จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 818



    ทักษะร่างมืดถูกยกระดับครั้งใหญ่ในสงครามอีเทอนัล
    เป็นผลพวงมาจากค่าพลังอสูรที่กริดได้รับหลังจากสังหารผู้คนไปมากมาย
    ถัดมา  กริดได้รับการชื่นชอบจากเหล่าเทพจนสามารถครอบครอง ‘คลื่นทำลายล้างร่ายรำสังหาร’
    
    ยังไม่หมด  ปราณต่อสู้ของกริดเริ่มปะทุนับตั้งแต่วินาทีที่เบเนียลูเปิดฉากซุ่มโจมตี
    และสิ่งสุดท้ายคือ  
    พลังของจอมอสูรอัสทารอธที่อ่อนแอลง

    “อั่กก!!”

    ท่ามกลางสายฝนและพายุอสูรโหมกระหน่ำ  เบเนียลูกำลังตื่นตระหนกสุดขีด
    ดวงตาหลังเส้นผมสีขาวเริ่มสั่นระริกอย่างเห็นได้ชัด

    ‘เป็นไปไม่ได้’

    คงยากที่จะให้เธอยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น
    
    หนึ่งในสิบสองผู้พิทักษ์…
    หนึ่งในเอลฟ์ระดับสูงจากสิบสองตระกูลใหญ่กลับต้องคุกเข่าต่อหน้ามนุษย์แสนต่ำต้อย
    สิ่งนี้สร้างความเสื่อมเสียครั้งใหญ่แก่นาม ‘ผู้พิทักษ์’ ที่มีความหมายว่า ‘ปกป้อง’
    
    “แกขายวิญญาณให้จอมอสูรงั้นหรือ?”

    เบเนียลูจดจ้องกริดด้วยสายตาอาฆาตแค้นสุดขีด

    เธอไม่ได้มีปัญหากับพลังอสูรของกริด
    พลังอสูรมิใช่สิ่งพิเศษ  
    มีเครื่องประดับมากมายบนโลกที่สามารถเปลี่ยนผู้สวมใส่ให้กลายเป็นอสูรได้ชั่วคราว

    แต่เขตแดนสายฟ้าอสูรนั้นต่างออกไป
    มันคือการสร้างสนามสายฟ้าในรัศมีรอบตัวหลายร้อยเมตร
    บรรยากาศทั้งหมดจะถูกปกคลุมด้วยพลังอสูรปริมาณมหาศาล
    
    เป็นพลังที่มีเฉพาะเหล่าจอมอสูรผู้ปกครองขุมนรกเท่านั้น
    
    “มนุษย์ต่ำช้า!  แกร่วมมือกับจอมอสูรเพื่อรุกรานดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเอลฟ์!  ไม่มีความละอายใจเลยรึไง!?”

    เบเนียลูตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดด้วยพลังเวทมนตร์  เกิดเป็นคลื่นเสียงที่สามารถทะลวงผ่านพายุอสูรและกระจายออกไปทั่วบริเวณ

    หากกริดเป็นผู้เล่นทั่วไป  เขาคงถูกกระแสมานาปั่นป่วนวงจรเวทมนตร์ภายในร่างกาย  อาการผิดปรกติจำนวนมากคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

    แต่ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่งเงียบด้วยสีหน้าเย็นชาและแววตาเรียบเฉย

    “ทำไมถึงรีบด่วนสรุปนัก?”

    ฝนและพายุเริ่มสลายไป
    ท้องฟ้าเปิดโล่งส่องแสงผ่านช่องใบไม้เขียวขจี
    เขตแดนอัสทารอธสิ้นเปลืองมานานเกินไป  ชายหนุ่มจึงต้องหยุดใช้งานอย่างไม่มีทางเลือก
    แต่การกระทำนี้กลับส่งผลให้เบเนียลูเข้าใจผิด    

    ‘เขาออมมือทำไม?  ไม่คิดฆ่าพวกเรางั้นหรือ…!’

    นี่ไม่ใช่ข่าวดีเลยสักนิด
    สีหน้าเบเนียลูพลันสิ้นหวังสุดขีด
    
    “แกคิดจะจับเราไปขายเป็นทาสสินะ!!”

