จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 575
บดข้าวเปลือกซึ่งเป็นท่าไม้ตายของวิชาทำฟาร์มอิสระ
ถัดมาคือความตายที่ถูกลิขิต ซึ่งเป็นไม้ตายประจำตัวปิอาโร่
พลังชีวิตของบีเลียลไม่กระดิกเลยแม้จะถูกสองทักษะนี้โจมตีใส่
จากนั้น เธอกลับสูญเสียหลอดพลังชีวิตบางส่วนจากการถูก 'ทลายนภา' เพียงสองหน
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
ลอเอลนึกสงสัยและครุ่นคิดเรื่องนี้มาตลอด
'เป็นบอสจำพวก หากไม่ได้รับความเสียหายถึงเกณฑ์ พลังชีวิตจะไม่ลดลงงั้นหรือ'
ไม่น่าใช่ โอกาสเป็นไปได้ต่ำมาก
บดข้าวเปลือกอาจรุนแรงไม่ถึงเกณฑ์ก็จริง แต่ความตายที่ถูกลิขิตไม่มีทางเป็นไปได้
ณ ตอนนี้ ลอเอลกล้าพูดได้เต็มปากว่า ความตายที่ถูกลิขิตคือทักษะโจมตีเป้าหมายเดียวที่ทรงพลังที่สุดในซาทิสฟาย ไม่มีทางเบากว่าทลายนภาแน่นอน
แถมเลเวลของครอเกลยังต่ำมาก ทลายนภาของเขา ไม่มีทางแรงไปกว่าความตายที่ถูกลิขิตของปิอาโร่แน่
'หรือขณะถูกโจมตีจากบดข้าวเปลือกและความตายที่ถูกลิขิต บีเลียลจ่ายทรัพยากรอื่นแทนพลังชีวิตเพื่อรับความเสียหาย...'
ตัวอย่างเช่น บาเรียมานา
'แต่เราก็ไม่เห็นเอฟเฟคพิเศษเกิดขึ้น'
เพราะอะไรกันนะ
ลอเอลเค้นสมองอย่างหนักตั้งแต่ทุกคนเริ่มสู้กับบีเลียล
ในการจะล่าบอสสักตัวให้สำเร็จ อันดับแรกคือต้องเข้าใจรูปแบบการต่อสู้ของบอส จากนั้นก็หาจุดอ่อนให้พบ
แต่ไม่ว่าจะขบคิดปวดหัวแค่ไหน ลอเอลก็มิอาจหาคำตอบให้กับระดับพลังชีวิตที่ผิดแผกของบีเลียลได้เลย
ทว่าตอนนี้ เขาไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคิดอีกต่อไป
ขอบคุณทักษะสุดโกงจากยูร่าและครอเกล สถานการณ์จึงดำเนินมาจนถึงวินาทีที่พลังชีวิตของบีเลียลลดเหลือเพียง 10%
ไม่มีเหตุจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับความผิดปรกติของพลังชีวิตในตอนต้นอีกแล้ว
การล่าบอสสุดโหดกำลังจะจบลงในไม่ช้า
ขณะลอเอลกำลังโล่งอก
ครืนนนน! เปรี้ยงงง!
เกิดระเบิดพลังอสูรปริมาณมหาศาลพร้อมกับสายฟ้าฟาดผ่า
รูปลักษณ์บีเลียลแปรเปลี่ยนอีกหน คราวนี้มิใช่รูปลักษณ์ที่งดงามเซ็กซี่หรือน่ากลัว หากแต่เป็นรูปลักษณ์ของอสูรเพศหญิงที่สีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ มองผิวเผินจะเหมือนกับตุ๊กตา
เขาคู่ใหญ่งอกขึ้นกลางศีรษะ ปีกอสูรคู่หนึ่งสยายกลางแผ่นหลัง ผิวหนังมีเนื้อแข็งคล้ายเปลือกแมลงห่อหุ้ม ตั้งแต่หัวจรดเท้าล้วนดำสนิท เหลือไว้เพียงดวงตา
"พลังชีวิต..."
"เต็มหลอดอีกครั้ง..."
สมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคนรวมถึงลอเอล พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง
หลังจากการเปลี่ยนร่าง พลังชีวิตที่เหลือเพียง 10% กลับมาเต็มหลอด 100%
'เอฟเฟคฟื้นฟูพลังชีวิตจากการเปลี่ยนร่างงั้นหรือ'
สมาชิกโอเวอร์เกียร์ส่วนใหญ่คิดเช่นนี้ แต่ไม่ใช่กับลอเอล
'การเปลี่ยนร่างครั้งแรกไม่ได้ฟื้นฟูพลังชีวิต'
แล้วทำไมการเปลี่ยนร่างครั้งที่สองถึงฟื้นฟู ลอเอลทำใจเชื่อได้ยาก
ขณะที่สมาชิกโอเวอร์เกียร์ต่างพากันจิตตก ลอเอลก็ตระหนักถึงตัวตนที่แท้จริงของบีเลียล
'ราชินีแห่งการหลอกลวง...'
หากมองย้อนกลับไป บีเลียลทั้งกรีดร้อง ครวญคราง และชักสีหน้าทุกครั้งที่ถูกโจมตี
ท่าทางของเธอทุกข์ทรมาณเจียนตาย ทั้งที่หลอดพลังชีวิตแทบไม่ลดลงเลย
'แสร้างทำเป็นเจ็บทั้งที่ไม่เจ็บรึเปล่า...'
คงให้เชื่อเช่นนั้นได้ยาก
ไม่มีเหตุผลให้บีเลียลต้องแสร้งทำในสิ่งไร้ความหมาย
'ถ้าอย่างนั้น...'
ลองเปลี่ยนมุมมองบ้าง
'หากสิ่งที่กำลังแสร้งไม่ใช่ท่าทีของบีเลียล แต่เป็นหลอดพลังชีวิต...'
ใช่แล้วบีเลียลคือราชินีแห่งการหลอกลวง เธอต้องมีบางสิ่งที่ใช้ตบตาศัตรูแน่
ลอเอลคาดว่า สิ่งนั้นอาจเป็นหลอดพลังชีวิต
'ยิ่งไปกว่านั้น บีเลียลแสดงท่าทีสุขุมเยือกเย็นอย่างน่าประหลาดหลังจากถูกโจมตีด้วยบดข้าวเปลือกและความตายที่ถูกลิขิต'
แต่หลังจากนั้น เธอเริ่มมีสีหน้าสับสนอย่างเห็นได้ชัด เมื่อศัตรูเก่งกาจเริ่มปรากฏตัวมากขึ้น ทั้งปิอาโร่ ทายาทอริยดาบมุลเลอร์ และนักล่าอสูรยูร่า
ท่าทางของบีเลียลเริ่มแปลกไปเมื่อเผชิญหน้ากับหลายสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันติดต่อกัน บีเลียลเริ่มสูญเสียความเยือกเย็น
และนั่นคือช่วงเวลาที่พลังชีวิตของเธอลดลงอย่างเห็นได้ชัดเป็นครั้งแรก
'ช่วงนั้นคงตื่นตระหนกจนลืมตบตาผู้อื่นด้วยพลังชีวิตสินะ'
เข้าใจแล้ว ว่าทำไมร่ายกายบีเลียลถึงต้องปกคลุมด้วยเปลือกแมลงสีดำเหล่านี้
'เพื่อนซ่อนบาดแผล...'
ลอเอลแสยะยิ้มพร้อมกับใช้ฝ่ามือปกปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง
"เหล่าสมาชิกโอเวอร์เกียร์ผู้กล้าแกร่งเอ๋ย อย่าได้ถูกตบตาด้วยเปลือกนอกของจอมอสูรบีเลียลเด็ดขาด! ผิวหนังเปลือกแมลงของเธอมีไว้สำหรับปกปิดบาดแผล สีหน้าที่เย็นชาก็เปรียบดั่งหน้ากากสำหรับปกปิดความเจ็บปวด ณ ตอนนี้ บีเลียลมิได้ต่างอะไรกับสัตว์ป่าที่กำลังบาดเจ็บไปถึงดวงจิต!"
ลอเอลต้องการเพิ่มขวัญกำลังใจให้สมาชิกปาร์ตี้
ทว่า คนเหล่านั้นกลับหันมาจ้องมองเขาด้วยสายตาขยะแขยง
"ทำตัวจูนิเบียวระหว่างสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเนี่ยนะ..."
