จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 582



    "บ้าน่า  ไอเท็มหนึ่งชิ้นจะมีมูลค่ามากถึง 60 ล้านเหรียญทองเชียวหรือ...  ไม่มีทาง!"

    ลอเอลไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด  ว่าคันศรฟินิกซ์แดงจะมีมูลค่าสูงถึง 60 ล้านเหรียญทอง  ต่อให้เป็นเกรดเลเจนดารีระดับท็อปก็ตาม
    เขาตัดสินด้วยปัจจัยพื้นฐาน  
    ลองคิดดูให้ดี...  ในเมื่ออาณาจักรหนึ่งก่อตั้งโดยการใช้เงิน 60 ล้านเหรียญทอง  หากไอเท็มเพียงหนึ่งชิ้นกลับมีราคาเท่ากัน  หมายความว่า  ไอเท็มดังกล่าวจะมีมูลค่าเทียบเท่าหนึ่งอาณาจักรเลยงั้นหรือ
    บ้าบอสิ้นดี

    'ไอเท็มที่กริดสร้างขึ้น  พวกมันล้วนยอดเยี่ยมก็จริง  แต่ก็ไม่มีทางเทียบเท่าอาณาจักรหนึ่งแห่งได้  เต็มที่คงเป็นได้แค่ระดับเมืองใหญ่'

    ใช่แล้ว  ลอเอลคือหนึ่งในกลุ่มเทิดทูนบูชากริด  เขาประเมินกริดไว้สูงลิบเสมอ  
    หลักฐานคือ  การที่ประเมินให้ไอเท็มหนึ่งชิ้นมีมูลค่าเทียบเท่าเมืองใหญ่  สิ่งนี้ถือเป็นการเชิดชูสรรเสริญกริดมากพอแล้ว  
    ในอนาคต  หากมีผู้เล่นคนใดสวมใส่ไอเท็มจากกริดครบทุกชิ้น  รับรองได้เลยว่า  ผู้เล่นดังกล่าวจะมีพลังต่อสู้ระดับกองทัพอาณาจักรเลยทีเดียว  
    ถึงกระนั้น  ไม่ว่าจะกริดจะเป็นนักทำลายสามัญสำนึกมากเพียงใด  แต่เขาก็ไม่มีทางสร้างไอเท็มมูลค่าเทียบเท่าหนึ่งอาณาจักรได้แน่

    "จิสึกะ  ฉันเข้าใจว่าเธอยอมจ่ายมากกว่าปรกติเพื่อช่วยแก้ปัญหาให้กริด  แต่ว่า..."

    ขณะจิสึกะกำลังเฉิดฉายในสงครามไบรัน  ลอเอลไม่ได้อยู่ที่นั่น  แม้อาจมีเครือข่ายข้อมูลรอบด้าน  แต่เขาย่อมไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง  ไม่ได้ประจักษ์ในสุดยอดอานุภาพของคันศรฟินิกซ์แดงอย่างเต็มสองตา

    "เธออย่าออกนอกหน้า...  ฉันรู้ว่าเธอชอบกริดมากแค่ไหน"

    "เอาไปดูเองก็แล้วกัน"

    จิสึกะแชร์รายละเอียดคันศรฟินิกซ์แดงให้ลอเอล  ผู้ไม่เคยคิดถึงไอเท็มเกรดมิธในหัว  
    ลอเอลอึ้งจนพูดสิ่งใดไม่ออกอยู่พักใหญ่

    "...!!!"

    ดวงตาลอเอลกรอกไปมาอย่างตื่นตระหนก  ราวดับตุ๊กตากลที่ใกล้พัง
    เขาเพ่งพิจารณาออปชั่นคันศรฟินิกซ์แดงอย่างละเอียดถี่ถ้วน

    "...เชี่ย!"