    “…”

    เอลฟ์มีอคติกับมนุษย์มากกว่าที่กริดคิด
    เธอมองทุกการกระทำของมนุษย์เป็นด้านลบไปเสียหมด
    แม้จะครอบครองพลังที่แข็งแกร่ง  แต่เบเนียลูกลับหวาดกลัวและโลกแคบกว่าปรกติ
    
    ชายหนุ่มจ้องมองเบเนียลูด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจ  เอลฟ์เหล่านี้คิดแง่ลบกับมนุษย์จากก้นบึ้ง
    สิ่งเดียวที่กริดทำได้คือการปล่อยผ่าน  แสร้งไม่ได้ยิน
    
    เบเนียลูเหมือนกับกริดในอดีตไม่มีผิด
        
    “นิสัยหวาดกลัวและคิดลบของเธอไม่ใช่สิ่งที่ผิด  เธอไม่ผิดเลยสักนิด  คงเจอกับมนุษย์ที่เลวร้ายมาไม่น้อยสินะ”

    “…”

    เสียงแสนอ่อนโยนของกริดได้ปลุกให้เบเนียลูตื่นจากภวังค์โทสะ
    เธออึ้งไปเล็กน้อย  ก่อนจะส่ายศีรษะอีกครั้งและกลับมาฉุนเฉียวตามเดิม

    “แกอย่าพูดเหมือนรู้ทุกเรื่องไปหน่อยเลย!  ฉันไม่หลงกลหน้ากากรอยยิ้มที่แกสวมอยู่!  อย่าคิดว่าจะหลอกกันได้!”
    
    “เฮ่อ…ยุ่งยากจังแฮะ”

    บทสนทนาระหว่างกริดและเอลฟ์แทบไม่เกิดประโยชน์อันใด
    ไม่ต่างจากคุยกับกำแพง
    
    นี่คือความจริงแสนโหดร้ายที่ผู้เล่นส่วนใหญ่จะได้เผชิญเมื่อมีโอกาสพบหน้าเอลฟ์สาวสวย

    แต่ถึงกระนั้น  กริดมิได้ผิดหวัง
    เขาไม่ได้ต้องการมาที่ป่าแห่งนี้เพื่อพบเอลฟ์อยู่แล้ว
    
    “ฉันจะพูดอย่างรวบรัดก็แล้วกัน  ฟังให้ดี  ต่อจากนี้คือการอธิบายสถานการณ์”

    เมื่อได้ยินกริดกล่าวด้วยน้ำเสียงสุดองอาจ  เบเนียลูและเหล่าเอลฟ์ต่างพากันกลืนน้ำลายอึกใหญ่

    ผิวพรรณขาวเนียนของพวกเธอกำลังสั่นระริก  เอลฟ์หวาดกลัวการถูกมนุษย์จับไปขายเหนือสิ่งอื่นใด

    “เริ่มจากแนะนำตัวเองก็แล้วกัน  ฉันคือราชาโอเวอร์เกียร์  เป็นผู้สืบทอดตำนานของแพ็กม่า  และยังเป็นกษัตริย์ของอาณาจักรมนุษย์  ฉันมิได้ขายวิญญาณให้จอมอสูร  พลังเมื่อครู่คือสิ่งที่ได้ครอบครองหลังจากจัดการจอมอสูรอัสทารอธ”    

    “…!”

    กริดเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับพูดต่อ

    “ฉันมาที่นี่เพื่อล่าหมีหมาป่า  ไม่เคยทราบมาก่อนว่าที่นี่เป็นดินแดนของพวกเธอ  ต้องขอโทษที่ทำให้ตกใจกลัว”

    “…”
    
    "ฉันไม่ต้องการเป็นศัตรูกับพวกเธอ  ในฐานะราชา  ฉันมีแผนแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและค้าขายกับเผ่าพันธุ์อื่นเสมอ  ฉันจะไม่บังคับให้เธอเชื่อในสิ่งที่พูด  เชิญหวาดกลัวและสงสัยได้ตามที่ต้องการ  แต่ฉันขอร้องเพียงสิ่งเดียว  ได้โปรดปล่อยให้พวกเราล่าหมีหมาป่าในบริเวณนี้สักพัก"