"ทำไมจู่ๆ ถึงพูดกับตัวเอง บ้าไปแล้วรึไง"
"..."
เฮ่อ พวกมนุษย์ชั้นต่ำมิอาจเข้าถึงความยอดเยี่ยมของตนได้
ลอเอลยิ้มเจื่อนก่อนจะอธิบายเป็นภาษาปรกติ
"หลอดพลังชีวิตของบีเลียลเป็นเพียงสิ่งลวงตา ของจริงคือสิ่งที่พวกนายได้เห็นก่อนหน้า พลังชีวิตของเธอเหลือเพียง 10% เท่านั้น ไม่ต้องกังวล กระหน่ำโจมตีและรีบทำให้มันจบโดยเร็ว"
"ลุย!"
เมื่อลอเอลเป็นคนพูด สมาชิกโอเวอร์เกียร์ที่เหลือจึงเชื่อมั่นโดยปราศจากความเคลือบแคลง แม้จะชายคนนี้จะมีโรคจูนิเบียวที่เข้าใจได้ยากก็ตาม
"พวกเราจะจบการต่อสู้สุดหินนี่สักที!"
"ไม่มีประโยชน์ที่จะโจมตีเข้าไปโดยตรง! หลีกเลี่ยงการโจมตีกันเองและหันไปสนับสนุนปิอาโร่ ยูร่า และครอเกล"
ทุกคนต่างกรูเข้าใส่บีเลียลอย่างพร้อมเพรียง ยกเว้นจิสึกะที่อยู่ในสภาพร่อแร่จากการโจมตีด้วยเวทมืด
ไม่มีใครถูกหลอดพลังชีวิตปลอมหลอกลวงอีก สีหน้าของทุกคนเปี่ยมไปด้วยความกระหายชัยชนะ
แต่ความจริงมักโหดร้ายเสมอ
บีเลียลในร่างสุดยอด จะอ่อนแอตามที่ลอเอลคาดไว้หรือไม่...
ตอนนี้พลังของเธอฟื้นฟูกลับมาหลายส่วนจากขุมนรก ไม่มีทางที่ครอเกลและสมาชิกโอเวอร์เกียร์จะต่อกรได้ง่ายนัก
"อุกกาบาต"
ครืนนนนน!
ครืนนนน ครืนนนน!
อุกกาบาตนับร้อยที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิงกำลังพุ่งลงจากฟากฟ้า
เป็นปรากฏการณ์ทางเวทมนตร์ที่น้อยครั้งจะได้พบเห็น
ราวกับวันสิ้นโลกก็มิปาน
"อ๊ากกก!"
"อั่ก! ฉันขอโทษ!"
ซู่วว!
ซู่ววว! ซู่ว!
สมาชิกโอเวอร์เกียร์เริ่มถูกเปลี่ยนเป็นแสงสีเทาทีละคนสองคน
ส่วนระดับขุนพลอย่างครอเกล ยูร่า จิสึกะ ดาเมี่ยน ป็อน และเรกัส พวกเขาล้วนบาดเจ็บสาหัส
"บ--บัดซบ..."
"สิ้นหวังแล้ว..."
สมาชิกโอเวอร์เกียร์ต่างแสดงสีหน้าสิ้นหวังเมื่อเห็นพวกพ้องค่อยๆ ตายไป
จนกระทั่งพวกเขาหันมามองปิอาโร่
"ท่านอาจารย์...!"
"ปิอาโร่!"
ปิอาโร่คอยปัดป้องอุกกาบาตลูกแล้วลูกเล่า ซึ่งต้องแลกมากับร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผล รวมถึงข้อมือซ้ายแตกหัก
ขณะเดียวกัน บีเลียลกำลังคลืนคลานไปหาเขา
"ม--ไม่นะ..."
สมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคนล้วนต้องการช่วยปิอาโร่ พวกเขาอยากลุกขึ้นและเอาตัวไปขวางไว้ แต่ก็ไม่มีใครเลยสักคนที่ลุกยืนไหว เกือบทั้งหมดล้วนแขนขาหักจากผลของอุกกาบาต
"อ๊า!"