    ลอเอลแทบหยุดหายใจ  วิญญาณเกือบลอยออกจากร่างเพราะตะลึงในความสุดยอดของออปชั่นที่ไม่น่ามีอยู่จริงบนโลก
    จิสึกะเอ่ยปากถามอีกครั้ง

    "เป็นยังไงบ้าง  สมเหตุสมผลกับ 60 ล้านเหรียญทองรึยัง"

    "เหลวไหล!"
    ลอเอลพยายามดึงสติกลับคืน
    "เธอจะซื้อเจ้าปีศาจนี่ในราคาแค่ 60 ล้านเนี่ยนะ!  ไม่ละอายใจบ้างรึไง!"

    พลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว
    จิสึกะยิ้มอย่างชอบใจเมื่อลอเอลแสดงท่าทีราวกับเธอเป็นพวกหัวขโมย
    จากนั้น  เธอยักไหล่เล็กน้อย

    "ฉันไม่ได้เป็นหัวขโมยสักหน่อย  60 ล้านเหรียญทองเป็นเพียงเงินดาวน์เริ่มต้น  ส่วนที่เหลือ  ฉันจะผ่อนจ่ายกริดทั้งชีวิต"

    จิสึกะ  แร้งเกอร์ระดับท็อป  หนึ่งในสาวงามของโลก  ทั้งใบหน้า  เสน่ห์  รูปร่าง  รวมถึงทักษะการเล่นเกม  ทุกสิ่งอยู่ในระดับน่าทึ่ง  
    เธอคือหนึ่งในมหาเศรษฐีวัยรุ่นที่มีอยู่น้อยนิดบนโลก  
    แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ากริด  จิสึกะกลับต้องเป็นหนี้ชายคนนี้ไปตลอดชีวิต
    นี่คือความน่ากลัวของพลังแห่งไอเท็ม

    ร่างกายลอเอลกำลังสั่นระริก

    "มูลค่าที่แท้จริงของกริด..."

    ความพิเศษของคลาสสายผลิตช่างยากคาดเดา  ไม่ว่าจะมีวิสัยทัศน์และมันสมองอัจฉริยะมากเพียงใด  แต่ลอเอลก็คำนวนกริดผิดพลาดหนแล้วหนเล่า
    น้ำตาแห่งความยินดีกำลังไหลพราก
    ด้านนอกวัง  พระอาทิตย์กำลังตกดิน  ลอเอลยืนมองด้วยสีหน้าเหม่อลอยพร้อมกับพึมพำ

    "กริดคือเทพลงมาจุติ  ส่วนเราเป็นเพียงเทวดาผู้ต่ำต้อย..."

    ลอเอลหัวเราะท่าประจำโดยใช้ฝ่ามือปกปิดครึ่งใบหน้า
    สมาชิกโอเวอร์เกียร์ที่ได้เห็นต่างพากันขมวดคิ้ว

    "การก่อตั้งอาณาจักรทำให้เขาเป็นบ้าไปแล้วงั้นหรือ"

    "คิดว่างั้นนะ"

    "ลอเอลจะกลายเป็นมือขวาที่มีอำนาจรองเพียงกษัตริย์ใช่ไหม... การให้คนบ้าทำหน้าที่สำคัญเช่นนั้น  พวกเราจะไม่เป็นไรรึไง"

    "คงไม่แย่นักหรอก...  เขาทำงานได้สมบูรณ์แบบเสมอมา  พวกเราไม่มีสิ่งใดให้ต้องกังวล"

    "เลิกสนใจลอเอลก่อน!  รีบหยุดเนี๊ยวมงเร็วเข้า!"

    แมวและสุนัขจรจัดทุกตัวในไรน์ฮาร์ทได้มารวมตัวกันที่จัตุรัส  เหตุเกิดขึ้นเพราะเนี้ยวมงเป่านกหวีดส่วนตัวดังก้องไปทั่วบริเวณ  
    ชาวเมืองต่างพากันหวาดกลัว  สมาชิกโอเวอร์เกียร์ต้องรีบห้ามปรามเพื่อมิให้เกิดความโกลาหล

    ยิ่งไปกว่านั้น  ยังมีอีกงานพิสดารอื่นรออยู่อีกมาก

    "ใครสักคนรีบบอกให้จู๊ดใส่เสื้อผ้าเร็วเข้า!  ฉันได้ยินทหารหน่วยซ่อมกำแพงร้องเรียนเข้ามา!"

