จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 814



    จากสถิติในปีก่อน  ผู้เล่นคลาสพ่อค้านั้นมีจำนวนมากถึง 41,715,997 คน
    เทียบเท่าคลาสยอดนิยมอย่างนักดาบและจอมเวทเลยทีเดียว

    เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?
    เพราะคลาสพ่อค้าได้มอบความหวังให้กับผู้เล่นปุถุชนทั่วไป
    ในโลกยุคใหม่ที่สินค้าในเกมถูกนำมาขายเป็นเงินจริง  ไม่แปลกที่คลาสพ่อค้าซึ่งมุ่งเน้นทำกำไรจะได้รับความนิยมล้นหลาม
    
    แต่แน่นอน  โลกซาทิสฟายมิได้หอมหวานขนาดนั้น  มีพ่อค้าเพียงหยิบมือที่สามารถทำกำไรจากการเล่นเกมได้จริง
    หนึ่งในนั้นคือ ‘เคียร์’ พ่อค้าอันดับหนึ่งของโลก 
    
    ในฐานะผู้เล่นคนแรกที่มีกิจการเป็นของตัวเอง  เคียร์ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำจากโลกซาทิสฟาย
    เคียร์มีลูกน้องนับหมื่นชีวิต  ถึงขนาดมีคนเรียกว่ามัน ‘ราชาพ่อค้า’

    “ในที่สุดก็หาพบ”

    ผืนป่าต้นไม้โลก—ผืนป่าเอลฟ์   
    เคียร์คือผู้เล่นคนแรกที่ได้ย่างกรายเข้าไป

[ ท่านคือผู้เล่นคนแรกที่ค้นพบดินแดนเอลฟ์ ]
[ ความสำเร็จครั้งนี้จะถูกจดจำไปแสนนาน  ท่านจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมายในฐานะผู้ค้นพบคนแรก ]
[ ท่านจะเพิ่มค่าความสัมพันธ์กับเอลฟ์ได้ง่ายขึ้น  การซื้อสินค้าจากหมู่บ้านเอลฟ์จะถูกลง 20%  และขายสินค้าได้แพงขึ้น 20% ]
[ การเก็บเลเวลในดินแดนเอลฟ์จะได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้น 20%  และอัตราดรอปไอเท็มเพิ่มขึ้น 10% ]
[ อัตราฟื้นฟูมานาตามธรรมชาติเพิ่มขึ้น 8% เป็นการถาวร ]

    “โฮ่!  เยอะกว่าที่คิดไว้มาก…”

    เส้นผมของมันมีสีทองคำขาว  
    ดวงตาเขียวมรกต  
    ผิวพรรณขาวนวลคล้ายสตรี 
    ภาพลักษณ์ของเคียร์เป็นราวกับขุนนางสูงศักดิ์ที่หลุดมาจากโลกภาพยนตร์

    หลังจากอ่านสิทธิประโยชน์เสร็จ  มันได้หันกลับไปมองด้านหลัง

    “พวกนายเข้ามาได้”

    เมื่อได้รับอนุญาต… 

    “อากาศที่นี่แตกต่างจากปรกติมาก!”

    “มันชุ่มฉ่ำปอดอย่างบอกไม่ถูก  แถมแสงแดดก็ยังอบอุ่น  ฉันอยากสร้างบ้านที่นี่สักหลัง”

    คนกลุ่มใหญ่เดินตามเคียร์เข้ามาในป่าต้นไม้โลก  พวกมันคือกลุ่มผู้เล่นที่ล้วนสวมใส่ไอเท็มระดับสูง
    ในบรรดาคนเหล่านี้  จอมเวทนาม ‘บิวเทียน’ เริ่มร่ายเวทมนตร์

    “เวทมนตร์ตรวจจับ”

    ซู่วว—

    มานาของมันแผ่ออกไปในรัศมีหลายสิบเมตรเพื่อตรวจหาสิ่งมีชีวิต
    จากนั้นก็รายงานผล

    “มีเพียงสัตว์ขนาดเล็กเท่านั้น  ดูเหมือนเผ่าเอลฟ์จะไม่ได้วางแนวป้องกันไว้ที่ชายแดนป่าแม้แต่นิดเดียว”

    “เพราะสถานที่แห่งนี้สงบสุขมาก”

    เผ่าเอลฟ์อาศัยอยู่ในผืนป่าแห่งนี้มานานหลายร้อยปีโดยไม่ถูกรบกวน
    ในเมื่อตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสมบูรณ์  ชาวเอลฟ์จึงไม่จำเป็นต้องตื่นตัวให้เสียแรง