    กริดกล่าวด้วยเสียงใสกังวาน 
    จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอันงดงามด้านบน

    สาเหตุเพราะเขามิอาจจ้องมองเอลฟ์สาวที่อยู่ในสภาพกึ่งเปลือยต่อไปได้    
    เศษใบไม้ที่ปกปิดร่างไว้เพียงบางส่วน   มันยิ่งเผยผิวพรรณมากขึ้นหลังจากถูกกริดกระหน่ำโจมตีใส่

    จิตใจกริดไม่แกร่งพอจะจ้องมองโดยปราศจากความคิดลามก  เขาไม่ต้องการถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพวกโรคจิตวิตถาร
    ไม่อย่างนั้นอาจเกิดข่าวลือไม่ดีแพร่กระจายในหมู่เอลฟ์สาวสวย    

    ท่าทีขึงขังแต่แฝงความเขินอายได้ทำให้เบเนียลูและเหล่าเอลฟ์ลดความระแวงต่อกริดลงเล็กน้อย

    “ตำนานงั้นหรือ…เข้าใจแล้ว  มนุษย์ที่ก้าวข้ามมนุษย์  พลังเมื่อครู่สามารถพิสูจน์คำพูดนั้นได้… 
    
    เบเนียลูหรี่ตาลง

    “เธอคนนั้นก็เป็นตำนานด้วยหรือ”

    เบเนียลูชำเลืองมองเมอร์เซเดส
    เมอร์เซเดสยังคงจ้องเบเนียลูด้วยสายตาอาฆาต  เธอโกรธแค้นที่อีกฝ่ายบังอาจโจมตีใส่ราชาของตน
    ชายหนุ่มเลื่อนมือไปจับแขนเมอร์เซเดสเพื่อให้เธอสงบจิตใจ

    “ถูกต้อง  เธอเป็นตำนานเหมือนฉัน”

    “งั้นหรือ…”

    ลงเอยด้วย  เบเนียลูยอมจำนนแต่โดยดี
    แม้จะไม่รู้จักแพ็กม่าที่กริดเอ่ยถึง  แต่สำหรับมนุษย์ที่กลายเป็นตำนาน  เบเนียลูย่อมรู้จักโพเวียเป็นอย่างดี
    โพเวียคือเด็กที่เกิดจากมนุษย์และเอลฟ์
    บุคคลผู้น่าสงสารที่ปราศจากความสุขตลอดชีวิต  จนกระทั่งได้รับพลังมหาศาลและกลายเป็นตำนานในภายหลัง

    “…ตำนานมนุษย์ที่ฉันรู้จัก  เธอเป็นคนที่สุดยอดมาก”

    เบเนียลูหรี่ตาลง

    “ฉันจะยอมเชื่อใจนายสักครั้ง  ในสายตาฉัน  นายไม่เหมือนกับมนุษย์โสโครกทั่วไป  ด้วยเกียรติของหนึ่งในสิบสองผู้พิทักษ์  ฉันอนุญาตให้นายล่าหมีหมาป่าได้สักพัก  พวกมันก็เป็นศัตรูของเอลฟ์เช่นกัน  ไม่เลวนักหากมีคนช่วยกำจัดให้”

    “ขอบคุณมาก”

    “แต่อย่าได้ย่างกรายเข้าไปในป่าลึกเด็ดขาด  พวกนายต้องล่าภายในจุดนี้เท่านั้น”

    “ไม่มีปัญหา”

    กริดขานรับ
    ขณะเดียวกัน  เมอร์เซเดสกำลังหน้าแดงก่ำเนื่องจากกริดจับมือเธอไม่ปล่อย

    “ฝ่าบาท  นี่คือโอกาสสำคัญที่จะได้สานสัมพันธ์กับเผ่าเอลฟ์  เหตุใดถึงไม่คว้าไว้?”