    "ฉันได้ยินมาว่า  แวนเนอร์กำลังข่มขู่กลุ่มทหารอีเทอนัล  หากใครยังไม่ยอมจำนน  เขาจะจับโกนหัวให้หมดทุกคน  เราควรรีบหยุดหมอนั่นก่อนรึเปล่า"

    "อ๊ะจริงสิ!  ขณะพวกเรากำลังยุ่ง  เรกัสหายไปไหนอีกแล้ว"

    "เขาไปท้าดวลกับปิอาโร่"

    "ในสถานการณ์แบบนี้เนี่ยนะ!  ทำไมพวกนายไม่รีบห้ามไว้!"

    "..."

    "เอาน่า..."

    "เรื่องมันละเอียดอ่อน"

    'ไม่มีใครสักคนปรกตินอกจากเรา'  นี่คือความคิดของสมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคน

    ***

    "ใช่แล้ว  อย่าลืมกำพืดตนเองเด็ดขาด"

    กริดยืนมองแผ่นหลังครอเกลที่กำลังเดินจากไป

    'เรายังอ่อนแออยู่มาก'

    กริดตื่นเต้นเกินพอดี  หลังจากปราบจอมอสูรบีเลียลลงได้  เขามีท่าผ่อนคลายราวกับตนเองแข็งแกร่งที่สุดในโลก
    แต่ความจริงมิได้เป็นเช่นนั้นเลย  บีเลียลคือจอมอสูรลำดับ 32  หมายความว่ายังมีจอมอสูรอีก 31 ตนที่แข็งแกร่งกว่า  แถมยังมีแวมไพร์ดยุคแมรี่-โรสที่เป็นศัตรูตัวฉกาจ  และที่ขาดไม่ได้คืออัศวินสีชาดหลักเดียวของจักรวรรดิซาฮารัน  
    กริดไม่ได้เหลือภูเขาเพียงหนึ่งหรือสองลูกให้ก้าวข้าม

    ในสถานการณ์เช่นนี้  ตนกลับลืมกำพืดและหน้าที่ของช่างตีเหล็ก
    ชายหนุ่มต้องจำใส่ใจไว้ให้มั่นว่าตนคือช่างตีเหล็ก  เขาต้องทำงานในโรงตีเหล็ก  เพิ่มค่าสถานะ  สร้างสุดยอดไอเท็ม  และผลักดันให้พวกพ้องทุกคนกลายเป็นผู้เล่นพลังไอเท็มอย่างถ้วนหน้า
    นี่คือเป้าหมายลำดับถัดไป

    'งานกรรมกรไม่ใช่สิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้  มันคือกำพืดของเรา'

    สิ่งนี้จะไม่แปรเปลี่ยนแม้ตนกลายเป็นกษัตริย์

    "มาเริ่มกันเลย!"

    กริดพยายามระงับความตื่นเต้นที่เกิดจากชัยชนะสงครามและจอมอสูร  
    เขามุ่งหน้าไปยังสถานที่หรูหราเพื่อพักผ่อนหย่อนใจงั้นหรือ  
    เปล่าเลย  จุดหมายปลายทางคือโรงตีเหล็ก

    'อย่างที่ลอเอลพูด  เราคงต้องหมกตัวในโรงตีเหล็กอีกสักพัก  หน้าที่ของเรายังคงเหมือนเดิมแม้จะกลายเป็นกษัตริย์แล้วก็ตาม'

    หัวใจกริดกำลังลุกโชนด้วยเปลวเพลิงแห่งความมุ่งมั่น
    ขณะกำลังนำค้อนตีเหล็กออกมาวาง  ชายหญิงคู่ได้หนึ่งเดินเข้ามาหา

    "สวัสดี"

    สันตะปาปาดาเมี่ยนแห่งโบสถ์รีเบคก้า

    "สวัสดี"

    สามงามผู้มาพร้อมกับเส้นผมสีทองคำขาว  
    หนึ่งในบุตรีแห่งรีเบคก้าผู้ถือครองศาสตราเทพ  อิสซาเบล
    กริดรู้สึกขอบคุณคนทั้งสองที่ยื่นมือเข้าช่วยโอเวอร์เกียร์ในยามวิกฤติ

    "ไม่ได้พบกันนาน  ฉันดีใจที่..."