    สิ่งนี้เป็นผลดีต่อเคียร์มาก
    
    “น่าเสียดายที่เราคงไม่ใช้สิทธิประโยชน์ให้คุ้มค่า…”

    เคียร์ชะงักคำพูดพลางแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย  เป็นรอยยิ้มแสนชั่วร้ายที่มันไม่เคยแสดงให้เห็นมาก่อน
    
    เคียร์เป็นใครกัน?
    มันคือผู้เล่นที่ไต่เต้าโดยการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น  เหยียบย่ำผู้อื่น  และสั่งสมความมั่งคั่งโดยการแย่งชิงธุรกิจจากผู้อื่น

    จนกระทั่งตัวมันได้เป็นราชาพ่อค้าอันดับหนึ่งของโลก
        
    หากให้นิยามตัวตนของเคียร์  คงไม่มีคำใดเหมาะไปกว่า ‘ความชั่วร้าย’

    ใบหน้าที่อ่อนโยนและเป็นห่วงเป็นใยผู้อื่นงั้นงั้นหรือ?
    สิ่งนี้ถูกปั้นแต่งเพื่อให้การหลวงลวงเป็นไปได้สะดวกต่างหาก

    “มาเริ่มกันเลย”

    เคียร์ออกคำสั่ง
    ทันใดนั้น  พวกพ้องที่เงียบงันมานานเริ่มชักดาบ

    “อั่ก! อ๊ากก!”

    คลาสพ่อค้าย่อมไม่นำค่าสถานะไปเพิ่มให้ความถึกทนมากนัก  พลังป้องกันและพลังชีวิตของเคียร์จึงมีระดับต่ำอย่างน่าใจหาย
    แม้จะสวมเกราะมูลค่าแสนแพงก็ตาม  แต่พลังชีวิตของมันดำดิ่งจมก้นหลอดหลังจากถูกฟันใส่เพียงไม่กี่ดาบ

    เคียร์เริ่มวิ่งหนีอย่างลนลาน

    พวกพ้องของมัน…หรือควรเรียกว่าอดีตพวกพ้อง  บัดนี้ทุกคนกำลังส่งเสียงหัวเราะคิกคักขณะจ้องมองแผ่นหลังเปื้อนเลือดของเคียร์
    
    “ดิ้นรนไปก็เปล่าประโยชน์  แกไม่มีทางหนีพวกเราพ้นด้วยความเร็วของพ่อค้าแน่นอน”

    “พวกเราวิ่งเร็วกว่าอยู่แล้ว”

    “บ…บ้าจริง!  ช…ช่วยฉันด้วย!  มีใครอยู่ไหม!?”

    เคียร์วิ่งหนีสุดชีวิตพลางตะโกนขอความช่วยเหลือ  แต่บรรยากาศโดยรอบยังคงเงียบงันเช่นเดิม
    เสียงตะโกนของมันกังสะท้อนก้องทั่วป่าต้นไม้โลกโดยไม่มีการตอบกลับ    
    กลุ่มผู้ทรยศยิ่งหัวเราะคิกคักดังกว่าเก่า

    “ในป่าแห่งนี้ไม่มีใครนอกจากพวกเรา  แล้วแกคิดจะร้องขอความช่วยเหลือจากใคร?”

    “หวังให้หมีออกมาช่วยรึไง?  ไอ้งั่ง!  คิคิคิก!”

    เคียร์ถูกตามจี้จนไม่มีเวลาพักหายใจ
    ฝ่ายที่ไล่รุกหนักกำลังฮัมเพลงอย่างมีความสุขโดยยื้อชีวิตเคียร์ไว้ไม่ยอมฆ่าทิ้ง

    “ชิ…!”

    ดวงตาของเคียร์กำลังแดงก่ำอย่างโกรธแค้น
    ภาพการมองเห็นของมันกระพริบด้วยแสงสีแดงเนื่องจากวิ่งเกี่ยวกิ่งไม้และพุ่มไม้ตลอดทาง 

    ผู้ไล่ตามอยู่ในระยะที่สามารถดับลมหายใจมันได้ทุกเมื่อ

    “ชักเบื่อแล้วสิ  มาทำให้จบกันเถอะ”

    เป็นเสียงของหญิงสาวที่ไล่ฟันพุ่มไม้ตลอดทาง  เหตุเพราะเธอไม่ต้องการถูกข่วนจนผิวพรรณเป็นรอยแผล

    เคียร์ตะโกนอย่างสิ้นหวังเมื่อเห็นจิตสังหารอัดแน่นในดวงตาสตรีคนดังกล่าว

    “เธอทำแบบนี้ไปทำไม?  พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือ?  พวกพ้องยังไงล่ะ!  ทำไมถึงต้องทำร้ายกันด้วย?”