จิสึกะพยายามยิงศรเพลิงให้ตกใส่เท้าปิอาโร่เพื่อฟื้นฟู เธอหวังให้ผลรักษาของเทพฟินิกซ์แดงช่วยยื้อชีวิตปิอาโร่ไว้
ทว่า จิสึกะกลับยิงพลาด
ด้วยความที่แขนหัก นิ้วหัก จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะง้างคันศรให้มั่นคง ธนูที่จิสึกะยิงออกไปล้วนมีทิศทางมั่วซั่ว
"จอมอสูร! ฉันคือบริวารของนายท่าน! ห้ามแตะต้องพวกพ้องคนสำคัญของนายท่านเด็ดขาด!"
ชิ้ง
ขณะบีเลียลเดินเข้ามาใกล้ ปิอาโร่ได้รีดเร้นมานาเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่ สีหน้าของเขาพลันเจ็บปวดราวกับสิ่งนี้แลกมาด้วยอายุขัย
"แค่ก!"
เขากระอักเลือดพร้อมกวัดแกว่งคราดเล็กที่ตนหวงแหน เป็นคราดที่กริดตั้งใจสร้างขึ้นอย่างปราณีตบรรจงเพื่อเขาเพียงผู้เดียว
แต่ตอนนี้ปิอาโร่กำลังอ่อนล้า และบีเลียลกำลังแข็งแกร่งสุดขีดจากการได้รับพลังคืนมา
"..."
บีเลียลสลายการโจมตีของปิอาโร่ได้ง่ายดายเพียงยิงเปลวเพลิงใส่คราดเล็ก
จากนั้นเธอก็ใช้ฝ่ามือคว้าศีรษะปิอาโร่ไว้
"เราผู้นี้อยากเห็นนายท่านที่เจ้าพูดถึงซะจริง... ผู้ปกครองของมนุษย์นั้นแสนอ่อนแอ น่าขันที่เจ้ากลับยังคิดถึงมันในวาระสุดท้ายของชีวิต อีกไม่นาน… ทุกคนที่นี่ต้องตายตามกันไป เรามีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นศีรษะมนุษย์ระเบิดออกประหนึ่งลาวาปะทุ"
ซู่ว!
ขณะบีเลียลกำลังปลดปล่อยพลังอสูรเพื่อเตรียมระเบิดศีรษะปิอาโร่
"จู๊ด ฆ่า"
แม้จู๊ดจะไร้ความคิด แต่ด้วยความไร้เดียงสาที่เริ่มสนใจในเพศตรงข้าม จู๊ดจึงมิอาจต้านทานพลังยั่วยวนจากบีเลียลและฝูงซัคคิวบัสได้ ตลอดการต่อสู้ที่ผ่านมาจึงถูกยั่วยวนจนมิอาจสร้างประโยชน์เป็นชิ้นเป็นอัน
ทว่าบัดนี้ บีเลียลปกปิดร่างกายมิดชิด และซัคคิวบัสทั้งหมดก็ถูกอุกกาบาตทำลาย จู๊ดหลุดพ้นจากพันธนาการในที่สุด
เคร้ง!
ดาอินสเลฟ (จำลอง) แทงใส่ใบหน้าบีเลียล
"โฮ่..."
ร่ายกายบีเลียลเริ่มสั่นระริก บัดนี้เธอกำลังอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม
แต่แล้วทำไม มนุษย์ที่ต่ำต้อยถึงโจมตีใส่เธอสำเร็จ โดยไม่ถูกพลังเวทมืดครอบงำและหันไปโจมตีพวกเดียวกัน
ยิ่งไปกว่านั้น เหตุใดหมอนี่ถึงรอดพ้นจากเวทมนตร์อุกกาบาตเมื่อครู่มาได้
ฉึบ...
บีเลียลใช้ฝ่ามือจับคมดาบดาอินสเลฟที่มิอาจทะลวงผ่านผิวหนังเปลือกแข็งบนใบหน้า
"เจ้าเองก็เป็นตำนานงั้นหรือ"
หมับ!
เพื่อไม่ให้ถูกบีเลียลแย่งดาบไป จู๊ดรีบใส่แรงทั้งหมดไปยังท่อนแขนของตนที่เปี่ยมไปด้วยบาดแผล
"ฉัน จู๊ด"
"ชื่อจู๊ดสินะ เจ้าเป็นตำนานงั้นรึ"
"ฉัน จู๊ด"
"..."