    กริดฉีกกว้าง  แต่ทันใดนั้น  ใบหน้าของเขาพลันกระตุกเมื่อได้เห็นผิวกายอันขาวซีดของอิสซาเบล

    'ผลกระทบจากร่างสีขาวสินะ...'

    อิสซาเบล  หญิงสาวที่ถูกโบถส์เก็บมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็ก  จุดประสงค์เดียวคือการเป็นหุ่นยนต์สำหรับกวัดแกว่งครองศาสตราเทพเพื่อปกป้องโลก 
    วัยเด็กของเธอไม่เหมือนกับผู้อื่น  อิสซาเบลถูกริดรอนความสดใสร่างเริงทั้งหมด  ตลอดบั้นปลายชีวิต  เธอต้องต่อสู้กับภัยอันตรายอย่างลำบากโดยตแลกมากับอายุขัยของตน

    "เมืองไรน์ฮาร์ทแห่งนี้  หากพิจารณาดูให้ดีจะเป็นเมืองที่กว้างใหญ่มาก  แต่กลับมีโบสถ์รีเบคก้าเพียงแห่งเดียวเท่านั้น  ถ้าไม่นับความต้องการส่วนตัวของฉัน  ไรน์ฮาร์ทสมควรมีจำนวนโบสถ์มากกว่านี้  ฉันตัดสินใจจะสร้างเพิ่มอีกสองแห่ง  ยิ่งจำนวนโบสถ์มีมากเท่าไร  นักบวชและพาลาดินก็ยิ่งมีประจำการมากขึ้นเท่านั้น  นายคิดเห็นอย่างไรบ้าง  จะยินยอมให้ฉันสร้างโบสถ์หรือไม่"

    ดาเมี่ยนจ้องมองอย่างคาดหวัง
    กริดพยายามครุ่นคิดหาคำตอบ

    ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธ

    "ฉันยินดี  แต่มันจะไม่เป็นอะไรแน่หรือ  วาติกันจะยอมให้หนึ่งเมืองมีถึงสามโบสถ์เลยรึไง  ในมุมมองของสภาอาวุโสรีเบคก้า  พวกเขาอาจคิดว่ามันสิ้นเปลืองทรัพยากรโดยใช่เหตุ"

    "ฮุฮุ  เรื่องนั้นไม่ต้องกังวล  หลังจากพวกเราปราบจอมอสูรบีเลียลลงได้  ตำแหน่งของฉันภายในโบสถ์ก็ยิ่งมั่นคงมากขึ้น  ด้านวาติกันเองก็ชื่นชมกริดและโอเวอร์เกียร์ไม่น้อยที่ปราบจอมอสูรสำเร็จ  รับรองได้เลยว่าไม่มีปัญหาแน่นอน"

    "เป็นข่าวที่ดีมาก"

    ในซาทิสฟาย  คลาสฮีลเลอร์คือตำแหน่งหายากยิ่ง  คุณค่าของนักบวชรีเบคก้าอยู่ในระดับสูงลิบ  ไม่ใช่ใครก็ได้ที่มีสิทธิครอบครองโบสถ์รีเบคก้าถึงสามแห่งในเมืองเดียว  
    กริดจินตนาการภาพตามอย่างขนลุก
    เครื่องฮีลอัตโนมัติเคลื่อนที่...  ไม่สิ  หน่วยฮีลเลอร์โอเวอร์เกียร์!

    'เป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยม'

    หากทีมเคลียร์เมืองใต้ดินแวมไพร์ประกอบด้วยสมาชิกขุนพล + ฮีลเลอร์  รับรองได้เลยว่าไม่มีทางพ่ายแพ้เหล่าแวมไพร์หน้าไหนแน่
    
    'ต้องรีบสร้างชุดเกราะให้กองทัพโดยเร็ว'

    กริดหันไปถามดาเมี่ยน
    "ทางโบสถ์จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดใช่ไหม"
    
    "เห...!"