    ท่ามกลางป่าลึกไร้ผู้คน  เสียงอ้อนวอนของเคียร์ยังคงดังกังวาล
    สตรีปริศนายักไหล่

    “พวกพ้องอะไรกัน?  ฉันก็แค่ต้องการเงินจากนาย  ตอนนี้คงรู้แล้วสินะว่าต้องทำอะไร”

    เธอเลื่อนดาบซิมิท่าขึ้นมาจ่อลำคอเคียร์

    “ถ้าต้องการมีชีวิตรอดก็ส่งเงินมาซะ!  ฉันจะไว้ชีวิตแกถ้าได้เงินในจำนวนที่พึงพอใจ  สนใจไหมล่ะ?  พ่อคนรวย”

    “อึก…!”

    เคียร์ขบกรามอย่างเจ็บแค้น
    สีหน้าหวาดกลัวและสิ้นหวังเมื่อครู่พลันสลายไปราวกับเป็นโกหก  
    ถูกแทนที่ด้วยสีหน้าแสนเดือดดาล

    “ข่มขู่เอาชีวิตคนอื่นเพียงเพื่อเงิน…พวกแกมันต่ำทรามไม่ต่างจากสัตว์ป่า!”

    “อะไรนะ?  สัตว์ป่า?  ผิดแล้ว  พวกเราเป็นมนุษย์ต่างหาก  แต่มนุษย์ทุกคนล้วนมีความละโมภทั้งนั้น  พวกเราต่างหากที่ปรกติ  มีแค่แกที่เป็นไอ้งั่ง”

    ดาบในมือหญิงสาวได้กดลงบนผิวหนังบริเวณกระดูกไหปลาร้าของเคียร์  
    หยดเลือดเริ่มไหลซึมเป็นทางยาว

    “ส่งเงินมาซะ!”

    ชีวิตของเคียร์กำลังคาบเกี่ยวระหว่างความเป็นความตาย  
    ทันใดนั้น  มันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ด้วยแววตาที่หนักแน่นไม่สั่นคลอน

    “ไม่มีทาง!!”

    “อะไรนะ?”

    “ความยุติธรรมกำลังร่ำร้องในใจฉัน!  ฉันขอยอมตายอย่างมีเกียรติดีกว่าต้องก้มหัวให้สวะอย่างพวกแก!”

    “แกมันบ้าไปแล้ว”

    “ฉันไม่ไดบ้า!  ฉันแค่ไม่ต้องการสนับสนุนพฤติกรรมต่ำทราม!  หากพวกแกทำกับฉันสำเร็จ  ในอนาคตพวกแกก็ต้องหาเหยื่อรายใหม่เพิ่มแน่!”

    “ฮะฮะ!  แกมันเสียสติของแท้  งั้นก็รีบตายไปซะ”

    ฉึบ

    หญิงสาวส่ายศีรษะพลางง้างดาบเตรียมฟัน

    ฉึก!

    มีลูกธนูปริศนาพุ่งปักหัวเสียบไหล่เธอด้วยความเร็วสูง

    “…?”

    ทุกคนต่างพากันตะลึง

    “ใครกัน?”

    “มีคนอยู่ในป่าด้วยหรือ?”

    สายลมอันเกรี้ยวกราดเริ่มพัดผ่านผืนป่าที่กำลังวุ่นวาย
    พุ่มไม้ใหญ่โยกเอนเล็กน้อย  ตามด้วยการปรากฏตัวของหญิงสาวผู้มีความงดงามในระดับสมบูรณ์แบบ
    สัดส่วนไร้ที่ติ  หูแหลมยาว  
    ผิวพรรณขาวนวลราวนางฟ้า

    “อ…เอลฟ์?”

    “ท…ที่นี่คือป่าเอลฟ์งั้นหรือ”

    จำนวนของประชากรเผ่าพันธุ์เอลฟ์นั้นมีเพียงน้อยนิด
    ว่ากันว่า  ทั่วทั้งทวีปจะมีเอลฟ์เพียงหนึ่งแสนตน  แต่ถึงอย่างนั้นกลับปกป้องอารยธรรมของตัวเองจากมนุษย์แสนละโมภได้นานหลายร้อยปี

    เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?
    คำตอบคือ  เผ่าพันธุ์เอลฟ์ทรงพลังกว่ามนุษย์หลายเท่า
    เอลฟ์ทุกตนมีพื้นฐานด้านธนูเป็นเลิศ  แถมยังมีภูติธาตุที่แข็งแกร่งคอยรับใช้    
    เผ่าพันธุ์เอลฟ์มิใช่สิ่งที่มนุษย์ทั่วไปสามาถรับมือไหว

    กลุ่มผู้เล่นที่ทรยศเคียร์พลันชะงัก
    พวกมันรีบชูอาวุธขึ้นเพื่อยอมจำนนเมื่อถูกคันธนูเล็งง้าง

    “รีบออกจากป่าศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ซะ  ที่นี่ไม่ใช่สถานี่สำหรับมนุษย์โสมมเยี่ยงพวกเจ้า”

    “อ…อี๋ย!”

