินาทีที่ราชาพ่อค้า ‘เคียร์’ ได้แจกจ่ายแก่นยาธานให้เอลฟ์ทุกตนดื่มอย่างเท่าเทียม
    มันลอบทำธุรกิจกับข้ารับใช้ยาธานเพื่อแผนชั่วช้าในวันนี้
    
    “คุคุคุ!  คุคุ!  คุฮ่าฮ่าฮ่า!!  จะมีสิ่งไหนง่ายไปกว่าหลอกคนโง่ที่อ่อนต่อโลกอีกบ้าง?”

    รอยยิ้มแสนจริงใจและอบอุ่นของเคียร์พลันมลายหาย
    สิ่งนั้นถูกแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะสุดชั่วช้าและเสียงกรีดร้องทรมาณจากชาวเอลฟ์
    
    คนของมันกรูล้อมหมู่บ้านเอลฟ์ไว้จากทุกทิศ
    เหล่าเอลฟ์สาวสวยผู้โชคร้ายถูกต้อนจับเป็นเชลยทีละคนสองคน

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,244
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. เดวกริดก็ไปช่วย เพราะได้รับภาระกิจช่วยเหลือ และจะได้อัพเลเวลอีก ค่อยดู ขอกริดเติมทรูก่อน

    ReplyDelete
    Replies
    1. อ่านอังกฤษมาสิท่า

      Delete
    2. มีใครกลุ่มลับครับถึงตอนที่1000กว่าๆแล้ว

      Delete
  2. ไอ้เคียร์​ ไอ้#¥£@k&%u๘×#y/%

    ReplyDelete
  3. เดาเอาครับไม่ได้อ่านอังกฤษ เพียงเดาทิศทางเรื่องเอา และสายฟรี ไม่ได้เข้ากลุ่ม เพราะถ้าเข้ากลุ่มก็ต้องอ่านจนถึงตอนปกติที่เขาอัพ เราก็ต้องรออีกเช่นเดิม รออ่านฟรีดีกว่า👌😂😂🙏

    ReplyDelete
    Replies
    1. มันเป็นแนวทางของบทป่าเอลฟ์อยู่แล้ว บทจะประมาณ

      Delete
  4. กริดคงมีภารกิจช่วยเอลฟ์จากนั้นก็ฆ่ายกตี้เพื่อหวังของดรอป

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00