    ฝีมือธนูของเอลฟ์ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าสิ่งที่จารึกไว้ในบันทึกประวัติศาสตร์  แถมภูติธาตุก็มีประสิทธิภาพสูงจนน่าทึ่ง    
    เมอร์เซเดสมองว่าอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ควรรีบสานสัมพันธ์กับเผ่าเอลฟ์โดยเร็ว
    แน่นอน  กริดก็คิดแบบเดียวกัน

    “ฉันรู้  แต่ดูท่าทีของพวกเธอสิ  หากฉันเร่งร้อนจนเกินพอดี  พวกเธอคงสร้างกำแพงระหว่างมนุษย์ขึ้นอีก  ดังนั้นพวกเราไม่ควรรีบ  โอกาสต้องมาถึงในสักวันแน่”

    ในสถานการณ์ปัจจุบัน  การผลีผลามโดยไม่ไตร่ตรองมักมีจุดจบที่ไม่สวยนัก
    กริดเรียนรู้สิ่งนี้จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอดชีวิต

    “ได้อยู่ในเขตเอลฟ์ก็เพียงพอสำหรับเราในตอนนี้แล้ว”

    “ค่ะ”

    เมื่อราชาของตนตัดสินใจหนักแน่น  เมอร์เซเดสไม่มีเหตุผลให้ต้องคัดค้าน

    “พวกเรามาเริ่มกันเถอะ”
    
    กริดฉีกยิ้มพลางนำเตาหลอมแบบพกพาออกมาพร้อมกับค้อน
    ประการแรก  เขาต้องซ่อมมันให้กลับมาใช้การได้เสียก่อน

    แต่ปัญหาคือสภาพแวดล้อมที่มืดเกินไป    
    ใบไม้หนาทึบปกคลุมจนแสงแดงส่องลงมาไม่เพียงพอ  
    เมื่อมองไม่เห็น  ประสิทธิภาพในการทำงานจึงลดลงหลายระดับ

    “ป่าในบริเวณนี้หนาทึบเกินไป  แสงแดดส่องไม่ถึงเท่าที่ควร…”

    หลังจากทุบค้อนได้สักพัก  กริดตัดสินใจหยุดมือและกวาดสายตามองโดยรอบ

    ต้นไม้และพุ่มไม้ใหญ่จำนวนมากปกคลุมผืนป่าจนแน่นถนัด
    ชาวเอลฟ์รักธรรมชาติอย่างมาก  แต่สิ่งนี้ก็ทำให้ผืนป่าไม่ถูกจัดการและควบคุมให้เป็นระเบียบ
    
    “หืม…”

    ในชีวิตจริง  กริดปลูกต้นเมเปิ้ล  ต้นพลับ  และต้มพลัมขนาดเล็กไว้ในสวนหน้าบ้านบนดาดฟ้าตึก
    เขาจึงทราบถึงความสำคัญของการตัดแต่งกิ่งให้มีขนาดเหมาะสมอยู่เสมอ

    กริดเล็งเห็นว่าผืนป่าแห่งนี้มีสภาพค่อนข้างแย่
    ชายหนุ่มตัดสินใจชี้นิ้วไปยังต้นไม้ใหญ่ตรงหน้าที่มีเถาวัลย์หนามรัดพัน  
    เขากล่าวขึ้น
    
    “ถ้าพวกเธอรักต้นไม้จริง  ก็ควรตัดแต่งดูแลพวกมันบ้าง  ต้นไม้เหล่านี้ถูกปล่อยปละละเลยจนแย่งอาหารของกันและกัน  วัชพืชมากมายกำลังฆ่าพวกมันทางอ้อม  แสงแดดส่องไม่ถึงโคนต้น  ทำให้มีมอสเกาะอยู่ใกล้รากและคอยแย่งชิงสารอาหาร  ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้  ปรสิตจะเติบโตได้ดีจนเบียดเบียนความอุดมสมบูรณ์ของต้นไม้”

    “…?”