    โชคดีมากที่พวกมันสามารถกลับออกไปแบบมีชีวิต
    กลุ่มมนุษย์ทรยศรีบเผ่นหนีโดยไม่เหลียวหลังสนใจเคียร์อีก

    “ปล่อยให้มนุษย์เข้ามาได้ยังไง…เสาเวทมนตร์เสื่อมพลังแล้วหรือ”

    เบเนียลู  เอลฟ์หญิงผู้มีเส้นผมสีขาวบริสุทธิ์  เธอส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยหน่ายพลางพึมพำ

    จากหันก็หันมามองเคียร์
    เคียร์กำลังก้มลงกราบแทบเท้า    
    
    “ข…ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ!  ผมจะหาทางตอบแทนให้อย่างแน่นอน”

    “ไม่จำเป็น”
    
    “ข…ขอโทษครับ  ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้—อั่ก!”

    เมื่อนึกได้ว่ามนุษย์ไม่สมควรอยู่ในสถานที่แห่งนี้  เคียร์รีบลุกขึ้นพร้อมกับวิ่งหนีไปทิศทางตรงกันข้ามกับกลุ่มทรยศ
    แต่วิ่งไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ล้มฟุบลงกับพื้น  บาดแผลตามร่างกายรุนแรงจนยากขยับตัวไหว

    “ผ…ผมขอโทษ  ผมจะรีบรักษาตัวเองให้หายและรีบไปจากที่นี่”

    ด้วยใบหน้าแสนใสซื่อและท่าทีที่จริงใจ  ภาพลักษณ์ของเคียร์แตกต่างจากมนุษย์โสมมที่เอลฟ์จินตนาการไว้มาก

    เมื่อมิอาจสัมผัสถึงความโลภในใจ  
    เบเนียลูจึงกล่าวขึ้น

    “ฉันได้ยินบทสนทนาทั้งหมดแล้ว  นายยอมตายดีกว่าจำนนต่อความอยุติธรรมสินะ?”

    “…จะเรียกผมว่าไอ้งั่งก็ได้  แต่ผมรังเกียจคนละโมภที่สุด!  ขอยอมตายดีกว่ามอบเงินให้พวกมัน”

    เบเนียลูยิ้มที่มุมปาก

    “ตามฉันมา  ฉันจะพาไปรักษาบาดแผลในหมู่บ้าน”

    “อ…เอ๋?  มนุษย์มีสิทธิ์เข้าหมู่บ้านเอลฟ์ด้วยหรือ”

    “ถ้าเป็นนายคงไม่เป็นไร  ถือเป็นแขกพิเศษคนแรกในรอบหลายร้อยปี  รักษาตัวที่หมู่บ้านให้หายดีก่อนค่อยกลับ  จะได้ไม่ต้องถูกคนชั่วด้านนอกดักรอ”

    “ข…ขอบพระคุณมากครับ!”

    สีหน้าของเคียร์กำลังเปี่ยมสุข
    รอยยิ้มแสนใสซื่อของมัน
    เบเนียลูมิได้เอะใจแม้แต่น้อย

    เมื่อพลังของค่าสถานะ ‘ความน่าหลงไหล’ และ ‘เป็นมิตร’ ซ้อนทับกับสิทธิประโยชน์ของผู้เล่นคนแรกที่ค้นพบป่าเอลฟ์
    เหตุการณ์จึงทำเดินไปตามแผนของเคียร์อย่างแยบผล

    >>  พวกนายดักรอที่ทางเข้าหนึ่งวันก่อนกลับ

    เคียร์ส่งข้อความเสียหาพวกพ้องที่ทรยศตนขณะเดินตามเบเนียลูเข้าหมู่บ้าน

    >>  เข้าใจแล้ว

    เป็นบทสนทนาระหว่างบุคคลสองกลุ่มที่เพิ่งทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตายเมื่อครู่
    