    ดาเมี่ยนพลันกระอักกระอ่วน  เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะถูกถามเช่นนี้

    "หากกษัตริย์และลอร์ดคนใดทวีปอยากให้ดินแดนของตนมีโบสถ์รีเบคก้า  ไม่เพียงพวกเขาจะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด  แต่ยังส่งเครื่องบรรณาการอีกมากเพื่อถวายแก่โบถส์"

    หรืออีกความหมายหนึ่ง  ความเห็นของสภาอาวุโสคงไม่ดีแน่  หากกริดให้โบสถ์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายก่อสร้างโบสถ์ถึงสามแห่ง 
    บางทีอาวุโสรีเบคก้าอาจเกิดเสียงคัดค้าน
    แต่ในมุมมองกริด  ข้อเรียกร้องของตนนั้นสมเหตุสมผลดีแล้ว

    "เมื่อสร้างเสร็จ  โบสถ์รีเบคก้าจะได้สิทธิ์เป็นเจ้าของโบสถ์ไม่ใช่หรือ  พวกนายคิดสร้างโบสถ์ในเมืองของฉัน  ฝ่ายฉันออกที่ดินให้  ส่วนฝ่ายโบสถ์ออกค่าใช้จ่าย  ฉันไม่คิดว่าจะมีสิ่งใดไม่เหมาะสม"

    "...ฉันจะเสนอเข้าที่ประชุมให้"    
    
    ความดีความชอบที่สั่งสมจากการฆ่าบีเลียลคงลดลงไปกลับเหลือเท่าเดิม  ดาเมี่ยนบ่นอุบอิบอย่างเสียดาย
    ขณะเดียวกัน  กริดรีบหันไปสำรวจอิสซาเบลโดยละเอียด

    "น--นายจ้องฉันทำไม"

    แม้จะเป็นเวลาเพียงไม่นานที่เปิดใช้ร่างสีขาว  แต่อิสซาเบลก็รู้ดีว่า  สุขภาพของเธอกำลังทรุดโทรม  
    หญิงสาวที่ไม่สวย  ย่อมไม่อยากให้ใครพบหน้า 
    การจดจ้องจากกริดจึงทำให้อิสซาเบลอึดอัด

    เมื่อพิจารณาจนพอใจ  กริดก็คว้าข้อมือเธอไว้

    "อ๊าง~"    

    ดวงตาอิสซาเบลเบิกโพลงพร้อมกับส่งเสียงครางประหลาด  ท่าทีสั่นกลัวประหนึ่งกระต่ายน้อยวิ่งหนีนายพราน  
    ความรู้สึกซาบซ่านแล่นแผ่ไปทั่วร่าง    

    "ฝากหอกไลฟาเอลไว้ที่ฉันสักระยะได้ไหม"

    หลังจากสร้างไอเท็มเกรดมิธสำเร็จ  ฝีมือการตีเหล็กของกริดก็เพิ่มขึ้นจากอดีตหลายเท่า   แถมเขายังมีความเข้าใจในหอกไลฟาเอล 100% จากเหตุการณ์เลือกตั้งสันตะปาปาเมื่อคราวก่อน

    "ฉันอยากสำรวจหอกไลฟาเอลอย่างถี่ถ้วน  ฉันต้องการเปลี่ยนให้มันไม่ดูดกลืนอายุขัยของผู้ใช้งาน"

    กริดมั่นใจมาก  เมื่อไม่นานมานี้  การสร้างไอเท็มเกรดมิธได้เปิดโลกใบใหม่และเพิ่มพูนทักษะการตีเหล็กขึ้นจากเดิม  ชายหนุ่มไม่สงสัยเลยว่า  ตนสามารถแก้ไขหอกไลฟาเอลไปในทางที่ดีขึ้นได้แน่