    เบเนียลูและเหล่าเอลฟ์เริ่มขมวดคิ้วเมื่อกริดออกปากเทศนา    
    พวกเธอไม่ค่อยเข้าใจคำพูดประหลาดของกริดมากนัก

    “ตัดแต่ง?  ปรสิต?  นายกำลังพูดเรื่องอะไร”

    “ถ้าอยากให้ผืนป่าอุดมสมบูณ์มากกว่านี้  การบำรุงรักษาคือสิ่งจำเป็น”

    “หลักการเหลวไหลอะไรของนาย?  ธรรมชาติคือสิ่งที่ดีที่สุดและไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว”

    “เป็นแค่มนุษย์อย่ามาทำเป็นรู้ดีกว่าเอลฟ์!”

    เกิดท่าทีต่อต้านจากกลุ่มพวกเธอ
    ทว่า  เบเนียลูกลับแตกต่างออกไป
    เธอเห็นภาพของเพื่อนเก่าซ้อนทับกริด

    ‘เขาพูดแบบเดียวกับโพเวีย…’

    โพเวียเคยอธิบายวิธีการดูแลป่าให้เอลฟ์ฟัง  สิ่งนี้คือความรู้ของมนุษย์ที่เธอได้ศึกษามาจากพ่อและแม่
    แต่เหล่าเอลฟ์ในหมู่บ้านกลับขบขันและเย้ยหยันโพเวียราวเป็นเรื่องตลก
    
    ส่วนใหญ่รังเกียจที่เธอเป็นลูกผสม  
    และเบเนียลูก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น

    เธอโบกมือเพื่อปรามเอลฟ์ตนที่เหลือ
    เบเนียลูตัดสินใจลองเชื่อกริดดูสักครั้ง
    สาเหตุหนึ่งเพื่อเป็นการชดเชยบาปที่เคยก่อไว้กับโพเวีย
    เธอออกปากขอร้องกริด
    
    “…ราชาโอเวอร์เกียร์”

    “…?”

    “ฉันขอฝากหน้าที่ดูแลผืนป่าในบริเวณนี้ให้นายได้ไหม?”

    “เอ๋?”

    กริดตะลึงกับคำขอร้องที่คาดไม่ถึง
    เบเนียลูโค้งศีรษะลงเล็กน้อย

    “ที่นายพูดมาก็มีเหตุผล  ฉันต้องการให้นายใช้เทคนิคของมนุษย์ช่วยอนุรักษ์ป่า”

    “…!!” 

    เอลฟ์ที่ขึ้นชื่อด้านความหยิ่งทระนงกลับกำลังก้มศีรษะให้มนุษย์พร้อมกับออกปากขอร้อง…?
    แถมเอลฟ์ตนนั้นยังเป็นคนเดียวกับที่คิดทำร้ายกริดอย่างเอาเป็นเอาตายเมื่อครู่
    เมอร์เซเดสกำลังทึ่งในความยิ่งใหญ่ของชายผู้เป็นเจ้านาย… 

    ‘ฝ่าบาทเล็งสิ่งนี้ไว้ตั้งแต่ต้น!’

    เมอร์เซเดสไม่มีความรู้ด้านต้นไม้และพืชพรรณมากนัก  แต่เธอมั่นใจว่ากริดตั้งใจให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้

    กริดกำลังยืนเหงื่อแตกขณะที่สายตาชื่นชมจากเมอร์เซเดสจ้องมองมา

    ‘ด…เดี๋ยว’

[ อนุรักษ์ป่าเอลฟ์ ]
ระดับความยาก : A
    เบเนียลู  หนึ่งในสิบสองผู้พิทักษ์แห่งเผ่าเอลฟ์  ต้องการขอร้องท่าน
    เธอต้องการให้ท่านใช้เทคนิคของมนุษย์ช่วยอนุรักษ์ป่าเอลฟ์ไว้
เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ : ตัดแต่งต้นไม้จำนวน 2,000 ต้น (0/2,000)
รางวัลภารกิจ : 
- ค่าความสัมพันธ์กับเผ่าเอลฟ์ทุกตนเพิ่มขึ้น 20 หน่วย
- ใบต้นไม้โลก (20)
- ผลต้นไม้โลก (5)
บทลงโทษภารกิจล้มเหลว : เอลฟ์จะมองท่านเป็นศัตรู