    ใช่แล้ว  เคียร์เป็นผู้ออกคำสั่งให้หญิงสาวคนดังกล่าวเล่นละครตบตาอย่างแนบเนียน

    ทั้งหมดเป็นการแสดง…เพื่อแฝงตัวเข้าไปในหมู่บ้านเอลฟ์โดยไม่มีใครเคลือบแคลงสงสัย

    ***

- รายชื่อของบุคคลที่สามารถเป็นกัปตันกองอัศวิน - 
[ เมอร์เซเดส ]
[ เมอร์เซเดสมีอัศวินในบัญชาได้มากที่สุด 50 คน  อัศวินของเมอร์เซเดสจะเพิ่มพลังโจมตีกายภาพ 12%  พลังป้องกัน 12%  ความเร็วโจมตี 5%  และความเร็วเคลื่อนที่ 7%  เอฟเฟคข้างต้นจะแสดงผลทันทีที่เข้าร่วมหน่วย ]
[ รายการทักษะพิเศษ : 
- ฟื้นฟูพลังชีวิตตามธรรมชาติ (สูง)
- ฟื้นฟูมานาตามธรรมชาติ (ปานกลาง)
- สูญเสียค่าเรี่ยวแรงช้าลง (สูง) ]

    “…”

    จนกระทั่งก่อนหน้านี้  มีเพียงปิอาโร่และอัสโมเฟลเท่านั้นที่สามารถเป็นกับตันกองอัศวินได้
    แม้แต่ชัคสเล่ย์ที่เป็นอัศวินมหาจอมดาบก็ไม่มีคุณสมบัติมากพอจะเป็นกัปตัน

    หรือในอีกความหมายหนึ่งก็คือ  
    NPC กัปตันกองอัศวินต้องเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่มากเท่านั้น  แต่เมอร์เซเดสเหนือกว่าคำว่า ‘ยิ่งใหญ่’ ไปหลายขุม
    
    ‘ขี้โกงฉิบ…’

    บัฟของปิอาโร่จะเพิ่มพลังโจมตี 10% ความเร็วโจมตี 3%  และความเร็วเคลื่อนที่ 5%
    ส่วนอัสโมเฟลจะเพิ่มพลังโจมตีเวทมนตร์ 5% และลดระยะหน่วง 8%
    ลำพังคุณสมบัติเหล่านี้ก็นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว  แต่เมอร์เซเดสกลับเหนือชั้นกว่านั้นหลายเท่า

    เพิ่มพลังโจมตีและป้องกัน 12%
    ผลลัพธ์ของมันใกล้เคียงการเสริมแกร่งไอเท็มระดับสูง 

    สิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อผู้เล่นที่มีค่าสถานะระดับปีศาจอย่างป็อนและคริสมาก  ดุจดั่งติดปีกคู่หนึ่งให้พวกเขาโบยบิน

    อึก… 
    
    กริดถึงกับกลืนน้ำลายเสียงดัง
    เขาครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะเอ่ยปากถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

    “เมอร์เซเดส”

    “เพคะฝ่าบาท”

    “ฉันเข้าร่วมกองอัศวินของเธอได้ไหม?”

    “…?”

    "ม…ไม่ได้สินะ  ฮะฮะ!"

    กริดพยายามหัวเราะกลบเกลือน
    ร่างกายชายหนุ่มสั่นระริกอย่างเจ็บใจ
    เขานึกเสียดายที่ตัวเองต้องพลาดโอกาสได้รับบัฟแสนสำคัญ
    
[ ‘กองอัศวินโอเวอร์เกียร์ในตำนาน’ ถูกสร้างขึ้น ]

    หน่วยที่สามถัดจากกองอัศวินโอเวอร์เกียร์และกองอัศวินเวทมนตร์โอเวอร์เกียร์
    มีเพียงสมาชิกระดับขุนพลเท่านั้นที่ได้รับสิทธิ์ให้เข้าร่วมหน่วยใหม่

    ลอเอลถือเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้เล่นระดับสูงที่ได้รับโอกาส
    เขาอ้าปากค้างทันทีเมื่อถูกเชิญชวนให้เข้าร่วมหน่วยอัศวินใหม่ของเมอร์เซเดส

    “ก…กองอัศวินโอเวอร์เกียร์…ในตำนาน?”

    ลอเอลควรพึงพอใจกับบัฟมหาศาลที่ตนได้รับถึงจะถูก

    แต่เหตุใดกลับมีน้ำตาไหลรินออกมาได้?
    ชายคนนี้กำลังทุกข์ระทมสุดขีด

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,237
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ยากจริงๆนะการตั้งชื่อเนี่ยะ

    ReplyDelete
  2. ทุกระทมกับชื่อที่กริดตั้งขึ้นใช่ไหม 😂😂

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00