เธอเจอพวกเพี้ยนอีกแล้วหรือ
บีเลียลไม่คิดสนใจจู๊ดอีก เธอถ่ายพลังอสูรใส่ดาอินสเลฟจนมันระเบิดแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
บึ้มมม!
[ ดาอินสเลฟ (จำลอง) ถูกทำลายด้วยฝีมือจอมอสูร ]
"...!"
กล้าทำลายดาบที่เจ้านายตนมอบให้เชียวรึ!
จู๊ดกำลังโกรธจัด แต่โทสะของเขาล้วนไร้ค่าเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าบีเลียล
มือข้างหนึ่งของบีเลียลกำลังจับศีรษะปิอาโร่ ส่วนอีกข้างกำลังยื่นออกไปคว้าศีรษะจู๊ด
บีเลียลในร่างนี้แข็งแกร่งเกินไป
"จู๊ด!"
สอง NPC แสนสำคัญของโอเวอร์เกียร์กำลังจะอันตรธานหายไปต่อหน้าทุกคน
เป็นความจริงอันแสนโหดร้ายที่ยากทำใจยอมรับ
ทุกคนหวังให้ทั้งสองมีชีวิตรอดต่อไป แต่บีเลียลไม่คิดเช่นนั้น
"ตายซะ"
พรึ่บ!
เมื่อประกาศจบ บีเลียลก็ปลดปล่อยพลังเวทมหาศาลของเธอทันที
ทว่า...
ชิ้ง~
ทั้งปิอาโร่และจู๊ด NPC สองคนที่ถูกบีเลียลจับศีรษะไว้แน่น บัดนี้หายตัวไปอย่างไร้ร่อยรอย
"อะไรกัน!"
หายไปในพริบตาโดยปราศจากร่องรอยเวทมนตร์เคลื่อนย้ายมิติ!
บีเลียลพลันสับสนหนัก เธอรีบกวาดสายตามองไปโดยรอบ แต่ก็ไม่พบตัว
ทันใดนั้น บีเลียลรีบแหงนหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า
เธอได้เห็นปิอาโร่และจู๊ดถูกชายปริศนาผู้หนึ่งห้อยหิ้วด้วยมือทั้งสองข้าง
ชายคนนี้มีผมสีดำขลับและดวงตาคมกริบประหนึ่งพญาเหยี่ยว
"เป็นแค่มนุษย์ แต่บังอาจมองเราผู้นี้จากที่สูงเชียวรึ!"
ช่างน่าขันนัก
"คราวนี้เจ้าเป็นใครอีก!"
ชายผมดำ กริด ตอบกลับบีเลียล
"ลอร์ดของผู้คนด้านล่าง"
ซู่ววว
กริดเปิดโหมดร่างมืด
บีเลียลตกตะลึงทันทีเมื่อได้เห็นกริดในร่างนี้
"เจ้าคือ...! ชายไร้วิญญาณ!! ม--มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!"
"..."
ตราหน้าว่าเป็นชายไร้วิญญาณทั้งที่เพิ่งเคยพบกันครั้งแรกเนี่ยนะ
"ได้ยินคำด่าทอมาก็เยอะ แต่ครั้งนี้แปลกชะมัด"
กริดยื่นปิอาโร่และจู๊ดไปหารูบี้ จากนั่นก็พุ่งลงจากท้องฟ้าพร้อมกับรำดาบ
โครตค้างงง ขอบคุณผู้แปลครับ
ReplyDeleteได้เวลาโต้คืนแล้ว!!
ReplyDeleteกริ้ดดดดดด
ReplyDeleteจู๊ค เป็นตำนานคนโง่ ทำไมไม่เห็นมีสกิลโกงๆ เลย
ReplyDeleteมันโง่เกิน
Deleteเอาไรกับคนที่สติปัญญาแค่20แค่มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้ก็นับว่าปาฏิหารแล้ว
Deleteสกิลฉันไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ก็โกงนะครับเพราะมันอยู่นอกเหนือความเข้าใจอาจจะทำอะไรบ้าๆออกมาก็ได้ครับ5555
Deleteขอบคุณครับ
ReplyDeleteที่บีเลียลรู้จักเพราะร่างโคลนของกริดอยู่ในขุมนรกรึเปล่า?
ReplyDelete