    “…ฉันไม่ใช่คนสวนสักหน่อย”

    ใช่แล้ว  กริดคือช่างตีเหล็ก
    แต่เหตุใดช่างตีเหล็กถึงได้รับภารกิจที่ดูคล้ายกับงานของคนสวน?
    เขาเดินทางมาที่นี่เพื่อสร้างไอเท็มและเก็บเลเวล  ย่อมไม่มีเวลาตัดแต่งต้นไม้มากถึง 2,000 ต้นแน่

    ‘มันจะเหนื่อยขนาดไหนกัน…’

    นี่คือภารกิจที่ต้องยกเลิก!
    กริดอยากตะโกนเช่นนี้ออกไป
    แต่ปัญหาคือรางวัลภารกิจที่จะได้รับ

    ใบต้นไม้โลกสามารถนำไปให้สติกส์สร้างยาครอบจักรวาล
    กริดมั่นใจว่าใบและผลต้นไม้โลกคือไอเท็มที่มีมูลค่าสูงมาก
    ยิ่งไปกว่านั้น  ค่าความสัมพันธ์ 20 หน่วยกับเผ่าเอลฟ์นับว่าสำคัญไม่แพ้กัน

    ‘จะทำยังไงดี…’

    กริดตัดสินใจไม่ได้ว่าจะรับหรือปฏิเสธ
    จนกระทั่งชื่อหนึ่งผุดขึ้นในหัว

    ‘ปิอาโร่!’

    ไม่มีใครรู้เรื่องพืชดีไปกว่าชาวนาในตำนานอีกแล้ว
    บางทีปิอาโร่อาจมีเทคนิคจัดการกับต้นไม้ได้เกิดประสิทธิภาพ
    เมื่อรู้เช่นนี้  ชายหนุ่มรีบอัญเชิญอัศวินโดยไม่รีรอ
    
    ชาวนาในตำนานและเอลฟ์
    นี่คือการพานพบครั้งแรกของสองกลุ่มคนที่มีใจรักธรรมชาติอย่างหาที่สุดมิได้
    
    ปิอาโร่ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าตรึงเครียดทันทีที่ถูกอัญเชิญตัว
    เขากังวลว่าราชาของตนอาจตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ

    ทว่า… 

    “เอลฟ์.…”

    ปิอาโร่ปรากฏตัวต่อหน้าเอลฟ์โดยถือคราดและเคียวเล็กในมือ

    เอลฟ์สาวเริ่มได้กลิ่นประหลาดจากร่างกายปิอาโร่  พวกเธอพยายามสูดดมสักพัก
    จนกระทั่ง...

    ใบหน้าของทุกคนเริ่มแดงก่ำ

    “เป็นชายที่ยอดมาก…”

    “…”

    กลิ่นดินโคลนและธรรมชาติบนร่างปิอาโร่ได้กระตุ้นอารมณ์เหล่าเอลฟ์สาวอย่างน่าประหลาด
    นับเป็นโชคดีสำหรับกริด

    “ดีล่ะ…หลังจากนี้ฉันจะลงมือสร้างไอเท็ม  ส่วนเมอร์เซเดสกินน้ำผึ้งล่อหมี  และปิอาโร่คอยตัดแต่งวัชพืชให้ต้นไม้”

    กริดใช้คนได้ตรงกับงาน
    สิ่งนี้ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้

    บริวารมีไว้เพื่อคอยอำนวยความสะดวกให้เจ้านายก็จริง  แต่บริวารที่เขาเลือกใช้ในคราวนี้...
    
    อัศวินในตำนานและชาวนาในตำนาน


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,240
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. เหมือนขี่เฟอร์รารี่​ไปจ่ายตลาด
    ขอบคุ​ณมาก​ครับ😊

    ReplyDelete
  2. 5555 เหมือนมีพรมแดงปูทางให้เดิน ทรงเริ่มสะดวก

    ReplyDelete
  3. ตำนานน่ะ ก็แค่รถบัส 55555

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00