    "ฉันอยากให้เธอกับดาเมี่ยนหลุดพ้นจากบ่วงความทุกข์ทรมาน"

    พวกกริดและดาเมี่ยนกลายเป็นเพื่อนที่พิเศษต่อกัน
    มิตรสหายที่เคยยื่นมือช่วยเหลือตนและพวกพ้องมาแล้วหลายหน  กริดต้องการตอบแทนกลับคืนบ้าง
    เขาอยากให้อิสซาเบลและดาเมี่ยนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไปตราบนานเท่านาน 
    ชายหนุ่มคิดช่วยเหลือทั้งสองด้วยใจบริสุทธิ์โดยไม่หวังผลตอบแทน
    อิสซากล่าวขอบคุณกริดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม  ส่วนดาเมี่ยนผู้อ่อนไหวกำลังร้องไห้ฟูมฟายราวกับคนเสียสติ

    "ท่านกริดดดด!!"    

    ***

    "พวกนายจะเอายังไงต่อ"
    
    ยามนี้  ทหารโอเวอร์เกียร์จำนวนมากกำลังวิ่งพล่านไปทั่วเมืองไรน์ฮาร์ทเพื่อซ่อมแซม  กลุ่มทหารไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย  มุ่งหวังเพียงคืนสภาพเมืองกลับเป็นปรกติโดยเร็ว 
    เป็นฉากที่แค่ได้เห็นก็รู้สึกดี
    คริสกวาดสายตามองโดยรอบ  จากนั้นก็หันไปถามกับเจ็ดกัปตัน

    "พวกนายจะเอายังไงต่อ"

    "..."

    "ตอบฉันมาตามตรง"

    คริสถามย้ำ
    เซอร์คาน  ผู้อาวุโสแห่งเจ็ดกัปตัน  ก้าวเท้าออกมาด้านหน้า
    ชายคนนี้คืออาจารย์สอนดาบให้คริส  ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้เล่นคลาสนักดาบอันดับหนึ่งของโลก  แม้จะมีอายุมากถึงเกือบ 70 ปีแล้วก็ตาม  
    เซอร์คานจงรักภักดีต่อคริสยิ่งกว่าใครทั้งหมด  และเป็นคนที่คริสเชื่อใจมากที่สุดเช่นกัน

    "พวกเราควรเข้าร่วมกับโอเวอร์เกียร์"

    "เหตุผลล่ะ"

    "ฉันเชื่อว่า  ตัวนายคงรู้ถึงเหตุผลดียิ่งกว่าใคร  กริดสร้างปาฏิหาริย์ไว้มากมาย  กับชายคนนี้  เราควรเป็นพวกพ้อง  มิใช่ศัตรู  และเหนือสิ่งอื่นใด  หากนายอยู่กับเขา  ฉันเชื่อว่านายจะพัฒนาได้ไกลกว่าเดิม"    

    คริสไม่ปฏิเสธ

    "พลังอำนาจของเขายิ่งใหญ่มากพอ  สำหรับการให้ฉันอยู่ใต้อาณัติ"

    คริสตัดสินใจละทิ้งตำแหน่งขุนนางของอีเทอนัล  ซึ่งตอนนี้กลายเป็นสิ่งไร้ค่า
    ในวินาทีที่กษัตริย์อัสลันจบชีวิตลง  ข้อความระบบได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าคริส
    เป็นภารกิจที่ชื่อว่า <พันธมิตรขุนนางเพื่อโค่นล้มกริด>

    "พวกเราจะออกล่า"

    คริสลั่นวาจา  เขาจะนำศีรษะของขุนนางอีเทอนัลผู้คิดก่อกบฏไปเป็นบรรณาการให้กริด  พร้อมกับถวายความจงรักภักดีอย่างเป็นทางการ

Comments

  1. ได้พวกง่ายดีแหะ

    ReplyDelete
  2. ภารกิจบังคับว่า จะอยู่ฝ่ายขุนนางอีเทอนอลแล้วล่ากริด หรือ จะปฏิเสธแล้วเข้าร่วมกับโอเวอร์เกียร์ สินะ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00